เรดการ์ดใหม่ในระบอบทักษิณ โดย หมายเหตุผู้จัดการ 30 เมษายน 2549 20:15 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานกระแสพระราชดำรัสว่าการเลือกตั้งพรรคเดียว คนเดียว ไม่ใช่ประชาธิปไตย
การเลือกตั้งพรรคเดียวและการที่พรรคเดียวมีเสียงคุมสภาผู้แทนราษฎรจึงไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย และอาจเป็นดังที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กล่าวหาว่าเป็นระบอบเดียวกับประเทศจีน คือระบอบสังคมนิยม
เพราะมีพรรคเดียวคุมอำนาจสูงสุดของประเทศ คุมรัฐบาล รัฐสภา และศาล
สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราในวันนี้นอกจากเรื่องพรรคการเมืองพรรคเดียวมุ่งมั่นจะคุมสภา บงการรัฐบาล และครอบงำทุกองค์กรในบ้านเมืองแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน
นั่นคือการจัดตั้งฝูงชนหรือกลุ่มชนเพื่อทำหน้าที่พิทักษ์พรรคการเมืองและรัฐบาลของพรรคการเมืองนั้น
เหมือนกับการจัดตั้งเรดการ์ดหรือหน่วยพิทักษ์แดงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อครั้งที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรม เป็นระบอบเดียวกัน เป็นวิธีการเดียวกัน และน่าจับตามองอย่างยิ่ง
ในเมืองจีนครั้งนั้นมีการใช้หน่วยพิทักษ์แดงหรือเรดการ์ดกำจัดทุกผู้คนที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม มีอภิสิทธิ์ที่จะทำผิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้งได้ โดยอำนาจรัฐปกป้องคุ้มครอง
สามารถทำลายทรัพย์สิน ข้าวของ และบุคคล กระทั่งรุมกระทืบคนให้ถึงตายได้ ไม่ว่าคนนั้นจะมีฐานะตำแหน่งหรือมีกิจการอย่างไร
เพียงแค่อยู่คนละฝ่ายกันหรือมีใบสั่งให้กำจัด หน่วยพิทักษ์แดงก็จะยกกำลังเข้าไปล้อมกรอบบุกเผาทำลายและสังหารผู้คนได้ตามใจชอบ
สร้างความเสียหายและรอยคราบน้ำตาให้กับประชาชนจีนและประเทศจีนมากมายมหาศาล มีผลต่อเนื่องสืบมาหลายสิบปี
ในที่สุดพวกหัวโจกที่บงการหน่วยพิทักษ์แดงหรือเรดการ์ดก็ถูกจับกุมลงโทษและตายในคุกตารางเกือบทั้งหมด นับเป็นผลกรรมที่สนองแก่ผู้ทำกรรมให้เห็นประจักษ์ชัด
ประเทศไทยของเราในวันนี้ในยุคของระบอบทักษิณก็ปรากฏถึงเรื่องการจัดตั้งฝูงชนแบบเดียวกับหน่วยพิทักษ์แดงหรือเรดการ์ดเหมือนกับเมื่อครั้งปฏิวัติวัฒนธรรมในประเทศจีนขึ้นแล้ว
พวกนี้ปรากฏตัวให้เห็นครั้งแรกที่สวนลุมพินี ที่ยกพวกกันมาก่อกวนเพื่อขัดขวางการชุมนุมของประชาชนตามสิทธิ์ที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ โดยมีบุคคลระดับรัฐมนตรีและมีฐานะสำคัญของพรรคการเมืองควบคุมดูแลบงการ
ต่อมาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกในการยกขบวนไปล้อมตึกเนชั่น บังคับข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้คนจำนวนมากในตึกเนชั่น โดยอำนาจรัฐปกป้องคุ้มครองไม่ให้ต้องรับโทษหรือรับผิดตามกฎหมาย
ครั้งนี้ก็มีบุคคลระดับรัฐมนตรีและมีฐานะสำคัญของพรรคการเมืองควบคุมบงการอีก
ถัดมาก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าสำนักพิมพ์ผู้จัดการ มีการยกขบวนไปเพื่อจะทำลายทรัพย์สินและทำร้ายผู้คน แต่เผอิญประชาชนที่รักความเป็นธรรมได้ปกป้องคุ้มครองและขัดขวางไว้
ครั้งนี้ก็มีบุคคลระดับรัฐมนตรีและมีฐานะสำคัญของพรรคการเมืองควบคุมบงการอีก
ถัดมาอีกก็ปรากฏตัวขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ไปจัดปราศรัย แล้วมีการยกขบวนบุกเข้าไปล้อมกรอบขัดขวางการปราศรัย จนทำให้การปราศรัยต้องล่มลง และยังมีการกลุ้มรุมทำร้ายคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์
ครั้งนี้ก็มีนักการเมืองคนสำคัญของพรรคการเมืองควบคุมบงการโดยร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่น
เป็นผลให้เกิดการแตกแยกในชาติครั้งสำคัญ ทำให้กระแสไทยเหนือ ไทยใต้ขยายตัวออกไป กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและเอกภาพของราชอาณาจักรไทยอย่างร้ายแรง
ถัดมาอีกก็ปรากฏตัวขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี ในขณะที่มีการจัดรายการเสวนาขึ้นในสถาบันราชภัฎอุดรธานี มีการยกขบวนฝูงชนไปปิดล้อมและข่มขืนใจให้เลิกการจัดเสวนา ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญตามปกติ และหน่วงเหนี่ยวกักขังแกนนำพันธมิตรไว้เป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมง
ครั้งนี้ก็มีนักการเมืองคนสำคัญของพรรคการเมืองเดียวกันนั้นบงการปลุกระดมและสั่งการโดยมีหลักฐานชัดแจ้ง และยังมีการทำร้ายวิทยากรที่ไปบรรยายในครั้งนี้ด้วย
ยังไม่หมด ยังปรากฏตัวขึ้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เมื่อครั้งที่มีการจัดขบวนแรลลี่เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ชายหาดหัวหิน มีการยกขบวนไปสกัดกั้นขบวนแรลลี่ไม่ให้ผ่านเข้าไปในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำตัวเป็นเจ้าของแผ่นดิน และหวงกันตามอำเภอใจ
คราวนี้ก็มีนักการเมืองของพรรคการเมืองเดียวกันบงการอยู่ข้างหลังอย่างเงียบ ๆ
ยังมีอีก เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปจัดการปราศรัยที่จังหวัดเพชรบุรี ก็มีการจัดฝูงชนราวร้อยคนไปต่อต้าน
และยังปรากฏข่าวขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดนครราชสีมาในพฤติกรรมอย่างเดียวกัน โดยห้ามปรามไม่ให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปจัดปราศรัยและขู่ฆ่ากันกลางบ้านกลางเมือง
นี่ก็มีนักการเมืองพรรคเดียวกันอยู่เบื้องหลังอีก
ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดว่ามีกระบวนการจัดตั้งฝูงชนขึ้นในหลายจังหวัดและอาจจะทั่วประเทศก็เป็นได้! เป็นการจัดตั้งในลักษณะหน่วยพิทักษ์แดงหรือเรดการ์ด
หากหน่วยพวกนี้พัฒนาขยายตัวต่อไปก็อาจกลายเป็นกองกำลังที่อาจติดอาวุธหรือไม่ติดอาวุธก็ได้
แต่เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์พรรคการเมือง เป็นกองกำลังของพรรคการเมืองที่มุ่งขัดขวางทำร้ายหรือทำลายคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน
กลายเป็นว่าพรรคการเมืองมีกองกำลังเป็นของตนเองและอาจกลายเป็นกองทัพประชาชนของตนเอง
ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและระบอบนิติรัฐของประเทศไทยจึงตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
คนไทยทั้งประเทศก็ต้องตกอยู่ในความหวาดผวาและประหวั่นพรั่นใจเพราะไม่มีใครรู้ว่ากองกำลังนี้จะมาทำร้าย หรือจะมาทำลาย หรือข่มเหงรังแกเมื่อใด
มันเกิดขึ้นแล้ว มันกำลังจะพัฒนาต่อไป และเป็นอันตรายร้ายแรงที่สุด จึงต้องบอกกล่าวให้ทราบทั่วกัน. http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000057085