ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 19:58
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ลองทบทวนสักนิดดีมั๊ยว่า สู้เพื่อ " .... ".หรือต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกันแน่.!!! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ลองทบทวนสักนิดดีมั๊ยว่า สู้เพื่อ " .... ".หรือต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกันแน่.!!!  (อ่าน 1051 ครั้ง)
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« เมื่อ: 28-03-2007, 09:18 »






พูดได้คำเดียวสั้นๆว่า  ....ลองทบทวนลำดับความ
คิดใหม่สักครั้งดีมั๊ย..
ก่อนที่จะออกไปประท้วง.....

โปรดระวัง !!!....จะยอกอก  ไม่รู้ตัว ...  ใครล่ะเป็นผู้คิดพระราชกำหนด
ที่เรียกท่านสนธิเข้ามารายงานตัวเมื่อคืนนั้น   มาวันนี้ ...พรบ. นั่นล่ะ
จะถูกกลับนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง



**************************************************************


แล้วพลังเงียบจะเป็นผู้ตัดสิน (บทบรรณาธิการ)   
 
 

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยแพร่ผลสำรวจชาวกทม.และปริมณฑลครั้งล่าสุดภายใต้หัวข้อ"อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนต่อสถานการณ์การเมืองขณะนี้"พบว่า ในช่วงระยะเวลา 1 เดือน ที่ผ่านมา ความนิยมในรัฐบาลลดลงกว่าครึ่งจากร้อยละ 31.3 เหลือเพียงร้อยละ 12.5 ซึ่งถือเป็นจุดวิกฤติ


 อย่างไรก็ตาม แม้คะแนนนิยมของรัฐบาลจะลดลงอย่างน่าวิตกแต่เสียงของกลุ่มที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญโดยเพิ่มเพียงจากร้อยละ 4.2 มาเป็นร้อยละ 5.4 แต่ที่น่าสังเกตก็คือ ประชาชนที่เป็นพลังเงียบกลับเพิ่มจำนวนมากขี้นอย่างเห็นได้ชัดจากร้อยละ 64.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 82.1

 ส่วนในประเด็นที่ม็อบกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และรัฐบาลพบว่า ร้อยละ 43.5 ไม่เห็นด้วย เพราะอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขไม่อยากให้กลุ่มอำนาจเก่าสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง และต้องการให้โอกาสคมช.และรัฐบาลทำงานต่อไป ขณะที่มีเพียงร้อยละ 22.4 ที่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว เพราะอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วและอยากให้บ้านเมืองดีขึ้น รวมทั้งไม่ชอบเผด็จการ


 นอกจากนี้ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 70.2 เชื่อว่าม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคมช.และรัฐบาลมีเบื้องหลังแอบแฝงทางการเมือง ขณะที่ร้อยละ 29.8 เชื่อว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย

  ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะไม่พอใจในผลงานที่ล้มเหลวล่าช้าของคมช.และรัฐบาล แต่ก็ไม่อยากให้ระบอบอำนาจเก่ากลับมามีอำนาจบริหารบ้านเมืองอีก รวมทั้งสาธารณชนยังแสดงปฏิกิริยาอย่างชัดเจนไม่ต้องการให้กลุ่มอำนาจเก่าเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ เพื่อปูทางสู่การกลับคืนสู่อำนาจ

 ปฏิกิริยาสะท้อนของสาธารณชนดังกล่าวยังชี้แนวโน้มว่า คณะผู้บริหารประเทศชุดใหม่ซึ่งเป็นทางเลือกที่สามน่าจะเป็นความหวังที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเฝ้ารอหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่จะมีขึ้น ขณะที่ประชาชนที่เป็นพลังเงียบจะมีบทบาทอย่างสำคัญในการกำหนดโฉมหน้าทางการเมืองนับจากนี้ไป

 ดังนั้น จากผลสำรวจของเอแบคโพลล์ข้างต้นสมควรที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะหันมาทบทวนบทบาทตัวเองเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสาธารณชน โดยในส่วนของกลุ่มการเมืองควรยุติความเคลื่อนไหวที่จะเป็นชนวนนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง ขณะที่คมช.และรัฐบาลเองควรใช้เวลาแห่งอำนาจที่เหลืออยู่สร้างผลงานให้เข้าตาสาธารณชน และรีบคืนอำนาจแก่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เจ้าของประเทศที่แท้จริงโดยเฉพาะพลังเงียบเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดและกำหนดอนาคตของบ้านเมือง

http://www.naewna.com/news.asp?ID=53797

.........................................................................................................

คมช.ฮึ่มใช้ไม้แข็ง 2 วันสยบสารพัดม็อบชี้"อำนาจเก่า"อย่าโอด
27 มีนาคม 2550 23:53 น.

คมช.ใช้ไม้แข็งสยบม็อบการเมือง เล็ง 2 วันออกมาตรการเข้ม เผย "สนธิ" ห่วงมือที่สองสร้างสถานการณ์ ลั่นอำนาจเก่าอย่ามาโอดครวญ แฉตีตั๋วรถไฟเข้ามาแล้ว ตร.จัด "ม็อบแท็กซี่-พีทีวี" เข้าก๊วนเดียวกัน

มาตรการเข้มที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เตรียมประกาศบังคับใช้ภายใน 2 วันนี้ หลังจากที่ตรวจสอบดูแล้วพบว่า กฎหมาย 3 ฉบับที่มีอยู่นั้นไม่สามารถควบคุม โดยคาดกันว่าจะเป็นกฎหมายที่ออกโดยรัฐบาล

 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ได้เข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงมาตรการที่จะใช้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง โดยเฉพาะกลุ่มพีทีวีที่มีการใช้ถ้อยคำรุนแรง เข้าข่ายละเมิดผู้อื่น รวมถึงโจมตีการทำงานของ คมช.และรัฐบาล พร้อมทั้งยังมีพฤติการณ์ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกด้วย

 การหารือระหว่างประธาน คมช.กับนายกรัฐมนตรี มีขึ้นภายหลังการประชุม คมช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก ในช่วงเช้า ซึ่งมีการเชิญ พล.ต.ท.อดิศร นนทรี ผบช.น. และ พล.ต.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) เข้ารายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านการทำงานของ คมช.และรัฐบาล ที่บริเวณท้องสนามหลวง รวมทั้งมาตรการการควบคุมการชุมนุม และได้ข้อสรุปว่า จะต้องออกมาตรการเข้มข้นมากกว่า อำนาจตามกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มาบังคับใช้อย่างเข้มงวดกับกลุ่มผู้ชุมนุม และ พ.ร.บ.ก่อสร้างในสถานที่สาธารณะ

 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช.แถลงว่า พล.ต.ท.อดิศร ได้เข้าชี้แจงการปฏิบัติงานของตำรวจต่อการชุมนุมในพื้นที่ท้องสนามหลวง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเสนอแนะแนวทางในเรื่องการรักษาความสงบในพื้นที่กรุงเทพฯ และการดำเนินการต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะมีขึ้นในโอกาสต่อไป

 โฆษก คมช. กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มี พ.ร.บ.เกี่ยวกับการควบคุมการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ ทั้งที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวในประเทศสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียมี คมช.จึงให้ข้อเสนอแนะว่า ควรจะเอาแนวทางในการนำกฎหมายที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 ทั้งนี้ คมช.มีความห่วงใยสถานการณ์การชุมนุมว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และส่งผลกระทบต่อการลงประชามติ รวมทั้งกรอบของเวลาในการเลือกตั้ง ที่ คมช.ยืนยันว่า พร้อมให้มีการเลือกตั้งก่อนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม คมช.ได้รับข้อเสนอของตำรวจไว้ และขอเวลาพิจารณาตกลงใจไม่เกิน 1-2 วัน จะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดออกมา แต่มาตรการดังกล่าวไม่ถึงกับต้องประกาศกฎอัยการศึก หรือประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะประชาชนคำนึงถึงชีวิตประชาชน และภาพลักษณ์ของประเทศอยู่แล้ว

 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า การจัดงานกาชาดในที่ประชุมพูดถึงการเตรียมความพร้อมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย และเชิญชวนประชาชนมาเที่ยวงานในปี 2550 ทั้งนี้ มาตรการดูแลความปลอดภัย ตำรวจนครบาลร่วมกับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ จะนำมาตรการต่างๆ ที่เคยใช้จัดกิจกรรมที่สำคัญมาใช้อีกครั้ง ซึ่งปีนี้จะเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยการนำเครื่องตรวจเอกซเรย์ ที่เรียกว่า "WALK THROUGH" มาใช้ร่วมกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบมือถือ รวมถึงจัดชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ สุนัขทหาร-ตำรวจ การใช้กล้องวงจรปิดติดตั้งทั่วบริเวณงาน ส่วนถังขยะจะใช้แบบโปร่งใส โดยมีเจ้าหน้าที่เก็บบ่อยครั้ง มั่นใจว่าจะสามารถดูแลความปลอดภัยได้

อ้างประชาชนรอดูความเด็ดขาดของคมช.

 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใช้กฎหมายควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุม คมช.มีการหารือกัน แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียดกฎหมายฉบับใดบ้าง ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณา เพราะคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาในหลายๆ เรื่อง กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพของผู้ที่มีเจตนาบริสุทธิ์ ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ ในหลายๆ มาตรการได้คำนึงถึงเรื่องนี้ ไม่เกิน 2 วันจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

 "ในประเทศรอบบ้าน อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ พิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เขามี พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ คือ ต้องแจ้งว่าจะมีการพูดเรื่องอะไร มีจุดมุ่งหมายอะไร มารวมกี่คน และใช้เวลาเท่าไร แต่ประเทศไทยยังไม่มี ซึ่ง คมช.ได้รับข้อเสนอจากตำรวจไว้ และจะมีการหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้ามีความเหมาะสมก็จะเสนอต่อ สนช.ว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ทั้งนี้ เป็นเพียงแนวคิดในเบื้องต้น ซึ่ง คมช.รับไว้พิจารณา"


 ต่อข้อถามว่า เป็นข้อเสนอของตำรวจให้ตรากฎหมายใหม่ใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งตำรวจเสนอ ซึ่ง คมช.ก็มองว่ามีความจำเป็น เพราะการชุมนุมมีการพูดจาหมิ่นเหม่ เหยียดหยาม เสียดสี จาบจ้วงต่อบุคคลต่างๆ ซึ่งบุคคลที่พูดถึงก็เป็นตัวแทนของคุณธรรมที่คนทั่วไปให้การยอมรับ

"ยกตัวอย่างเช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใช้ความอดทนมาตลอด ท่านไม่อยากไปเป็นคดีความ เนื่องจากเรื่องการบังคับใช้กฎหมายผู้ที่เสียหายต้องเป็นผู้ร้องต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งท่านไม่ประสงค์ที่จะทำ เพราะจะเป็นชนวนความแตกแยกขึ้น ซึ่งเป็นช่องโหว่ ดังนั้น หากมี พ.ร.บ.ตรงนี้ขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่จะทำให้การชุมนุมอยู่ในกรอบชัดเจนมากขึ้น" โฆษก คมช. กล่าว



 เมื่อถามว่า คมช.ทบทวนบทบาทตัวเองหรือไม่ ที่ผ่านมาไม่มีความเด็ดขาดในการใช้กฎหมาย พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หลายฝ่ายพูดกัน ซึ่งก่อนวันที่ 19 กันยายน ทุกคนรอฟังว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเปิดประเด็นชี้แจงเรื่องใด แต่วันนี้ปัจจัยการเมืองเปลี่ยนแปลงไป

"ประชาชนกำลังฟังว่า รัฐบาลและ คมช.จะทำอะไรที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเรามีข้อจำกัดในการใช้ตัวกฎหมาย เพราะจะร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่เฉพาะเรื่องนี้ ก็ไม่ควร และไม่รู้จะทันเวลาหรือไม่ ทั้งนี้ ข้อจำกัดกฎหมายที่มีอยู่เพียง 3 พ.ร.บ.เท่านั้น" โฆษก คมช. กล่าว


ชี้พีทีวีชัดเจนเคลื่อนไหวมีนัยการเมือง

 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่เข้าร่วมชุมนุมมีใครบ้างและจะดำเนินการอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีใครบ้างคงไม่ระบุเพราะสื่อมวลชนก็ทราบ ทั้งนี้

 เรื่องผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ มีอยู่ 3 กลุ่ม คือ

กลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนจากภาคเกษตรกร ซึ่ง คมช.รับทราบและพร้อมเป็นตัวกลาง รัฐบาลพร้อมรับข้อมูลปัญหา โดยกลุ่มเกษตรกรจะมาจากต่างจังหวัดเป็นหลัก ดังนั้น หากทราบปัญหาเกิดตรงไหน คมช.และรัฐบาลพร้อมลงไปพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาและหาทางแก้ไข

 กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งมีความชัดเจนและมีจุดยืน กลุ่มนี้คงไม่ต้องทำอะไร เพราะเวลาผ่านไป รัฐธรรมนูญมีความชัดเจนมากขึ้น เนื้อหาสาระทุกคนยอมรับได้ มีการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนประมาณก่อนสิ้นปี 2550 เชื่อว่า กลุ่มนี้คงจะลดน้อยลงไป แต่กลุ่มสุดท้ายที่มีนัยทางการเมืองแฝงมาด้วยซึ่งคิดว่าทุกคนแปลเจตนาออก

 “กลุ่มพีทีวีที่เป็นแกนนำชุมนุมซึ่งลาออกจากพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเพิ่งลาออก จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแปลเจตนาว่ากระทำเพื่ออะไร แม้ว่ารักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยจะบอกว่าไม่ได้มีส่วนตรงนี้ แต่ต้องรอดูต่อไปว่าความจริงแล้วมีส่วนหรือไม่ ทั้งนี้ การเอาผิดตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 เป็นเรื่องยาก เพราะเขาลาออกจากพรรคการเมืองแล้ว แม้จะมีกลุ่มการเมืองที่ยังไม่ลาออกแอบแฝงมา แต่เราไม่พยายามให้เกิดปัญหา เนื่องจากทราบเจตนาที่แต่ละฝ่ายพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้มีการกระทำที่รุนแรงขึ้น” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว


เผยเจ้าหน้าที่รู้ทันม็อบหวังให้มีปะทะ   ต่อข้อถามว่า คมช.ได้หารือถึงกลุ่มที่ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีการสนทนากันระดับผู้ใหญ่ คงไม่มีปัญหาสำหรับกลุ่มมัชฌิมา ซึ่งในภาวะเช่นนี้ต้องการให้สถานการณ์สงบเรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ดุลพินิจแท้จริงในการรับไม่รับประชามติ และได้มีการเลือกตั้ง ดังนั้น การลงพื้นที่มีผลกระทบเยอะและได้อธิบายให้กลุ่มมัชฌิมาฟังในระดับผู้ใหญ่ ซึ่งท่านรับทราบแล้ว



 "หากให้ฟันธง คือ ขอความกรุณาจากท่าน อย่าเพิ่งดำเนินกิจกรรมเช่นนี้อีก แล้วท่านจะไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเป็นการประมาณการของผมว่าน่าจะเป็นลักษณะอย่างนี้"

 เมื่อถามถึงเวบไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” จะมีการจัดการอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า คมช.มองว่าการปิดกั้นสื่อมากไม่เป็นสิ่งดี ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารทางเวบไซต์เป็นดุลพินิจของประชาชน หากเขาจะทำอะไรก็ทำไป ไม่ว่าอะไร ทั้งนี้ คมช.มีความเป็นห่วง แต่ไม่วิตกกังวล เพราะเชื่อว่าประชาชนอ่านแล้วจะเข้าใจและรู้ที่มาที่ไป ซึ่งใครอ่านก็รู้ว่ามีการพยายามปลุก และกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับในปลายปี 2550 นั้น ที่ประชุมไม่มีการหารือ
 ส่วนกรณีที่ระบุว่า มีเงินสนับสุนนผู้ชุมนุม คมช.จะดำเนินการอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ฝ่ายต่างๆ ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ แต่การส่งท่อน้ำเลี้ยงการสนับสนุนเงินทุนไม่ใช่ของง่ายที่จะตรวจสอบ และมองว่าไม่น่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทัน

 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกัน 3,000-4,000 คน แล้วเจ้าหน้าที่ไปรื้อเวทีถึงแม้ว่าจะมีความผิดในแง่กฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ปลุกระดมปลุกเร้าให้ประชาชนที่มาร่วมการชุมนุมว่า เจ้าหน้าที่จะมารื้อเวทีแล้ว จะสู้ ไม่สู้ ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการก็จะเกิดการปะทะอย่างแน่นอน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะยึดในกรอบกฎหมาย แต่สิ่งที่เป็นภาพลักษณ์ออกไป คือ เจ้าหน้าที่กระทำรุนแรง ซึ่งเป็นประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งใจจะให้เกิด

 "สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการเจรจากันว่า เมื่อมาตั้งเวทีแล้วก็จะให้สนทนาปราศรัยระยะหนึ่ง โดยกำหนดให้เลิก 4 ทุ่ม เขาก็เก็บเวที แต่ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ ก็จะมีปัญหา เพราะฉะนั้น ในช่วงสัปดาห์ถัดไปหากมีการชุมนุมในชั้นต้นก็จะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือตำรวจ ว่าจะยอมให้เขามาสร้างเวทีทั้งๆ ที่ผิดกฎหมายหรือไม่ แต่เชื่อว่าในการพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ ของ คมช.ในวันนี้ และข้อเสนอของตำรวจจะมีความชัดเจนก่อนที่จะมีการชุมนุมในครั้งต่อไป"

 พ.อ.สรรเสริญ ย้ำด้วยว่า คมช.พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ยกเว้นกลุ่มอำนาจเก่า ที่ คมช.เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะให้ข้อเสนอ เพราะเป็นต้นเหตุของการเกิดความขัดแย้งในปัจจุบัน

 "เพราะฉะนั้น ถ้ามีความชัดเจนเช่นนี้แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องมีการพูดถึงเรื่องความยุติธรรม ผมไม่พร้อมฟังคุณ เพราะคุณเป็นต้นเหตุ และความเสมอภาคคงไม่เท่ากัน" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

เผย"สนธิ"กลัวมือที่สอง-เล็งใช้ไม้แข็ง

 ต่อข้อถามว่า ที่ประชุม คมช.ได้เน้นย้ำความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรากลัวมือที่สาม เข้ามาสร้างความวุ่นวาย แต่ พล.อ.สนธิ ก็บอกว่า ไม่ใช่กลัวมือที่สาม แต่กลัวจะเป็นมือที่สองมากกว่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามทำงานอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งการชุมนุมครั้งที่ผ่านมาได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,800 นายเข้าไปในพื้นที่

 อย่างไรก็ตาม พ.อ.สรรเสริญ ยืนยันว่า ในการชุมนุมวันที่ 30 มีนาคมของกลุ่มพีทีวีนั้น คมช.ไม่ได้รู้สึกกังวลใดๆ เพราะได้ติดตามสถานการณ์และมาตรการที่กำลังตกลงใจอยู่นี้จะเสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการชุมนุม ซึ่งเมื่อออกมาแล้วกลุ่มต่างๆ ก็น่าจะฟังกัน รวมทั้งกลุ่มที่ปฏิเสธรัฐธรรมนูญที่กำลังยกร่างกันอยู่

 ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า คมช.จะใช้มาตรการไม้แข็งจัดการ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งกฎหมายที่ตำรวจเสนอมาเห็นว่าดี อย่างไรก็ตาม การข่าวทราบกลุ่มผู้ชุมนุมมีการซื้อตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางมาร่วมชุมนุมในวันที่ 30 มีนาคม ส่วนม็อบที่สนับสนุน พล.อ.เปรม ก็ได้มีการพูดคุยและเข้าใจถึงจุดยืน และบทบาทของประธานองคมนตรี หากปล่อยให้เข้ามาเกรงว่าจะเกิดปัญหากระทบกระทั่ง

ตร.เตือนอย่าเพิกเฉยกับม็อบเกษตร

 รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ที่เข้ามาเคลื่อนไหวในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทางการข่าวได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลและ คมช. และกลุ่มเกษตรกร

 โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ประเมินแล้วมีประมาณ 8,000 คน โดยทางตำรวจสันติบาลได้ส่งกำลังเข้าไปดูแลและไกล่เกลี่ยให้อยู่ในความสงบ ซึ่งจากการประเมินแล้วน่าจะไม่มีความวุ่นวาย หรือบานปลาย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานไม่เข้าไปแก้ไข คาดว่าจะมีการรวมกลุ่มของ 2 กลุ่ม ทั้งม็อบต่อต้าน คมช. และเกษตรกร จนบานปลายยากแก่การดูแล

 สำหรับม็อบเกษตรกรขณะนี้มีความเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยม็อบหน้ากระทรวงเกษตรฯ น่าจะมีการยืดเยื้อปักหลักชุมนุมเป็นเวลานาน มีการเตรียมจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคมากักตุนไว้ ส่วนม็อบบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้ก็มีการสับเปลี่ยนกลับไปเอาเสบียงอาหาร

นับแล้วม็อบต้าน คมช.มี 4,250 คน

 ส่วนม็อบต่อต้าน คมช.และรัฐบาลมีประมาณ 10 กว่ากลุ่ม โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเคลื่อนไหวชุมนุมโดยตลอด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพฯ มีกลุ่มมวลชนมาเคลื่อนไหวประมาณ 4,250 คน โดยมีกลุ่มต่างๆ  ได้แก่ 1.กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ มีนายวราวุธ ฐานังกูร นายสุดชาย บุญไชย นายนพพร นามเชียงใต้ นางดารนี ชาญเชิงศิลปกุล เป็นแกนนำ

 2.กลุ่มเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหารมีนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง นายอดิศร เกิดมงคล นายอุเชนทร์ เชียงแสน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นแกนนำ โดยมีวัตถุประสงค์ให้นำรัฐธรรมนูญมี 2540 กลับมาใช้ใหม่

 3.กลุ่มเพื่อรัฐธรรมนูญ 2540 4.กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ มีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นายชัยรินทร์ กุหลาบดี เป็นแกนนำ วัตถุประสงค์เพื่อต้านรัฐประหาร 5.กลุ่มคนจนเมืองรักประชาธิปไตย 6.กลุ่มเกษตรกรเพื่อประชาธิปไตย 7.กลุ่มสมาพันธ์เพื่อประชาธิปไตย มี น.พ.เหวง โตจิราการ น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม เป็นแกนนำ 8.กลุ่มวีรชนเพื่อประชาธิปไตย 9.กลุ่มพิราบขาว 2006 มีนายภาณุรัตน์ งามสุจริต นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล เป็นแกนนำ มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องเสรีภาพให้ประชาชนและให้จัดการเลือกตั้งโดยเร็ว 10.สมาพันธ์พิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ขับขี่แท็กซี่ มีนายชินวุฒิ หาบุญพาด เป็นแกนนำ

จัดแท็กซี่-พีทีวี เข้าก๊วนเดียวกัน

 11.สถานีวิทยุชุมชนคนขับแท็กชี่ คลื่นวิทยุ 92.75 เมกะเฮิรตซ์ และกลุ่มก่อตั้ง พีทีวี มีนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นแกนนำ 12.กลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกับสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด มีนายวีระ สมความคิด ท.พ.ศุภพล เธียมเมธาวี นายการุณ ใสงาม เป็นแกนนำ 13.กลุ่มเวทีประชาธิปไตยประชาชน (วปช.) มีนายจอน อึ๊งภากรณ์ นายนิมิต เทียนอุดม น.ส.เพ็ญวลี แสงจันทร์ เป็นแกนนำ

