ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 17:16
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "บอกแล้วใช่ไหม..จะต้องมีวันนี้ ที่มันเป็นจุดจบ" ภัทราพร สังข์พวงทอง กบฏไอทีวี (ต 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"บอกแล้วใช่ไหม..จะต้องมีวันนี้ ที่มันเป็นจุดจบ" ภัทราพร สังข์พวงทอง กบฏไอทีวี (ต  (อ่าน 1386 ครั้ง)
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 19-03-2007, 18:20 »

รายงานพิเศษ
"บอกแล้วใช่ไหม..จะต้องมีวันนี้ ที่มันเป็นจุดจบ" ภัทราพร สังข์พวงทอง กบฏไอทีวี (ตัวจริง)
ณัฏฐวี ประยุกต์ศิลป์ : เรื่อง / กนต์ธีร์ เหลืองอร่าม : ภาพ

วันที่ ภัทราพร สังข์พวงทอง ถูกเรียกว่าเป็น 1 ในกบฏไอทีวี 23 คน และถูกองค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็น 'ทีวีเสรี' พิพากษาให้ต้องพ้นความเป็นพนักงานบริษัท ไปเมื่อปี 2544

วันนั้น สำหรับเธอและเพื่อนๆ แล้ว คงเหมือนวันที่ฟ้าฟาดลงกลางใจ

แต่นั่น ไม่ใช่เพราะต้องตกงาน ไร้เงินเดือน และไม่ใช่เพราะอาจแพ้คดีที่พวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อเรียกคืนความถูกต้อง (ซึ่งที่สุดพวกเขาก็ชนะในปี 2546 พร้อมได้รับเงินค่าชดเชยระหว่างที่ถูกเลิกจ้าง) 

แต่น่าจะเป็นเพราะ 'ความสิ้นหวัง' ต่อไอทีวี ที่กลับทำในสิ่งที่ขัดต่อปรัชญาการก่อตั้งสถานีเพื่อสื่อเสรีอย่างแท้จริง

เพราะครั้งนั้นเรียกได้ว่า จะแจ้งอย่างมากที่สื่อโทรทัศน์ตกอยู่ในมือนักธุรกิจที่มีอีกหน้าเป็นนักการเมือง เมื่อ 'พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร' เจ้าของพรรคไทยรักไทย และธุรกิจในเครือชินคอร์ป ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการไอทีวี และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะเข้ามาในช่วงก่อนเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 2544

และแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของ 'ไอทีวี' จนทำให้ภาพของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ ไม่ต่างไปจากกระบอกเสียงของพรรคไทยรักไทยดีๆ นี่เอง

วันนั้น ด้านหนึ่งเราอาจจะมองว่าภัทราพรและพวก กลายเป็นผู้แพ้ที่ต้องหลบฉากจากไป เพราะยิ่งนานวันเข้า สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ยิ่งโตวันโตคืน อ้วนท้วนสมบูรณ์ฟู่ฟ่า โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มชินคอร์ป ได้นำบริษัท ไอทีวีฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2545

แต่แล้ว...วันที่ภาพมายาสลายไป ภาพความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ 'ศาลปกครองสูงสุด' ได้พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลปกครองกลาง จน 27 กุมภาพันธ์ 2550 มติ ครม. ออกมาว่า หากไอทีวีไม่สามารถจ่ายค่าปรับและค่าสัมปทานค้างจ่ายได้ภายในวันที่ 6 มีนาคม ก็จะให้ สปน. บอกเลิกสัมปทานกับไอทีวี และไอทีวี อาจต้องปิดตัวไป

ที่สุด ก็นำมาสู่ภาพการหลั่งน้ำตาที่ภัทราพร ได้เห็นบนใบหน้าของเพื่อนพ้องน้องพี่ ผู้ที่เคยมองว่าอุดมการณ์ของพวกเธอในอดีต เป็นเพียงการทุบหม้อข้าวตัวเอง และปฏิเสธความร่วมแรงร่วมใจเพื่อต่อสู้กับความถูกต้อง

วันนี้ ขณะที่เราอาจรู้สึกว่าที่สุดกบฏไอทีวีทั้ง 23 เป็นผู้ชนะที่แท้จริง... หากแต่สำหรับเธอ กลับมองว่า 'ไม่'

"เปล่าประโยชน์ที่จะไปคิดว่าจะเปลี่ยนอดีต เหมือนกับวันที่พี่ชนะคดี พี่ก็ไม่คิดว่าเป็นไงล่ะ ฉันชนะแล้ว แต่สิ่งที่พี่พูดคือ ไม่ต้องเป็นจำเลยแล้ว ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำสิ่งที่ผิด แค่นั้นเอง แล้วพอวันนี้ที่ไอทีวีมันมีปัญหา ต้องเอาคืนกลับมา เราก็รู้สึกว่า บอกแล้วใช่ไหมว่ามันจะต้องมีวันนี้ ที่มันเป็นจุดจบ"

และแม้ว่าที่สุดคนไอทีวีจะ 'ดิ้นรน' จนทำให้รัฐบาลกลับคำพูดให้ไอทีวีออกอากาศต่อไป ภายใต้กรมประชาสัมพันธ์ ในคลื่นความถี่เดิม โดยใช้ชื่อใหม่ว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ซึ่งอาจทำให้คนไอทีวีกลุ่มเดิมเผลอคิดไปว่า 'ชัยชนะ' เป็นของพวกเขาต่างหาก

แต่เรื่องราวของไอทีวีในมุมมองของผู้ดำเนินรายการ 'กบนอกกะลา' แห่งบริษัททีวีบูรพา อย่าง ภัทราพร สังข์พวงทอง ต่อไปนี้

จะเปิดกะลาให้เราเห็นว่า ไม่ว่าชนะหรือแพ้ กบเหล่านั้นก็คงหนีไม่พ้นกะลาใบใหม่ที่ชื่อทีไอทีวีต่อไป เพราะสายเกินไปแล้วที่พวกเขาจะพิสูจน์ความเป็นสื่อเสรีอย่างแท้จริง!

0 ปรากฏการณ์ไอทีวีครั้งนี้ รู้สึกยังไง

จริงๆ ความรู้สึกพี่เปลี่ยนทุกๆ นาที ทุกๆ ชั่วโมงเลยนะ อย่างตอนคุณหญิง (ทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ) แถลง ก็รู้สึกอย่างหนึ่ง ตอนเห็นน้ำตาน้องก็รู้สึกอีกอย่างหนึ่ง พอกลับมาตอนพนักงานไอทีวีมีปฏิกิริยา (ดีใจโห่ร้อง) ก็รู้สึกอีกอย่างหนึ่ง อย่างตอนที่คุณหญิงแถลงว่าจะต้องเอาไอทีวีกลับคืนมาก่อน เราก็อิน (ยิ้ม) รู้สึกว่านี่คือการประกาศอย่างเป็นทางการซะทีว่า รัฐบาลไทยยึดไอทีวีกลับมาจากกลุ่มทุน ได้ไอทีวีกลับมาแล้ว เราก็มีความรู้สึกว่า เฮ้ย ได้แล้ว (น้ำเสียงดีใจมาก) รอมาตั้งนาน เอากลับมาเถอะ รัฐบาลไทยเอามาจัดการซะ แต่จะจัดการด้วยวิธีการใด อีกเรื่องหนึ่งนะ

0 แล้วพอมาเห็นน้ำตาน้องๆ พนักงานไอทีวี

ก็ เออสงสารมันว่ะ (หัวเราะ) ก็คือเป็นเหมือนน้องๆ เป็นคนร่วมอาชีพ เราเข้าใจความรู้สึกแบบนั้น คือเราก็เคยทำข่าวแบบเขา แต่มันจะไม่มีที่ทำข่าวแบบที่เราฝัน ที่เราคิด ก็เป็นห่วงว่าจะตกงานกันหรือเปล่าวะ แต่พอมาคิดอีกทีเราต้องแยกความรู้สึกออกจากกัน เราต้องเอาไอทีวีกลับมาก่อน แล้วนักข่าวหรือคนทำงานไอทีวีเวลานั้นจะจัดการกับชีวิตอย่างไร เป็นเรื่องต้องดูกัน แต่ตอนนี้เราคงต้องเสียสละเพื่อชาติกัน ต้องยอมเสียน้ำตาให้กับวันเวลาในการประกอบอาชีพช่วงหนึ่ง แต่เราได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติที่ยิ่งใหญ่

0 ปมปัญหาของไอทีวี มองว่ามันเกิดตอนไหน

มันเริ่มตั้งแต่การไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์เดิมของการก่อตั้ง แล้วก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาปกป้องอย่างจริงจัง จนที่พี่กับเพื่อนเห็นว่าไม่ได้แล้ว ก็ตอนที่มีการเข้ามาซื้อหุ้นรอบแรก เริ่มมีการเทขายหุ้น เราก็รู้ว่าเฮ้ย กลุ่มทุนกลุ่มนี้มันไม่คลีน คือมันไม่คลีนในแง่ของความเป็นเจ้าของสื่อโทรทัศน์ หรือเจ้าของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งต่างจากการเป็นเจ้าของโทรศัพท์ เพราะเป็นเจ้าของสื่อโทรทัศน์แปลว่าพูดอะไรก็ได้ พูดอะไรออกไปแล้วมีคนรับฟัง คือมัน propaganda (โฆษณาชวนเชื่อ) ได้เลย เพราะฉะนั้นเมื่อมันไม่คลีนปุ๊บ ก็มีปฏิกิริยา พวกพี่เลยโดนตั้งกรรมการสอบไปรอบแรก

0 ตอนนั้นมี 23 คนกบฏไอทีวี หรือยังคะ

ยังค่ะ ยังไม่ชัดเจน คือมันก็ยังสะเปะสะปะ พี่ก็เลยไปทำข่าวอยู่ภูมิภาค ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุณเทพชัย หย่อง เคลื่อนไหว ก่อนที่เขาจะโดนบีบให้ออกไป ตอนที่พี่อยู่ภูมิภาค ก็โดนข่าวลือบ่อยมากเลยว่าถูกให้ออก แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะพี่ทำอะไรทุกอย่างตามสัญชาตญาณ ไม่ว่าจะมีข่าวลือว่าจะโดนไล่ออกแล้ว เป็นเด็กแบล็คลิสต์ เป็นพนักงานบัญชีดำของบริษัทก็ไม่รู้สึกอะไร มันไม่สามารถเปลี่ยนเราได้ เพราะเราเป็นคนแบบนี้ นั่งๆ อ่านข่าวอยู่แล้วมีอะไรที่ผิดปกติ ก็ไม่ได้คิดหรอกว่า เนี่ย กำลังจะโดนไล่ออก ก็พูดเลย เฮ้ย พี่ทำไมแบบนี้ล่ะ มันเป็นสัญชาตญาณเราเลยว่า ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมมีข่าวอย่างนี้ ทำไมต้องปล่อยให้เขาออกอากาศนานขนาดนี้ มันเกินไปหรือเปล่า จนกระทั่งมาสู้กันอีกครั้งหนึ่งตรงที่เรารู้สึกว่ามันใกล้เลือกตั้ง ปี 44 แล้วการทำข่าวก็ถูกแทรกแซงจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ครั้งนี้แตกหักเลย

0 ที่โดนแทรกแซงแบบเจอกับตัวมีอะไรบ้าง

ที่โดนกับตัวนะ เช่น เคยอ่านข่าวอยู่ครั้งหนึ่ง แล้ววันนั้นมีการชี้แจงของ ป.ป.ช. กรณีซุกหุ้นของใครก็น่าจะรู้ ก็มีการถ่ายทอดสดจากพรรคไทยรักไทย ถ่ายทอดสดช่วงข่าวเที่ยงนะ แต่เราก็รู้สึกว่านาน...มาก แต่โอเคไม่เป็นไร มันก็ถือเป็นข่าววันนั้นไป ไม่ได้ลุกขึ้นมาบอกว่า ฉันไม่อ่านแล้วนะข่าวนี้(เสียงสูง) ก็อ่านไปจนจบ หลังจากนั้นตอน 5 ทุ่ม ก็มีข่าวเดิมนั้นมาอีก ก็เอ๊ะ มัน..ด่วน..ตรง..ไหน(ลากเสียง) ตอนนั้นถามเลยว่า พี่คะ ข่าวนี้มันด่วนตรงไหนคะ นี่มันสดไปตั้งแต่เมื่อตอนเที่ยงแล้วรอบหนึ่ง แล้วนานมากด้วย เขาก็บอกว่า มันมีคำสั่งมาให้บอกว่าด่วน คือมันเหมือนเอามาออกอากาศซ้ำอีก แต่เราว่ามันไม่ใช่ข่าวด่วนน่ะ อีกตัวอย่างหนึ่ง พอช่วงที่มีปัญหากัน พนักงานเริ่มยุกยิกๆ แบบไม่ไหวแล้ว อยู่ๆ ก็มีประกาศลงวันที่ 31 ธันวาคม บอกว่า ห้ามพนักงานแสดงความคิดเห็น เป็นคำสั่งบริษัทที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรเลย เอ๊ะ นี่มันขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 39 นะ (หัวเราะ) ฉันมีสิทธิเสรีภาพในการพูดนะ นี่มันองค์กรสื่อนะ ไม่ใช่โรงงาน บ้ารึเปล่า นี่มันสื่อมวลชน ทำอาชีพนี้จะมาห้ามแสดงความคิดเห็นได้ยังไง

