นายเสริมเกียรติ กล่าวต่อว่า การสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ นี้ อัยการมีความเห็นว่า จากถ้อยคำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวปราศรัยในงานนายกฯพบแท็กซี่ และข้อความที่กล่าวในรายการนายกฯทักษิณคุยกับประชาชน ซึ่งจะไม่ขอพูดในรายละเอียด เพราะจะเป็นการหมิ่นเหม่ต่อพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งไม่สมควรนำมาตอกย้ำอีก ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นั้น ตนเห็นว่า เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ไม่สมควร ไม่เหมาะสม อาจหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อให้เกิดความแตกแยกและขัดแย้งขึ้นได้ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงมิบังควรใช้ถ้อยคำดังกล่าวปราศรัย อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังกล่าว ยังไม่ถึงกับเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ส่วนการที่มีบุคคลนำธงเฉลิมพระเกียรติ และนำแผ่นป้ายกระดาษคาดศีรษะที่มีข้อความว่า ;เรารักทักษิณ มาแจกให้ประชาชนกลุ่มคาราวานคนจนใช้โบกต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางกลับเข้า กทม.หลังจากได้มีการประกาศยุบสภาไปแล้วนั้น ก็ฟังไม่ได้ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ใช้ให้มีการกระทำดังกล่าว พยานหลักฐานจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ต้องหากระทำความผิด จึงสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค.2519 ข้อ 1 ทั้งสามสำนวนคดี คือ สำนวนคดีอาญา ส.2 เลขรับที่ 272/2549, 273/2549 และ 274/2549
ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน, พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ปฏิบัติงานช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในขณะนั้นองค์คณะทำงาน, พนักงานอัยการผู้ตรวจสำนวน, อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 และรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา โดยผู้พิจารณาสำนวนคดีทั้งหมดมีนี้ความเห็นไม่ฟ้องผู้ต้องหาตรงกัน
+++++++++++++++++
ไม่แปลกใจเลย เจอชื่อ โกเต็กเข้าไป ก็เรียบร้อย โรงเรียนเหลี่ยม
แต่ถ้าให้คตส.ดูแล นั้นรับรองไม่รอดแน่หน้าเหลี่ยม
และเตรียมจะปัดฝุ่นคดีนี้ด้วย โดยท่านเสรี
ติดตามตอนต่อไป