เศรษฐกิจไทยปริ่มวิกฤติปี 40 รายได้รัฐหด-อัตรา การใช้กำลังการผลิตรูด 62.3% [30 มี.ค. 50 - 04:34]นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังในเดือน ก.พ. ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่เร่งตัวสูงขึ้น ถึงแม้ว่าการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเบิกจ่ายในเดือน ก.พ. ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 78.2% โดยรายจ่ายรวมมีจำนวน 200,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 136,900 ล้านบาท รายจ่ายลงทุน 54,400 ล้านบาท และรายจ่ายเหลื่อมปี 9,000 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม แม้รายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในเดือนนี้ จะใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 103,100 ล้านบาท แต่อัตราการขยายตัวของรายได้ ที่ชะลอลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 2.8% ต่อปี บ่งชี้ถึง ภาวการณ์การใช้จ่ายภายในประเทศที่ชะลอลง
สำหรับเครื่องชี้ด้านอุปทาน พบว่า ดัชนีผลผลิตการเกษตรขยายตัว 8.7% ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 5.3% เนื่องจากผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ข้าว และอ้อย ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากที่หดตัวถึง -7.1% ในเดือน ม.ค. มาหดตัวลดลงที่ -1.3% ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรม บ่งชี้ ว่าการขยายตัวชะลอลง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.2% ลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 8.2% อุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง ได้แก่ ยานยนต์ ที่ผลิตลดลงตามการใช้จ่ายภายในประเทศที่ลดลง สิ่งทอซึ่งลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน และการผลิตในหมวดเคมีภัณฑ์ที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางแห่ง เป็นต้น
ส่วนอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกบางประเภท เช่น อุตสาหกรรมการผลิต Hard Disk Drive และแผงวงจรไฟฟ้า ยังสามารถขยายตัว ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 62.3% สอดคล้องกับการชะลอตัวลงของดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในด้านเครื่องชี้ภาคบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยวพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 1.27 ล้านคน
“สิ่งที่ สศค.เป็นห่วงคือ การใช้จ่ายภายในประเทศยังคงชะลอลงต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนจากภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ 4.6% ต่อปี ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 6.9% ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 6 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ความไม่ แน่นอนทางการเมือง และความไม่แน่นอนในทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต ส่วนเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากภาษีที่จัดเก็บจากธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องที่ -0.6%”
สำหรับการส่งออกในเดือน ม.ค.ที่มีมูลค่า 10,490 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 17.7% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.2549 ที่ขยายตัว 16.5% ดังนั้นการส่งออกจึงยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 9,610 ล้านเหรียญ ขยายตัว 2.4% ลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 5.1% สอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลง โดยดุลการค้าเกินดุล 880 ล้านเหรียญติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 (ส.ค.49-ม.ค.50) ทำให้ สศค.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวที่ 4-4.5% เท่าเดิม
ส่วนเสถียรภาพภายในและภายนอกยังอยู่ ในระดับที่แข็งแกร่งมาก โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของเดือน ก.พ.ขยายตัวต่ำ 2.3% ปรับตัวลดลงจาก 3.0% ในเดือนก่อน หนี้สาธารณะในเดือน ม.ค.ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 37.4% ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ 50% ค่อนข้างมาก นางพรรณี ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยว่า หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวจะปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 3.75-4.25% ก็จะช่วยจูงใจ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุน และการบริโภคขยายตัวได้มากขึ้น
ส่วนมาตรการอื่นๆที่จะนำเข้ามาช่วยเสริมทั้งในระยะสั้น และกลาง ขณะนี้ยังไม่มี คงมีแต่เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบันเท่านั้นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ไปก่อนหน้า พร้อมๆกับความพยายามในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ “สศค.เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยควรลดลงมากกว่าที่ได้ทำไปแล้ว เพราะเงินเฟ้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดอกเบี้ยจึงควรลดลงถึงระดับที่จูงใจให้การลงทุนกลับมา และเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=41866เขาบอกให้ปราบคนชั่ว เผด็จอำนาจสร้างความเชื่อมั่น ก็ไม่ทำ เสือกกระแดะเป็นประชาธิปไตย สมานฉันท์กับตะกวด ไอ้ฤาษีเลี้ยงตะกวด กลับอาศรมไป๊ !!!
อัปรีย์ไป จัญไsมา เจงๆ
จะเจ๊งก็รีบๆเจ๊งเดี๋ยวนี้เลย จะได้มากวาดเก็บซากของถูกลดราคากันใหม่ ใคร diversify ไปจากประเทศสาระขันแล้วก็เตรียมเก็บเกี่ยวดอกผลไปนะคร๊าบบบบ ใครมัวหลงฟองสบู่ "โจรหน้าเหลี่ยม" กับ "ฤาษีเลี้ยงตะกวด" งานนี้เละกว่า 40 เพราะสถานการณ์การเมืองเละกว่าอีก ตัวใครตัวมันนะคร๊าบบบ