 จากการประเมินทางด้านการข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่ากลุ่มต่างๆ เหล่านี้ บางกลุ่มมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีกลุ่มการเมืองให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อสร้างฐานเสียงทางการเมืองในอนาคตแฝงเข้ามาในกลุ่มของเกษตรกรที่ออกมาเรียกร้องอยู่ในขณะนี้  โดยกลุ่มดังกล่าวเหล่านี้ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีการดำเนินการต่อต้านรัฐบาลและ คมช. เป้าหมายโจมตีรัฐบาลและ คมช. ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการขยายเป็นวงกว้างมากนัก เนื่องจากขาดการโฆษณา แต่ในอนาคตจะสามารถขยายเป็นวงกว้างได้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข

 รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า นายศุภชัย บานพับทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้ชี้แจงต่อ ครม.ว่า งบช่วยเหลือเกษตรกรจำนวน 900 ล้านบาทนั้น มีเพียงพอที่จะจ่าย แต่มีปัญหาเพราะเกษตรกรที่เป็นตัวแทนในกองทุนฟื้นฟูฯ มีไม่ครบจำนวน หากจ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว อาจมีการร้องเรียนได้ ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้กฤษฎีการีบตีความเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะยังมีความไม่ชัดเจนด้านกฎหมาย แม้รัฐมนตรีคนอื่นๆ เช่น รมว.มหาดไทยจะเห็นว่า ควรจ่ายเงินช่วยเหลือไปก่อน แต่สำนักงบไม่เห็นด้วย อ้างว่ากองทุนฟื้นฟูฯ มีเงินช่วยเหลืออยู่แล้ว การนำงบกลางไปช่วยเหลือจึงไม่สามารถทำได้

สมช.จับตามือที่สามสร้างสถานการณ์

 นายประกิจ ประจนปัจจนึก เลขาธิกาสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงการชุมนุมต่อต้าน คมช.และรัฐบาลของกลุ่มต่างๆ ว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการแสดงความต้องการสิ่งที่ค้างคามาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา ในระยะนี้กลุ่มต่างๆ จะเรียกร้องมากมาย และเป็นหน้าที่ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องว่า สิ่งใดมีความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขแล้วบ้าง เชื่อว่าคนไทยจะคุยกันได้ เพราะไม่อยากให้เกิดความรุนแรง โดยต้องดูแลกัน

 ส่วนปัญหาคลื่นใต้น้ำนั้นต้องตรวจสอบ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดูแล และใช้อำนาจตามกฎหมายหากเกิดการยั่วยุ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการพูดจากัน โดย สมช.ได้ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เมื่อมีคนจำนวนมากมาชุมนุม ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด โดยเฉพาะมือที่สามที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์

 เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวานิช รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี กลุ่มเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร ปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ได้เรียก พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.น.1  พ.ต.อ.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผกก.สน.สามเสน และพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวประชุมเพื่อรวบรวมหลักฐานเอาผิดกับแกนนำที่กล่าวปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม

 ข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมพนักงานสอบสวนได้นำเทปและภาพวิดีโอของแกนนำ เช่น น.พ.เหวง โตจิราการ น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม นายอุเชนทร์  เชียงแสน และ น.ส.ชนกาญจน์ พันธุ์เดิมวงศ์ มาเปิดและถอดคำกล่าวปราศรัย เพื่อหาถ้อยคำที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท พล.อ.เปรม 

 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาท พนักงานสอบสวนไม่สามารถเอาผิดกับแกนนำได้หาก พล.อ.เปรม ไม่ประสงค์แจ้งความร้องทุกข์ แต่หากเข้าแจ้งความก็สามารถนำหลักฐานที่เก็บรวบรวมดำเนินคดีกับแกนนำได้ทันที

เครือข่ายหนี้สินขู่ร่วมม็อบสนามหลวง

 ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรที่ปักหลักอยู่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น นายประเดิม ดำรงเจริญ หนึ่งในแกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้เดือดร้อนกว่า 3,000 คน ได้ย้ายการชุมนุมมาอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว เพื่อรอฟังผลการช่วยเหลือจากรัฐบาล ตามที่นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรฯ รับปากว่าจะนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ในวันเดียวกัน

 นายประเดิม กล่าวว่า กลุ่มได้ยื่นหนังสือร้องเรียนที่ ตู้ ปณ. 1111 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องทวงคำมั่นสัญญาของนายธีระ โดยข้อเรียกร้องของเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวมี 3 ข้อคือ 1.ให้รัฐบาลหยุดการนำเอาที่ดินของชาวนาที่เป็นหนี้ไปขายทอดตลาด 2.ให้รัฐบาลจัดให้มีการเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกรในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และ 3.ให้รัฐบาลเร่งโอนเงิน 900 ล้านบาท เข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อช่วยเยียวยาปัญหาหนี้สินของเกษตรกรอย่างเร่งด่วน เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรกำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกยึดที่ดินทำกิน

 นายประเดิม กล่าวด้วยว่า กลุ่มพร้อมจะปักหลักชุมนุมต่อไป หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้องทั้งสามตามที่นายธีระได้เคยให้ไว้ และมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มอาจเข้าร่วมกับม็อบสนามหลวง หากรัฐบาลยังเพิกเฉย

พีทีวีลั่นชุมนุม 30 มี.ค.-มทภ.1 อย่าขู่

 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.สถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 30 มีนาคมว่า จะจัดชุมนุมโดยสงบ สันติและปราศจากอาวุธเหมือนเดิม มั่นใจว่าประชาชนจะมาร่วมมากกว่าวันที่ 23 มีนาคม เพราะประชาชนหลากหลายกลุ่มติดต่อถามมาว่าจะมีการชุมนุมในวันที่ 30 มีนาคมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ ไม่สร้างความวุ่นวายและไม่มีการเดินขบวน อยากขอให้ทหารของ คมช.ออกมายืนยันเหมือนกันว่า จะไม่สกัดกั้น ขัดขวาง หรือใช้กำลังต่อการชุมนุม

 นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายทหารของ คมช. โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ออกมาพูดถึงมาตรการที่จะใช้ดำเนินการกับพีทีวีและประชาชนที่มาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่องนั้น ตรงนี้ยืนยันว่าไม่กลัว อย่าพยายามข่มขู่ หรือใช้จิตวิทยา เพราะการออกมาพูดรายวันน่าจะเป็นการแสดงถึงความกลัวของตัวเองมากกว่า

 นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ทุนสำหรับการชุมนุมของกลุ่มพีทีวีว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง การชุมนุมของกลุ่มพีทีวีใช้เงินไม่ถึง 2 แสนบาท เครื่องเสียงราคาไม่กี่หมื่น เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก เพราะไม่ได้จัดรถขนคนมาฟัง ไม่ได้ซื้อข้าวเลี้ยงผู้ร่วมชุมนุมเหมือนกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีการเกณฑ์คนในพื้นที่เลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์และจากภาคใต้มาร่วมชุมนุม ไม่ทราบว่านายชวน รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยหรือไม่

เล็งหั่น รธน.เหลือไม่ถึง 320 มาตรา

 น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประชุมของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม ว่า ทั้งสามวันเป็นการประชุมทั้งวัน เนื่องจาก กมธ. ต้องพิจารณารายละเอียดทุกมาตรา ทั้ง 15 หมวด ซึ่งเรื่องใดที่เป็นเรื่องทั่วไป และมีมติตรงกันสามารถผ่านไปได้ ส่วนเรื่องที่ยังไม่เป็นข้อยุติ จะนำไปพิจารณาในการประชุมเพื่อสรุปเนื้อหาทั้งหมด ในวันที่ 6-11 เมษายนที่จะถึงนี้ ที่บางแสน จ.ชลบุรี ต่อไป

 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับแก้ให้น้อยกว่า 320 มาตรา ตามที่ฝ่ายเลขานุการร่างมาหรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คงจะมีการปรับให้น้อยลง โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของรัฐ ซึ่งจะมีการกระจายไปสู่ท้องถิ่นและประชาชนให้มากขึ้น ขณะเดียวกันได้เพิ่มอำนาจให้ประชาชนในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วม เช่น สิทธิชุมชน สิทธิในการอยู่อาศัย การได้รับการศึกษา การรักษาพยาบาล รวมถึงสิทธิทางการเมืองให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในกระบวนการทางการเมืองมากขึ้น ทั้งการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การเสนอกฎหมาย

รุมต้านศาล รธน.ชี้ขาด "มาตรา 7"

 การประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราของ กมธ. เมื่อวันที่ 27 มีนาคมนั้น ประเด็นที่น่าสนใจคือการพิจารณา มาตรา 7 ที่ฝ่ายเลขานุการ กมธ. ได้เสนอให้บัญญัติเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 คือ  "ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

 โดยฝ่ายเลขาฯ ได้เพิ่มเติมให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรวินิจฉัยปัญหาในการใช้มาตรา 7 เนื่องจากประสบการณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2540 มีปัญหาโดยจะระบุอำนาจไว้ในมาตรา 227/1

 ทั้งนี้ ฝ่ายที่คัดค้านการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีปัญหาจะทำอย่างไร ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยนั้นระบุว่า ที่ผ่านมาการใช้มาตรานี้ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมรับกัน ซึ่งภายหลังจากมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางแล้ว นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขานุการ กมธ.ได้สรุปว่า มาตรา 7 ให้คงไว้ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และตัดมาตรา 227/1 ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยออกไป
 
 http://www.komchadluek.net/2007/03/28/a001_102438.php?news_id=102438
 
 
 
   
 
 
โค๊ด:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2007, 10:09 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 28-03-2007, 10:29 »

**  ข้อความจากกระทู้ข้างล่างนี้ ....ช่วยวิเคราะห์หน่อยเหอะว่า

เกิดขึ้นได้อย่างไร ....ถูกครอบงำด้วยเผด็จการ หรือ ...ถูกให้กลืนประชาธิปไตยมากเกินไป

******************************************************



ถึงสาวๆ และไม่สาวชาวเน็ต เตรียมอาวุธ สู้ทหารและตำรวจที่สนามหลวง

เมื่อประชาชนมือเปล่าต้องสู้กับเผด็จการที่มีอาวุธ
สำหรับหญิงไทยทุกท่านที่ไปท้องสนามหลวง โปรด พกอาวุธ ผ้าถุงเก่าๆคนละผืน เอาไว้คลุมหัว ทหารตำรวจที่มันจะเข้ามาปราบปราบประชาชน


ความคิดเห็นที่ 1   

สำหรับท่านสุภาพบุรุษ ช่วยกัน เอาข้อมูลในเน็ต ถ่ายเอกสาร คนละ 100-200 แผ่นแล้วแต่ศรัทธา นำแจกจ่ายกับประชาชนที่ไม่ได้รับข่าวสารในอินเตอร์เน็ต มาสู้กับสื่ออาชีพที่ยังก้มหน้าก้มตาเลียรองเท้าบูธอยู่


[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]
 
   
 
 
 



 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 3   

มันเล่นเราแน่....

อย่าประมาท !!!


.

   - [ 28 มี.ค. 5
 


http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5266643/P5266643.html


 

 ความคิดเห็นที่ 2   

แหม ผมล่ะนึกว่าจะให้ปูผ้ากราบ

 
   
 
 
 

บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 28-03-2007, 10:32 »

นี่ยังมีคนเชื่อถือ โพลอุบาทว์ สำนักนี้อยู่อีกหรือเนี่ย

โพลสำนักอื่นเขายังเงียบกริบ ไม่กล้าทำ

เพราะหน้าไม่ด้านเท่า สำนักนี้


..**  ไม่เป็นไร  คนผีดุ ..รับได้ ใช้คำว่า
โพลอุบาทว์  อุบาทว์ มาจากคำว่า
อุปัทวะ  คือการขัดแย้ง ....ไม่ได้หยาบคายอะไรหรอก
แต่ต้องให้เหตุผลมา ...ว่าทำไมจึงเรียกโพลนี้เช่นนั้น ...
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #3 เมื่อ: 28-03-2007, 11:37 »


ถึง​สาวๆ​ ​และ​ไม่​สาวชาวเน็ต​ ​เตรียมอาวุธ​ ​สู้ทหาร​และ​ตำ​รวจที่สนามหลวง​

เมื่อประชาชนมือเปล่า​ต้อง​สู้​กับ​เผด็จการที่มีอาวุธ
สำ​หรับหญิงไทยทุกท่านที่​ไปท้องสนามหลวง​ ​โปรด​ ​พกอาวุธ​ ​ผ้าถุงเก่าๆ​คนละผืน​ ​เอา​ไว้​
เมื่อมี​ทหารตำ​รวจที่มัน​จะ​เข้า​มาปราบปราบประชาชน
ให้สละแก่ผู้ชายทุกคนที่นั่งข้างๆ


ความ​คิดเห็นที่​ 1   

สำ​หรับท่านสุภาพบุรุษ​ ​ช่วย​กัน​ ​เอาข้อมูล​ใน​เน็ต​ ​ถ่ายเอกสาร​ ​คนละ​ 100-200 ​แผ่น​แล้ว​แต่ศรัทธา​
​นำ​แจกจ่าย​กับ​ประชาชนที่​ไม่​ได้​รับข่าวสาร​ใน​อินเตอร์​เน็ต​ ​มาสู้​กับ​สื่ออาชีพที่​ยัง​ก้มหน้าก้มตา​เลียรองเท้าบูธ​อยู่​
และมาพร้อมเพรียงกันในวันชุมนุม จับคู่กับสาวๆ หรือผู้ที่เตรียมผ้าถุงมา
ถึงเวลา เราจะหยิบผ้าถุงมาใส่ ไม่ก็คลุมหัว

สาวๆเป็นด้านหน้าใช้อาวุธสูเผด็จการ ส่วนเราจะระวังหลัง ปลอมตัวเป็นสาวๆ อีกทีจะได้ไม่โดนชารจ


[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]
 
   
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #4 เมื่อ: 28-03-2007, 11:41 »

นี่ยังมีคนเชื่อถือ โพลอุบาทว์ สำนักนี้อยู่อีกหรือเนี่ย

โพลสำนักอื่นเขายังเงียบกริบ ไม่กล้าทำ

เพราะหน้าไม่ด้านเท่า สำนักนี้
คุณแถไงครับ http://forum.serithai.net/index.php?topic=12170.0
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #5 เมื่อ: 28-03-2007, 12:55 »

นี่ยังมีคนเชื่อถือ โพลอุบาทว์ สำนักนี้อยู่อีกหรือเนี่ย

โพลสำนักอื่นเขายังเงียบกริบ ไม่กล้าทำ

เพราะหน้าไม่ด้านเท่า สำนักนี้
คุณแถไงครับ http://forum.serithai.net/index.php?topic=12170.0
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: