...เอาไงก็เอากัน บ้านเมืองจะพังไม่เป็นไร ...เอาแค่เอาชนะคะคาน
กันตรงนี้ล่ะ *****************************************************
ขอท้าทาย นายสนธิ เมื่อ อังคาร, 13 มีนาคม 2550 08:08:28 ; โดย sfor | ความเห็น 11 | อ่าน 722 | พิมพ์
เมื่อวานผมได้รับข่าวสารจากท่านสมาชิก คนวันเสาร์ว่า มีการ เอารายชื่อแกนนำของคนวันเสาร์ไป อ่านออกอากาศที่รายการวิทยุ 92.25 FM โดยมีการบอกว่า พวกแกนนำเหล่านี้เป็นพวกขาดความอบอุ่น และสมควรเอาขี้ละเลงหัว แล้วออกปากท้าให้ไปจัดเวทีหน้าบ้านพระอาทิตย์ ผมไม่ทีราบว่าใครพูด แต่อย่างนี้ ผมต้องโฟกัสไปที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อนเป็นอันดับแรก
อย่าปรามาสกลุ่มคนวันเสาร์ให้มากนัก และอยากจะขอเตือนไว้ก่อนว่าเราไม่เคยกลัวพวกคุณ
หากว่าแน่จริงทำไมต้องมาท้าให้ไปที่บ้านพระอาทิตย์ แล้วอยากจะบอกว่าหากคนวันเสาร์ไปที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อไร รับยรองว่า จะไม่มีที่พอรองรับแน่นอน อีกอย่าง คนวันเสาร์นั้นก็อยู่ที่สนาหลวงเสมอ หากแน่จริง ก็มาเจอกันได้ มาขึ้นเวาที มาโต้กันเลย เอาความที่เป็นมืออาชีพของคุณมาสิ หากแน่จริง อย่าหดหัวอยู่ในรู หรือซุกอยู่ใต้กระโปรงใคร คนวันเสาร์ ไม่เคยต้องไปหลบอยู่ในรูแล้วพร่ำพูดด่าคนโน้นคนนี้ หากจะด่าก็ด่าตจรงๆและเปิดเบย ไม่ต้องมาให้ใทยุหรือโทรทัศน์ด่าคนอื่นฝ่ายเดียวอย่างที่พวกท่านทำ
วันนี้ขอท้าพวกคุณทั้งหลายออกมาเจอพวกเราที่สนามหลวง กล้าไหม มาโต้วาทีกันหน่อยเป็นไร
หมดราคาหมดหนทางแล้วหรือ ถึงต้องหาประเด็นมาโจมตีพวกเราทั้งที่ไม่มีข้อมูล คงจะคิดว่า คนวันเสาร์นั้นรับจ้างออกมาล่ะสิ ขอโทษครับ คุณกำลังคิดผิดอย่างมหันต์ คนวันเสาร์ไม่เคยต้องไปไถเงินใครมาจัดม๊อบแบบพวกคุณ เพราะฉนั้นการที่คุณด่าคนวันเสาร์ หรือดูถูก ก็หมายถึงคนกำลังด่าประชาชนบริสุทธิ์ด้วย ให้ระวังเอาไว้เถิดว่า หากคนเค้าหมดความอดทนเมื่อไร คุณเองล่ะจะซวย ไม่ได้มาขู่แต่ขอเตือน เพราะว่าคนวันเสาร์ นั้นมาจากหลายที่หลายระดับ เราไม่มีการเกรฑ์ใครมาทั้งนั้นทุกคนมาด้วยใจเพราะฉนั้น ให้พึงสังวรณ์ไว้ด้วย อีกอย่างหากจะเอาขี้มาละเลงหัวพกวเรา ก็ขอให้เตรียมไว้นะครับ แต่ขอบอกว่าคงต้องเตรียมเยอะหน่อย สำคัญที่ว่าพวกคุณจะกินเขาไปเองก่อนที่จะได้ละเลงมากกว่า
เราจะท้าคุณอย่างนี้ไปจนกว่าคุณจะออกมา อย่ามายั่วเราให้เข้าทางคุณเลย เรารู้เช่นเห็นชาติคุณหมดแล้ว การที่คุณมาท้าเราแบบนี้ก็แค่ว่า อยากสร้างผลงานให้ใครบางคนเห็นเท่านั้น หรือไม่ก็แค่ว่า เอาเราเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามหรือแม้กระทั้ง ปฎิวัติซ้อนโดยทหารตัวเตี้ยคู่ซี้คุณน่ะเอง ไอ้ลูกไม้ตื้นๆหวังให้มวลชนไปถล่มตัวเองแล้วสร้างความชอบธรรมนั้น อย่าหวังที่จะเอามาให้กับพวกเรา อย่าคิดว่าเราโง่ อย่าคิดว่าเรายุง่ายหรือว่าเราจะไปบ้าตาม ไปคิดมุกมาใหม่เถอะครับ มุกนี้ใช้กับเราไม่ได้
พวกผมจะรอนะคุณสนธิ รอว่าคุณจะกล้ากับพวกเราไหม แล้วจะดูว่า คุณจะมีมุกอะไรมาเล่นกับเราอีก คุณมาแหย่เราเท่ากับแหย่รังแตน คุณคงจะรู้นะครับว่า อะไรจะเกิดขึ้น
แต่ขอย้ำว่า หากแน่จริงให้ออกมาจากรูนั่นซ่ะ อย่าเอาตัวมุดหัวอยู่ถ้าคุณเป็นคนจริงให้ออกมาเลย!!
http://www.saturdayvoice.com/read.php?id=203------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลองอ่านดู ...ถ้ารัฐบาลเป็นเผด็จการจริง
ข้อความข้างล่างที่ปรากฎคงไม่ได้ผุดได้เกิดหรอก....
อ้างประชาธิปไตยยังไงก็ไม่รอดหรอกนะ*******************************************************
6 เดือนรัฐประหาร:หายนะประเทศจาก "ฝูงปีศาจในคราบฤาษี"
1.มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย
2.สมาพันธ์ประชาธิปไตย
3.กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540
4.กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
5.กลุ่มคนจนเมืองเพื่อประชาธิปไตย
6.กลุ่มกรรมกรเพื่อประชาธิปไตย
7.กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์
8.เครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร
9.กลุ่มพิราบขาว 2006
พลเอกสนธิ บุณยรัตกลินและคณะทำการรัฐประหารปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากประเทศและประชาชนไทย พร้อมกับเชิดพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งคณะรัฐบาลโดยโฆษณาป่าวร้องว่าเป็นผู้ที่มาแก้ปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองให้พ้นความหายนะสี่ประการ เพื่อสร้างภาพว่า "หมู่คณะของพวกเขา"เป็นวีรบุรุษผู้มากอบกู้บ้านเมือง เป็นฤาษีที่มีคุณธรรมจริยธรรมสูงส่ง ภายหลังจากการปกครองประเทศด้วยอำนาจเผด็จการทหารมาครบหกเดือน คราบฤาษีที่มีคุณธรรมจริยธรรมสูงส่งก็ค่อยๆถูกเปิดโปงให้เห็น การใช้อำนาจเพื่อดูดกลืนเอาผลประโยชน์เข้ามาสู่ตนและพวก ความฉ้อฉลในการบริหารราชการแผ่นดิน และความพินาศของระบบเศรษฐกิจจากการบริหารที่ผิดพลาดโดยสิ้นเชิงของพวกเขา พร้อมๆไปกับความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายของการยึดอำนาจทั้งสี่ประการของพวกเขา
เริ่มแรกประชาชนทั้งประเทศก็เห็นธาตุแท้ของนายกรัฐมนตรีผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมว่าได้"ครองที่ดินป่าสงวนบนเขายายเที่ยง"มาอย่างน้อยกว่าห้าปีแล้วทั้งที่ตนเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า "ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก" ประธานคมช.ก็เป็นแบบอย่างที่เลวร้ายต่อสถาบันครอบครัวของประเทศในการ "จดทะเบียนสมรสซ้อน" การบริหารทางด้านเศรษฐกิจ ก็ได้สร้างความพินาศได้อย่างมหัศจรรย์ต่อประเทศโดยสร้างความเสียหายภายในวันเดียวให้กับตลาดหุ้นถึงกว่าแปดแสนสองหมื่นล้านบาทและดัชนีหุ้นร่วงลงมากว่า142จุดหรือคิดเป็นกว่า20% นอกจากนี้ มาตรการ "กันสำรอง30%""กฏหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว" ไปจนถึงการประกาศยึด "ดาวเทียมและวงโคจรดาวเทียมกลับคืนมาเป็นของรัฐ"อย่างไม่รู้ข้อเท็จจริงของการประกอบการทั้งหมด ล้วนทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ "อัตราการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ"ทำสถิติต่ำสุดในรอบเก้าปี
ส่วนภายในประเทศนั้นเล่า คณะรัฐประหารปล่อยให้ "ผู้รับใช้"ออกมาโจมตีสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นของประชาชนไทยทั้งชาติจนย่อยยับ ธนาคารโลกที่รักความเป็นธรรม ไม่ถูกโทสจริต โมหะจริตครอบงำเฉกเช่นพวกเขา ต้องออกมาแก้ต่างให้กับสุวรรณภูมิ นับเป็นเรื่องที่ประชาชนไทยทุกคนต้องรุมประณามคณะรัฐประหารและพวกว่า ทำเช่นนี้กับประเทศชาติของเราได้อย่างไร
ดัชนีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประชาชนก็ต่ำสุดในรอบห้าปีเลยทีเดียว นอกจากนี้รัฐบาลรัฐประหารก็จะเพิ่มอัตราขูดรีดภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น10% (เท่ากับเพิ่มถึงร้อยละสี่สิบทีเดียว) เพื่อให้ได้ภาษีอากรเข้าเป้าท่ามกลางความซบเซาทางเศรษฐกิจและความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสของประชาชนทุกภาคส่วนอยู่แล้ว ทางการเมืองคณะรัฐประหารก็ส่งทหารไปควบคุมบงการประชาชนผู้ยากจนทุกหมู่บ้านทั้งประเทศด้วยข้อหาว่า"คลื่นใต้น้ำ รับใช้อำนาจเก่า" แทนที่จะทุ่มเทแก้ไขสถานการณ์สามจังหวัดภาคใต้ที่ทรุดหนักกว่าเก่า พร้อมกับสร้างรัฐทหารขึ้นเพื่อครอบงำบงการประชาชนต่อไป โดยเพิ่มงบกลาโหมเป็น 115,000 ล้านบาท(เพิ่มมากกว่าปีก่อน34%)ขยายกำลังพล กอ.รมน.อีกหกหมื่นคน ให้ผบ.ทบ.มาเป็นผู้อำนวยการกอ.รมน. ปรับให้กระทรวงทั้งยี่สิบกระทรวงต้องมาอยู่ภายใต้กำกับของกอ.รมน.รวมทั้งหน่วยงานปราบปรามทั้งห้าแห่งด้วย ริดลอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนโดยเจ้าหน้าที่ในระดับท้องถิ่นหรือจังหวัดจับกุมผู้คนและรื้อถอนสถานที่ชุมนุม แต่งตั้งคนที่รับใช้พวกตนเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญฉบับ "อำมาตยาธิปไตย"เพื่อสืบทอดอำนาจของทหารและระบบข้าราชการแต่บ่อนเซาะอำนาจอธิปไตยของประชาชนลงไป รวมไปถึงหากรัฐธรรมนูญไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน พวกเขาก็มีสิทธิที่จะนำเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้และปรับแก้อย่างไรก็ได้ มาใช้ในทันที ย่อมแสดงให้เห็นความต้องการเบื้องลึกที่ทำลาย "ครรลองประชาธิปไตย"ที่แท้จริงลงไป สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางสากลได้จัดอันดับเมื่อเร็วๆนี้เองว่า ประเทศไทย(ภายหลังรัฐประหารแล้ว)รั้งอันดับรองบ๊วย(อันดับที่สิบเอ็ด)ในความเลวร้ายเรื่องคอรัปชั่นซึ่งตกต่ำกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วที่พวกเขาประณามอย่างรุนแรง และยังประเมินว่าการคอรัปชั่นของรัฐบาลชุดนี้แย่กว่ารัฐบาลชุดที่แล้วด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้พวกเขาได้ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ทำลายความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างไทยกับสิงคโปร์ลงไปแม้โดยผิวเผินดูราวกับว่าสิงคโปร์มาทำลายประเทศไทย แต่ประชาคมโลกกลับจะเห็นว่าเป็นเจตนาที่ปฏิเสธความสัมพันธ์ที่ตั้งบนหลักของนิติธรรมสากลและการเคารพซึ่งกันและกันของกติการสากลระหว่างประเทศลงไป
ทั้งหมดนี้ล้วนทำลายให้ประเทศเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างกระจ่างแจ้ง เช่นนี้ คณะรัฐประหารยังไม่ละอายแก่ใจตนเอง เชิดชักตนเองขึ้นมาเป็น "วีรบุรุษ"อย่างไร้ยางอาย
สำหรับผู้ที่ปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชนพร้อมกับทำลายประเทศให้เสียหายในทั่วทุกด้านเช่นนี้เป็นอื่นไปมิได้ นอกจากเป็น "ทุรชน หรือทรราชย์"นั่นเอง ดังนั้นคราบฤาษีของผู้ทรงศีลที่ห่มพวกตนไว้นั้น ในที่สุดก็ร่วงหล่นไป เปิดเผยให้เห็นธาตุแท้ของฝูงปีศาจอย่างล่อนจ้อน
ประชาชนไทยที่รักประชาธิปไตยทั้งหลาย ต้องสามัคคีกันเปิดโปงธาตุแท้ที่เป็นปีศาจของคณะรัฐประหารและรัฐบาลที่อยู่ในคราบฤาษีนี้ให้คนไทยทุกคนเห็นอย่างชัดเจน พร้อมกับเรียกร้องให้คณะรัฐประหารและรัฐบาลชุดนี้คืนอำนาจให้ประชาชนในทันทีเพื่อให้ มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 แล้วได้รัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นผู้อำนวยการให้ประชาชนได้มีโอกาสร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง จากนั้นจึงให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทำให้ "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"ก้าวรุดหน้าต่อไป ทำให้เกียรติภูมิของประเทศไทยในประชาคมโลกกลับมาสง่างามเช่นเดิม
หากสถานการณ์ดำเนินไปจนต้องลงประชามติรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร ประชาชนทุกคนต้องผนึกกำลังกันลงประชามติ "ไม่รับ" และกดดันให้คณะรัฐประหารนำรัฐธรรมนูญ2540มาใช้เพื่อให้มีการเลือกตั้งและประชาชนร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงดังกล่าวข้างต้น
นี่จึงเป็นหนทางที่จะช่วยแก้ไขหายนะภัยอันเกิดจาก "ฝูงปีศาจห่มด้วยคราบของฤาษี"
ด้วยความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและพลังประชาชน
17 มีนาคม 2550
http://www.saturdayvoice.com/read.php?id=249