ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
23-04-2024, 19:50
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  60 ปี ฮิโรชิมา "เมืองแห่งระฆังสันติภาพ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
60 ปี ฮิโรชิมา "เมืองแห่งระฆังสันติภาพ  (อ่าน 5153 ครั้ง)
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« เมื่อ: 01-04-2007, 16:26 »

*ฮิโรชิมา* ชื่อที่ได้ยินมาตั้งแต่เรียนประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่ 2 เมืองแห่งแรกที่ถูกระเบิดปรมาณู B-52 ชื่อ Little boy บอมบ์ชนิดทั้งเมืองราบเป็นหน้ากลอง ผลาญพล่าผู้คนในฮิโรชิมาหายไปพริบตานับแสนชีวิต

ถึงวันนี้ ควันหลงของบาดแผลที่ตกสะเก็ดยังไม่จาง คงคั่งค้างฝัง


บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #1 เมื่อ: 01-04-2007, 16:49 »


ย้อนรอยถอยหลังสู่อดีต ช่วงปลายมหาสงครามโลก ครั้งที่ 2 เครื่องบินอเมริกันบรรทุก “ระเบิดปรมาณู” ไปถล่มญี่ปุ่นราพณาสูรสองเมือง... ฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ตามด้วย นางาซากิ วันที่ 9 เดือนเดียวกัน...

เป็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรก ในสงคราม คร่าวิญญาณผู้คนเท่าไหร่ กระทั่งปัจจุบันยังมิอาจสรุปตัวเลขแน่ชัด แต่เชื่อว่าที่ฮิโรชิมาตายราว 140,000 ศพ นางาซากิ 70,000 ศพ รวมกว่า 210,000 ศพ บาดเจ็บ ป่วยไข้ ทรมาทรกรรมด้วยพิษกัมมันตภาพรังสี เสียชีวิตสังเวยภายหลังอีกจำนวนมาก

กาลเวลาผันผ่านหกทศวรรษ บาดแผลแห่งหายนะอันบรรดาเหยื่อและญาติพี่น้อง ได้รับคงฝังแน่นในความทรงจำ ร้ายยิ่งกว่านั้น “ภาพน่าสะพรึงกลัวมิติใหม่” ถาโถมเข้ามาเพิ่มอีก

นั่นคือ...ความฝันที่จะเห็นการทำลาย “อาวุธนิวเคลียร์มหาประลัย” ให้สิ้นซากจากโลก ชักห่างไกลเกินจริงออกไปทุกวัน ปัญหาน่าชิงชังรังเกียจนี้คาราคาซัง อาวุธนิวเคลียร์กลายเป็น “สัญลักษณ์แห่งความทะเยอทะยาน” พวกมหาอำนาจต่างดิ้นรนมีไว้ในครอบครอง


ความหวาดกลัวขนหัวลุกสุดๆ บางประการเวลานี้ ไม่ใช่พรั่นพรึงรัฐบาลบ้าอำนาจเท่านั้น หากรวมทั้งกลัวอาวุธนิวเคลียร์จะเล็ดลอดสู่เงื้อมมือกลุ่มก่อการร้ายกระหายโลหิต เช่น เครือข่ายก่อการร้ายอัล เคดา ซึ่งต่อให้ชาติหน้าตอนดึกพวกนี้ก็มิสนสนธิสัญญาหรือกฎกติกาสังคมโลก

สหรัฐฯจ้องเล่นงานอิหร่าน ที่เดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์ เลยโดนศอกกลับเจ็บแสบ กระบอก เสียงรัฐบาลเตหะรานซัดแหลกว่า กรุงวอชิงตันใช้เล่ห์ “สองมาตรฐาน” ปี 2541 อินเดียทดลองอาวุธนิวเคลียร์ซ้ำ ห่างกัน 17 วัน ปากีสถานทำมั่ง ทั้งสองรายไม่ยักถูกหมายหัว
http://www.mthai.com/webboard/7/130195.html
...............................



ประวัติศาสตร์ จารึกไว้เป็นบทเรียนการถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น โดยสหรัฐฯเป็นประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุดที่คร่าชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันการพยายามที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวยังมีอยู่อีกมาก สหรัฐเองก็ทำตัวเป็นตำรวจโลกคอยจับผิดและหาแนวร่วมเพื่อต่อต้านประเทศที่พยายามที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่เคยมองดูตัวเองว่าขณะที่ตัวเองจับผิดคนอื่นและหาความชอบธรรมในการเข้าไปจัดระเบียบประเทศที่เขามีอธิปไตย ตัวเองกลับผลิตอาวุธเพื่อขายให้ประเทศที่เขาขัดแย้งภายใน และทำสงครามเพื่อที่จะขายอาวุธ ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวมากที่หากินบนชีวิตของคนอื่น
แต่ถ้าจะมองในประวัติศาสตร์จริง ๆ ญี่ปุ่นก็สามานย์ไม่ต่างกับสหรัฐฯ เท่าไหร่นักหรอก มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศจีน และอีกหลายประเทศที่ญี่ปุ่นเข้าไป และทารุณเจ้าของประเทศไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานเหมือนกับสหรัฐฯเลยสักนิดเดียว
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไอ้พวกที่แสวงหาอำนาจเหนือบุคคลอื่นจะหมดไปจากโลกนี้ซักที
จาก สีหมอก


ภาพโปสเตอร์แสดงแสนยานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์ในพิภิธภัณฑ์ที่ฮิโรชิมา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2007, 16:53 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #2 เมื่อ: 01-04-2007, 18:02 »

สัปดาห์ที่แล้วอนามีงานประชุมที่เมืองโคเบ ก่อนการประชุมหนึ่งวันเลยพาท่านอาจารย์ผู้ใหญ่จากเมืองไทยไปเที่ยวเมือง ฮิโรชิมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฌกเบมากนัก นั่งรถไฟหัวจรวด ซินคันเซน ประมาณ 1 hr.

เสน่ห์ของเมือง ฮิโรชิมา เป็นหนึ่งที่ไม่อาจะเหมือนได้ ความเศร้า เคร้าโรแมนติดที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นอักษรได้อย่างสวยงาม
 
ผ่านมา 6 ทศวรรษที่ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกถูกทิ้งลงฮิโรชิมา ทำให้เมืองนี้กลายเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางการชุมนุมเรียกร้องการทำลายอาวุธนิวเคลียร์


ไปถึงฮิโรชิมา สถานที่ที่ต้องไปสัมผัส เพราะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคือ *อนุสรณ์สถานอะตอมมิกบอมบ์โดม* (Atomic Bomb memorial mound) มีซากอาคารคอนกรีต (เยนบากุโดม) อดีตเป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าการเกษตรสมัยนั้น


โดมจะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ สวยงามมากค่ะ อยากให้ทุกคนไปสัมผัส มันบรรยายออกมาไม่ได้ ตื้นตัน หดหู่ เหมือนตัวเองเป็นผู้สูญเสียยังไงไม่รู้ (เว่อไปไหมค่ะ)

ตั้ง อะตอมมิก โดม (Atomic Dome) หรือศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมในอดีตที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางของระเบิด ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่ถกเถียงกันว่าควรทำลายทิ้งไปเพื่อให้ฮิโรชิมาหลุดพ้นจากอดีต แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปให้รักษาซากอาคารนี้ไว้ จนวันนี้อะตอมมิก โดมได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านนุก และผ่านมา 60 ปี อะตอมมิกบอมบ์โดมวันนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น "มรดกโลก" จากองค์การยูเนสโก


อีกมุมค่ะ ถ่ายจากสำพานข้ามแม่น้ำ








บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #3 เมื่อ: 01-04-2007, 18:07 »

ส่วนคำบรรยายรายละเอียดของโดม ไปอ่านเอาเองนะค่ะ หนูอนาขี้เกียจแปล 




บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #4 เมื่อ: 01-04-2007, 18:16 »

วันที่ 26 มีนาคม เป็นวันที่อากาศดี พวกเราจึงเห็นกิจกรรมรอบๆโดม หรือบริเวณของสวนสันติภาพ

อย่างคุณลุงคนนี้กำลังนั่งวาดรูปโดม




คุณแม่ลูกอ่อนสองคน กำลังนั่งพักกับลูกๆๆที่น่ารัก เด็กญี่ปุ่นนี้แก้มแดงน่ารักเชียว


คุณลุงกำลังร้องเพลงอย่างไพเราะ พร้องกับเรือที่รอรับผู้โดยสารนั่งชมวิวรอบๆสวนสันติภาพ


ต้นอะไรไม่รู้ อนาเรียกต้นลิ๋ว เห็นมันคล้ายกับต้นลิ๋ว บ้านเรานะค่ะ
ออกดอกเด่นเพียงต้นเดียวอยู่บริเวณริมน้ำ


รูปนี้จนปัญญาค่ะ หาข้อมูลยังไม่ได้ว่าจะสื่ออะไร
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #5 เมื่อ: 01-04-2007, 18:31 »

เด๋วจบอนาถึงจะแปะเวบไซด์ที่อ้างอิงนะค่ะ เพราะเอาหาข้อมูลเพิ่งจากหลายเวบเหมือนกัน บางเวบก็สึกจะไม่ตรงกันเลย แล้วก็ไม่ตรงกับที่เราอ่านมาด้วย ชักเริ่ม งง

อาคารที่เห็นในสวนสันติภาพ คือ *พิพิธภัณฑ์สงคราม ไว้จะกล่าวต่อไปค่ะ

สวนสันติภาพ (Peace Park) ตั้งอยู่บนพื้นที่เขียวขจีกินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ใจกลางเมืองฮิโรชิมา และอยู่ตรงกลางระหว่างแม่น้ำสองสาย แม้แต่ละวันมีผู้มาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย โดยเฉพาะเด็กนักเรียน แต่ที่นี่ยังคงเงียบสงบสมกับเป็นสถานพำนักสุดท้ายของดวงวิญญาณนับแสนดวง


อนุสาวรีย์เยาวชน (Children’s Monument) ในสวนสันติภาพสร้างขึ้นเมื่อปี 1958 เพื่ออุทิศแด่เด็กทุกคนที่เสียชีวิตจากการถล่มฮิโรชิมา โดยมาจากเงินบริจาคของเด็กนักเรียนทั่วญี่ปุ่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการระดมทุนเพื่อสร้างอนุสรณ์ความทรงจำให้กับซาดาโกะ ที่เสียชีวิตในปี 1955 ขณะอายุเพียง 12 ปี

ข้างๆ อนุสาวรีย์คือตู้กระจกที่บรรจุนกกระเรียนกระดาษจำนวนมหาศาลที่ส่งมาจากเด็กๆ ทั่วโลก ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อของคนญี่ปุ่นว่า นกกระเรียนสามารถมีชีวิตอยู่ได้นับพันปี และถ้าพับนกกระเรียนได้ครบ 1,000 ตัว เราจะปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ



บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #6 เมื่อ: 01-04-2007, 18:47 »

อนาคงขอจบกระทู้ไว้ตรงนี้ก่อนนะค่ะ ก่อนที่จะนำพาเพื่อนพี่ๆเพื่อนๆ ไปชม พิพิธภัณฑ์สงคราม

MEMORIAL CENOTAPH FOR A-BOMB VICTIMS  หรืออนุสาวรีย์จารึกชื่อเหยื่อระเบิดตั้งเด่นอยู่กลางสวนสันติภาพ ซึ่งทุกปีจะมีรายชื่อใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา ทุกปีของวันที่ 6 สิงหาคม สถานที่แห่งนี้จะมีพิธีรำลึกและลั่นระฆังสันติภาพ ในเวลา 08.15 น. เพื่อให้ทุกคนไว้อาลัย และอ่านคำสดุดีแก่ผู้จาก มีแขกทรงเกียรติจากทั่วโลกมาร่วมงาน ใกล้ๆ กันนั้นคืออนุสาวรีย์สำหรับบุคคลต่างๆ ที่ถูกระเบิดปรมาณูสังหาร ทั้งชาวเกาหลี พนักงานไปรษณีย์ และเด็กนักเรียน


เถ้ากระดูกข้างใต้แผ่นหินที่มีอักษรจารึกไว้ว่า "ขอให้หลับสบาย อย่างมีความสุขอยู่บนสวรรค์ จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว" "Let all the souls here rest in peace, for we shall not repeat the evil."


หลังจากที่ยืนสงบไว้อาลัยแก่เหยื่อที่จากไป เราก็เดินไปอีกสองร้อยเมตร เพื่อเข้าชม  Hiroshima Peace Memorial Museum หรือพิพิธภัณฑ์สงคราม

ในรูปที่เห็น หนูอนาหันหลังค่ะ กำลังถ่ายรูปเหมือนกัน ส่วนคนหลังคือพี่ดา จาก ม. บูรพา และขอบคุณพี่ดามากๆๆสำหรับรูปถ่ายที่แลกกันค่ะ ไปกันทั้งหมดที่คน ผู้หญิงหมดเลย ท่านอาจารย์สามคน หนูอนาหนึ่งคนที่วิ่งเป็นหางจุดตูด เพราะต้องคอยไบ้กับคนญี่ปุ่น หนุกหนานค่ะทริปนี้ ขำตลอดทางถึงแม้ว่าเราจะเศร้าตรงสวนสันติภาพ แต่ก็รู้สึกว่าอย่างน้อยยังมีที่นี่ที่คอยน้ำเตือนการทำสงคราม....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2007, 18:56 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #7 เมื่อ: 01-04-2007, 18:48 »


เอาเพลงของลุงหงา คาราวาน มาแปะ

เพื่อให้สอดคล้องกับกระทู้ของเพื่อน

เป็นเพลงที่ฟังทีไร น้ำตาจะไหลอ่ะ

เกลียดสงคราม เกลียดคนที่ชอบทำสงคราม


ฟังเพลงค่ะ


http://www.esnips.com/doc/745ddbf7-1f71-4158-98ae-00af0d0b5081/hiro



ควันลอย ฟ้าแดง แสงจ้า

ฝนดำ ทาบทา รังสี

ร่างกาย หายวับ!! กับที่

บัดนี้ บัดนี้ ไร้เมืองไร้คน


ฮิโรชิมา แตกสลาย

หลายแสนคนตาย ดับสูญ

จะเกิดกี่ครั้ง ก็ยังฝังใจจำ

ผู้ที่ทำ มันไม่ ใช่คน!!!


อะตอมมิคบอมบ์ ทั้งหลาย ตายเสียเถิด

ไล่มัน กระเจิง เปิงเปิด ไป ให้พ้น!!!!!

สันติสุข...  สู่หล้า และสากล

ชีวิตคน... คน.. ไม่ใช่ผัก ไม่ใช่ปลา



บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 01-04-2007, 18:54 »

ตามอ่านอยู่เป็นระยะๆ 

อนุเสาวรีย์ของซาดาโกะข้างบนนี่สวยดีค่ะ
แต่พี่สงสัยว่ารูปหล่อที่ติดเอียงกระเท่เร่เอาไว้ข้างๆ หมายถึงอะไรคะ

บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #9 เมื่อ: 01-04-2007, 19:01 »

เศร้ามากเลยจ้ะหนูเกด เพลงนี้ เข้ากับกระทู้จริงๆๆ

เด๋วอนามีภาพนกของเธอในพิพิธภัณฑ์ค่ะพี่อัง ยังไม่ได้กล่าวถึง ไว้จะกล่าวละเอียดต่อไป

ส่วนภาพนั้น อนาจนปัญญาอีกแล้วค่ะ ดูจากภาพ พี่อังเดาว่าไงค่ะ เด๋วอนาจะไปหาข้อมูลมาค่ะ  ถ้าหาได้นะค่ะ

ต้องคอยกระตุ้นอนานะค่ะ ไม่งั้นขี้เกียจไม่มาลงต่อ อิอิ 

ปล. สังเกตกระทู้แรกนะค่ะ ที่บอกว่า เวลา 9.15 น. จริงๆๆแล้ว ไม่แน่ใจว่าเวลา 8.15 หรือเปล่าว เด๋วอนาจะเอานาฬิกาในพิพิธภัณฑ์มาให้ดูนะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2007, 19:07 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #10 เมื่อ: 01-04-2007, 19:45 »

ภาพปลากรอบ ฮะ ฮือๆๆๆๆ























บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #11 เมื่อ: 01-04-2007, 20:05 »

ปัจจุบันฮะ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2007, 20:27 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 01-04-2007, 21:05 »

จขกท. ได้ฝากข่าวมาแว่ว ๆ ว่าให้ผมมาตอบกระทู้ เนื่องด้วยวัยปูนนี้ของผม น่าจะทราบอะไรดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ อันที่จริงผมไม่ค่อยรู้อะไรเยอะหรอกครับ สืบเนื่องมาจากผมยังเป็นหนุ่มเอ๊าะ ๆ อยู่ แต่ก็เอาเถอะใหน ๆ ก็นิมนต์มาแล้ว อาตมาก็จะมาเจิมให้เป็นกรณีพิเศษ

 Mr. Green





คำบอกเล่าของผู้รอดชีวิต
 
 

ซูเอโกะ ฮาดะ วัย 67 ปี ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากระเบิดที่เมืองฮิโรชิมา เหตุการณ์ที่เธอเล่าให้ฟังนี้ รายละเอียดบางอย่างเป็นสิ่งที่ลูกหลานของเธอเองยังไม่เคยรับรู้มาก่อน


ซูเอโกะ มีอายุเพียง 7 ขวบ อาศัยอยู่กับครอบครัวซึ่งเธอมีพี่สาวสี่คน และบ้านอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงในฮิโรชิม่าไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร

เธอเล่าว่าในเช้าวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หลังจากพ่อแม่ออกไปทำงานแล้ว เธอกับพี่ ๆ กำลังกินอาหารเช้า ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างแวบหนึ่งตามมาด้วยระเบิดสนั่นหวั่นไหว เธอจำได้แค่นั้นและหมดสติไป พอรู้สึกตัวก็พบตัวเองติดอยู่ในซากกำแพงที่พังลงมาทับ

"ในที่สุดฉันก็ตะเกียกตะกายออกมาได้จากซากกำแพง บ้านกำลังลุกไหม้และเสียงร้องไห้ของพี่สาวก็ค่อย ๆ เบาลง ฉันออกไปหาคนมาช่วย เมื่อออกไปนอกบ้านก็เห็นว่าสภาพทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คนทุกคนบาดเจ็บและสาหัส ไม่มีใครช่วยใครได้ ตัวฉันเองมีบาดแผลเลือดไหลอาบเสื้อชุดขาวที่สวมอยู่ ฉันอยากกลับบ้านแต่กลับไม่ถูก จนถึงทุกวันนี้ในหูฉันยังได้ยินเสียงพี่สาวร้องให้หาคนช่วย ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันยังรู้สึกผิดและไม่มีความสุข"

สูญเสียหมด

พี่สาวทั้งสี่ของซูเอโกะ รวมทั้งพ่อแม่ไม่มีใครรอดชีวิต ตัวเธอเองไปอาศัยอยู่ในค่ายพักชั่วคราวนอกเมือง

ซูเอโกะเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลังจากนั้น

"มีคนบาดเจ็บเข้ามาในค่ายทุกวัน ฉันได้แต่รอว่าเมื่อไหร่พ่อแม่จะไปรับ แต่จู่ ๆ ค่ายผู้ลี้ภัยก็ปิดเพราะทหารกลัวจะเป็นเป้าทิ้งระเบิดอีก ฉันไม่มีที่ไป ทหารคนหนึ่งให้เงินฉันและบอกให้ขึ้นรถไฟไปบ้านยายเขา แต่ฉันถูกขโมยของหมดตัวบนรถไฟ ใครสักคนพาฉันไปที่โรงเรียนที่ฉันเรียนหนังสืออยู่และได้พบครูคนหนึ่งซึ่งไปตามหานักเรียน นั่นเป็นครั้งแรกหลังจากระเบิด ที่ฉันได้เจอคนรู้จัก ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนเห็นพระทั้ง ๆ ที่อยู่ในนรก"

ซูเอโกะไปอาศัยอยู่กับญาติซึ่งหาเช้ากินค่ำ หลังจากนั้น เธอก็คิดว่าต้องแต่งงานเพื่อความอยู่รอด

ซูเอโกะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดกับตนเองให้ลูกฟังบ้างแต่ไม่ละเอียดนัก เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าจากฮิโรชิมาเพราะการเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมนัก และคนมักคิดว่าคนที่ถูกรังสีจากระเบิดปรมาณูจะเป็นโรคติดต่อ

เธอคิดว่าผู้รอดชีวิตอีกหลายคนคงปิดบังอดีตเหมือนกับเธอ แต่เดี๋ยวนี้ซูเอโกะ ฮาดะ ยอมเปิดเผยและพูดเรื่องสุขภาพตัวเอง

เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนหมอบอกว่าเธอจะอยู่ได้อีกไม่ถึงห้าปี แต่เธอมีชีวิตยืนยาวต่อมาจนได้เห็นหลานและเหลน

"ทุกวันนี้ฉันปลาบปลื้มใจค่ะที่เห็นลูกหลานมีความสุข แต่ฉันก็ใจคอไม่ดีบ้างเพราะก่อนระเบิดปรมาณูลงนั้น ฉันกำลังมีความสุขที่สุด ครอบครัวเรากินข้าวพร้อมหน้ากันเป็นครั้งแรกในสี่เดือน วันรุ่งขึ้นชีวิตฉันก็แตกสลาย"


........................

ระเบิดปรมานูจำเป็นหรือไม่? ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ ว่ากันว่าระเบิดปรมาณูได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้กับเยอรมัน แต่เยอรมันยอมแพ้สงครามก่อน จึงรอดตัวไป ในขณะที่ญี่ปุ่นยังไม่มีท่าทีจะยอมแพ้ใด ๆ การรบทั่วภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกเป็นไปอย่างดุเดือด และลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในทุกสมรภูมิ สงครามที่ญี่ปุ่นไม่มีความพร้อมมาตั้งแต่ต้น ญี่ปุ่นตัดสินใจเริ่มสงครามก็เพราะปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน แต่สงครามก็ไม่ได้ทำให้ญี่ปุ่นมีน้ำมันอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ภาวะสงครามยิ่งทำให้ญี่ปุ่นอดอยากและแร้นแค้น ในช่วงต้น ๆ ของสงครามมหาเอเซียบูรพาญี่ปุ่นชนะสงครามเพราะกองเรือที่เจ็ดที่เพิลฮาเบอร์ ถูกถล่มยับเยิน สหรัฐไม่มีกำลังมากพอที่ตอบโต้ได้ และสงครามในภูมิภาคยุโรปก็ดึงเอากำลังทหาร และทรัพยากรเกือบทั้งหมดไปใช้งาน

การพ่ายแพ้ของเยอรมัน ทำให้ทรัพยากรถูกโยกมาใช้งานในเอเซียแปซิฟิค อเมริกาเป็นหัวหอกในการรุกรบปลดปล่อยประเทศที่ญี่ปุ่นยึดครอง ญี่ปุ่นถอยร่นและแพ้อย่างยับเยิน กองบินพายุแห่งเทพเจ้าได้ออกปฏิบัติการสร้างความเสียหายให้กับกองเรืออเมริกันอย่างหนัก ญี่ปุ่นหลังพิงฝาในบ้านเกิดตัวเอง และประกาศไม่ยอมจำนน ทั้งที่รู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะอเมริกันได้ อเมริกาวางแผนที่จะยกพลขึ้นบกที่ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลังเลอย่างหนัก เพราะกิติศัพท์ความไม่กลัวตายของทหารญี่ปุ่น ที่พร้อมพลีชีพรักษามาตุภูมิ เป็นที่เข็ดขยาดของทหารอเมริกัน มีการประเมินกันว่า หากอเมริกันเปิดการรบภาคพื้นกับญี่ปุ่น จะต้องสูญเสียกำลังทหารประมาณหนึ่งล้านนาย ถึงจะยึดครองญี่ปุ่นได้โดยเด็ดขาด และกำลังของสัมพันธมิตร ก็ไม่มีชาติใดพร้อมจะเข้าร่วมรบกับอเมริกันเลยแม้แต่ชาติเดียว 1 ล้านนายของชีวิตทหารอเมริกันคือโจทย์

ประสิทธิภาพของระเบิดปรมาณูอเมริกันรู้ดีอยู่แล้วว่ารุนแรงขนาดใหนจากการทดลองในลอสอลามอส แต่อเมริกันก็ยังไม่รู้ถึงพิษภัยของอานุภาคนิวเคลียร์ดีพอ สืบเนื่องจากวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นยังไม่ก้าวหน้าถึงขั้นรับรู้ถึงภัยอันตรายของกัมมันตภาพรังสี โจทย์ 1 ล้านชีวิตของทหารอเมริกันถูกตอบโดยชีวิตของพลเรือนและทหารญี่ปุ่นบนเกาะฮิโรชิมา เกาะซึ่งเป็นศูนย์กลางการทหารของญี่ปุ่น อเมริกาตัดสินใจทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมา ก็เพราะฮิโรชิมาคือหัวใจของกำลังรบหลักของญี่ปุ่น เป็นการตัดสินใจที่จะรักษาชีวิตทหารอเมริกัน และเป็นการทดลองใช้ระเบิดในสภาวะแวดล้อมจริง แน่นอนที่นางาซากิ ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน บางคนบอกว่าเพียงแค่ฮิโรชิมา ญี่ปุ่นก็ยอมแพ้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทิ้งที่นางาซากิอีก แต่ด้วยสภาวะความโหดร้ายของสงคราม ระเบิดที่นางาซากิ ดูเหมือนจะตอบโจทย์ในเรื่องการทดลองอาวุธได้ชัดเจนกว่า เพราะระเบิดสองลูกนี้ไม่เหมือนกัน ที่ฮิโรชิมาเป็นยูเรเนียม ที่นางาซากิเป็นพูลโตเนียม

อเมริกาโหดร้ายหรือไม่ ผมคงตอบว่าโหดร้าย แต่ทหารญี่ปุ่นก็โหดร้าย ความโหดร้ายของทหารญี่ปุ่น ทำให้การยับยั้งชั่งใจทางศีลธรรมของอเมริกาแทบไม่มีความหมาย ชีวิตของทหารอเมริกันนับแสนคนที่ตายไปก่อนหน้านั้น ทำให้ความโกรธ ความเกลียด เอาชนะมโนสำนึกของการฆ่าโดยการใช้ระเบิดปรมาณูไปเสียสิ้น ญี่ปุ่นยอมแพ้ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข หลังจากการทิ้งระเบิดที่นางาซากิ ด้วยเกรงว่า จะมีระเบิดแบบนี้อีกหลายลูกถูกทิ้งลงบนแผ่นดินญี่ปุ่น และผมเชื่อว่าอเมริกาในขณะนั้นมีอีกหลายลูก และพร้อมจะทิ้งอีก โดยไม่สนใจว่าจะมีคนญี่ปุ่นตายไปอีกกี่คน

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่ต่อต้านสงคราม เพราะได้ลิ้มรสของสงครามมากกว่าผู้ใด จำนวนการตายของทหารและพลเรือนญี่ปุ่น ไม่ได้มากไปกว่าจำนวนผู้ตายของชาติอื่น ๆ ในสงครามโลกเลย ทุกประเทศตายกันเป็นเบือ ในจำนวนที่ไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ระเบิดปรมาณูมีผลต่อจิตใจมากกว่าด้วยอำนาจการทำลายล้างของมัน ความหวาดกลัวต่อสงครามนิวเคลียร์ได้แพร่ออกไปทั่วโลกโดยมีญี่ปุ่นเป็นศุนย์กลาง


ผมคงจะไม่สามารถพูดอะไรได้มาก นอกจาก ขอไว้อาลัยแด่ผู้สูญเสีย ทั้งจากสงครามโลกและจากการทิ้งระเบิดปรมาณูทั้งสองลูก สงครามเป็นเรื่องเลวร้ายไม่ว่าจะเกิดกับชาติเผ่าพันธุ์ใด หวังว่าสักวันหนึ่ง โลกของเราจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ ไม่มีสงครามอีกต่อไป ครับ


May peace be on earth



คนในวงการ



 
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #13 เมื่อ: 01-04-2007, 21:27 »



บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #14 เมื่อ: 02-04-2007, 03:54 »

 

กรุณาเตรียม กระดาษทิชชู   ..ก่อนเข้าไปชม นะฮะ


http://www.youtube.com/watch?v=8JGu__2h5Co

http://www.youtube.com/watch?v=x9lwvImJqT0&NR=1

http://www.youtube.com/watch?v=CqgFZ3z_RZc&NR=1

http://www.youtube.com/watch?v=WY8pC23_Hlk&mode=related&search=

http://www.youtube.com/watch?v=9cPNnVGmu-w&mode=related&search=

http://www.youtube.com/watch?v=z-YS81BLZlQ&mode=related&search=

http://www.youtube.com/watch?v=7pMac_pc0Jg&mode=related&search=

http://www.youtube.com/watch?v=slTpUnACNqU&mode=related&search=




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2007, 04:13 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #15 เมื่อ: 02-04-2007, 08:20 »

วัฒนธรรมเป็นสิ่งบ่งเพาะคนในชาติ
ญี่ปุ่นเอกก็เป็นชาตินักรบ แต่ที่ไม่เห็นการตั้งกองกำลังและไปรบกับชาวบ้าน
ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากสงครามโลกครั้งที่สอง ที่บังคับให้ญี่ปุ่นเองไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
อีกส่วนการรบที่เปลี่ยนสนามรบไปในภาคธุรกิจ นำความมั่งคั่งและการยึดครองได้ดีกว่าเป็นไหนๆ
แต่เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนผมเชื่อว่า
ญี่ปุ่นจะเป็นชาติที่จะก่อสงครามไม่น้อยไปกว่าอเมริกาแน่นอนครับ

มองแบบนี้ก็สะท้อนใจ วัฒนธรรมของชาติไทย
หมดศึกนอก ก่อศึกใน
หมดศึกในต่างหวังกอบโกย
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 02-04-2007, 08:52 »



เมื่อสงครามเริ่มต้น โอกาสที่คู่กรณีจะทำให้ยุติได้โดยไม่ต้องมีการสูญเสียอย่างหนักของทุกฝ่าย มีน้อยมาก

ในยามสงบจึงจะต้องปกป้องความรุนแรงของสงคราม โดยการจำกัดอาวุธร้ายแรงที่ใช้รุกรานทุกชนิด

หันมาเน้นการป้องกันเป็นหลักโดยส่วนใหญ่ครับ หากพลังงานน้ำมันขาดแคลน และหัวรบนิวเคลียร์ถูกลดปริมาณลงจนหมดสิ้นไป

สิ่งที่จะถูกใช้ ก็คืออาวุธเคมี หรืออาวุธเชื้อโรค (เพราะอาวุธชนิดอื่นๆแพงเกินไป)ซึ่งจะทำให้คนตายจำนวนมากโดยไม่ทำอันตรายสิ่งก่อสร้างแต่ก็ทำลายสภวะแวดล้อมของโลกอย่างหนักได้



แนวทางเดียวที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลสูงสุด คือป้องกันสงครามอย่าให้เกิดขึ้นครับ 
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 02-04-2007, 09:26 »



Heal_the_world 


MP3


http://www.esnips.com/doc/0b3b72dd-e581-4d6b-9ac9-b0ad3501f0cd/Heal_the_world


http://www.esnips.com/doc/c6235e25-5cfc-4ddd-a838-b670d0048f03/Heal-the-world---Micheal-Jackson


WMA

http://www.esnips.com/doc/8f40910a-4d49-4500-8800-c8ad0264e3b2/Heal-the-world

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2007, 10:19 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 02-04-2007, 13:42 »

เข้ามาดูรูปที่อนาถ่ายมา สวยดี (ถ่ายเก่งแล้วนิ)

มีเพลงประกอบด้วย  Very Happy

* ประวัติศาสตร์ที่คาดว่าคงไม่มีโอกาศได้เกิดขึ้นอีก
..... เพราะถ้าเกิดขึ้น คงไม่เหลือคนซักคนในโลก...  Cool
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 02-04-2007, 23:02 »

ตอนเด็กๆ เคยดูวิดิโอสารคดีอ่ะ โคตรน่ากลัวเลยแหละ 

จะมีภาพคลาสสิค คือ ภาพเงาคนที่ทาบติดกับบันได 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #20 เมื่อ: 03-04-2007, 20:15 »

ขอบคุณพี่ๆๆทุกคนที่เข้ามาเยือนค่ะ
ขอบคุณพี่ลูกหิน ที่เข้าใจหาภาพมาประกอบให้สมบูรณ์ยิ่ง เข้าใจหานะค่ะ 

ส่วนคุณคนในวงการสมแล้วที่หนูเชื่อว่าเกิดในยุคนั้นจริงๆๆ  ไม่ผิดหวังค่ะ ได้ความรู้อีกแย้ว เอ่อ หนูจำได้ว่าไม่ได้ใช้คำว่านิมนต์นะค่ะ 

แต่พี่นทร์นี่ซิให้กำลังใจดีจัง เด๋วอนาจะไปถ่ายรูปช่วงสปริงดอกไม้บานมาให้ชื่นชมต่อค่ะ เพราะกำลังซื้อกล้องตัวใหม่พอดี

ลุง Q หายไปไหนมา หนูว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดก็คือมนุษย์ที่บ้าอำนาจค่ะ เช่นไอ้บรูช หน้าเหลี่ยมเป็งต้น

คุณlogin not found  อนาว่า ที่ญี่ปุ่นไม่สามารถรบได้เพราะสัญญาหลังจากพ่ายแพ้สงครามค่ะ แต่ตอนนี้อเมริกามีปัญหากับ เกาหลีเหนือ และจีน ซึ่งเป็นภัยกับเมกาและญี่ปุ่นอยู่ตอนนี้ ยังไงเมกาก็ห่วงอำนาจทางนี้ค่ะ เลยจะให้พันธมิตรญี่ปุ่นดูแลไป ทางญี่ปุ่นเลยขอเปลี่ยนแปลงสัญญาขอมีกระกรทรวงกลาโหมนับแต่นี้ต่อไป ซึงกำลังร่างกฏหมายอยุ่ค่ะ 

ส่วนสาเหตุที่ญี่ปุ่นทำไมทำสงครามนั้นไม่ใช่แต่น้ำมันนะค่ะ แต่เพราะความเคียดแค้นจริงชังเมกา ในสมัยก่อน ที่เคยนั่งเรือมาค้าขายรังแกข่มเหงชาวญี่ปุ่นไว้มากมาย นี่ฟังจากป้าๆๆอนาและอาจารย์มา อิอิ

คุณแอ่นแอ๊น  อย่าลืมติดตามภาคต่อไปนะค่ะ อนาจะลงภาพคนญี่ปุ่นที่ได้รับผลของการรับรังสีค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2007, 20:24 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #21 เมื่อ: 15-04-2007, 17:27 »



เอามาฝากให้สำหรับผู้ที่สนใจค่ะ


การบรรยายเรื่อง "คนไทยกับระเบิดปรมาณู ที่ฮิโรชิมา (6 ส.ค. 1945)"

ศููููนย์มานุุษยวิิทยาสิิริินธร ขอเชิิญฟังการบรรยายวิิชาการเรื่ื่อง

"คนไทยกัับระเบิิดปรมาณู ที่ฮิิโรชิิมา (6 ส.ค.1945)"


วัันที่ 3 พฤษภาคม 2550 เวลา 13.30-15.00 น.

ห้อง 207 ชั้น 2 ศูนย์มานุุษยวิิทยาสิิริินธร


วิทยากร รศ.ฉลอง สุุนทราวาณิิชย์



http://www.sac.or.th/web2007/event/files/atom.pdf
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
หน้า: [1]
    กระโดดไป: