เดิมพันในการต่อสู้ครั้งนี้ สูงด้วยกันทั้งสองฝ่ายค่ะ ทั้งสองฝ่ายที่ว่า ไม่เพียงกลุ่มอำนาจปัจจุบัญกับกลุ่มอำนาจเก่าเท่านั้น แต่เป็นกลุ่มคนที่มีความเชื่อในการปกครองสองระบอบ เข้ามาต่อสู้กัน
ม็อบของกลุ่มอำนาจเก่า เป็นม่านบังตาให้กลุ่มคนอีกกลุ่ม ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอีกครั้ง หลังมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เมื่อปี 2475 หรือ 75 ปีมาแล้ว กลุ่มนี้ประกอบด้วยบุคคลซึ่งเคยจับอาวุธต่อสู้มาแล้ว และต้องพ่ายแพ้ต่อแนวนโยบายสมานฉันท์ครั้งแรก อันมีชื่อว่า 66/23
เมื่อผู้หลงผิดกลับใจเกือบหมด คนเหล่านี้ก็หมดแขนขา หากจะสู้ต่อไปในวันนั้น ก็ต้องสู้โดยลำพัง และคงสิ้นชีวิตกันไปหมดแล้ว คนเหล่านี้ ซมซานกลับเข้ามาในสังคม แอบแฝงรอวันเวลา ที่จะทำตามแนวคิดของตนอีกครั้ง
อีกทั้งคนซึ่งเจ็บปวดกับความยากไร้ ตะกายขึ้นจากหล่มของความจนได้อย่างยากลำบาก และยังฝังใจเคียดแค้นกับอดีตของตน โทษระบอบว่าเป็นตัวการ และหวังจะร่วมในการพลิกแผ่นดิน
มันไม่ใช่สงครามของ คมช. กับ กลุ่มอำนาจเก่า แต่เพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว และวันนี้หัวของกลุ่มอำนาจเก่า อาจจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ตนเองซึ่งคิดว่าเป็นผู้นำ เป็นลีดเดอร์ แต่ที่จริงถูกกลุ่มคนอีกกลุ่มหลอกใช้มานาน
เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราญ
อ่านความคิดเห็นน้องพรรณชมพู ไปเจอบทความนี้ เลยเอามาฝากค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------
นพ.เหวง โตจิราการ เงาร่าง"สหายเข้ม"
จั่วเตือนกันเป็นเบื้องต้นเลยว่า หมอเหวง - นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย คือ มนุษย์สายพันธ์ ที่ คมช. และรัฐบาลควรอนุรักษ์ งานนี้ ถ้าไม่รู้จักแยกมิตรแยกศัตรู มีหวัง พังกันเป็นแถบ
แน่นอนว่า ประเด็นและท่าทีเคลื่อนไหว ของ หมอเหวง และเครือข่ายฯ อาจดูจะเป็นแนวร่วมกับกลุ่มขั้วอำนาจทักษิณ แต่เป้าหมายและเจตนารมณ์ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอนหมอเหวง และพวก ยืนยันในหลักการ แต่ ขั้วอำนาจทักษิณ ยืนยันตัวบุคคล คือ "อดีตนายกฯหน้าเหลี่ยม"
หมุนเข็มนาฬิกาไปในห้วงไม่ใกล้ไม่ไกล ยุคไล่ทักษิณ หมอเหวง -หมอสันต์ หัตถีรัตน์ และครูประทีป อึ๊งทรงธรรม (ฮาตะ) มีจุดยืนในการต่อสู้ค่อนข้างชัด คือ เอาหลังพิงหลักการ "ไม่เอาทักษิณ" และ "นายกฯมาตรา ๗" หรือ "นายกฯพระราชทาน"
แนวทางการต่อสู้แม้จะร่วมกันตี แต่ก็แยกกันเดิน กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเกิดการปฏิวัติ ๑๙ กันยา ฯ "๒ หมอ ๑ ครู" จึงปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งใดๆ หรือร่วมสังฆกรรม กับ รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ
อันนี้เป็นเรื่องของหลักคิด เพราะในแวดวงสื่อมวลชนด้วยกันเองก็เถอะ ยังมีสื่อบางส่วน ไม่เอาทักษิณ และไม่เอารัฐบาลปฏิวัติ - คมช.
การผลักดัน ร่าง พรบ. วิทยุและโทรทัศน์สาธารณะ และกฎหมาย ที่แม้ประกันสิทธิเสรีภาพสื่อ หรือเกิดได้ยากในรัฐบาลที่มีที่มาจากนักเลือกตั้ง ก็ยังขาดแนวร่วมจากสื่อกลุ่มนี้ไปด้วยเหมือนกัน ยกตัวอย่างคือ "สุภิญญา กลางณรงค์" คนที่ถูก บ. ชินฯ ฟ้องเป็นพันล้าน นั่นแหละ
ถ้า แกนนำ คมช. หรือ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้น้ำหนักเมื่อครั้ง "ธีรยุทธ บุญมี" วิจารณ์ "ฤาษีเลี้ยงเต่า" ว่า เป็น คำเตือนจากเพื่อน ก็ควรเหมารวมกรณี ๒ หมอ ๑ ครู เข้าอยู่ในกลุ่ม "มิตรย่อมเตือนมิตร" ด้วย
และว่าอันที่จริงแนวคิดและตัวตนของหมอเหวง เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่หนึ่ง
เหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ก็เคยขบเหลี่ยมกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หรือย้อนไปสมัยที่เข้าป่า หมอเหวง- สหายเข้ม ก็ขบเหลี่ยมกับระดับนำของ พคท. เหมือนกัน เอาว่า ขนาด ธีรยุทธ บุญมี ก็เคยโดนโต้ทฤษฏีจากหมอเหวงมาเหมือนกัน
ประวัติ "หมอเหวง" เป็นแกนนำนักศึกษามหิดล มีตำแหน่งประธานพรรคแนวร่วมมหิดลและนายกสหพันธ์นักศึกษามหิดล ในกาลต่อมา
บุคลิก ธัมมะ-ธัมโม ทำให้เพื่อนๆเรียก "ท่านมหา" แต่แม้ใฝ่ทางธรรม ก็ยังเอาจริงเอาจังกับงานทางโลกสู้เพื่อชาวนาและกรรมกร
หมอเหวงเข้าป่า เพราะชะตากรรมเหมือนแกนนำในยุคก่อนเกิดเหตุการณ์ ๙ ตุลา ทิ้งภารกิจการนำนักศึกษามหิดลให้ หมอมิ๊ง - นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
ชื่อจัดตั้งของ "หมอเหวง" คือ "สหายเข้ม" พรรคมอบหมายให้ทำงานในแนวหน้า ฐานที่มั่นภูพาน
พคท.ประสบปัญหาความขัดแย้งเชิงทฤษฏีของแกนนำพรรค สหายเข้มเป็นหนึ่งในกลุ่มสหายที่กล้าทวนกระแส ขบเหลี่ยมกับแกนนำ พคท.
"ฝ่ายปฏิกิริยา" และ "ซ้ายตกขอบ" คือ ข้อกล่าวหาโจมตีสาดใส่เข้าหากัน (ยุคปัจจุบันดูเหมือนจะมีการสร้าง "วาทกรรม" สาดสีกันเหมือนเคย อาทิ "ศักดินาที่ล้าหลัง ยังดีกว่าทุนใหม่ที่สามานต์" และ "ทุนใหม่ที่ชั่วช้ายังดีกว่า ศักดินาที่ล้าหลัง" )
ยุคนั้น "สหายเข้ม" เขียนหนังสือ "ป่าแตก" ประกาศรบทางความคิดกับแกนนำ พคท. คู่วิวาทะที่จับคู่กัน คือ "สหายขวาน" หรือ "พิรุณ ฉัตรวณิชกุล"
เปรียบเทียบกับปัจจุบัน เคยมีรายงานข่าวว่า "หมอเหวง" ไปร่วมงานชุมนุมศิษย์เก่าภูพาน และได้วิจารณ์ "วาระซ้อนเร้น" ของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมแจกเอกสาร 'คำอธิบายสถานการณ์การเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "การชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ เป็นการเริ่มต้นโดยกลุ่มทุนใหญ่ที่เสียประโยชน์กับกลุ่มอนุรักษ์จารีตนิยม..
"ทิศทางการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ยังนำโดยกลุ่มอนุรักษ์จารีตนิยมและกลุ่มทุนใหญ่ที่เสียประโยชน์ เพื่อให้เกิดรัฐบาลพระราชทานรัฐธรรมนูญที่คืนอำนาจให้สถาบันกษัตริย์ ซึ่งล้วนแต่นำพาสังคมไทยให้ถอยหลังไปอีกหลายก้าว"
ไม่กี่วันก่อน "หมอเหวง" นำขบวนออกมาไล่ คมช. โดยพุ่งเป้าไปที่ "พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร" ซึ่งเป็นขุนศึกรบเคียงไหล่มากับ พันธมิตรประชาชนฯ และ พยายามตีเป้าใหญ่ คือ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" หมอเหวง เลยโดยข้อกล่าวหา "เปลี่ยนสี" ในบัดดล
หมอ กับ การมีส่วนร่วมทางการเมืองนั้นต้องยอมรับว่า อาจมีความต่างและแปลกแยกจากบรรดาแกนนำที่เติบโตทางความคิดมาจากสายสังคมศาสตร์ เพราะคนที่คิดแบบวิทยาศาสตร์ ก็ย่อมจับเหมารวมทุกอย่างให้อยู่ในกรอบวิทยาศาสตร์ บางทีมันก็อาจเลยเถอดไปถึงขั้นทุกอย่างต้องมีเหตุผล ๑ บวก ๑ ต้องได้เท่ากับ ๑ จะทะลึ่งตอบแบบปัญหาเชาว์ ได้ ๑๑ หรือ ได้ ๑ อันนี้ไม่อยู่ในสารบบ
ความคิดแบบวิทยาศาสตร์ บางทีก็เลยถูกมองว่าเป็นการเคร่งครัดเมื่อนำมาจับกับปรากฏการณ์สังคมการเมือง หรือบางทีอาจมองว่าเป็น กรอบคิดที่ไร้เดียงสาไปเลยว่างั้น
แต่สังคมทุกวันนี้ จะสุดโต่งเป็น ยาม , รปภ. หรือ หาส่วนผสมวิชาเทพ-วิชามาร มันก็ยังต้องมีความคิดแบบไร้เดียงสามาถ่วงดุลด้วย
ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม หมอเหวง - อ.ใจ อึ้งภากร น่าจะเป็นผลด้วนบวกด้วยซ้ำไป หากจะมีการมองว่า ภายใต้รัฐทหาร หน่อเนื้อประชาธิปไตยก็ยังมีโอกาสได้แสดงบทบาท
"ซ้ายหัน-ขวาหัน-หน้าเดิน-ระเบียบพัก" ใช้ได้เฉพาะกับ "ไอ้เณร" น่ะ..คุณโยม
http://www.innnews.co.th/innexct/mar50_v34/p8.php