ถึง กิตตินันท์
ขีดสิทธ์ โดยใช้ กฎบ้าน เพื่อกำหราบ หัวใจเสรี อันนี้เจ้าเรือนเข้าใจเป็นอย่างดี
การเป็น เทียนที่ไขแสงอยู่ในบ้านอันมืดมิด นี่ หนักหนาสาหัสกว่า โต้พายุกำเทียนสู้ศึก มากกว่าหลายช่วงขุม
ก่อนอื่นต้องนับถือและคารวะในความเป็น สุภาพบุรุษชน ของกิตตินันท์ที่มิคิดถือโทษโกรธเป็นอารมณ์ในความต่างกันของอุดมการณ์และอัตตาฐิถิ มิหนำซ้ำยังเป็นกังวลและห่วงใยในพี่ชายและครอบครัว แม้จะโดน กฎบ้านขีดสิทธ์ และถูก ดูถูกเหยียดหยามจากคนในครอบครัว ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าการเหยียดหยามใดๆ
ใจมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่กิตตินันท์ประสพอยู่ เจ้าเรือนรับรู้ด้วยใจว่าคงหนักหนา และอึดอัดใจมิใช่น้อย
ตามวิถี แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างทางอุดมการณ์ เพื่อระดมปัญญา อันนี้เจ้าเรือนประจักษ์และเป็นกิจวัตรที่เจ้าเรือนมักจะทำเสมอเมื่อยามได้วิพากย์วิวาทะกับผู้ทรงภูมิความคิดทั้งหลาย
ส่วนการชุมนุมเพื่อรวมพลังมวลชนแสดงจุดยืนทางความคิด อันนี้ก็คือสิทธิเสรีพึงมีได้ตามรัฐธรรมนูญ
แต่การวิพากย์วิวาทะและชุมนุมมวลชนตามวิถีเสรีที่โดน ผีเปรต ครอบงำกรอกหูและตอกย้ำด้วยคำ หลอกลวงปลิ้นปล้อน มิได้บริสุทธิ์ด้วยอุดมการณ์และจรรยา อันนี้เจ้าเรือนเป็นห่วงยิ่งนัก
ส่อเสี่ยงต่อการปะทะด้วยกำลังและวาจาอย่างมิต้องสงสัยตามที่กิตตินันท์กังวล
เมื่อความมืดบอดทางปัญญามันบดบังดวงตาพี่ชายและคนในครอบครัว สิ่งที่กิตตินันท์จะทำได้ดีในสภาวะอย่างนี้ก็คือ ปล่อยเป็นอุเบกขาอย่าเอามาเป็นอารมณ์ในช่วงนี้
เมื่อสิทธิเสรีถูกขีดด้วยกฎบ้านที่มืดดำทางปัญญาก็อย่าเพิ่งไป คัดง้าง ด้วยเหตุผลและตรรกะใดๆก็ตามในตอนนี้
กตัญญูกตเวทีมันมีหลายวิธีที่จะสำแดงให้ประจักษ์ แต่การปรามความคิดคนที่กำลัง ร้อน และ พลุ่งพล่าน ในอัตตาตนเองนั้น รั้งแต่จะบาดหมางเคียดแค้นลุกลามบานปลายกลายเป็นแผลลึกในครอบครัว
ดั่งแรงเหวี่ยงที่เขวี้ยงลูกตุ้มออกไป ยิ่งเหวี่ยงแรงเท่าไหร่ แรงดึงจากลูกตุ้มก็จะกระชากดึงแขนเราหนักหน่วงเป็นเท่าทวีคูณ
ตรรกะทางอุดมการณ์และความคิดก็มิได้แตกต่างจากลูกตุ้มเท่าใดนัก ยิ่งเป็นแรงเหวี่ยงภายในบ้านนั้นยิ่งบอบบางและหนักหนากว่าแรงเหวี่ยงปรกติในสังคม
มิได้แนะให้กิตตินันท์ ขี้ขลาดตาขาว ต่อ อัตตาธิปไตย แม้จะมาประชิดถึงในบ้านก็ตามที
แต่สิ่งที่ควรทำของกิตตินันท์ในตอนนี้คือ เป็น ผู้ไขแสงเสรีในโลกเสมือน นี้ไปก่อน ซึ่งกิตตินันท์ทำได้ดีและยอดเยี่ยมในสายตาเจ้าเรือน สิ่งที่กิตตินันท์ทำและคิดนั้น ทรงพลานุภาพ และ เป็นคุณประโยชน์ต่อชาติ มากกว่าออกไปยืนชุมนุมกับกลุ่มใดๆในช่วงนี้
ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ของกิตตินันท์มันอยู่ในสภาวะ แกะขาวในหมู่แกะดำ ของครอบครัว เพราะคอยแต่จะรุมประณามกิตตินันท์เมื่อจะขยับตัวออกไป
ต้องปล่อยให้พวกเขาออกไปลิงโลดกับ อุดมการณ์ที่มืดบอด จนเจ็บและสำนึกเอง
ความเป็น สุภาพบุรุษชน มันต้อง อดทนและเจ็บปวด เป็นธรรมดาอย่างนี้ล่ะกิตตินันท์
แต่สิ่งที่ได้มา คือ ประสบการณ์อันล้ำค่า ที่หาที่ไม่ไหนได้ และเป็นการพิสูจน์ใจของกิตตินันท์เองว่า อ่อนแอและอ่อนไหว ต่อสิ่งชั่วร้ายที่มาประชิดติดตัวในระยะเผาขนเช่นนี้
เมื่อฟ้าสางสว่างใสหลังพายุมรสุมรุมเร้าเมื่อใด
นอกจากครอบครัวของกิตตินันท์จะ ประจักษ์ใจในอุดมการณ์ที่เที่ยงธรรม แม้จะโดนรุมประณามสักเท่าใดแล้
กิตตินันท์ยังยืนในสังคมได้อย่างสมสง่าฐานะ สุภาพบุรุษชน
http://www.oknation.net/blog/pen/2007/04/05/entry-1-------------------------------------
คนวันเสาร์... ฝากดูแลพี่ชายผมด้วย
http://www.oknation.net/blog/kittinunn/2007/04/05/entry-1-------------------------------------
เรือนปากกา บ้านแม่ริม
Pen
5 เมษายน 2550
-------------------------------------