0 แล้วเป็นมายังไงถึงมาเป็น 23 กบฏไอทีวี ตอนนั้นมีกลุ่มคุณภัทราพร กลุ่มเดียวหรือเปล่า

จริงๆ มีเยอะนะ หลายคน แต่ว่าโดยธรรมชาติของทุกปัญหาว่างั้นเถอะ มันจะมีหนึ่ง คนเห็นด้วย สอง คนไม่เห็นด้วย สามคนเลือกที่จะอยู่ตรงกลาง ซึ่งคนเลือกที่จะอยู่ตรงกลางเยอะมาก แม้จะเห็นด้วย แต่ขอไม่มีปฏิกิริยาอะไร ซึ่งเราก็เข้าใจนะ คนไม่เหมือนกัน แต่ที่เป็น 23 คน เพราะว่ามันคือตัวเลขของคนที่ถูกไล่ออกในวันนั้น เราไม่ได้รวมกลุ่มกันก่อนว่ามี 23 คน เราไม่ได้นับหัวเลย มีกี่คนเราไม่รู้ บางวันก็มีแปดคน บางวันมีสิบกว่าคน แล้วเราก็ออกแถลงการณ์เมื่อซักวันที่ 3 หรือ 4 มกราคม 44 วันนั้นเราก็ไม่รู้ด้วยนะว่าเรามีกันกี่คน ก็ยังมีหลายๆ คนเลยนะที่ไปแถลงกับเราในวันนั้นแล้วทุกวันนี้ยังอยู่ในไอทีวี พอผ่านการเลือกตั้งไป ก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา จนหวยออกที่ 23 แต่ใน 23 คนนี่ก็ไม่ได้เป็นกบฏทั้งหมด มีคนอื่นด้วย เป็นคนที่เขาจะเอาออกโดยอ้างว่าเลย์ออฟมาปนกัน จนมาเป็นตัวเลข 23 คน ซึ่งเราก็อำกันว่ามันเป็นเลขชง ว่าเขาถือเรื่องเลขหรือเปล่า เพราะเขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23

0 ช่วงที่เก็บกระเป๋าออกมาจากไอทีวี รู้สึกยังไง เจ็บใจ โกรธเพื่อนๆ ที่ไม่มาด้วย

ไม่นะ พี่ยังไปไอทีวี ไปกินเหล้า ไปเฮฮากับเพื่อนที่ยังอยู่ไอทีวี ก็ยังคุยติดต่อกันเรื่องงาน ไม่โกรธแต่ว่าไม่ยุ่ง เพราะว่าพี่ไม่สามารถที่จะโกหกได้ว่าพี่รู้สึกยังไง เพราะฉะนั้นถ้ากินข้าวด้วยกัน คุยกันเรื่องการเมืองหรือศาสนาได้ แต่อย่าคุยเรื่องไอทีวี (หัวเราะ) เพราะคิดไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน เราก็ทำไปเท่าที่เราก็ทำได้ในภาวะนั้น ต่อสู้ไปตามขั้นตอน แต่ตอนนั้นคิดว่าจะเอาชนะไหม ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเอาชนะหรือเปล่า แต่ต้องพิสูจน์ เราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่เราทำมันถูก

0 แล้วตอนนี้ล่ะ รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองเป็นผู้ชนะไหม

ไม่นะ เปล่าประโยชน์ที่จะไปคิดว่าจะเปลี่ยนอดีต เหมือนกับวันที่พี่ชนะคดี พี่ก็ไม่คิดว่าเป็นไงล่ะ ฉันชนะแล้ว แต่สิ่งที่พี่พูดคือ ไม่ต้องเป็นจำเลยแล้ว ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำสิ่งที่ผิด แค่นั้นเอง แล้วพอวันนี้ที่ไอทีวีมันมีปัญหา ต้องเอาคืนกลับมา เราก็รู้สึกว่า บอกแล้วใช่ไหม ว่าจะต้องมีวันนี้ ที่มันเป็นจุดจบ

0 แล้วที่บอกว่าความรู้สึกเปลี่ยนอีกครั้งตอนเห็นปฏิกิริยาพนักงานดีใจ

ก็เหมือนกับว่า ตกเป็นของใครก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าปิดสถานี ก็เลยน่าเกลียดไง น่าสังเวช ความรู้สึกของพี่หมดเลย ไม่น่าสงสาร แล้วตอนที่เขาเฮ ตอนที่เคาท์ดาวน์ พี่นอนดูทีวีตอนนั้น มองแล้วแบบ เออ ว่ะ ตกไปอยู่ในมือใครก็ได้ คนพวกนี้ตกเป็นทาสใครก็ได้ เป็นลูกจ้างใครก็ได้ ที่จ่ายเงินให้แล้วมีทีวีให้ทำ มีงานให้ทำ มีสถานีให้ออก ความสงสารหมดเลยนะ คุณคิดแค่นี้เหรอ เฮ เฮทำไมวะ (ทำหน้างงมาก) จะเฮทำไมวะเนี่ย ถ้าจะเฮเพราะไม่ต้องตกงาน ก็ไปเฮกันที่อื่น มาเฮอะไรหน้าจอ นี่มันใช้สถานีเพื่อทุกข์สุขของตัวเอง ไม่ใช่ทุกข์สุขของประเทศชาตินะ (ตาแดงๆ)

0 ในฐานะที่ทำข่าวสายการเมืองมานาน ในมุมมองการเมือง ท่านนายกฯ ทำไมถึงเปลี่ยนใจให้ไอทีวีเปิดต่อได้

พี่ว่าท่านไม่ได้กลัวพนักงานไอทีวีหรืออะไรหรอก พี่ว่าท่านกลัวความรุนแรง เพราะประชาชน ต้องยอมรับว่ามีบางส่วนไม่เข้าใจปัญหาของไอทีวี เพราะคนไอทีวีเองไม่เคยเสนอข่าวตัวเองเลย มันคือข้อจำกัดของคำว่าเสรีภาพในการนำเสนอข่าวคนไอทีวีเองนะ ที่อ้างอยู่ทุกนาที เคยใช้ไหม เคยใช้มันเพื่อเสนอข่าวตัวเอง เคยตีแผ่ไหม นอมินีเทมาเส็กที่มันเข้ามาซื้อตัวเอง ก็ไม่ได้ทำกัน เพราะฉะนั้นก็มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่รู้ แล้วลุกขึ้นมาหวงแหนไอทีวี ก็มันของเขาน่ะ บางคนบริจาคเงินนะ (น้ำตาคลอ) คือเขาไม่เข้าใจ แล้วถ้าม็อบควบคุมไม่ได้ เออ ใครเสีย พี่ก็เลยรู้สึกสงสารเขา

แต่ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าท่านนายกฯ เหมือนการฮั้วกับกลุ่มอำนาจเก่า พี่ว่าไม่นะ พี่อาจจะมองท่านผิดก็ได้นะ แต่พี่ว่าท่านใจอ่อน ใจดี แต่ที่เสียความรู้สึกก็คือว่า เฮ้ย (หัวเราะแบบขื่นๆ) ไม่น่าไปพูดเลยว่า จะปิดแล้วมาไม่ปิด แหมมันดูไม่ดีเลยนะ แต่เข้าใจท่านนะ คือแบบว่าตอนนั้น ตอนที่เห็นม็อบคนไอทีวี ไม่ได้แล้วนะ สงสารนายกฯ แต่ไม่ได้สงสารเรื่องที่โดนคนไอทีวีด่า สงสารประเทศชาติ(เสียงสูง) เพราะว่าถ้ามีคนกลุ่มหนึ่งระดมมวลชนขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลได้ ใครได้ประโยชน์ (หัวเราะ) คุณก็รู้ว่าใคร แล้วการปลุกม็อบในครั้งนั้น มันเสี้ยมประชาชนมาชนกับรัฐบาลชัดๆ เลย (เสียงสูง) ถ้าทำสำเร็จ ฝูงชนพร้อมเคลื่อนเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล เพราะฉะนั้น ท่านนายกฯ จะกลืนเลือด (กลับคำ) ก็ต้องกลืนล่ะ

0 หลังจากนั้นมีเพื่อนที่ไอทีวีส่งเสียงมาถึงเรายังไงบ้าง

ตอนนี้ไม่มีเลยนะ หลังจากที่สถานีได้เปิดแล้ว แต่ตอนแรกที่มีข่าวว่าสถานีจะถูกปิด มีเยอะ โทรมาบอกว่าอยากให้กลับไปๆ บางคนก่อนหน้านี้ก็เคยโทรมาบอก เฮ้ย สถานการณ์มันไม่ดีว่ะ ปิดแน่ๆ ชินฯ ถอนแน่ๆ คือเขาก็ห่วงเรื่องความมั่นคงในอาชีพประมาณนี้ แต่หลังจากสถานีเปิดแล้วไม่มีเลยนะ เงียบหายไป สมใจแล้ว พี่ไม่รู้นะ ความรู้สึกเขาคงแค่ ขอให้ยังมีงานทำน่ะ

0 อย่างกรณีคุณมัลลิกา (บุญมีตระกูล) ที่มาประกาศลาออกเอาช่วงพีคสุดๆ มองยังไง

พี่ว่ามัลลิกาไม่มีความน่าเชื่อถือในฐานะนักสื่อสารมวลชน ในภาวะเช่นนี้มันไม่ควรที่จะมีใครกระโดดขึ้นมาแสดงตัวว่าเป็นพระเอกนางเอก หรือทำอะไรเพื่อตัวเอง สถานภาพความเป็นนักสื่อสารมวลชนของมัลลิกาหมดไปตั้งแต่ลงเล่นการเมือง เพราะว่าสื่อมวลชนไม่ควรจะเลือกข้าง แต่คุณเลือกข้างไปแล้ว นักการเมืองเป็นอาชีพที่เลือกข้างตลอดเลย เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย สนับสนุนคนนี้ ไม่เอาคนนี้ เป็นฝ่ายค้านหรือจะเป็นรัฐบาล เป็นอาชีพที่ต้องเลือกข้าง แล้วเมื่อเขาไปไม่ถึงดวงดาวทางการเมือง เขาก็กลับมาเป็นนักสื่อสารมวลชนอีก เขาไม่มีความน่าเชื่อถือในฐานะนักสื่อสารมวลชนแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าวันนี้เขาจะลุกขึ้นมาบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว เข้าใจความรู้สึกของกบฏไอทีวีแล้ว เข้าใจช้าไปแล้ว สายไปแล้ว ที่จริงเขาน่าจะเข้าใจตั้งแต่วันก่อน ไม่ควรจะรอให้ 5 ปีที่ผ่านมาค่อยๆ พัฒนาสติปัญญาหรือว่าจิตวิญญาณเขา

ในวันที่คุณเป็นนักข่าวการเมือง คุณควรเข้าใจ คุณต้องรู้จักว่าทักษิณ ชินวัตร เป็นใคร เป็นนักเมือง เป็นนักธุรกิจ เป็นคนที่ตั้งเป้าว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คุณเลือกข้างเขา มัลลิกาคือหนึ่งในพยานฝ่ายชินฯ

สายไปแล้วที่จะเรียกคืนความน่าเชื่อถือในฐานะนักสื่อสารมวลชนกลับมา ไอ้จิตวิญญาณความเป็นนักสื่อสารมวลชนเขา มันก็ไม่มี มันเป็นการแสดง คิดขึ้นมาก่อนว่า เอ...เดี๋ยววันนี้นะจะต้องลาออก แล้วจะต้องลาออกกลางจอ แล้วเดี๋ยวจะต้องไปแถลงข่าวตรงนี้ คือสิ่งที่ถูกใคร่ครวญแล้วว่าจะทำแบบนี้ๆ วันนี้มาบอกว่าสำนึก เอออาจจะสำนึกช้าไปนิดนึง แต่วันถูกขายให้เทมาเส็กควรจะสำนึก ควรประกาศลาออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่ใช่มาประกาศในวันที่แบบว่า ใครๆ เขาก็รู้ว่าทำไม เอาเงิน 50,000 มาปฏิรูปสื่ออะไรอย่างนี้ จะมาเป็นกบฏคนที่ 24 พูดน่ะพูดได้ แต่เป็นน่ะเป็นไม่ได้หรอก เพราะมันต้องเกิดจากการกระทำ เกิดจากจิตใจ เกิดจากความรู้สึกนึกคิดจริงๆ มันไม่ใช่เหมือนกับการมายืนประกาศว่าฉันจะเป็นทีวีเสรี มีเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร แล้วไง ไอ้ข่าวที่มา ความเป็นมาลำดับเหตุการณ์การซื้อขายชินฯ เปลี่ยนมือมากี่ครั้ง ข่าวเนี้ย มันหายไปไหน ข่าวหนึ่งของทีไอทีวีกลับเป็นข่าวเปิดสถานีตัวเอง แล้วมาบอกว่าฉันสัญญาว่าจะใช้เสรีภาพเพื่อประโยชน์ของประชาชน มันไม่จริง

0 ไม่สามารถคาดหวังความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกับพนักงานไอทีวีกลุ่มนี้อีกครั้ง

ที่ผ่านมา 5 ปี ทำได้ไหม ไม่ได้ 5 ปีที่ผ่านมา คุณไม่สามารถใช้ความกล้าหาญ ใช้จิตวิญญาณที่อ้างว่ามีขึ้นมาแสดงให้เห็นศักยภาพในการใช้เสรีภาพที่มีเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทั้งชาติได้ อีก 5 ปีผ่านไป ถ้าคุณมาอยู่ในความครอบครองดูแลของรัฐ ซึ่งพี่ก็ไม่บอกนะว่าพี่ไม่เห็นด้วยกับหลักการเอาคืนมา แต่วิธีการมันอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าคนที่จะมาเป็นรัฐบาลต่อไปจะไม่ครอบงำอีก สู้ไหวมั้ย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยสู้อะไรเลย ตอนนี้เขาเปิดสถานีให้ จบ ไม่เคยเรียกร้องสัญยิงสัญญาอะไรเลยว่ารัฐจะไม่แทรกแซงการเสนอข่าวของทีไอทีวี ไม่ได้เรียกร้องการรับผิดชอบของกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งเลยที่ควรมีต่อความหายนะของไอทีวี ไม่มี เพราะได้ค่าชดเชยแล้ว ก็แค่นี้ใช่ไหม คนที่จ่ายแล้ว คนไอทีวีก็ไม่เรียกร้อง ไม่ว่าเขาจะขายฉันเหมือนขายมือถือเครื่องเก่า ก็ได้ไม่เป็นไร สองวันที่เกิดเหตุการณ์พี่คิดว่าเขาภูมิใจในสิ่งที่เขาทำนะ เขาคิดว่าเขาทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เขาพรีเซนต์ผลงาน อย่างสึนามิ แสดงว่าเขาเชื่อมั่นว่า 10 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขาทำดีที่สุดแล้ว พี่จึงไม่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะคิดได้ เพราะพี่เห็นความปีติยินดี หรือเห็นข้อต่อสู้เรียกร้องของเขา ที่มันไม่ได้เป็นไปเพื่อที่เขาจะเปลี่ยนทิศทางของไอทีวีกลับไปสู่เจตนารมณ์เดิม แต่เขาพูดเพื่อไม่ให้มันปิดสถานีเท่านั้นเอง

0 พูดขนาดนี้ไม่กลัวเพื่อนๆ จะโกรธ

ไม่ พอเคาท์ดาวน์เสร็จ พี่ไม่สนแล้ว คือก่อนหน้านั้นยังมีอารมณ์สงสารบ้างนะ แต่ตอนนี้ไม่สงสารแล้ว ตอนแรกพี่ยังคุยกับเพื่อนๆ เลยว่า เฮ้ย ตกงานสักเดือนไม่เป็นไรหรอก ก็เอาค่าชดเชยไปพักร้อน เดี๋ยวก็กลับมาทำงานใหม่ เอาตังค์ไปเสวยสุขสักเดือนแล้วค่อยกลับมา พี่คิดอย่างนี้เลยนะ ก่อนที่มันจะปิดไม่ปิด หรืออะไรก็ตาม เพราะว่าเรื่องการจ่ายค่าชดเชยมันได้อยู่แล้ว และมันรู้มาก่อนหน้านั้นแล้วด้วย นั่นล่ะเขาถึงไม่มีปฏิกิริยากับผู้บริหาร เอ้า ถ้าลองชินฯ ไม่จ่ายค่าชดเชยอะไรเลย มันคงได้มีการทุบกระจกตึกชินฯ กันบ้างล่ะ โทษฐานไม่จ่ายค่าชดเชย คนดูเขาไม่เข้าใจ พี่สงสารตาสีตาสา แม่ค้ามากๆ เลย กำเศษตังค์ ไปบริจาคให้เขา (น้ำตาไหล) ไม่ต้องหรอก พวกนี้ได้ค่าชดเชยแล้ว

0 แต่ที่บอกว่าสงสารตอนแรก เพราะว่าเพื่อนพนักงานบางคนเขาอาจจะคิดเหมือนเรา 23 คน แต่ทำไม่ได้เหมือนที่เราทำ

ไม่ พี่คิดอย่างนี้นะ ถ้าเป็นพี่ พี่ไม่เลือกที่จะเป็นพลังเงียบ การที่จะได้อะไรมาสักอย่างต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะฉะนั้นถ้าเราเลือกที่จะเป็นพลังเงียบ เราก็ต้องยอมรับชะตากรรมของตนเอง ใช่ป๊ะ ตอนนั้น อ้าวแล้วทำไมไม่พูด พอไม่พูดตอนนั้นมันก็ไม่มีพลัง เราอยากให้อะไรมันเป็นไป เราก็ควรจะแสดงอย่างนั้น จิตวิญญาณกับเสรีภาพใช้ให้มันเป็นประโยชน์ พี่เชื่อว่ามันอยู่ที่ใจนะ แล้วมันใช้ที่ไหนก็ได้

0 ตอนนั้นถ้าเกิดทุกคนรวมพลังอย่างที่ 23 คนทำ ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดี

ใช่ อย่างน้อยมันก็โพรเทคได้ในระดับหนึ่ง มันคือสัญญากับสังคมที่เขาต้องให้ แต่เราไม่มีพลังต่อรองขนาดนั้น แล้วเราก็ไม่บ้าใช้สื่อตัวเองประโคมๆ ด้วย จริงๆ ทำได้แต่ไม่ทำ เราไม่ได้ใช้สื่อตัวเองเลย เพราะเรารู้สึกว่านี่คือการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่เป็นส่วนของเรา ส่วนของอาชีพเราด้วยนะ ตอนนั้นมีคนมาให้กำลังใจพวกพี่ที่บริษัท แต่พนักงานไอทีวีบางคนยังลงมาพูดบอกกับกลุ่มคนนั้น ประมาณว่าพวกพี่ทุบหม้อข้าวตัวเองเลย พี่ก็เลย เอ้า ถ้าเขาเลือกที่จะปกป้อง ก็ปกป้องไป แล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิมมาจนทุกวันนี้ เพราะเขาก็เป็นคนกลุ่มเดิมที่แอ็คชั่นตอนนี้นะ ส่วนกลุ่มพลังเงียบก็ยังคงเป็นพลังเงียบต่อไป (หัวเราะ)

แต่จริงๆ เราต้องยอมรับนะ เพราะว่าในสถานีโทรทัศน์ 1,070 คน คนที่ควรจะมีสามัญสำนึกในสิทธิเสรีภาพมันคือคนข่าวนะ มันก็ฝ่ายเดียว ต้องไม่นับฝ่ายเทคนิค วิศวกร ช่าง คนขับรถ บัญชี ธุรการ บุคคล ซึ่งอาจจะประมาณ 900 คนก็ได้ ซึ่งเขาเหล่านี้เป็นพลังเงียบ ว่าไงว่าตามกัน แต่ไอ้ตัววิชาชีพของนักสื่อสารมวลชนที่อาจจะมีอยู่ 200 คน ตัวนี้มันชี้นำองค์กร ว่าจะสู้ไม่สู้ ม็อบไม่ม็อบ คนพวกนี้ต่างหาก เพราะฉะนั้นกับกลุ่มแรกที่เราจะไปบอกว่าทำไมไม่ลุกขึ้นมาสู้กับเรา ไม่ใช่นะ เขาไม่ได้บ่มเพาะมาอย่างอาชีพนักข่าว แต่ละอาชีพมันมีจรรยาบรรณวิชาชีพคนละแบบกัน

0 แล้วทีไอทีวีในกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นยังไง หรือต่อไปควรทำยังไง

ตอนนี้ก็ปล่อยให้เขาดำเนินการไปเพื่อที่จะไม่ปิดสถานี เพื่อไม่ให้ปัญหามันบานปลาย ก็เท่ากับเรามีทีวีให้ดูอีกช่องหนึ่ง แต่จะดีรึเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง แต่ระหว่างนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องทำการบ้านหนักนิดหนึ่ง เพื่อจะรีบอนด์ไอทีวีขึ้นมาเพื่อเป็นสถานีที่ให้ประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งมันไม่ต้องเป็นสถานีข่าวก็ได้ ถ้าเป็นแล้วจะมีคนเข้าไปแทรกแซงก็ไม่ต้องมี เพราะเดี๋ยวมันจะไปซ้ำกับช่องที่มีอยู่ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นก็เอาเป็นว่ามารีบอนด์ขึ้นมาเป็นสถานีใหม่ที่เป็นจริงในการคืนผลประโยชน์ให้รัฐและให้ประโยชน์ประชาชน แต่ต้องใช้เวลา

บทเรียนจากไอทีวีมันมีประโยชน์นะว่าอย่ารีบ เพราะตอนเกิดไอทีวีครั้งแรกมันอาจจะมีความรีบ เพราะว่ามันเกิดขึ้นหลังพฤษภาทมิฬ ซึ่งมีแรงกดดันจากกระแสสังคมที่ต้องการบริโภคข่าวสารที่ถูกต้องเป็นกลาง มีเสรีภาพจริงๆ เลยเกิดการก่อตั้งขึ้นมา โดยที่ความพร้อมของกลุ่มทุน หรือความพร้อมของการเกิดสถานีโทรทัศน์อาจจะยังไม่มี

0 สื่อสาธารณะที่แท้จริง จึงยังไม่เกิด จนตอนนี้มีการพูดถึงอีก คิดว่าบ้านเราจะทำได้ไหม

ตอนนี้หลายคนบอกว่าอยากจะมีสื่อสาธารณะ ก็ทำไปควบคู่กันไปก็ได้ พี่เห็นเมืองไทยทุกวันนี้มีรายการทีวีมหาศาลมากเลย แต่ซ้ำๆ กัน ไม่เป็นทางเลือกใหม่เลย เพราะฉะนั้นควรจะเข้ามาจัดการโดยด้วยกฎหมาย รัฐธรรมนูญ กฎหมายสื่อ หรือการปฏิรูปสื่อก็แล้วแต่ ทำให้สื่อที่มีอยู่เกิดความหลากหลายจริงๆ เพื่อที่จะให้เป็นทางเลือกในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และเสพความบันเทิงก็ได้ ในสัดส่วนที่พอเหมาะ มีการกรองสาร อย่าง น ท ฉ ที่ขึ้นบนหน้าจอ นี่มันคือหนึ่งในการที่เราให้ความรู้กับประชาชน ว่ามันต้องกลั่นกรอง หรือเลือกรับสารจากสื่อ คนที่ดูข่าวทีวี ก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์เองบ้าง อย่าให้คนอื่นมาอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟังอย่างเดียว

แต่ว่าความจะมีสื่ออินดิเพนเดนท์ เทเลวิชั่น หรือสื่อสาธารณะจริงๆ พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอก พี่เคยคิดถึงขนาดว่า ช่างมันเถอะทีวีเสรีที่มันทำข่าว มันจบไปแล้ว แต่สมมุติว่ามีนายทุนกลุ่มใหม่เข้ามาซื้อ แล้วเอามาทำสถานีฟุตบอล ก็โอเคนะ เป็นช่องฟุตบอลว่ะ ประชาชนบางคนยังยอมที่จะจ่ายเปย์ทีวีเพื่อที่จะดูบอลเลย แต่นี่มันมีฟรีทีวี ซึ่งมีช่องฟุตบอลให้ดูกันทั้งวันเลย หรือว่าทำเป็นช่องการ์ตูนให้เด็กดูก็ดีนะ เป็นสถานีสำหรับเด็กไง ขอให้เป็นประโยชน์สำหรับคนไทย แล้วไม่ต้องมีทีวีเสรี โอ๊ย เสรีภาพในการเสนอข่าวสาร ไม่มีหรอก ไม่จริง ก็ยังมีคนที่เข้าไปครอบงำหวังผลประโยชน์ มีช่องทางเข้าไป แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ดีกว่า ให้ประชาชนเลือกเองที่จะบริโภคอะไร ฉันจะบริโภคฟุตบอล ฉันบริโภคข่าว ฉันจะดูละคร อะไรก็เลือกเอาใครอยากดูอะไร ข่าวช่องนี้ไม่ดี ก็เลิกดู พอเลิกดูเรตติ้งก็ตก โฆษณาขายไม่ได้ มันก็จะปรับตัวขึ้นมาเอง คือให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะตลาดถูกกำหนดด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค

0 แม้แต่ผู้ผลิตเอง อย่างทีวีบูรพา หรือบริษัทอื่นๆ ก็ต้องดูในส่วนคอนเทนต์ (รูปแบบ-เนื้อหารายการ) ของตัวเองด้วย และเราก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีเลยว่าด้วยคอนเทนต์ เราถึงได้รางวัลมากมาย

จริงๆ เราต้องขายคอนเทนต์นะ เพราะถ้าเราขายคอนเทนต์ได้ ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค มันจะควบคุมกลไกการตลาด จะทำให้เราอยู่ได้ หรืออยู่ไม่ได้ เราต้องแข็งแรงเรื่องคอนเทนต์ก่อน แต่เราไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดหรอก แต่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่าเราต้องต่อสู้มาด้วยความแข็งแรงของคอนเทนต์จริงๆ ดูอย่างทุกวันนี้สิ ดูจากเรตติ้งทางช่อง 3 ดีกว่าไอทีวี ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเช้าด้วย มันเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคนะ ที่เขาชอบคนเล่าข่าวคนนี้ แล้วโฆษณาก็แห่ไปลงตอนเช้าของช่อง 3 ไอทีวีไม่ว่าจะเปลี่ยนให้ใครมานั่งอ่านข่าว ก็สู้ไม่ได้ เพราะว่าคอนเทนต์สู้ไม่ได้

0 ถึงตรงนี้ แม้จะหมดความหวังกับเพื่อนๆ ยังมีอะไรอยากจะฝากเขาอีก

พี่ก็ยังยืนยันว่าตั้งสตินะ แล้วเริ่มต้นใหม่กับเสรีภาพที่คิดว่าได้มาจากการเปิดสถานี แต่พี่มีความรู้สึกว่าเสรีภาพไม่ได้ได้มาจากการเปิดสถานีเพื่อออกอากาศต่อไป เสรีภาพมันอยู่ในใจเรา เพราะฉะนั้นต้องตั้งสติและก็หามันให้เจอ ถ้าเราหาเสรีภาพในหัวใจเราเจอ เราจะมีความกล้าหาญเอง เราจะรู้ว่าโดยอาชีพเราๆ จะเดินไปทางไหน จะทำข่าวอะไร ต้องตัดอคติ ตัดความรู้สึกอารมณ์ส่วนตัวที่มีอยู่ ณ เวลานี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสถานีของตัวเองออกไป มันถึงจะตาสว่างว่าจะทำอะไร ข่าวที่ควรทำก็คือข่าวตัวเอง ทำให้ชัดเจนซะ

การพูดถึงอุดมคติ อุดมการณ์ เจตนารมณ์การก่อตั้งสถานี หรือแม้แต่การอวดอ้างผลงานสึนามิ นี่มันคือการหากินกับโศกนาฏกรรมของโลก มันใช่เรื่องที่จะมาภูมิใจ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องธรรมดาที่โดยอาชีพ วิชาชีพ และสามัญสำนึก คุณต้องทำให้ดีที่สุด เหมือนเกิดเป็นคนแล้วต้องกินข้าวแค่นั้นเอง เกิดเป็นนักข่าวก็ต้องทำข่าวให้ดีสิ แต่ถามว่าคุณทำดีกว่าคนอื่นไหม ก็ดี เพราะคุณมีอะไรๆ พร้อมทุกอย่าง คนเยอะ เฮลิคอปเตอร์ คุณรวยนี่ คุณทำได้ทุกอย่างแหละ ทำไป อย่ามามีบุญคุณกับแผ่นดิน เพราะมันเป็นหน้าที่ของคุณ

ดังนั้น คนไอทีวีต้องตั้งสติแล้วกลับมาถามตัวเองว่าจิตวิญญาณสิทธิเสรีภาพที่ตัวเองพูดถึง ตัวเองเข้าใจไหม เข้าใจแล้วมีจริงไหม มีจริงแล้วได้ใช้ไหม 5 ปีที่ผ่านมา ถ้ายังไม่ได้ใช้ รีบใช้ตอนนี้ รีบใช้ก่อนเลยนะ เดี๋ยวเกิดตกไปอยู่ภายใต้คนโน้นคนนี้ แล้วจะอดใช้อีก
 
http://www.nationweekend.com/2007/03/16/NO10_104_news.php?newsid=639
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #1 เมื่อ: 19-03-2007, 20:49 »

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านครับ
ธาตุแท้ของคนบางกลุ่ม ถ้าตัวเองเสียผลประโยชน์
จะแปลงกาย เป็นคนดี เป็นพวกต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
แต่ถ้าเป็นคนอื่น ก็ไม่สนใจ ถีบหัว "กบฏไอทีวี" ส่ง
เพราะมันไม่มีผลประโยชน์ร่วม จนป่านนี้ ไม่รู้ว่าใคร
หน้าหนากว่าใครกันแล้ว
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #2 เมื่อ: 19-03-2007, 21:07 »


ประทับใจมากค่ะ โดยเฉพาะ ตรงนี้...


"ก่อนที่มันจะปิดไม่ปิด หรืออะไรก็ตาม เพราะว่าเรื่องการจ่ายค่าชดเชยมันได้อยู่แล้ว

และมันรู้มาก่อนหน้านั้นแล้วด้วย นั่นล่ะเขาถึงไม่มีปฏิกิริยากับผู้บริหาร

เอ้า ถ้าลองชินฯ ไม่จ่ายค่าชดเชยอะไรเลย

มันคงได้มีการทุบกระจกตึกชินฯ กันบ้างล่ะ โทษฐานไม่จ่ายค่าชดเชย

คนดูเขาไม่เข้าใจ พี่สงสารตาสีตาสา แม่ค้ามากๆ เลย กำเศษตังค์ ไปบริจาคให้เขา (น้ำตาไหล)

ไม่ต้องหรอก พวกนี้ได้ค่าชดเชยแล้ว"

 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #3 เมื่อ: 19-03-2007, 21:42 »


ขอบคุณคุณอโลฮา ที่นำมาให้อ่าน

คุณภัทราพรนี่แมนจริงๆ

ยังจำได้สมัยรายงานข่าวยึดตัวประกัน คุณภัทราพรรายงานตั้งแต่เย็นถึงเช้าอีกวัน

ตอนนั้นเราก็ เอาวะ อยู่เป็นเพื่อนกันไม่ต้องหลับต้องนอน

พอรุ่งสาง คุณภัทราพรรายงานข่าวหน้าตาเบลอๆ แต่รายงานข่าวได้ชัดเจนไม่เบลอเหมือนหน้า

ตอนนั้นรู้สึกว่าเธอสวยสุดขีด

แถมอีกคน คุณกรุณา ชอบตอนไปรายงานข่าวที่ติมอร์ แล้วมีใครมากวนโอ๊ย เธอยืนเท้าสะเอวทำตาเขียวใส่

แต่ก็รายงานข่าวต่อได้ เก๋จริงๆ

ปล.ใครมีความคืบหน้าของกบฏไอทีวีบ้าง รายงานข่าวหน่อย 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 19-03-2007, 22:01 »

ให้คุณคิด คุณจะคิดอะไร

ให้คุณทำ คุณจะทำอะไร

คนเราเลือกที่ยืนได้เสมอ

ตราบใดที่คุณยังไม่ล้มลงไป

แม้ล้มไป ก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ ถ้าอยากสู้ หรือ อยากทำ
บันทึกการเข้า

see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #5 เมื่อ: 19-03-2007, 23:10 »

*  2  วัน  ช่วงที่แถกเหงือก ..

    ITV  ก็ทำร้ายตัวเองด้วยการเล่นบทบาท .. ดาวพระศุกร์  ที่น่าสงสาร

    นี่หรือ .. สื่อ  !!!  ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี


บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 20-03-2007, 00:07 »

เหอ เหอ เหอ ดูจันทร์ชวนคิดด่วน แม้จะไม่ค่อยชอบคนจัด 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #7 เมื่อ: 20-03-2007, 00:25 »

หมดสภาพแล้วที่จะเรียกตัวเองว่า สื่อ

ควรจะเรียกชื่อใหม่เป็น เสี่ยว หลง ห. เชลียร์แม้ว   

...
บันทึกการเข้า
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #8 เมื่อ: 20-03-2007, 10:18 »

ขอบคุณ น้อง Aloha007 จริงๆครับ

สื่อเสรี ต้อง มีจุดยืนแบบนี้ครับ กล้า ที่จะแสดงจุดยืน และ ความคิดของตัวเอง ผมชอบตรงนี้ครับ

0 แล้วตอนนี้ล่ะ รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองเป็นผู้ชนะไหม

ไม่นะ เปล่าประโยชน์ที่จะไปคิดว่าจะเปลี่ยนอดีต เหมือนกับวันที่พี่ชนะคดี พี่ก็ไม่คิดว่าเป็นไงล่ะ ฉันชนะแล้ว แต่สิ่งที่พี่พูดคือ ไม่ต้องเป็นจำเลยแล้ว ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำสิ่งที่ผิด แค่นั้นเอง แล้วพอวันนี้ที่ไอทีวีมันมีปัญหา ต้องเอาคืนกลับมา เราก็รู้สึกว่า บอกแล้วใช่ไหม ว่าจะต้องมีวันนี้ ที่มันเป็นจุดจบ


มันบอกถึงวุฒิภาวะ นักข่าวที่มีอุดมการณ์ กับ คนไอทีวี ปัจจุบันได้ จริงๆ
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
ฮอยล้อ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 99


A Night Firefly


« ตอบ #9 เมื่อ: 20-03-2007, 10:44 »

เยี่ยมครับ....
เชียร์ทุกคนครับ  23 กบฎ ITV
บันทึกการเข้า

"Power without justice is brutal
Justice without power is a mere suggestion"
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 20-03-2007, 13:57 »

ดังนั้น คนไอทีวีต้องตั้งสติแล้วกลับมาถามตัวเองว่า

จิตวิญญาณสิทธิเสรีภาพที่ตัวเองพูดถึง ตัวเองเข้าใจไหม เข้าใจแล้วมีจริงไหม มีจริงแล้วได้ใช้ไหม 5 ปีที่ผ่านมา

ถ้ายังไม่ได้ใช้ รีบใช้ตอนนี้ รีบใช้ก่อนเลยนะ เดี๋ยวเกิดตกไปอยู่ภายใต้คนโน้นคนนี้ แล้วจะอดใช้อีก


แนวคิด มุมมอง คำถาม เฉียบคมจริงๆ
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
มีคณา
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 463



« ตอบ #11 เมื่อ: 20-03-2007, 16:50 »

ประทับใจมากค่ะ โดยเฉพาะ ตรงนี้...
"ก่อนที่มันจะปิดไม่ปิด หรืออะไรก็ตาม เพราะว่าเรื่องการจ่ายค่าชดเชยมันได้อยู่แล้ว และมันรู้มาก่อนหน้านั้นแล้วด้วย นั่นล่ะเขาถึงไม่มีปฏิกิริยากับผู้บริหาร เอ้า ถ้าลองชินฯ ไม่จ่ายค่าชดเชยอะไรเลย มันคงได้มีการทุบกระจกตึกชินฯ กันบ้างล่ะ โทษฐานไม่จ่ายค่าชดเชย คนดูเขาไม่เข้าใจ พี่สงสารตาสีตาสา แม่ค้ามากๆ เลย กำเศษตังค์ ไปบริจาคให้เขา (น้ำตาไหล) ไม่ต้องหรอก พวกนี้ได้ค่าชดเชยแล้ว" 

ประทับใจตรงกับคุณเก็ดถวาค่ะ & Thanks คุณ Aloha
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: