ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
23-11-2024, 22:17
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ร้อยรักษ์กวีวรรณ  |  แค้นของกวี 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
แค้นของกวี  (อ่าน 2849 ครั้ง)
เลิศภพจบพสุธา
Moderator
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« เมื่อ: 02-05-2006, 12:41 »

ผมคัดลอก ข้อเขียน ของ อ.เทาชมพู วิชาการ ดอทคอม มาให้อ่านเอาความครับ


***********

ใครที่ชอบอ่านวรรณคดีไทยคงเคยซาบซึ้งตรึงใจกับคำรำพันรักของกวีไม่มากก็น้อย เพราะขึ้นชื่อว่ากวีย่อมมีอารมณ์อ่อนไหว ถ้ารักก็รักหวานชวนเคลิบเคลิ้ม บรรยายความรักว่ายิ่งใหญ่ยั่งยืนกว่าดินฟ้ามหาสมุทร อย่างสุนทรภู่แต่งให้พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง



ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร     
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
ถึงอยู่ในใต้ฟ้าสุธาธาร     
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ     
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม่เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา     
เชยผกาโกสุมประทุมทอง 

เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่     
เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง 
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง       
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป 


       
             พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพรรณนาความรักใน วิวาหพระสมุทร ไว้จับใจไม่น้อยกว่าสุนทรภู่


ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์     
ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่ 
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ     
ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน 

อ้าดวงสุริย์ศรีของพี่เอ๋ย     
ขอเชิญเผยหน้าต่างนางอีกหน 
ขอเชิญจันทร์แจ่มกระจ่างกลางสกล     
เยี่ยมให้พี่ยลเยือกอุรา 





                แต่ก็อย่างว่าละ  ความรักน้อยครั้งจะยั่งยืนตลอดรอดฝั่ง รักกันแล้วก็ร้างกันได้ ถึงตอนนี้ น้ำผึ้งหวานก็กลายเป็นขม ทำใจให้กลายเป็นแค่เพื่อนอย่างยุคมิลเลนเนี่ยมไม่ได้ เมื่อถึงคราวอกหัก กวีจึงสร้างโวหารแค้นได้ลึกไม่น้อยกว่าอารมณ์รัก บทพรรณนาเหล่านี้ไม่ค่อยจะมีใครนึกถึงกัน แต่ความจริงก็เป็นวาทศิลป์ที่เพริศแพร้วไม่น้อยหน้าบทรัก และหลายบทยังมีลูกเล่นคำเปรียบเทียบที่คมคายกว่าโวหารรักเสียอีก

                กวีไทยเกือบทั้งหมดเป็นชาย จึงบรรยายอารมณ์แค้นของพระเอกออกมาได้แบบถอดหัวใจชาย เริ่มต้นด้วยตัดพ้อต่อว่าที่ไม่รักจริงเสียก่อน แล้วก็แบบผู้ชาย เมื่อหมดรักก็หมดการให้เกียรติผู้หญิง จึงมักจบลงด้วยการดูหมิ่น ฟอร์มที่เห็นกันมากคือเปรียบเปรยแบบนึกว่าเธอเป็นหงส์ที่แท้เป็นกาอะไรทำนองนั้น อย่างในเพลงยาวพระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์เมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่ทราบว่าท่านตัดพ้อใครเอาไว้




ไม่รักเนื้อเชื้อเช่นว่าเป็นหญิง     
ช่างทิ้งสัจเสียกระไรน่าใจหาย 
พี่นี้หลงเชื่อลมแต่งงมงาย     
ไม่หมายเลยว่าน้องจะทองแดง 

ตระกูลหงส์ย่อมประจงแต่โบกขเรศ     
ตามเพศพิไสยที่เคยแสวง 
มิรู้กาผ่าพงศ์มาลงแปลง     
เข้าปลอมแหล่งแฝงเล่นไม่เห็นรอย 




                    การตัดพ้อของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ก็ยังดูนิ่มๆ ไม่แปลกอะไรมาก แต่โวหารแค้นที่คมคายกว่านี้เห็นจะไม่มีที่ไหนเกิน ขุนช้างขุนแผน ตอนที่เป็นพระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒ เมื่อขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างไปเอาตัวนางวันทองกลับมาครอง สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าคงจะทรงชำนาญเรื่องหมากรุก จึงประยุกต์การแพ้หมากรุกเข้ากับอารมณ์แค้นของขุนแผนได้ไม่ซ้ำแบบกวีคนไหน ใครที่เป็นเซียนหมากรุกก็คงเข้าใจความรู้สึกเสียใจและเสียหน้าแค่ไหน ยามถูกรุกฆาตแพ้ตกกระดานไปในที่สุด



ชิจิตชะใจวันทองเอ๋ย     
กระไรเลยตัดได้ไปเป็นปลิด 
ขาดเม็ดเด็ดเรือไม่เผื่อคิด     
ม้าลาเล็ดลิดอยู่อลวน 

จากเบี้ยเสียสองเพราะต้องคาด     
ฟันฟาดเบี้ยหงายกระจายป่น 
ม้าก้าวยาวเรือก็เหลือทน     
เมื่อพี่จนแล้วจะไล่แต่รายโคน




ขอยกบทแค้นของกวีที่รสชาติแสบสันที่สุดมาส่งท้าย น่าเสียดายว่าเป็นบทที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้จักกันนัก เป็นพระนิพนธ์ในพระองค์เจ้าทินกร กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ เล่ากันว่าทรงพบรักกับสตรีชาววังคนสวยจนได้มาเป็นหม่อมสมพระทัย แต่ไม่ยักแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะเธอเป็นหม่อมอยู่ไม่นาน จะเป็นเพราะคับแค้นใจหรือเบื่อก็ไม่แน่ ก็พบรักใหม่กับกรมพระพิทักษ์เทเวศรซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเป็นพระเชษฐาองค์รองของกรมหลวงภูวเนตรฯนั่นเอง เธอจึงทูลลากรมหลวงภูวเนตรฯไปเป็นหม่อมของกรมพระพิทักษ์ฯ แต่ก็ไม่จบที่รายนี้อยู่ดี อยู่กันไม่นานเธอก็อำลาพระสวามีองค์ที่สองไปอยู่กับคนที่สามคือพระเชษฐาองค์ใหญ่ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ แต่ก็อยู่กันไม่ยืดอีกจนได้

                     ความแค้นของกรมหลวงภูวเนตรจึงหลายซับหลายซ้อน แค้นผู้หญิงด้วยแค้นผู้ชายด้วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะชายที่ว่าเป็นพระเชษฐา จึงทรงระบายอารมณ์แค้นออกมาหมดเปลือกในเพลงยาว เทียบองค์เองเป็นอ้อยท่อนปลายที่หม่อมเคี้ยวชิมก่อน แล้วหาเรื่องว่าหมดหวานก็เลยไปกินต่อที่กลางท่อน แล้วยังไม่สาแก่ใจไปกินต่อถึงโคนอ้อย ส่วนผู้หญิงก็กลายเป็นหญิงตัณหาจัดไปตามฟอร์ม ไม่เหลือแล้วความรักที่เคยมีต่อกัน



อ้อยลำเดียวเคี้ยวคายปล้องปลายก่อน     
ถึงกลางท่อนโทษปลายว่าวายหวาน 
ข้างโคนปล้องลองจับเข้ารับทาน     
จ ะลงอมชมชานว่าหวานจริง 

ไม่เคยเห็นเช่นนี้ผู้ดีดะ     
ช่างจัดจะใจจิตผิดผู้หญิง 
ฤาสองพักตร์เพียงพระยาพาลีลิง     
จึงโจนต่ายร่ายกิ่งไม่นิ่งนาน 

เราป่วยปลาตขาดงานไม่นานนัก     
มาด่วนยักย้ายแย้แปรสถาน 
ฤาเต็มกลั้นอั้นอดเมื่องดงาน     
ให้เงี่ยนง่านทะยานอยากจนรากเรอ 



           
   อ่านมาถึงตอนนี้ ใครที่นิยมสิทธิสตรีคงจะตั้งคำถามขึ้นในใจว่า ปล่อยให้ผู้ชายว่าเอาๆอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้นหรือ แล้วผู้หญิงตอบกันอย่างไรบ้าง ก็จะขอยกคำตอบมาเป็นตัวอย่างว่าผู้หญิงยามแค้นก็ย้อนได้ไม่เบาเหมือนกัน นางศกุนตลาเคยย้อนท้าวทุษยันต์เอาไว้ในทำนองประชดประชัน เหน็บแนมได้ไม่เบาเหมือนกันว่า


.........พระทรงภพ     
ผู้ปิ่นโปรพฤาสาย 
พระองค์เองไม่มียางอาย     
พูดง่ายๆย้อนยอกกลอกคำ

มาหลอกลวงชมเล่นเสียเปล่าเปล่า     
ทิ้งข้าคอยสร้อยเศร้าทุกเช้าค่ำ 
เด็ดดอกไม้มาดมชมจนช้ำ     
พระก็ไม่จดจำนำพา 

เหมือนผู้ร้ายย่องเบาเข้าลักทรัพย์     
กลัวเขาจับวิ่งปร๋อไม่รอหน้า 
จงทรงพระเจริญเถิดราชา     
 ตัวข้าขอลาแต่บัดดน 



                 ศกุนตลาเป็นลูกสาวพระฤาษีเกิดจากนางฟ้า ถือว่ากำเนิดเป็นสตรีสูงศักดิ์ก็เลยตัดพ้อสุภาพไม่ผาดโผนนัก ถ้าจะดูบทตอบโต้ชนิดแสบก็ต้องอย่างนางวันทองที่แค้นขุนแผน จนถึงกับประกาศตัดเยื่อใยกันไม่ให้เหลือร่องรอยของอีกฝ่าย ขนาดล้างบ้านให้หมดร่องรอยสามีที่เคยอยู่ในบ้าน แม้แต่เว็จหรือส้วมหลุมนอกบ้าน ก็จะขุดขึ้นมากลบฟื้นดินเสียใหม่ให้หมดร่องรอยคนเคยใช้ เรียกว่ากำจัดกันแบบล้าง*****เลยทีเดียว


ว่าพลางโจนขึ้นบนสะพาน     
จะตักน้ำล้างบ้านเอาตีนสี 
สิ่งไรมิให้เป็นราคี     
น้ำท่ามีอยู่จะถูเช็ด 

ทั้งน้ำมันกระจกกระแจะแป้ง     
จะทิ้งไว้ให้แห้งเป็นสะเก็ด 
ให้สิ้นวายหายชาติของคนเท็จ     
จะขุดเว็จฟื้นดินให้สิ้นรอย 

ขาดเด็ดเสร็จกันในวันนี้     
ไม่มีอาลัยเท่าปลายก้อย 
ถึงพระอินทร์ลงมาว่าก็อย่าคอย     
ที่วันทองนั้นจะถอยมาคืนดี
บันทึกการเข้า
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #1 เมื่อ: 02-05-2006, 23:03 »

ชอบบทนี้ค่ะ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)

ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์     
ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่ 
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ     
ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน 

อ้าดวงสุริย์ศรีของพี่เอ๋ย     
ขอเชิญเผยหน้าต่างนางอีกหน 
ขอเชิญจันทร์แจ่มกระจ่างกลางสกล     
เยี่ยมให้พี่ยลเยือกอุรา 

ผู้หญิงสมัยก่อนโอกาสทางการศึกษามีน้อยกว่าผู้ชาย ก็เลยปรากฏแต่กวีผู้ชาย ทั้ง ๆที่จริงความรู้สึกก็คงไม่แตกต่างกันเลย
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
เสลา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514



« ตอบ #2 เมื่อ: 07-05-2006, 23:07 »


สวัสดีค่ะคุณเลิศภพและคุณอธิษฐาน

กวีที่เป็นหญิงสมัยก่อนหายากจริงๆนะ
ป้าเสลาพยายามจะหาบทกวีที่ฝ่ายหญิงตัดพ้อฝ่ายชายบ้าง
ก็ยังหาไม่ได้เลย สงสัยต้องแต่งขึ้นเองเสียแล้วกระมัง..... Cool
บันทึกการเข้า

ทิมมี่
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 709


« ตอบ #3 เมื่อ: 12-05-2006, 07:20 »

ขอบคุณที่นำมาฝากครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: