เจ้าของกระทู้ ขอฟันธงนะว่า อยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่า
เท่าที่สังเกตที่ผ่านมา ท่านประธาน คมช
เย็น เยือก และนิ่ง คิดว่าทนและอยู่ค่ะ
และยังไง ๆ ฝ่ายทักษิณก็จนมุมแน่นอน
เพราะฉะนั้น ไม่รู้จะถอยไปทำไม แล้วท่านล่ะ
คิดว่าจะอยู่หรือไปล่ะ------------------------------------------------------------
วัดอุณหภูมิ 'ม็อบ' จับตาเดือน พฤษภาคม ชี้ชะตา คมช.อยู่หรือไป?
25 มีนาคม 2550 กองบรรณาธิการ
แค่การชิมลางวันแรกของ "ม็อบพีทีวี" ที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ต้องมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีต่างๆ รวมทั้งคอมมานโดร่วม 1,000 นาย
เข้ามาดูแลสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงกลางวันจนเลิกการชุมนุม ในขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้สั่งการให้กำลังพลเตรียมความพร้อมยังที่ตั้งหน่วย โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็น กอ.รมน.ภาค 1 ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
แผน "ปฐพี 149" ซึ่งเคยใช้ช่วง "ม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" และการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 มี.ค.50 ถูกนำมาใช้อีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น แต่จะแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากในเขต กทม.ได้มีการประกาศยกเลิกเขตกฎอัยการศึกไปแล้ว ในเบื้องแรกจึงต้องใช้กำลังตำรวจในการดูแลรักษาความเรียบร้อยก่อน แต่หากมีกรณีที่เกิดความวุ่นวาย ทหารก็สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
ม็อบพีทีวี ที่มีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 2,000 คนในการเปิดเวทีครั้งแรก ถือว่า "ใช้ได้" หากแต่สภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมยังขาดอารมณ์ร่วมต่อประเด็นที่แกนนำได้ขึ้นอภิปราย เหตุเพราะผู้เข้าร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ ที่แกนนำพีทีวีได้มีการระดมพลเรียกประชุมล่วงหน้ามาก่อน 1 สัปดาห์ ในขณะที่รอบนอกเป็นผู้สนใจการเมือง และผู้ที่สัญจรไปมาที่แวะเข้ามาสังเกตการณ์
ทำให้ พล.อ.สนธิ เบาใจต่อสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น และเห็นว่าแม้ปริมาณคนจะมากเกินกว่าที่คาด แต่แกนนำพีทีวีก็ไม่สามารถพาอารมณ์ผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้องไปสู่เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพคนที่อยู่บนเวทีส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นคนของพรรคไทยรักไทยเดิมทั้งสิ้น อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ "ไม่มีที่ไป" ทางการเมือง เมื่อมีการเลือกข้างมาอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในสมัยที่แล้ว จึงยากที่จะหัน "ใบเรือ" หรือ "หางเสือ" ไปทางอื่น
ข้อกังวลของ คมช.จึงลดน้อยลงไป .....
"ต้องฟังเนื้อหาสาระเมื่อคืนวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา รู้สึกไม่กังวลและเชื่อว่าคนที่เขาตำหนิอยู่เป็นคนดีของสังคม ซึ่งการกล่าวให้ร้ายใคร ตนคิดว่าคนไทยเป็นคนขี้สงสาร ดังนั้น การที่เขาทำไปเป็นผลลบต่อตนเองมากกว่า เพราะคนที่ฟังต้องเอาใจช่วยคนที่ถูกตำหนิติติง บางครั้งมีการพูดถึงประธานองคมนตรี ซึ่งท่านเป็นคนสะอาด บริสุทธิ์ แต่ยังถูกตำหนิ ตนถือว่าคนไทยจะรู้อะไรมากๆ เข้าก็จะเป็นผลดีต่อส่วนใหญ่" พล.อ.สนธิให้ความเห็นต่อม็อบพีทีวี
กระนั้น ก็ยังมีกลุ่มชุมนุมอีกหลายกลุ่มที่แยกกันชุมนุม เนื่องจาก "โจทย์" ของแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน ยังไม่นับกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการของรัฐ ที่เดินทางเข้ามาเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการแก้ไขปัญหา และปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง
สิ่งที่ คมช.เป็นห่วงคือ กลุ่มม็อบที่มีอุดมการณ์ นั่นคือนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะหากถูกชักจูงให้มาเคลื่อนไหวเรียกร้อง จะกระตุ้นให้กระแสเกิดความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตรงกับความต้องการของ "กลุ่มอำนาจเก่า" ที่พยายามเข้าไปเชื่อมกับกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร ที่ไม่เห็นด้วยในหลักการล้มประชาธิปไตยด้วยเผด็จการ
จึงไม่น่าแปลกใจ หากจะเห็นมือไม้ของนักเคลื่อนไหวในกลุ่มพีทีวีตระเวนไปตาม "ม็อบ" ต่างๆ เพื่อดูว่าการ จัดตั้ง-ประเด็นเรียกร้อง-แกนนำม็อบ-ผู้ร่วมชุมนุม มีพลังที่ไปในทิศทางเดียวหรือไม่
จึงน่าจับตามอง "กลุ่ม 19 กันยาต่อต้านรัฐประหาร" ที่เปิดเวทีอภิปรายจุดประเด็นที่ "แข็งกร้าว" เกี่ยวกับเบื้องหลังการ "รัฐประหาร" โดยพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อันเป็นหัวข้อที่แกนนำกลุ่มได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่าน "ฟ้าเดียวกัน" และ เว็บไซต์ประชาไท มาอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่คาบเกี่ยวกับมุมมองทางด้านวิชาการ
เป็น "ประกายไฟ" ที่กลุ่ม "อำนาจเก่า" ต้องการเข้ามาต่อเชื่อมให้ลามออกไป เพื่อสนับสนุนการชุมนุมให้ขยายวงมากขึ้น ....
จุดประสงค์ก็เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้ เข้ามาประสานด้วยเพื่อสร้าง "เครือข่าย" ให้เกิดขึ้นเป็นรูปดาวกระจาย และพร้อมจะร่วมกันตีเมื่อสถานการณ์สุกงอม
"ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ประเทศอังกฤษ มีกำหนดการจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า เพื่อไปพบปะเพื่อนฝูง โดยไม่มีการนัดสัมภาษณ์หรือปาฐกถาที่ใด ส่วนการจะกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินคดีที่จะพิจารณาในชั้นศาล ถ้าศาลมีคำสั่งก็จำเป็นต้องเดินทางกลับ โดยเฉพาะคดีอาญาที่กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า จะต้องดำเนินการต่อหน้าจำเลยเท่านั้น" นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของอดีตนายกฯ เปิดเผยให้ฟัง
ซึ่งหากเป็นไปตามนั้น คาดว่าช่วงพฤษภาคมนี้ คงจะถือเป็นช่วง "พีก" ที่สุด เพราะคดีความต่างๆ จะมาเกือบถึงปลายทาง!
การกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็น "ปัจจัย" ที่สำคัญที่สุด แม้ พล.อ.สนธิ จะเชื่อมั่นมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่กลับมา
"ผมเชื่อว่าท่านไม่มา เชื่อว่าท่านไม่มา" พล.อ.สนธิ กล่าวเมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับในช่วงปลายปีนี้ จะส่งผลกระทบอะไรต่อประเทศหรือไม่
การชุมนุมของ "พีทีวี" ครั้งแรก แม้ไม่ได้มีผลเชิงเนื้อหามากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ การมีตัวตนและจับต้องได้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปไหน และพร้อมจะกลับมาประเทศไทยเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย
เดือนพฤษภาคม จึงน่าจะเป็นเดือนที่ชี้ขาดว่า คมช.และรัฐบาลจะผ่านสถานการณ์ร้อนๆ ในช่วงนั้นไปได้หรือไม่?
แต่ ณ วันนี้เป็นต้นไป คมช.เองก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งปัญหาภายในและปัญหาการบริหารงานของรัฐบาล หรือความเปราะบางในการสร้างกระแส "สืบทอดอำนาจ" ที่ พล.อ.สนธิ เองก็เกรงว่าประเด็นนี้จะถูกนำไป "จุดประเด็น"
ไม่เช่นนั้น ก่อนที่ "ม็อบพีทีวี" จะเปิดเวที พล.อ.สนธิ จึงไปนั่งให้ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดอกกลาง "รายการข่าว" ช่วงเย็น ซึ่งถือว่าเป็นรายการที่มี เรตติ้ง ข่าวดีที่สุด ทั้งนี้เพราะเกรงว่า "ม็อบ" จะมีการนำประเด็นนี้ไปขยายสถานการณ์
ที่เย็นวันนั้น พล.อ.สนธิยืนยันว่า "ไม่เป็นนายกฯ แน่นอน" อันเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปจากครั้งแถลงผลงาน คมช.ครบ 6 เดือน เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ยังคลุมเครือ ทำให้ถูกตีความไปต่างๆ นานา
นับจากนี้จึงน่าจับตาดูว่า สถานการณ์ "ม็อบ" ที่กำลังผุดขึ้นเป็น "ดอกเห็ด" จะสามารถปลุกกระแสประชาชนที่เริ่ม "ไม่ค่อยสบอารมณ์" กับ คมช.-รัฐบาล ได้มากน้อยแค่ไหน
เป็นสถานการณ์ที่ คมช.ไม่ควรละเลย หรือประมาทต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น หรืออย่าประเมินสถานการณ์เข้าข้างตัวเองมากเกินไป.
///////////////
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=sunday&post_date=25/Mar/2550&news_id=139850&cat_id=110200
