เอาไงดีประเด็นนี้
ผมอยู่จังหวัดยะลาผมและกลุ่มของผมก็คิดมาสมอว่าบ้านที่ผมอยู่มา20กว่าปีจะ30หละ มันเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ สุดท้ายผมหาคำตอบให้ไม่ได้เหมือนกัน ผมกับมุสลิมไม่ได้ทะเลาะกันนะ มีเพื่อนที่กินข้าวด้วยกัน เที่วด้วยกันเยอะแยะ แต่ก็มีบางคนที่ตายไปด้วยข้อหา เป็นโจร ผมจึงไม่สามารถระบุได้ว่า คนที่เดินสวนกับผม ใครเป้นโจร ใครไม่เป้นโจร
ข้อแรกที่ผมไม่รุ้สึกเห็นด้วยคือ คำว่า สมานฉันท์ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักสันติ แต่ก็ไม่ใช่พวกนิยมความรุนแรง แต่คำถามที่ถามกลับ คือ สมานฉันท์กับใคร ในเมื่อคนที่นั่งข้างๆผมตอนนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าเค้าเป็นโจร หรือเปล่า
ข้อที่สอง ผมไม่สามารถระวังตัวเองได้เลย เนื่องจากผมไม่รู้เลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นจนกว่าจะได้ยินเสียงระเบิดหือรถ มูลนิธิ ต่างๆวิ่งวุ่นพร้อมกับเสียงกรี้ดร้องของคนที่ตกใจกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น
ข้อสาม ถ้าหากการก่อการร้ายเกิดขึ้นบ่อยๆจนกระทั่งไม่มีใครกล้าทำสวนยางจริงๆแล้ว ทำไม ราคายางกลับลดลงได้ แล้วในเมื่อไม่มีการกรีดยางแล้วไซร้ ยางที่มีออกมาเรื่อยๆ ใครเป้นคนกรีด ในเมื่อเจ้าของสวนบอกว่าไม่กล้ากรีด แล้วใครกรีดออกมา
ข้อสี่ ทำไมเม็ดเงินหมุนเวียนของจังหวัดยะลา ถึงได้ไม่ลดลง ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำลงจริงอย่างที่พูดกัน เม็ดเงินที่เข้ามา มาจากไหน การจับจ่ายใช้สอยไม่ได้มีความรู้สึกลดลงเลย ตรงกันข้าม ทำไม กลุ่มผู้นับถือศาสนา อิสลามกับมีเงินมาใช้จ่ายได้มากกว่าปกติ(สังเกตุจากที่ผมทำการค้า)
นี่คือประเด็ดบาประเด็นที่ผมกับเพื่อ หยิบมาให้คุณๆทั้งหลายที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ สามจังหวัด ได้ลองอ่านดู
ปล.ผมขอย้ำคำเดิม ผมไม่เคยทะเลาะหรือรุสึกแยกศาสนา ผมรู้ส฿ปแบ่งแยกพวกที่ไม่เคารพกฎหมายที่เอาผ้ามาคลุมหน้ายามก่อม๊อบ หรือ ลอบทำร้ายชาวบ้าบ้านโดยบอกว่าเป้นประสงค์ของพระเจ้า ถ้าพระเจ้าเชื่อว่าการฆ่าคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกัยตนเรียกว่า ถูกต้อง พระเจ้า สมควรเป็นพระเจ้าต่อไปหรือไม่
ขอบคุณมากนะคะ ที่เป็นคนในพื้นที่แล้วออกมาแสดงความคิดเห็นให้รับรู้กัน
เราคนไทยด้วยกัน ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ ที่ต้องกล้าแสดงความคิดเห็น ออกมาร่วม
ด้วยช่วยกัน ส่วนรัฐบาลท่านจะรับฟังหรือไม่ อยู่ที่ใจท่านจะอนุเคราะห์และพิจารณาค่ะ
คนที่ไม่มีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงอยู่ทางนู้น คงจะเข้าใจอารมณ์เช่นนี้ได้ยากกค่ะ
โฟล์คเหน่อ
วิถีชีวิตของคนทำงานเพลงใต้ดิน เขียนกวี เล่นดนตรีในร้านเหล้า
Permalink :
http://www.oknation.net/blog/folkner วันเสาร์ ที่ 17 มีนาคม 2550
บทกวี แด่โจรใต้
Posted by โฟล์คเหน่อ : 13:49:12 น. | หมวดหมู่ : ถักร้อยถ้อยกวี
ฟังเพลง "ไฟใต้" ประกอบบทกวี
คำร้อง/ทำนอง/ขับร้อง โดย สุริยา สุพรรณคง
ได้ที่ลิงค์นี้
http://www.oknation.net/blog/folkner/2007/03/17/entry-3 โจรใต้
แค้นเคือง เรื่องใด กันเล่าหนา
คราบเลือด และน้ำตา คือของเขา
หัวใจ และชีวิต ท่านปลิดเอา
น่าเศร้า แค่ไหน ถ้าใจเป็นคน
แค้นใด ทำได้ ถึงปานนี้
เคืองใด ถึงมี อกุศล
เป็นคน แต่ไฉน ใจไม่เป็นคน
สัตว์หน้าขน ก็ยังไม่ ใช่อย่างนี้
เกิดเป็นคน แต่ใจจริง ยิ่งกว่าสัตว์
เที่ยวลอบกัด ไร้หัวใจ ไร้ศักดิ์ศรี
ศาสดา ล้วนชี้นำ ทำความดี
อเวจี ชั้นไหน สอนให้ทำฯ
แด่ โจรภาคใต้ที่ลอบกัดรายวัน
********************************
เพราะที่นี่เป็นอย่างนั้น
หลายหลากเรื่องราวละแวกบ้าน สะท้อนผ่านตัวอักษร
Permalink :
http://www.oknation.net/blog/bigtoh วันเสาร์ ที่ 17 มีนาคม 2550
"เคอร์ฟิว"ไม่จบแค่ ยะหา-บันนังสตา
Posted by โต.รัตนะ : 13:23:51 น.
"เคอร์ฟิว"ไม่จบแค่ ยะหา-บันนังสตา
จารย์ ปณิธาน วัฒนายากร
"เคอร์ฟิว"ไม่จบแค่ยะหา-บันนังสตา
มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังเดินทางกลับเยือนบ้านเกิดที่จังหวัดยะลาหนล่าสุด
จึงได้ฟังคำวิเคราะห์สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอยะหา บันนังสตา จังหวัดยะลา หลังจากผู้ก่อความไม่สงบสังหารผู้โดยสารในรถตู้เบตง-หาดใหญ่ 8ศพ ตามด้วยเหตุปาระเบิดมัสยิด ยิงใส่ร้านน้ำชา กระมั้งนำไปสู่การประกาศเคอร์ฟิว
ดร.ปณิธาน บอกว่า ผลพวงจากปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้ามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกแตกแยกในหมู่ประชาชนในระยะสั้นค่อนข้างรุนแรง โดยเป้าที่ถูกกระทำอย่างชัดเจนครั้งนี้คือราษฎรไทยพุทธ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการป้องการการกระทบกระทั่งของคนสองศาสนา เพราะปัจจุบันในพื้นที่ดังกล่าวกองกำลังไทยพุทธที่ติดอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย ฉะนั้นการควบคุมอารมณ์ของคนกลุ่มนี้ให้ดีจึงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินไปอย่างระมัดระวังมากที่สุด
นักวิชาการรายนี้ กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องออกมาลดอุณภูมิสถานการณ์โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วง2-3วันนี้อารมณ์ร่วมกับสถานการณ์ที่พาไป จะผลักดันให้ปัญหาเป็นไปตามแผนที่ผู้ก่อความไม่สงบกำหนดเอาไว้ ฉะนั้นการพยายามนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตยะหาเวลานี้ถือเป็นการรถอดสลักระเบิดอารมณ์ลดการเผชิญหน้าระหว่างพุทธและมุสลิมได้ดีที่สุด
ดร.ปณิธาน การประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลาเพื่อควบคุมสถานการณ์ เพราะประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความน่าจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการนี้ แต่ต้องมีการทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้ดี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการควบคุมพื้นที่ และง่ายต่อการไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามที่เคลื่อนไหว เพราะพื้นที่ยะหาถือเป็นขุมกำลังของฝ่ายตรงข้ามสำคัญแห่งหนึ่งในขณะนี้
นักวิชาการด้านความมั่นคงรายนี้ ยังวิเคราะห์อีกว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอำเภอยะหาคือกระบวนการโจมตีลูกโซ่ ซึ่งลอกเลียนมาจากการก่อการร้ายต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อตีกันความร่วมมือของประชาชนที่มีต่อรัฐ และควบคุมมวลชนให้ตกอยู่ในความกลัว อีกทั้งยังเป็นการลดทอนอำนาจรัฐ และถือเป็นการรักษาระดับความรุนแรงของผู้ก่อความไม่สงบได้ในตัว
"หากเขายังสามารถดำเนินการยุทธการในลักษณะนี้ได้บ่อยครั้ง และเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ เขามีโอกาสบรรลุเป้าหมายในการแบ่งแยกดินแดนได้ไม่ยาก แม้ปัจจุบันเขาจะยังไม่สามารถไปถึงจุดที่ต้องการได้ก็ตาม แต่ขณะนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อดำเนินการเจรจาโดยผ่านตัวแทนจากต่างประเทศบางคนที่แสดงตัวบางแล้ว โดยเริ่มมีการคัดเลือกและวางตัวผู้นำในการปลดแอกแล้วเช่นกัน"นักวิชาการด้านความมั่นคง กล่าว
สิ่งที่น่าเป็นห่วงหลังจากนี้ไปคือโอกาสที่จะเกิดเหตุลักษณะซ้ำรอยการสังหารหมู่ในรถตู้มีอีกแน่นอน โดยกลุ่มที่ลงมือจะแบ่งปฏิบัติการออกเป็น 2ชุด คือ 1.กลุ่มเซลล์เคลื่อนที่โดยการโจมตีเป้าหมายที่ไม่ติดอาวุธ และพัฒนาไปสู่การก่อเหตุใหญ่เรื่อยๆ โดยสังเกตุได้จากปฏิบัติการหลายครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีการทดลองประสิทธิภาพวัตถุระเบิดเช่นก่อเหตุกับรถทหาร และขยายผลไปสู่การระเบิดในเขตเมืองเช่นชุมชน ตลาดสดเป็นต้น
ส่วนกลุ่มที่สองคือ ทำหน้าที่ลอบสังหารบุคคลชั้นสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสั่นสะเทือน ขวัยและกำลังใจเจ้าหน้าที่ สังเกตุได้จากในรอบปีนี้มีเหตุ ลอบสังหารบุคคลระดับสูงหลายรายเช่น ในรอบปีเห็นได้จากการถล่ม พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย รองผกก.ตชด.44 ค่ายพญาลิไท จ.ยะลา ลอบยิงท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานคณะกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมป์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และลอบวางระเบิดรถ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.จว.ยะลา.เมื่อวันที่ 7มีนาคม ที่ผ่านมา
ดร.ปณิธาน กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในรอบสัปดาห์นี้ ถือเป็นการตอบโต้ปฏิบัติการบนเทือกเขาตะเว จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งเป็นการประกาศสัญลักษณ์ครบรอบสถาปนาบีอาร์เอ็น ทั้งนี้เพื่อสร้างเครดิตแก่องค์กร และอีกประการหนึ่งถือเป็นการตอบโต้ยุทธศาสตร์ของรัฐที่มาถูกทางเพราะเรียกมวลชนกลับมาเป็นพวกได้มากขึ้น โดยประเด็นเฉพาะการสร้างความใจในต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคใต้ รวมไปถึงการปรับท่าทีให้ความร่วมมือของมาเลเซีย ที่หันมาร่วมกดดันฝ่ายตรงข้ามจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายในประเทศเพื่อนบ้านเหมือนช่วงที่ผ่านมา
-------
บลอกแก้ไขปัญหาไฟใต้ทั้งหมดอ่านได้ที่นี่
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2007/03/18/entry-2..............................................................................
on the way
แหล่งรวมความคิด ความเห็น ว่าด้วยปรัชญา-ศาสนา และสื่อสารมวลชน
Permalink :
http://www.oknation.net/blog/chakkrish วันเสาร์ ที่ 17 มีนาคม 2550
ไม่มีการฆ่าผู้บริสุทธิ์ในอิสลาม
Posted by jk : 00:16:41 น. | หมวดหมู่ : ศาสนาและปรัชญา
การหลั่งเลือดและชีวิตผู้บริสุทธิ์ เป็นความผิดมหันต์ในอิสลาม
ผู้ที่จะกระทำเยี่ยงนี้ได้ ย่อมมิใช่มุญาฮิด หรือผู้ที่ต่อสู้ในวิถีทางแห่งอิสลาม หากเป็นเพียงฆาตกรเลือดเย็น
"ด้วยเหตุ (แห่งการฆ่ากันระหว่างมนุษย์ที่นำมาแต่ความหายนะ) ดังกล่าว เรา(อัลลอฮ์) จึงได้กำหนดแก่ลูกหลานอิสรออีลว่า ผู้ใดที่ฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิชอบด้วยเหตุของการคร่าชีวิตผู้อื่น และไม่ใช่ด้วยเหตุของการก่อความเสียหายใดๆบนแผ่นดิน นั่นเสมือนว่า เขาได้ฆ่าผู้คนทั้งหมดแล้ว และผู้ใดที่ให้ชีวิต (แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง)นั่นเสมือนว่าเขาได้ให้ชีวิตแก่ผู้คนทั้งหมดแล้ว"
(อัล-กุรอาน บทที่ 5 วรรค 32)
อิบนุ อับบาส สาวกคนหนึ่งของศาสดามุฮำมัด อธิบายว่า ผู้ใดที่ฆ่าชีวิตหนึ่งที่อัลลอฮ์ห้ามไม่ให้ฆ่า ก็เท่ากับเขาได้ฆ่าผู้คนทั้งหมด ส่วนความหมายของการให้ชีวิตนั้น คือการไม่ฆ่าชีวิตที่อัลลอฮ์ห้ามไม่ให้ฆ่า ไม่ว่าเขาจะเป็นมุสลิมหรือไม่ก็ตาม
การหลั่งเลือดผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม การฆ่าจะได้รับการอนุมัติก็ต่อเมื่อได้ผ่านกระบวนการพิจารณาพิพากษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ยกเว้นฆาตกรหรือข้าศึก
"และผู้ใดที่ฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา แน่นอนผลตอบแทนของเขา คือการทรมานในขุมนรกตลอดกาล และอัลลอฮ์ทรงพิโรธ สาปแช่งเขา และพระองค์เตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษที่ใหญ่หลวง"
อัล-กุรอาน บทที่ 4 วรรค 93)
ท่านอับบาส กล่าวว่า ไม่มีการอภัยโทษจากอัลลอฮ์แก่ผู้ที่ฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา
ไม่เพียงการฆ่าผู้อื่นโดยไร้เหตุผลเท่านั้น อิสลามยังห้ามฆ่าผู้ปฎิเสธที่อยู่ภายใต้สนธิสัญญาแห่งรัฐอิสลามด้วย
การฆ่าผู้บริสุทธิ์จากนี้ จึงเป็นเพียงฆาตกรรมอำพราง ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องศาสนา และยั่วยุให้ตกลงไปในหลุมพรางเท่านั้น