ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 17:50
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เมื่อครูประทีปกล่าวหาว่าสุวิทย์ตายเพราะเครียด!!!! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เมื่อครูประทีปกล่าวหาว่าสุวิทย์ตายเพราะเครียด!!!!  (อ่าน 3669 ครั้ง)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« เมื่อ: 05-04-2007, 20:43 »


 
โดย ดอน ดินแดง 5 เมษายน 2550 19:23 น.  
 
  .
        เห็นข่าวเมื่อวานนี้ ในหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ มีการแถลงข่าวของกลุ่มต้านรัฐประหาร 12 กลุ่ม นำโดย น.พ.เหวง โตจิราการ, น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์, นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ในนามกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย, นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ, นายสุวิทย์ เลิศไกรเมธี ตัวแทนเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร, นายชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ ตัวแทนกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์, นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน ตัวแทนกลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย, นายสมยศ พรมภา สมาพันธ์แนวร่วมประชาธิปไตยอิสาน
       
        นอกจากนั้น มีตัวแทนกลุ่มกรรมกรปฏิรูป, กลุ่มคนจนรักประชาธิปไตย, มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย, สมาพันธ์คนรักประเทศไทย, สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอตัดเย็บเสื้อผ้า ร่วมด้วย
       
        น.พ.เหวงกล่าวว่า       

        วันนี้ทั้ง 12 กลุ่มตั้งใจจะแถลงตอบโต้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งกำลังเปลี่ยนชื่อให้เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อรัฐประหาร เพราะมีเจตนาที่จะให้เกิดการรัฐประหารอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มตั้งขึ้น มีการฝักใฝ่รัฐประหาร และเห็นว่าเป็นหนทางเดียวในการแก้ปัญหา นอกจากนั้นยังอาจจะกำลังสุมหัวกัน สร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารซ้ำหรือซ้อนขึ้นอีก
       
        “กลุ่มพันธมิตรฯ ใส่ร้ายกลุ่มต้านรัฐประหาร ว่าเป็นบริวารสมุนของทักษิณ รับท่อน้ำเลี้ยง เป็นการใส่ร้ายที่เลวทรามต่ำช้าที่สุด เพราะพวกเราต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่วินาทีแรก จะไปรับน้ำเลี้ยงได้อย่างไร นอกจากพันธมิตรฯ แล้วก็มีการกล่าวหาจาก คมช.ซึ่งเป็นหัวโจกใหญ่ ผมขอท้า คมช.หาหลักฐานให้ได้ว่าพวกเรารับเงินทักษิณ ถ้าหาได้ให้ฟ้องหรือจับติดคุกได้เลยครับ แต่ถ้าหาหลักฐานไม่ได้ขอจับ คมช.ติดคุกได้ไหมครับ อย่ามากล่าวหากันข้างเดียว” น.พ.เหวงกล่าว
     
        ด้านนางประทีปกล่าวว่า     
 
        “ไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้ประสาทสัมผัสยังปกติอยู่ หรือใกล้บ้าเข้าไปทุกที มีบางคนก็ตายไปแล้วเพราะเครียด” (สุวิทย์ วัดหนู)   
   
        “ดอน ดินแดง” รู้สึกเศร้าใจ ด้านหนึ่งสมเพชเวทนาที่เห็นคนหน้าเดิมออกมาแถลงข่าว พูดจาเป็นต่อยหอย ดูเหมือนจะพยายามทำตนเป็นผู้คุ้มกฎกติกาประชาธิปไตย
       
        แต่หารู้ไหมว่า สิ่งที่สำรอกออกมานั้นเสียสะอิดสะเอียน ทุกวรรค ทุกตอน ทุกคำพูด เป็นแค่เศษปฏิกูลที่เน่าเหม็น
       
        “ดอน ดินแดง” เป็นนักกิจกรรมน้องใหม่ ที่เยาว์วัยก็จริง แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา เรื่องราวของบรรดาบุคคลสาธารณะ ทั้งหลาย “ดอน ดินแดง” พยามติดตามมาอย่างต่อเนื่อง
       
        หลายเรื่องหลายประเด็น “ดอน ดินแดง” บอกตรงๆ ว่าบางครั้ง หงุดหงิด งุนงง และบ่นกับตัวเองว่า “เฮ้ย มันเป็นไปได้อย่างไร ว่ะ”
       
        เอาสมองส่วนไหนคิด?
       
        มันจะมากไปแล้ว บรรดานักสู้จอมปลอมทั้งหลาย
       
        ใครก็รู้อยู่เต็มอก สุวิทย์ วัดหนู เป็นคนของประชาชน เป็นนักรบสามัญชนที่เป็นแบบอย่างของการยืนหยัด ในการต่อสู้ทุกรูปการ
       
        ในใจคิดอะไรอยู่ อยากสร้างผลงานให้นายใหญ่ เห็นจนตัวสั่น ยอมทำลายกัลยาณมิตร ใส่ร้ายป้ายสี อย่างหน้าอับอาย
       
        “ดอน ดินแดง” อยากถามว่า คนอย่างสุวิทย์ วัดหนู มีสักครั้งไหม? ที่ออกปากเอ่ยเอื้อนขอเงินขอทองแลกกับการเคลื่อนไหว       

        ตอบมาได้ไหม? ครูประทีป “ดอน ดินแดง” จะรอฟังคำตอบ
       
        สำหรับสาเหตุการตาย สรุปออกมาได้อย่างไร ตายเพราะเครียด ปัญญามีเพียงนี้หรือ
       
        “ดอน ดินแดง” ขอแนะนำ ให้ครูประทีป หันไปถาม สุวรรณี วัดหนู ภรรยาคู่ชีวิตของสุวิทย์ ซึ่งทำงานอยู่ที่มูลนิธิดวงประทีป คนใกล้ตัว ดูซิ
       
        เธอจะรู้สึกอย่างไร
       
        ครูประทีปกำลังทำลายคนที่ไม่มีโอกาส แม้แต่จะชี้แจง วิธีการเยี่ยงนี้สามานย์ยิ่งนัก
   
         
“ดอน ดินแดง” รู้สึกสงสาร “วรรณ” เธอเพิ่งสูญเสียสามีไป ยังไม่ถึง 100 วัน สามีเธอก็กลายเป็นเหยื่อ เป็นเครื่องมือของนักฉวยโอกาสที่ไร้เดียงสา
       
        ลุงนวมทอง ถูกครูประทีป และพรรคพวกสร้างเรื่องก่อประเด็นหากินกับศพ มายังไม่พออีกหรือ
       
        สมองครู หากยังไม่เสื่อม ทำไม ไม่รู้จักสรุปบทเรียน
       
        สุวิทย์ ไม่ใช่ใครอื่น เขาเคารพ และปกป้องครูประทีปมาโดยตลอด
       
        หรือว่าความสำนึก ผิดถูก ชั่วดี มันไม่มีอีกแล้ว
       
        “ดอน ดินแดง” นับแต่นี้ไป จะทำหน้าที่ ปกป้องคนดี เปิดโปงคนชั่ว ในทุกๆ ภาคส่วน
       
        ใครจะคิดอย่างไร ขอถอดนวมชกกับความเท็จ ความชั่ว ความสามานย์ เอาเรื่องในที่ลับ ที่อุบาทว์อัปรีย์มาตีแผ่อย่างหมดเปลือก
       
        เพื่อให้รู้จักที่มาที่ไป ว่าทำไม ครูประทีปถึงมีความคิดเยี่ยงนี้ เรามารู้จักองค์กรที่เธอสังกัด เราก็จะถึงบางอ้อ..........
       
        สมาพันธ์ประชาธิปไตย
       
        ชื่อนี้เคยเป็นองค์กรสู้รบ ที่ประวัติศาสตร์ต้องบันทึก วันวานเมื่อปี 2535 ท่ามกลางวิกฤตในการต่อสู้กับ รสช. เพื่อให้การนำเป็นเอกภาพ และเป็นหลักประกันในการต่อสู้กับเผด็จการทหาร การเกิดขึ้นจึงมีเป้าหมายเป็นองค์กรเฉพาะกิจ ที่ทำหน้าที่ประสานงาน และกำหนดจังหวะก้าวในการเคลื่อนในสถานการณ์เฉพาะ
       
        แต่พอขับไล่ คณะ รสช.สำเร็จ สมาพันธ์กลับไม่ยุติบทบาทกลายเป็นองค์กรสมบัติส่วนตัวของหมอเหวง อย่างเต็มตัว เพราะหมอเหวงเป็นทั้งประธานและเลขาธิการ วนกลับไปกลับมา
       
        ไม่มีมวลชน ไม่มีงานพื้นฐาน มีแต่การเสนอหน้า ออกแถลงการณ์ตีกิน ห้อยโหนสถานการณ์ ไปวันๆ
       
        จนสื่อมวลชน และประชาชนเอือมระอา....
       
        จะด้วยเหตุกลใด อยากดัง หรือผลประโยชน์ ไม่อาจคาดเดา
       
        “ดอน ดินแดง” ขอถามเพียงคำถามเดียว ตั้งมากว่าสิบปี ประชุมกี่ครั้ง เงินบริจาค จัดการอย่างไร
       
        ตอบหน่อยได้ไหม?
       
        ถามกลางข้อกังขา พยามจะลากจูงคนดีๆหลายคนมาผูกติด ปะต่อ ทำภาพให้ดูน่าเชื่อถือ
       
        แต่ทุกคนก็ขยาดหนีหมด เพราะบทบาทหมอเหวงที่พยายามทำตัวเด่น และกำหนดทิศทางแต่เพียงผู้เดียว
       
        หลายครั้งเคยแสดงความกำหนัด ในการเข้าสู่อำนาจของตนเอง เคยออกไปลงเลือกตั้ง ส.ว.ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง
       
        ยามเมื่อพ่ายแพ้ก็ซมซานกลับเข้ามาเป็นประธานสมาพันธ์ฯ อีก ทำให้หลายคนเริ่มถอยออกมา
       
        ไม่ว่าจะเป็นนายวีระ สมความคิด ที่ถูกเชิญไปเป็นเลขาธิการสมาพันธ์ฯ ในปัจจุบันแทบจะไม่เห็นบทบาท นายดนัย อนันติโย รองประธานสภาทนายความฯ ที่ถูกเชิญไปเป็นรองประธานสมาพันธ์ ก็ไม่เห็นบทบาท หรือแม้แต่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองประธานสมาพันธ์ ก็ประกาศลาออกไปนานแล้ว ก็ไม่เคยได้รับรู้หรือเรียกประชุมจากหมอเหวง ยังมีคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ตกอยู่ในความรู้สึกเดียวกันไม่ว่าจะเป็นนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายบำรุง คะโยธา พ.ญ.กมลพันธ์ ชีวพันธุ์ศรี หรือแม้แต่สตรีเหล็กจากเมืองคอน อารมณ์ มีชัย ก็ถอยห่างกันหมด
       
        ถึงวันนี้ จึงมีให้เห็นก็แต่หมอเหวง หมอสันต์ และครูประทีบ กลายเป็นเจ้าของสมาพันธ์ฯ ซึ่งเคลื่อนไหวทีไรก็จะเห็นกันแค่ 3 คน
       
