'สุรยุทธ์'เผยใกล้วันชี้ชะตา 'ทักษิณ' หลังสงกรานต์รู้ผล
3 เมษายน พ.ศ. 2550 11:39:00
"สุรยุทธ์"เผยผลสอบสวนคดีอดีตนายกรัฐมนตรีคาดว่าจะเสร็จภายหลังสงกรานต์ บอกเป็นนัยใกล้บทสุดท้ายอนาคตทักษิณ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การสอบสวนคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี อาจเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
"ผมสามารถบอกได้ว่าเรากำลังเข้าใกล้บทสุดท้ายเกี่ยวกับอนาคตของพ.ต.ท.ทักษิณ" พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว ขณะที่ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเช้า
ของนายกรัฐมนตรีให้กับกลุ่มสมาชิกกลุ่มมิตรภาพ สมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่น ว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ทาง
การเมืองของไทย ที่ขณะนี้ยังไม่มีรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ถือว่าเป็นการชั่วคราวเท่านั้น รวมถึงแนวทางใน
การร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญไทยให้อำนาจฝ่ายบริหารมากเกินไป ทำให้
เกิดปัญหาบ้านเมือง ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องเปลี่ยนแปลงจำนวนสมาชิกรัฐสภา เช่น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
และระบบแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถมีร่างแรกให้
พิจารณาได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ในการร่วมรับประทานอาหารเช้า มี ส.ส.อาวุโสญี่ปุ่น ต่างเข้าใจในสถานการณ์ทางการเมืองของไทย
รวมทั้งสนใจในการร่างรัฐธรรมนูญของไทย เนื่องจากญี่ปุ่นมีแนวคิดที่จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาค้นคว้า
http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/03/WW10_WW10_news.php?newsid=62513---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ ญี่ปุ่นและไทย การเฉลิมฉลองยุคใหม่แห่งความเป็นหุ้นส่วนที่แน่นแฟ้นและยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งทิศทางความก้าวหน้าของการพัฒนาการเมืองในช่วง 1 ปี ที่ประชาชนชาวไทยทั้ง 64 ล้านคนต้องเผชิญ ในการรับประทานอาหารกลางวันกับผู้บริหารสมาคมสื่อมวลชนแห่งชาติญี่ปุ่น ณ สมาคมผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พัฒนาการทางการเมืองที่ผ่านมาของไทยและผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทุกคนต่างให้ความสนใจ ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการแทรกแซงทางทหารอย่างสงบเมื่อวันที่ 19 กันยายนในปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์การเมืองอิสระส่วนใหญ่คาดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการพัฒนาในด้านประชาธิปไตยมากที่สุดในอาเซียน หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ภายหลังการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม ประเทศไทยจะผงาดขึ้นมาโดยมีความก้าวหน้าในระบอบประชาธิปไตยเพิ่มขึ้น และมีพื้นฐานของสถาบันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอันที่จะสร้างอนาคตที่ดีขึ้น และยั่งยืนยิ่งขึ้นให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในแง่ของการพัฒนาทางการเมืองสมัยใหม่ของประเทศไทยนั้น มีเหตุการณ์สำคัญสองเหตุการณ์ ได้แก่ เหตุการณ์เดือนตุลาคม พ.ศ.2516 และพฤษภาคม พ.ศ.2535 จากเหตุการณ์ทั้งสองนั้น ทำให้ประเทศไทยสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เหตุการณ์ในปี พ.ศ.2534-2535 ได้นำไปสู่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่มีเสรี และมีความก้าวหน้าที่สุด หรือเป็นที่รู้จักในนามของรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งระบุให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของทุกคน และก่อตั้งองค์กรอิสระเป็นจำนวนมากเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและคานความสมดุลในการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดของนักการเมือง
ดังนั้น การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์ที่สร้างความบอบช้ำแก่ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย นั่นก็คือวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี พ.ศ.2540 ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเวลาเกือบหนึ่งทศวรรษในการพัฒนาสังคม และเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทั้งสองรวมด้วยกันเป็นฉากเบื้องหลังแก่พัฒนาทางการเมือง และเศรษฐกิจเป็นเวลา 9 ปี ซึ่งมีบทสรุปในการแทรกแซงทางทหารอย่างสันติเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดการแทรกแซงทางทหาร คือ การรวบอำนาจทางการเมือง และทางการเงินของคุณทักษิณในช่วง 5 ปี ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้อกล่าวหาการใช้อำนาจในทางที่ผิด การคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง การจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชน และประวัติด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นการหายนะ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ การเลือกตั้งทั่วไปถูกต่อต้านโดยฝ่ายค้าน และท้ายที่สุดศาลได้ตัดสินให้การเลือกตั้งนั้นโมฆะ มีการเดินขบวนประท้วงเพื่อต่อต้านคุณทักษิณในกรุงเทพฯ เกือบทุกวัน ระบบการตรวจสอบและคานความสมดุลถูกบั่นทอน และดูเสมือนว่าเครื่องมือต่างๆ ภายใต้รัฐธรรมนูญเพื่อผ่าทางตันทางการเมืองได้ใช้ไปหมดแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นทหารจึงได้ประกาศช่วงพักเวลา โดยเป็นระยะเวลาที่จำกัดและมีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด และภายในเวลา 30 วัน ประเทศไทยก็มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มีรัฐบาลชั่วคราวซึ่งมีแนวนโยบายที่ชัดเจน ซึ่งผมเชื่อว่าการแทรกแซงครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน ซึ่งก็เห็นได้ว่าการกระทำดังกล่าวยังได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง ดังจะเห็นได้จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนภายหลังการเกิดเหตุการณ์ไม่นานนัก
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนแล้วที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศ ซึ่งโอกาสนี้จะรายงานให้ทราบถึงความก้าวหน้าจนถึงปัจจุบัน รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้กำหนดกรอบเวลาที่ยากลำบากในการฟื้นฟูประชาธิปไตย และจนถึงบัดนี้ ได้ดำเนินการตามกรอบเวลาที่กำหนด การยกร่างรัฐธรรมนูญเกือบจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ และจะได้นำเสนอให้สาธารณชนได้ตรวจสอบและถกเถียงกัน นอกจากนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการสำหรับการลงประชามติ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกันยายน ทั้งรัฐบาลชั่วคราว และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต่างยึดมั่นในการที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2550 โดยอาจเป็นวันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคม ตามที่ได้ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กรุงเทพ ฯ
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลชั่วคราวของไทยก็ได้กำหนดให้การปฏิรูปเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยแนวหลัก 4 ประการ ซึ่งต่างมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิด และได้ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อช่วยให้ประเทศไทยมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีประสิทธิผลมากขึ้น มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น และเป็นสังคมที่มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น แนวหลัก 4 ประการดังกล่าว ได้แก่ 1.การปฏิรูปทางการเมืองอย่างสัมฤทธิผล 2.การพื้นฟูความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชาติ 3.การลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างประชาชนในชนบทซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ กับชนชั้นกลางในเมือง และ 4.การสร้างความแข็งแกร่งแก่หลักนิติธรรม
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลชั่วคราวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการดำเนินการที่ล่าช้าในการสืบสวนสอบสวนข้อกล่าวหาการคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดโดยสมาชิกของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา มีบางคนได้เรียกร้องให้มีการใช้อำนาจบริหารเพื่อลัดกระบวนการยุติธรรม แต่หากเรานำแนวทางดังกล่าวมาใช้ จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้แก่หลักนิติธรรมได้อย่างไร ซึ่งการสืบสวนสอบสวนกำลังส่งผลที่เป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นในคุณธรรมความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรมของเรา ขณะเดียวกันเราก็ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อยกเครื่องกระบวนการยุติธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับความโปร่งใส ธรรมาภิบาล ในภาคราชการ และกำลังริเริ่มการปฏิรูปตำรวจครั้งใหญ่ที่สุดในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงภาพของสังคมที่มีพลวัต มีความซับซ้อน ที่กำลังมุ่งเดินทางข้ามจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญอีกจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่อย่างสำเร็จ ไม่มีใครประเมินความยุ่งยากต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่ำเกินไป แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่า ประชาชนทั้ง 64 ล้านคนของราชอาณาจักรไทยจะไปถึงเป้าหมายของการมีสังคมที่มีความยุติธรรมมากขึ้น ความเท่าเทียมกันมากขึ้น และความยั่งยืนยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการน้อมนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักพื้นฐานในการพัฒนาประเทศของรัฐบาลว่า หมายความถึงเราจะมุ่งเน้นการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง การมีระเบียบวินัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่สมเหตุสมผล และการแบ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันในระหว่างที่กำลังแข่งขันในโลกยุคโลกาภิวัตน์ การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพหมายความว่าไทยจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นแก่หลักธรรมาภิบาล และการจัดการความเสี่ยง
แต่เรื่องดังกล่าวจะไม่มีผลต่อกลไกตลาด หรือมีอิทธิพลต่อการเปิดกว้างของเศรษฐกิจไทย ในความเป็นจริง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแบบจำลองของไทยสำหรับความยั่งยืน ซึ่งความสำคัญของเรื่องนี้เริ่มเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก ในฐานะที่เป็นประเทศแรกๆ ที่นำหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนมาใช้ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าประเทศไทยควรได้รับการยกย่อง เพราะในที่สุดทุกประเทศก็จะต้องนำหลักดังกล่าวมาใช้ไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อรถไฟจะเข้าชานชาลา อาการเหล่านี้น่าจะเป็นอาการกระวนกระวายก่อนที่รถไฟจะถึง
ท่านเสรีพิสุทธิ์ ท่านก็เป้นคนจริงเหมือนกัน คงรำคาญ เลยปราบพวกติดยาบ้าด้วยวิธีการนี้ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เปิดเว็บล่าชื่อปลดป๋าโดยเสรี พล.อ.สุรยุทธ์-นายพล 4 ดาว 5 ดาว สบายใจอยู่หรือ
โดย เซี่ยงเส้าหลง 2 เมษายน 2550 13:32 น.
ถูกต้องแล้วที่ สันติบาล ตัดสินใจที่จะ ดำเนินคดี กับเว็บไซต์ที่เรียกร้องให้ประชาชนเข้ามาลงชื่อถวายฎีกาเพื่อปลดองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (และจำเป็นต้องกล่าวถึง สิทธิชัย โภไคยอุดม) รวมตลอดถึง รัฐมนตรีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ท่านสบายใจดีอยู่หรือที่เปิดโอกาสให้สังคมไทยวันนี้ ล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาปลดประธานองคมนตรีกันได้อย่างเสรี เพียงแต่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตได้แล้วเปิดเข้าไปในเว็บไซต์ www.TMCtoday.com แล้วคลิกเบา ๆ เข้าไปยังหน้า ร่วมลงนามถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากองคมนตรี (ณ ที่อยู่ http://tmctoday.com/vote/vote5450.php) ทั้ง ๆ ที่ประเด็นนี้รัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาและฉบับที่กำลังร่างกันอยู่ สงวน ไว้ให้เป็น พระราชอำนาจ ตามพระราชอัธยาศัย ตัวอย่างจาก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ก็มีบัญญัติไว้ใน มาตรา 13 ชัดเจนว่า ...การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย. และถ้าดูลึกเข้าไปถึงหนังสือถวายฎีกาสั้น ๆ ของคนกลุ่มนี้แล้วจะพบว่าไม่ได้เสนอให้ปลดป๋าเปรมออกจากเฉพาะตำแหน่ง องคมนตรี ยังเสนอให้ทรงปลดออกจากความเป็น รัฐบุรุษ ด้วยเหตุผลที่เลื่อนลอยไร้สาระ ...เนื่องจากมีการกระทำไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ ไม่สมกับที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ไม่มีสำนึกในการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีหลักฐานอย่างชัดแจ้งและเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนทั่วไป. และ ฯลฯ เป็นการกระทำที่อุกอาจสุด ๆ แต่รัฐบาลชุดนี้และคณะรัฐประหารชุดนี้ที่พอถึงวันปีใหม่ทีหรือครบรอบวันเกิดทีก็ยกขบวนกันไป อวยพรป๋า, ขอพรป๋า ซึ่งที่สุดแล้วก็แค่ อามิสบูชา น่าสนใจว่านายพล 5 ดาวประดามีเหล่านี้รู้จักหรือไม่กับคำว่า ปฏิบัติบูชา มิพักต้องให้ เซี่ยงเส้าหลง เฝ้าสีซอให้ฟังว่าเป้าหมายโจมตีสูงสุดของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่ ประธานองคมนตรี, รัฐบุรุษ แต่นี่คือส่วนต่อยอดของ ยุทธการชนฟ้า หรือถ้าพูดให้ถึงที่สุดนี่ก็ไม่ต่างจากส่วนต่อยอดของ ปฏิญญาฟินแลนด์ ที่เกิดขึ้นมาในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่นายรัฐมนตรีแสนดีคนปัจจุบันนี้ รับฝากดูแลลูกเมีย, หาที่ยืนให้ตามหลักสมานฉันท์ ไม่รู้เหมือนกันว่าผลแห่งความสมานฉันท์ในวันนี้จะนำพาให้สังคมไทยในวันหน้าอันไม่ไกลนักก้าวสู่ จุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ไหนอย่างไร พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะมีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างไร
ถ้าสื่อความถึง นายพล 4 ดาว 5 ดาว ผู้มีชื่อเสียงคับบ้านคับเมืองทั้งหลาย ไร้ผล บรรทัดนี้ เซี่ยงเส้าหลง ก็อยากจะสื่อถึงบรรดา นายทหารระดับคีย์แมนในแผนปฏิบัติการ ที่แฝงตัวเข้ามาในเมืองหลวงก่อนหน้า วันที่ 19 กันยายน 2549 อย่างน้อย ๆ ก็ 2-3 วัน หลายท่านในจำนวนนี้ไม่ได้มาเพราะเพียง คำสั่ง แต่มาด้วย จิตสำนึก ที่ตระหนักดีกว่า ประเทศชาติและราชบัลลังก์ตกอยู่ในภยันตรายชนิดที่ไม่อาจยับยั้งได้ด้วยมาตรการปกติ ท่านทั้งหลายในกลุ่มนี้เติบโตมาจากหน่วยที่รู้จักกันในนาม ทหารเสือพระราชินี ที่มีสีประจำหน่วยเป็น สีม่วง ท่านต้องไม่สบายใจอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นับจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผช.ผบ.ทบ. ลงมาผ่าน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มทภ. 1 ไปยัง พล.ต.คณิต สาพิทักษ์ ผบ.พล. 2 รอ. และทหารระดับปฏิบัติการทั้งใน พล. 2 รอ. และ ร. 21 รอ. หรือสูงขึ้นไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. ล้วนเติบโตมาจาก สีม่วง มีส่วน เกี่ยวข้องโดยตรงชนิดเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กับปฏิบัติการเมื่อ 6 เดือนก่อนทั้งสิ้น เซี่ยงเส้าหลง ว่าพวกท่าน ไม่สบายใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่นกันแต่ก็ ไม่รู้จะทำอะไร นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ
คำว่า สีม่วง ที่เป็นสีประจำหน่วยของ ทหารเสือพระราชินี ที่จริงแล้วคือ หัวใจสีม่วง หมายความว่า เป็นผู้ที่จงรักภักดีสูงสุด, ผู้บริสุทธิ์ ผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริต และจริงใจเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้เพราะเหตุผล ...ผู้ที่ใกล้เสียชีวิตหัวใจจะกลายจากสีแดงเป็นสีม่วง และในห้วงเวลานั้น ผู้นั้นจะไม่มีการพูดปดโกหกหรือปิดบังสิ่งใด ๆ. สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทาน หัวใจสีม่วง นี้แก่กำลังพลใน ร. 21 รอ. ทุกนายด้วยทรงมุ่งหวัง ...ให้กำลังพลทหารเสือทุกนายเป็นผู้มีความสื่อสัตย์ สุจริต และจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์. นี่เป็นเรื่องที่ทหารส่วนใหญ่รู้แต่คนทั่วไปอาจจะไม่รู้
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000037805