        ก่อนหน้านี้พอจะระดมได้อยู่บ้าง ด้วยการอาศัยมวลชนสายนายสมศักดิ์ และอาจารย์สมเกียรติ เมื่อทั้งลาจากไม่เอาด้วย 2 หมอ กับ 1 ครู
       
        ทั้งสามก็ตกอยู่ในฐานะไปแย่งบทบาท ของโจ๊กทางการเมือง วรัญชัย โชคชนะเสียแล้ว
       
        “ดอน ดินแดง” มิแปลกใจเลยที่วันนี้วรัญชัย หายหน้าหายตาไปจากหน้าสื่ออย่างไม่เห็นฝุ่น เพราะหมอเหวงแย่งการนำเล่นบทยื่นสอบ ยกป้าย ถือโทรโข่งแทนไม่เว้นแต่ละวัน
       
        “ดอน ดินแดง” ได้ยินมาว่า ที่หมอเหวงเจ็บปวดที่สุดกับร่าง รธน.ฉบับนี้ คงไม่ใช่ประเด็นเผด็จการอะไรหรอก แต่เป็นเพราะ ส.ส.ร.ดันไปกำหนดให้ ส.ว.มาจากการสรรหา ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเหมือนฉบับ 2540 นั่นเอง ถ้าอย่างนี้ก็ปิดประตูอนาคตทางการเมืองหมอเหวงทันที
       
        หรือถ้า “ดอน ดินแดง” เข้าใจผิดหมอเหวงกล้าประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุมไหมว่าชาตินี้ผมจะไม่ลงเลือกตั้งอีก เอามั้ยหมอเหวง
       
        “ดอน ดินแดง” ขอท้า
       
        มีเรื่องจริงอยากเล่า ในการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งแรกเมื่อปี 2543 หมอเหวง แพ้เลือกตั้งไม่เห็นฝุ่น
       
        แต่พอเลือกตั้งซ่อมผลออกมาเกือบได้เพราะมวลชน ทรท.บางส่วนเทคะแนนให้ผ่านสายสัมพันธ์ระหว่างภรรยาหมอเหวงที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับสุธรรม แสงประทุม แกนนำ ทรท.
       
        แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อ ชัช เตาปูน ราว 2 พันคะแนน
       
        ทำให้หมอเหวงถึงขั้นเกรี้ยวกราด โวยวาย ตีโพยตีพาย ด่ากราด รสนา โตสิตระกูล ว่ามาตัดคะแนนตัวเอง จนคนในวงการเคลื่อนไหวเอือมระอา รู้เช่นเห็นชาติ
       
        หลังจากนั้นหมอเหวง ก็ออกอาการขุ่นเคืองรสนา ไปทั่ว เพราะอุตส่าห์ ไปไหว้วานให้ อาจารย์ ส. ศิวรักษ์ บอกให้รสนา ถอนตัว แต่เจ้าตัวไม่ยอมถอน
       
        และที่เจ็บช้ำที่สุดมวลชนสลัม 4 ภาคที่สุวิทย์ วัดหนู เป็นแกนนำก็เทคะแนนให้รสนา ถึงแม้ครูประทีบจะมาล็อบบี้สุวิทย์ ให้เทคะแนนช่วย แต่สุวิทย์ ซึ่งรู้ถึงพฤติกรรมของหมอเหวงดี จึงตัดสินใจเลือกที่จะช่วย นักต่อสู้ของประชาชนตัวจริง
       
        นี่เป็นเหตุให้หมอเหวงไม่พอใจสุวิทย์ แม้แต่งานศพสุวิทย์ก็ไม่เห็นเงาร่างสมาพันธ์ฯ กระทั่งพวงหรีดก็ไม่ปรากฏ
       
        เพราะทำให้อั๊วะไม่ได้เป็น ส.ว.นี่หว่า (ฮา)
       
        “ดอน ดินแดง” ยังมีข้อมูลเด็ด พฤติกรรมหมอเหวงในช่วงสู้รบกับ รสช.ไปแอบล็อบบี้อาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัน ให้ค้ำประกันแบงก์ โดยจะกู้เงินไปลงทุนทำธุรกิจ แต่อาจารย์โต้งไม่เล่นด้วยและเห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมในสถานการณ์สู้รบเช่นนี้       
        ว่ากันว่าหน้าแตกหมอสันต์ ไม่รับเย็บ
       
        นอกจากนี้กำเนิดของสมาพันธ์ต้านรัฐประหาร ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ปัจจุบันนี้ หมอเหวงถือวิสาสะอาสาเป็นแกนนำหลัก แต่ไม่รู้ว่าได้รับฉันทานุมัติจากองค์กรอื่นหรือไม่นั้น
       
        ก็ประชุมจัดตั้งองค์กรที่ รร.เอสซีปาร์ค ย่านทาวน์อินทาวน์ ของคุณหญิงอ้อ งานนี้ฟรีทั้งค่าห้องและค่ากาแฟ จึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายใดๆ เลย ที่หมอเหวงจะไม่พูดถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ทั้งๆ ที่ช่วงขึ้นเวทีพันธมิตรฯ โจมตีเปิดโปงระบอบทักษิณอย่างเมามัน แต่สถานการณ์ตอนนี้ปิดตาข้างเดียว อัดพันธมิตรฯ และ คมช. แต่ไม่ยอมพูดถึงระบอบทักษิณ แต่กลับอวดอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย

       
        สมเพชเวทนาไปมากกว่านั้น ก็เพราะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากล่อระบอบทักษิณ ต้องจ่ายค่ากาแฟและห้องประชุม ซ้ำร้ายมวลชนของอำนาจเก่าอาจจะไม่มาเป็นหน้าม้านั่งชุมนุมให้นั่นเอง
       
        เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านถึงขั้นเกือบนองเลือดกันมาแล้ว เมื่อแกนนำเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร (ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์) ปราศรัยพาดพิงระบอบทักษิณเท่านั้นหละ โดนมวลชกว่า 50 คนที่นั่งอยู่หน้าเวทีลุกขึ้นมาชี้หน้าจะเอาเรื่องพร้อมขู่ว่าห้ามพาดพิงทักษิณเด็ดขาด
       
        เรื่องราวของนักประชาธิปไตยกำมะลอ นักสู้ฉวยโอกาส ก็เป็นฉะนี้เอง จุ๊ๆ ขอบอก ลำไส้ยังมีอีกหลายขดจะทยอยมาเล่าขานให้ฟัง ในยามที่โอกาสเอื้ออำนวย




 
 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000039738


อ่านแล้วก็ได้เวทนา แก๊งต้นกล้วย .....จริง ๆ .............นึกถึงตอนไปอ้อนวอนภรรยาลุงนวมทอง จะขอเอาศพ มาแห่เรียกน้ำเลี้ยง ยกย่องลุงนวมทอง เป็นฮีโร่........นับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่รู้แก๊งต้นกล้วยเคยไปกราบศพลุงนวมทองซักครั้งหรือไม่.............
 
 
 
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #1 เมื่อ: 05-04-2007, 20:56 »


เกลียดจริงๆ เลยค่ะ 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #2 เมื่อ: 05-04-2007, 20:58 »

อ้างถึง
เห็นข่าวเมื่อวานนี้ ในหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ มีการแถลงข่าวของกลุ่มต้านรัฐประหาร 12 กลุ่ม นำโดย น.พ.เหวง โตจิราการ, น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์, นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ในนามกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย, นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ, นายสุวิทย์ เลิศไกรเมธี ตัวแทนเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร, นายชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ ตัวแทนกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์, นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน ตัวแทนกลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย, นายสมยศ พรมภา สมาพันธ์แนวร่วมประชาธิปไตยอิสาน

อืมม์ ดูรายชื่อแล้ว ต้องร้อง โอวววว ช่างผสมพันธุ์กันได้งดงาม ลงตัวดีแท้

เอา คนพวกนี้ บวกเทือกเถาเหล่ากอ ญาติพี่น้อง รวมไปอีกก็ได้

รวมกันแล้ว ยังไม่ได้ครึ่ง ของคุณงามความดี ที่พี่สุวิทย์มีเลย
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 05-04-2007, 21:14 »

..นักเคลื่อนไหวกำมะลอ!
เหลือบที่น่ารังเกียจอีกสายพันธุ์ของวงการการเมือง

ปล. คุณ Ridkun น่าจะหาหัวโตที่แสดงอารมณ์
"ยี้-ขยะแขยง" กับ "อยากอาเจียร" มาไว้ใช้ด้วยเนอะ

บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
เหยี่ยวพิฆาต
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 234



« ตอบ #4 เมื่อ: 05-04-2007, 22:06 »

สามีนางประทีปไปไหน ใครรู้บ้าง ญี่ปุ่นมาแต่งงานเพื่อกว้านซื้อที่ดินแถบเพชรบุรี เมื่อสมัยน้าชาติ
ไปดูซิว่าบุกรุกป่าบ้างหรือไม่ ประทีป...ฮาตลอด
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 05-04-2007, 22:17 »

ไอ้พวกนี้มันก็แค่เรียกร้องปชต.จอมปลอมเท่านั้นแหละครับ

สมัยที่ทักษิณทำยำยำกับชาติบ้านเมืองเอาไว้ พวกมันหายไปไหน ไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรเลย

ตอนนี้คมช.กับรัฐบาลยึดอำนาจเข้ามาจัดการกับอำนาจเก่า เข้ามาล้างไพ่ใหม่โดยใช้เวลาแค่1ปี พวกนี้ทำจะเป็นจะตาย ออกมาประท้วงตลอดเวลา

ประเทศชาติจะแย่ก็เพราะพวกที่ไม่ยอมอยู่อย่างสงบนี่แหละ ทำไมไม่เคยด่าตัวเองและพรรคพวกบ้าง

พวกโจรภาคใต้ พวกเผาโรงเรียน วางระเบิด ทำไมไม่ด่ามันเข้าไป ถ้าไม่มีคมช.ทักษิณก็ยังคงอยู่ในอำนาจ เหตุการณ์บ้านเมืองอาจแย่กว่านี้มากก็ได้

การเลือกตั้งก็ได้กำหนดวันเรียบร้อยแล้ว มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น ยังมีหน้าออกมาเคลื่อนไหวอีก ขอเถอะกลับไปนอนกินนมที่บ้านซะ ชาติไทยต้องการความสงบ
อยากจะบอกว่าไอ้เหวงสอบทนายความไม่ผ่านมาหลายรุ่นแล้ว  เป็นหมอแต่โง่ก็แบบนี้แหละ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #6 เมื่อ: 05-04-2007, 23:03 »


คุณสุวิทย์ประสานความร่วมมือช่วยมูลนิธิดวงประทีปมาตลอด

ครูประทีปมีเบื้องลึกเบื้องเละ แต่คุณสุวิทย์สุภาพบุรุษพอที่จะไม่เผยในที่แจ้ง

ครูประทีปมักหากินกับคนตาย ยกตัวอย่างลุงนวมทอง ที่พยายามนำศพคุณลุงมาไว้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

มาถึงคุณสุวิทย์ การกล่าวหาว่าเสียชีวิตเพราะเครียด ประหนึ่งการสำรากเพื่อเอาดีใส่ตัว

ถ้าวันหนึ่งมีคนกล่าวหาว่าครูประทีปมีอันเป็นไปเพราะเครียด ที่ต้องเคลื่อนไหวให้เหลี่ยมเข้ามาสุดขีด

ให้คุ้มกับอะไร อะไร ที่ได้มา ครูจะว่าอย่างไร?

จริงๆ แล้วคุณประทีปไม่ใช่ครู แต่มีคนเรียกว่า "ครู" นำหน้าชื่อ ก็น่าจะทำตัวให้เหมาะกับความเป็น "ครู" บ้าง

แล้วอย่างนี้ จะมองหน้าภรรยาคุณสุวิทย์ ที่ทำงานที่มูลนิธิได้อย่างไร

ขอไว้อาลัยแก่คุณประทีป...แม้ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #7 เมื่อ: 05-04-2007, 23:38 »

ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ 
เป็นบุคคลที่ใช้ประโยชน์จากคนจน - ชาวสลัมเืพื่อความเจริญของตนเอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
จนอาจจะพูดได้ว่าคนจน - ชาวสลัม จะไม่มีทางหมดไปจากประเทศไทยเลย
ตราบใดที่ยังมีเธอหรือคนประเภทเดียวกันกับเธออยู่
เนื่องจากหากหมดสิ้นคนจน - ชาวสลัมไปแล้ว
เธอและคนประเภทเดียวกันกับเธอ ก็จะไม่มีอะไรให้ยึดเกาะเพื่อสำแดงสถานะและตัวตน

เธอเป็นนางฟ้าของชาวคลองเตย  ที่ไม่เคยทำให้คลองเตยกลายเป็นสถานที่อย่างอื่น  นอกจากที่ตั้งของสลัม - ที่อยู่ของคนจน
...ตั้งแต่วันที่เธอได้รับรางวัลแมกไซไซเป็นต้นมา  คลองเตยของเธอก็ไม่เคยเล็กลง 
...ผู้คนในนั้นไม่เคยลดจำนวนลง
แถมนับวัน ๆ ก็ยิ่งขยายตัวเป็นชุมชนที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น  ถึงขนาดแตกออกเป็นสาขาย่อย ๆ  และส่งออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ   ไม่ว่าจะเป็นแถบซอยสวนพลู  บ่อนไก่  หรือโรงงานยาสูบ ฯลฯ

จึงนับได้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยทำให้สังคมคนจนและชาวสลัมมีการขยับขยายพัฒนาตัวไปยังส่วนอื่น ๆ ในสังคมเมืองหลวง อย่างสำคัญ

นอกจากในด้าน "ปริมาณ - ขนาด" ที่เพิ่มขึ้นและใหญ่โตขึ้น
"อำนาจต่อรอง" ของคนจนและชาวสลัม ในสังคมเมืองก็สูงขึ้นด้วย
จนสามารถพิสูจน์ได้จากการรวมกลุ่มของแก๊งจักรยานยนต์ ภายใต้การนำของ "คนคลองเตย" นายหนึ่ง
หรือแม้แต่การเป็น "ฐานเสียงสำคัญ" ให้นักการเมืองนายหนึ่ง  รวมทั้งตัวเธอเองที่ก้าวเข้าสู่วุฒิสภา ( แต่แทบไม่ปรากฎว่ามี บทบาทหรือผลงานใด ๆ ทางนิติบัญญัติ )


เป็นบุคคลที่น่าเก็บไว้เป็นกรณีศึกษา
ส่วนจะบันทึกไว้ในบทวิจัยแบบไหน
ห่อปกด้วยกระดาษสีดำหรือสีขาว
อันนั้น...คนรุ่นลูกหลาน จะเป็นผู้ให้คำตอบ เอง

บันทึกการเข้า

nick
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #8 เมื่อ: 06-04-2007, 00:38 »

เลวชาติจริงๆยัยทีป
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 06-04-2007, 01:12 »

น.พ.เหวงกล่าวว่า       

        วันนี้ทั้ง 12 กลุ่มตั้งใจจะแถลงตอบโต้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งกำลังเปลี่ยนชื่อให้เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อรัฐประหาร เพราะมีเจตนาที่จะให้เกิดการรัฐประหารอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มตั้งขึ้น มีการฝักใฝ่รัฐประหาร และเห็นว่าเป็นหนทางเดียวในการแก้ปัญหา นอกจากนั้นยังอาจจะกำลังสุมหัวกัน สร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารซ้ำหรือซ้อนขึ้นอีก
       
        “ กลุ่มพันธมิตรฯ ใส่ร้ายกลุ่มต้านรัฐประหาร ว่าเป็นบริวารสมุนของทักษิณ รับท่อน้ำเลี้ยง เป็นการใส่ร้ายที่เลวทรามต่ำช้าที่สุด เพราะพวกเราต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่วินาทีแรก จะไปรับน้ำเลี้ยงได้อย่างไร นอกจากพันธมิตรฯ แล้วก็มีการกล่าวหาจาก คมช.ซึ่งเป็นหัวโจกใหญ่ ผมขอท้า คมช.หาหลักฐานให้ได้ว่าพวกเรารับเงินทักษิณ ถ้าหาได้ให้ฟ้องหรือจับติดคุกได้เลยครับ แต่ถ้าหาหลักฐานไม่ได้ขอจับ คมช.ติดคุกได้ไหมครับ อย่ามากล่าวหากันข้างเดียว” น.พ.เหวงกล่าว
     



ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของ'หมอเหวง'มาก่อน(เท่าที่จำได้)
แต่วันนี้ ต้อง'สั่นหัว' เมื่อได้อ่านข้อความที่ขีดเส้นใต้...........


ผมไม่รู้ว่า'พวกเรา'ที่ว่านั้น จะได้รับ'น้ำเลี้ยง' จริงหรือไม่.... Question
แต่การอ้างว่าเพราะพวกเราต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่วินาทีแรก   จะไปรับน้ำเลี้ยงได้อย่างไรนั้น
ไม่สามารถรับรองหรือหักล้างได้ เพราะอาจจะมีคำถามว่า "นาฑี"ต่อมาหล่ะ....... Question 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #10 เมื่อ: 06-04-2007, 07:43 »

แก๊งต้นกล้วย คงยังเข้าใจผิดอยู่ว่าสื่อมวลชน ถูกปิดหูปิดตา เหมือนเมื่อสมัยทักษิณ เรืองอำนาจ......หมอเหวง หมอสัณฑ์ อาศัย เครดิตตอนขับไล่ รสช. ออกมาหากิน.......ครูประทีป ยังคงคิดว่า ชาวบ้านจะไม่มีวันได้รับรู้เบื้องหลังอันโสมม ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้า ของชาวสลัมอยู่ ....ต่อไป ความเลว จะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะชนเรื่อย ชาวสลัม ขณะนี้เริ่มรู้แล้วครับ ว่าแท้ที่จริง ครูประทีป ก็แค่ปีศาจ ที่เกาะกิน ชาวสลัม
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #11 เมื่อ: 06-04-2007, 11:28 »

สามีนางประทีปไปไหน ใครรู้บ้าง ............


มาช่วยตอบคำถามนี้ค่ะ

เค้าเป็นผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศสมาคมอาสาสมัครสันติ Santi Volunteer Association: SVA (ของสถานฑูตญี่ปุ่นมั้ง?)

แล้วก็เป็นกรรมการบริหาร มูลนิธิสิกขาเอเซีย ค่ะ



บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
katindork
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369


« ตอบ #12 เมื่อ: 06-04-2007, 11:41 »

เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ  ได้ข่าวว่าเลิกกับสามีไปแล้ว Sad Sad

ผมเคยไปช่วยแกสร้างโรงเรียนสมัยแกยังไม่มีรางวัล  นั่งล้อมวงคุยกันตามประสาพี่น้องดูมีลักษณะผู้นำ ควบคุมเป็น

 
มาได้ยินสัมภาษณ์ จาบจ้วงคนที่ยังไม่เผา เมียเขายังทำงานกับตัว  ทั้งที่คนตายร่วมงานกับแกมาตลอด
เลยเสียใจว่าแกทำไมควบคุมไม่เป็น   เห็นส่วนรวมเป็นส่วนทักษินไปได้ถึงปานนั้น

ที่แกทำเป็นเวรหรือเป็นกรรมกันแน่นะเนี่ย
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #13 เมื่อ: 06-04-2007, 11:50 »


เมื่อครั้งที่ยังเป็น สว. อยู่ เพื่อนๆ สว. ngo หลายคนพยายามชวนให้ออกมาแสดงจุดยืนเรื่องทักษิณ

แกบอกว่า เพื่อนๆ อย่าทำให้แกลำบากใจเลย แกไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้

ไม่ทันขาดคำค่ะ... ทักษิณหมดอำนาจปุ๊บ แกออกมาเคลื่อนไหวทันที (โดยไม่ลำบากใจเลย)


 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 06-04-2007, 13:28 »

ด่าได้ถูกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกแบกศพหากินกะคนตายแบบนี้ซะที

ยิ่งเรื่องที่เอามาแฉหล่ะยิ่งทีเด็ด

ว่าแต่ ตั้งแต่ครูประทีปอยู่คลองเตยมา เรื่องยาเสพติดมันลดลงบ้างมั้ย หรือว่า ขยายกิจการหนักกว่าเก่า 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 06-04-2007, 13:29 »

ว่าแต่ ถ้ามีคนเอาไปแปะประชาไท จะถูกลบป่าว     

พูดถึงประชาไทแล้ว อดบ่นไม่ได้ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน แม้แต่เพื่อนๆ ทีเคยเล่น ยังส่ายหน้าว่า ไหงมันเป็นงี้ไปได้ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2007, 14:06 โดย แอ่นแอ๊น » บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #16 เมื่อ: 06-04-2007, 13:52 »

เหวง โตจิราการ ผู้สับสนในจุดยืน

http://www2.se-ed.net/poommahidol/information_1_5.html


นักศึกษาแพทย์รามาอีกผู้หนึ่งที่มีบทบาทในชุมนุมพุทธศาสตร์ก็คือ นศพ.เหวง โตจิราการ เมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาเตรียมแพทย์รามาปี 1 ในปี 2512  นศพ.เหวงซึ่งถูกรุ่นพี่คือ นศพ.พิวัฒน์ โปษยานนท์ ชักชวนให้มาร่วมทำกิจกรรมในชุมนุมพุทธศาสตร์และประเพณี ก็ได้พยายามนำแนวคิดคำสอนของท่านพุทธทาส มาเผยแพร่โดยอาศัยบทบาทหน้าที่ในฐานะเลขานุการนักศึกษาปี 1 นำคำสอนเหล่านี้ติดสับเปลี่ยนไว้ในห้องบรรยาย L 01 ทุกวัน ขณะเดียวกันก็รับอาสาทำหน้าที่ติวเตอร์ในวิชาต่างๆในช่วงพักเที่ยงและช่วงว่างอื่นๆ ทำให้เป็นที่รู้จักของเพื่อนและรุ่นน้องต่างคณะและทำให้รุ่นพี่-รุ่นน้องในกลุ่มติวที่ต้องเรียนรวมกัน 2 ปีแรกในคณะวิทยาศาสตร์ได้เชื่อมร้อยกันได้ระดับหนึ่ง

จนเมื่อขึ้นปี 2 นศพ.เหวงเข้ารับตำแหน่งประธานชุมนุมพุทธศาสตร์และประเพณีเต็มตัว ก็ได้พยายามเน้นสาระแห่งพุทธธรรมเป็นหลัก แทนการจัดงานหรือกิจกรรมที่ฟุ่มเฟือย เช่นการจัดค่ายอาสาของชุมนุมพุทธฯแทนการจัดทอดกฐิน หรือการนำดนตรีโปงลางของอีสานมาเล่นในงานประจำปีของมหาวิทยาลัย เป็นต้น แม้เมื่อพ้นตำแหน่งไปเมื่อขึ้นปี 3 เขาก็ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานนำนักศึกษาแพทย์ประมาณ 20 คนไปบวชที่สวนโมกข์

            ด้วยเหตุนี้ นศพ.เหวงจึงได้รับการขนานนามว่า”ท่านมหา” แม้เมื่อตัดสินใจเลือกหาทางเข้ามาเคลื่อนไหวกิจกรรมนักศึกษาในฐานะนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลเต็มตัวหลัง 14 ตุลาคม 2516 ตามคำขอร้องของนศพ.ประยงค์ แทนการทุ่มเทความสนใจไปในทางพุทธศาสนา หลังจากหลบไปใช้เวลาหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่พักใหญ่
------------------------

http://www.komchadluek.net/column/scoop/2005/10/15.php

เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 น.พ.เหวง เป็นหนึ่งในนักศึกษาแพทย์ ที่มีส่วนร่วม ในการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย โดยขณะนั้นเขาได้รับมอบหมายให้รักษา เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เกิดเจ็บป่วยระหว่างร่วมชุมนุม แต่ในวันนั้น น.พ.เหวง ต้องพบ เหตุการณ์รุนแรงที่ต้องจำไปตลอดชีวิต

"ผมไม่คิดมาก่อนว่าประเทศไทยจะมีเหตุการณ์มหาวิปโยคอย่างเช่น วันนั้น ทหาร ตำรวจ ใช้รถถัง และอาวุธสารพัดชนิด เข้าห้ำหั่นประชาชนของตัวเอง ราวกับ ทำสงครามกับกองทัพต่างชาติ ตลอดทั้งวันและคืนที่ต้องทนเห็นภาพเพื่อนร่วม อุดมการณ์ถูกเข็นฆ่าล้มหายตายจากไปต่อหน้ามันช่างเจ็บปวดสุด บรรยาย" น.พ.เหวง สะท้อนเหตุการณ์วันแห่งความโหดร้ายด้วยเสียงสั่นเครือ

หลังเหตุการณ์วันนั้นรัฐบาลเผด็จการยอมสละอำนาจลาออกจากตำแหน่ง และลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งในวันนั้นกลุ่มผู้เคลื่อนไหวหลงดีใจว่าชัยชนะ ในวันนั้นจะนำมาซึ่ง "ประชาธิปไตย" ตามที่คาดหวัง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น หลังเหตุการณ์วิปโยค เพียง 3 ปี ก็เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นักศึกษาและประชาชนถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และถูกล้อมปราบปราม ฆ่าตายอย่างสยดสยอง

ส่วนกลุ่มที่รอดพ้นจากความตาย ต้องหนีเข้าป่าอย่างหัวซุกหัวซุน โดยพวกเขา เหล่านี้ต้องเข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จับปืนต่อสู้กับคนของรัฐ น.พ.เหวง เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้ เพราะถูกลอบสังหารต้องหนีเข้าไปทนทุกข์อยู่ป่านานหลายปี

น.พ.เหวง บอกว่า สมัยนั้นพื้นที่ไหนไม่มีคอมมิวนิสต์อย่าหวังเลยว่าจะได้รับ การดูแลเอาใจใส่จากรัฐ ซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐบางรายยังไป บังคับขืนใจลูกเมียเขา กดขี่ชาวบ้านอีก เมื่อชาวบ้านถูกรังแกไม่รู้จะพึ่งใคร ต้องเข้าร่วม กับพรรคคอมมิวนิสต์ เพราะคอยปกป้องเสรีภาพให้กับพวกเขา ชาวบ้าน ไม่รู้หรอกว่า คอมมิวนิสต์ ลัทธินิยม วิพากษ์วิธีคืออะไร รู้แต่ว่ามีคนคอยปกป้องช่วยเหลือ

น.พ.เหวง กล่าวว่า สมัยนี้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น สมารถวิพากษ์ วิจารณ์เรื่องการเมืองใดๆ ได้ แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยใส่ใจ ต่างจากสมัย ยุค 14 ตุลาคม 2516 ที่ส่วนใหญ่ให้ความสนใจความเป็นไปของสังคมมากกว่าสนใจเรื่องของตัวเอง

---------------------------
กรกฎาคม 2518  เหวง โตจิราการ ออกเดินทางจากระเทศไทยไปยังกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วย เสกสรร ประเสริฐกุล จีระนันท์ พิตรปรีชา  เทอดภูมิ ใจดี ปรีดี ประสิทธิ์ ไชยโย สมาน รวมเจ็ดคน เพื่อหาทางเดินทางต่อไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชจีน และจะหาทางเดินทางกลับเข้าสู่สมรภูมิในปรเทศไทย ในเขตพื้นที่ยึดครองของ พรรคคอมมิวนิสต์แหงประเทศไทย


หมอเหวง ไม่ได้เข้าป่าจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม แต่เดินทางไปพร้อมคณะของ เสกสรร ประเสริฐกุล จีระนันท์ พิตรปรีชา เทอดภูมิใจดี ประสิทธิ์ ไชยโย และ สมาน (จำนามสกุลไม่ได้) ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลา หลายเดือน  ไม่ได้มุ่งตรงเข้าป่า  แต่ไปปารีส ก่อนจะวนกลับมาจีน เวียดนาม ลาว และเข้าฐานที่มั่นในประเทศไทย

ครั้งอยู่เวียดนามก่อนเข้าไทย เคยมีเรื่องร้าวฉานกันในกลุ่ม จีระนันท์เล่าไว้วว่า หมอเหวงชูหนังสือปกแดงของเหมาเจ๋อตง ร้องประนามอีกฝ่ายในทำนองเป็นลัทธิแก้ นิยมโซเวียต เรียกว่าฟิวส์ขาดกันเลยทีเดียว

เมื่อเข้าฐานที่มั่นในไทย ก็มีเรื่องเช่นเดียวกับบทความข้างบนนั่นเอง

มาถึงวันนี้ หมอจะยังเก็บสรรยิพนธ์เหมาเจ๋อตงเล่มที่ชูหราๆในวันนั้นหรือไม่ ไม่มีใครทราบ  แต่ดูเหมือนการชุมนุมรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ของกลุ่ม เสกสรร จีระนันท์ ประจำปี ไม่มีเงาของหมอผู้นี้

อุดมการณ์ของหมอจะยังอยู่หรือไม่ เหมือนอุดมการของหมอสันต์หรือไม่ ใครหนอจะรู้ได้ 
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #17 เมื่อ: 10-06-2007, 17:54 »

อันนี้ก็ขุดขึ้นมาให้อ่าน ........แก๊งต้นกล้วย ยังมีเครดิตพอจะไปนำม๊อบได้รึ
บันทึกการเข้า
น้องแบ๊งค์เองครับ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 800


« ตอบ #18 เมื่อ: 10-06-2007, 19:07 »

เบื่ออีประทีป น้องมันก็ลง สก พรรค ทรท
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #19 เมื่อ: 10-06-2007, 20:52 »

เรื่องของหมอเหวง หาอ่านได้ในหนังสือของ อาจารย์จี๊ด ครั้บ
เล่นที่ชื่อเส้นฟางนะครับ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #20 เมื่อ: 11-06-2007, 09:21 »

ใช่คนแบบนี้หรือไม่ที่ อวดอ้างตัวเองเป็นผู้รักชาติ รัก ประชาธิปไตย........ :slime_doubt
บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 11-06-2007, 11:24 »

ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ 
เป็นบุคคลที่ใช้ประโยชน์จากคนจน - ชาวสลัมเืพื่อความเจริญของตนเอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
จนอาจจะพูดได้ว่าคนจน - ชาวสลัม จะไม่มีทางหมดไปจากประเทศไทยเลย
ตราบใดที่ยังมีเธอหรือคนประเภทเดียวกันกับเธออยู่
เนื่องจากหากหมดสิ้นคนจน - ชาวสลัมไปแล้ว
เธอและคนประเภทเดียวกันกับเธอ ก็จะไม่มีอะไรให้ยึดเกาะเพื่อสำแดงสถานะและตัวตน

เธอเป็นนางฟ้าของชาวคลองเตย  ที่ไม่เคยทำให้คลองเตยกลายเป็นสถานที่อย่างอื่น  นอกจากที่ตั้งของสลัม - ที่อยู่ของคนจน
...ตั้งแต่วันที่เธอได้รับรางวัลแมกไซไซเป็นต้นมา  คลองเตยของเธอก็ไม่เคยเล็กลง 
...ผู้คนในนั้นไม่เคยลดจำนวนลง
แถมนับวัน ๆ ก็ยิ่งขยายตัวเป็นชุมชนที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น  ถึงขนาดแตกออกเป็นสาขาย่อย ๆ  และส่งออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ   ไม่ว่าจะเป็นแถบซอยสวนพลู  บ่อนไก่  หรือโรงงานยาสูบ ฯลฯ

จึงนับได้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยทำให้สังคมคนจนและชาวสลัมมีการขยับขยายพัฒนาตัวไปยังส่วนอื่น ๆ ในสังคมเมืองหลวง อย่างสำคัญ

นอกจากในด้าน "ปริมาณ - ขนาด" ที่เพิ่มขึ้นและใหญ่โตขึ้น
"อำนาจต่อรอง" ของคนจนและชาวสลัม ในสังคมเมืองก็สูงขึ้นด้วย
จนสามารถพิสูจน์ได้จากการรวมกลุ่มของแก๊งจักรยานยนต์ ภายใต้การนำของ "คนคลองเตย" นายหนึ่ง
หรือแม้แต่การเป็น "ฐานเสียงสำคัญ" ให้นักการเมืองนายหนึ่ง  รวมทั้งตัวเธอเองที่ก้าวเข้าสู่วุฒิสภา ( แต่แทบไม่ปรากฎว่ามี บทบาทหรือผลงานใด ๆ ทางนิติบัญญัติ )


เป็นบุคคลที่น่าเก็บไว้เป็นกรณีศึกษา
ส่วนจะบันทึกไว้ในบทวิจัยแบบไหน
ห่อปกด้วยกระดาษสีดำหรือสีขาว
อันนั้น...คนรุ่นลูกหลาน จะเป็นผู้ให้คำตอบ เอง




ผมว่ามันเห็นเรื่องพื้น ๆ นะครับ ถ้าคิดตามแนวเศรษฐศาสตร์ เรื่องดีมานด์ กับซัพพลาย แต่มันเพี้ยนจากหลักเศษรฐศาตร์ออกไปคนละง่ามคือ ดีมานด์ คือ คนในสลัมต้องเยอะขึ้น ๆ จะทำให้ซัพพลาย การสนับสนุนที่ได้รับหรือไปขอจากใครในฐานะเอ็นจีโอ ก็จะเพิ่มสูงขึ้น
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
หน้า: [1]
    กระโดดไป: