ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 14:27
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ..@ ถึงเป็นโจรก็กลัวความตาย ...!! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
..@ ถึงเป็นโจรก็กลัวความตาย ...!!  (อ่าน 973 ครั้ง)
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« เมื่อ: 16-03-2007, 19:16 »

ถ้า ฝ่ายผู้นำของประเทศยึดตัวนี้....การสู้รบกับโจรใต้

คงไม่ขยายวงกว้างอย่างนี้  เอาชุดหิญาบมาอ้างเรื่องศาสนา


แต่แท้ที่จริง  นั่นล่ะคือที่มาของอันตรายล่ะ  เพราะชุดหิญาบ

มันคลุมไปทั้งตัว  ภายในยากที่ใครจะเห็นได้ ว่ามีอะไรบ้าง

ทำไมรัฐบาลไม่จำกัดการแต่งกายของเขาเรื่องนี้  ให้แต่งเฉพาะ

เป็นเรื่องศาสนพิธีเท่านั้น  หรือถ้าอนุญาติให้แต่ง  ก็ต้องให้ตรวจค้น

อย่างละเอียดทุกคน  มิว่าชายหญิง ....เพราะภาวะตอนนี้  บ้านเมืองวิกฤตเต็มที่

...ถ้ารัฐบาลมีมาตรการที่เคร่งครัด  ตรวจเอาจริง  กล้องวีดีโอวงจรปิด
เลือกประเภทมีคุณภาพหน่อย  ถ้าจับได้เค้าทำผิดจริงแม้เค้าจะประท้วง
ยังไง ต้องลงโทษ  ต้องติดคุกจริง  ถ้าถึงขั้นประหารก็ต้องทำ
จะมีโจรหน้าไหน  กล้าบ้าง  โจรหน้าไหนไม่กลัวตายบ้างย่อมเป็นไปไม่ได้


**เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องที่อยู่ทางนู้น  เค้าเข้าใจนะว่า รัฐบาลชุดนี้
โดยเฉพาะท่านผู้นำ ท่านนายกเป็นคนดีมาก ...แต่เค้าส่ายหน้า
อย่างผิดหวังมาก กับวิธีสมานฉันท์ของนายก ...เพราะมันไม่ได้ช่วย
ให้เหตุการณ์อะไรดีขึ้นมาเลย ...มีแต่เฉา  ...และเศร้าๆๆๆขึ้นทุกวันๆๆๆ...





แค่เคอร์ฟิว ไม่พอหรอก   อยากจะร้องขอให้รัฐบาล
ไปหาอ่านใบปลิวที่พวกโจรแจกว่อนทั้งเมืองหน่อย.....จะได้รู้ว่า
ที่โจรประกาศไป  เค้าทำจริงๆๆมั๊ย  และเหิมเกริมขนาดไหน

** ที่จริงมีคนส่งมาให้  แต่ไม่กล้าเปิดเผยในโลกไร้พรมแดน  เพราะ
มันเป็นดาบสองคม ....แต่เท่าที่รู้คนทางถิ่นนู้นได้รับ ได้อ่านกันมากมาย
อ่านแล้วก็ปิดปากเงียบ  ได้แต่นั่งมองตากัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2007, 20:18 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 16-03-2007, 20:12 »

ปากคำผู้รอดชีวิต"รถตู้เบตงเที่ยวมรณะ"
Posted by โต.รัตนะ : 16:55:15 น.

ปากคำ "อับดุลรามัน"คนขับรถตู้"นาทีเที่ยวมรณะ"

         ผมได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ที่เคารพ ต่อสายโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับ อับดุลรามัน คอแดะ คนขับรถตู้เบตง-หดใหญ่ เที่ยวมรณะ สายวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งเป็นเหตุการณืสะเทือนขวัญที่สุดครั้งในที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

            นายอับดุลรามัน คอแดะ หนุ่มใหญ่บนวัย 40ปี เกิดและเติบโตในอำเภอเบตง  ปัจจุบันอาศัยในบ้านเลขที่เลขที่ 7/11 หมู่ 2 ต.ธารทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา และเป็นคนขับรถตู้โดยสารทะเบียน 10-0975 ยะลา ห้างหุ้นส่วนจำกัดเบตงทัวร์ (2007) หนึ่งในสองผู้รอดตายจากเที่ยวมรณะในเหตุการณ์สังหารหมู่บนถนนสายบันนังสตา-ปะแต เมื่อเข้าวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา
            อับดุลรามัน เริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบย้อนทานีเฉียดตายให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุการณืสุดเทือนใจเจ็บปวดที่สุดในชีวิตว่า ได้หันหลังให้กับอาชีพคนขับรถตู้ไปนานเกือบหนึ่งปี หลังจากรู้สึกเบื่อกับอาชีพที่ดำเนินติดต่อมากว่า 10ปี ผนวกกับได้รับเลือกให้ป็นกำนันตำบลธารทิพย์ อ.เบตง จังหวัดยะลา
             กระทั่งเมื่อหมดวาระ ได้ประกอบกิจการเล็กๆน้อยๆอยู่กับบ้าน กระทั่ง เมื่อ 3วันก่อนเกิดเหตุ เพื่อสนิทซึ่งขับรถตู้คันดังกล่าว มีภารกิจต้องเดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้ไหว้วานให้ทำหน้าที่แทนในช่วงที่ไม่อยู่
            "เห็นว่าว่างๆก็เลยตัดสินใจรับปากอีกทั้งเส้นทางนี้ก็คุ้นชินจนแทบจะหลับตาขับได้"
            อดีต กำนันตำบลธารทิพย์ บอกว่า วันเกิดเหตุไม่มีเค้าลาง หรือสิ่งบอกเหตุใดๆว่าจะมีภัยมาถึงตัว กระทั่งออกจากคิวรถต้นทางในตัวเมืองเบตง พร้อมผู้โดยสาร 11คน กระทั่งระหว่างทางมีชายมุสลิมวัยกลางคน ขอลงจากรถกลางทาง ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา
            "เขาบอกว่าเพื่อนจะมารับขอลงตรงนี้ เราก็ไม่เอะใจเพราะจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยแล้ว"บทสนทนาประโยคเดียวระหว่างพลขับกับชายหนุ่มลึกลับที่ไม่ได้ร่วมขบวนก่อนถึงจุดเกิดเหตุ
             ระหว่างทางบรรยากาศภายในรถก็เป็นไปอย่างปกติ ประโยคสนทนาของผู้ดดยสารทำให้รู้ว่าในรถมีทั้งนักเรียนกำลังเตรียมตัวไปสอบ หรือผู้เป็นแม่กำลังเดินทางไปส่งบุตรสาวเรียนพิเศษที่หาดใหญ่ กระทั่งคู้รักนั่งจู๋จี๋อย่างกระหนุงกระหนิง
             เขา กล่าวต่อว่า รถตู้แล่นกระทั่งรถวิ่งมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 15-17 บ้านอุเบง หมู่ 4 อ.ยะหา จ.ยะลา พบกับต้นไม้ขนาดใหญ้นอนขวางถนน และรู้ทันทีว่าสถานการณ์ร้ายได้อย่างกรายเข้ามาใกล้ตัวแล้ว เพราะนี่คือยุทธวิธียอดนิยมที่ฝ่ายตรงจ้ามมักใช้กับเจ้าหน้าที่ทหาร หรือตำรวจ ก่อนซุ่มโจมตี
            "พยายามกลับหัวรถเพื่อย้อนกลับไปที่แยกบันนังสตา เพื่อใช้ถนนมลายูบางกอก ตรงเข้าเมืองยะลา เพื่อตัดเส้นทางไปเข้า อ.หาดใหญ่"
             ทันใดนั้นหนุ่มรุ่นสวมชุดเขียวยืนขวางเต็มถนน สาดกระสุนชุดใหญ่ใส่รถประดุจห่าฝน เสียงตะโกนกรีดร้องภายในรถดังลั่น และไม่มีใครรู้ชะตาชีวิตตัวเองหลังจากนี้
             "ยืนยันว่าวันนั้นคนร้ายมามากว่า10คน เพราะกวากสายตาเห็นทันทีหลังกลับรถนอกจากบนถนนหลายสิบคนแล้ว ริมถนน ด้านข้างยังมีอีกหลายชีวิต"
             เขาเล่าว่า กระสุนนัดแรกถากกกหูด้านซ้าย ขณะเดียวกัน รู้สึกแน่นหน้าอก กระทั่งมารู้ตัวที่โรงพยาบาลอีกทีว่าโดยยิงเข้าที่บริเวณดังกล่าว 2รู
           "กระสุนชุดแรกจากคนร้ายทำให้ผมรู้สึกสลึมสลือ ขณะเดียวกันรถเสียหลักไหลลงข้างทาง ในหูได้ยินเพียงคนร้องระงมขอความช่วยเหลือ ส่วนตัวเองแทบจะไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่ยังมีสติอยู่บ้างเเละพยายามประคองร่างเปิดประตูออกจการถให้ได้"
           อับดุลรามัน บอกว่านาทีนั้นมั่นใจว่าไม่รอดแน่ และมั่นใจว่าเขาคงไม่ไว้ชีวิตให้พ้นไปจากปฏิบัติการครั้งนี้ กระทั่งกระเสือกกระสนออกจากรถได้และทิ้งร่างลงกองกับพื้น จึงได้สวดมนต์เพื่อขอพรให้องค์อัลเลาะห์มารับไปอยู่บนสรวงสวรรค์
          "บทสวดวันนั้นยืนยันว่าเป็นบทสวดก่อนตายไม่ได้ร้องขอชีวิตจากผู้ก่อความไม่สงบตามที่เป็นข่าวอย่างใด"
 นาทีนั้นเขาคิดเพียงว่า ขอเพียงพระองค์มารับชีวิตลูกไปอยู่ในอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ขณะที่ไม่มีเสียงตอบกลับจากผู้ลงมือก่อเหตุในขณะนั้น โดยปล่อยให้นอนพร่ำบนสวดอยู่บนถนนเป็นเวานานประมาณ 3-5 นาที
          สิ่งที่ได้ยินมีเพียงวลีเดียว คือการสั่งปลิดชีพผู้ดดยสารบนรถตู้ให้หมด"ยิงหัวให้หมดทุกคน"
          อับดุลรามันบอกว่า นาทีนั้นกำลังที่จะลุกขึ้นยังเป็นไปอย่างย่ากลำบาก เสียงกระสุนดังขึ้นแต่ละนัด ก่อนสิ้นเสียงกรีดร้องโหยหวลของเหยื่อแต่ละคน
           แม้ไม่เห็นภาพแต่เสียงที่ก้องกังวาลเข้ามาสู่โสตประสาทก็เพียงพอที่จะบ่งบอกภาพอันน่าสยดสยองและพฤติกรรมสุดเลือดเย็นของคนร้ายเหล่านี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
           เหยื่อที่น่าเห็นใจที่สุดคือนายประวิช ชมพูทอง ที่ได้ร้องขอชีวิตจากคนร้าย แต่ไม่มีใครฟัง ก่อนลั่นกระสุนใส่พร้อมกับ น.ส.วิลาสิณี ชมพูทอง  บุตรสาววัย 16ปี ที่กำลังเดินยทางไปสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
           เช่นเดียวกับนางศุภวรรณ แซ่ลู่ ซึ่งเป็นครูโรงเรียนเบตงสุภาพอนุสรณ์ ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง ได้ตะโกนขอไห้ปล่อยบุตรสาวคือน.ส.กีรติ แซ่ลู่ นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์  ที่กำลังเดินทางไปเรียนพิเศษที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งมารู้ภายหลังว่าผู้เป็นแม่คืออีกคนที่รอดชะตากรรมอันโหดร้ายครั้งนี้เช่นเดียวกับผม
          ปฏิบัติการสุดโหดของกองกำลังไม่ทราบกลุ่ม ยุติลงเพียงเวลาไม่เกิน 5นาที โดยทั้งหมดเคลื่อนไหวออกจากจุดเกิดเหตุด้วยเท้าชนิดเงียบกริบ และไม่รู้เลยแยกย้ายกันไปทางไหน
          "ไม่นานผมได้ยืนเสียงเลื่อยยนต์ จึงพยายามรวบรวมสติและลุกขึ้นถ่อสังขารตัวเองไปตาถนนและเห็นทหารพรานพยายามเข้ามาในที่เกิดเหตุและร้องตะโกนของความช่วยเหลือ"
         เขาเล่าต่อว่า ขณะนั้นผมไม่รู้ว่าภายในรถมีใครเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แม้ใจอยากช่วยก็ตามเพราะไม่มั่นใจว่าช่วงเวลาอันโหดร้ายฝ่ายตรงข้ามได้ทิ้งอะไรไว้บ้าง สิ่งที่กลัวคือการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้ามาถึงจุดเกิดเหตุภายหลังอย่างที่เราเคยได้ยินและเห็นข่าวว่าเขาทำเช่นนี้บ่อครั้ง จึงมุ่งหน้าไปเตือนทหารให้รู้ตัวเสียก่อน
           ทันทีที่รู้ตัวว่ารอดชีวิต สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในความรู้สึกคือบุตร ทั้ง 5คน ที่เพิ่งพูดคุยก่อนออกจากบ้านในตอน05.30น.เพื่อมุ่งหน้ามาเช็คเวลาก่อนออกจากคิวรับผู้โดยสาร เพราะทุกคนนัดกันไว้ว่าวันนี้พ่อจะซื้อกับข้าวอร่อยๆจากหาดใหญ่มาจากฝาก
          อับดุลรามัน บอกว่าทันทีที่มีทหารนายหนึ่งโผเข้ารับร่างอันชุ่มไปด้วยเลือดและไร้เรี่ยวแรง ก้หมดสติทันทีเพราะรู้ว่านับแต่นาทีนี้เป็นต้นไปคงปลอดภัยแล้ว

          ทั้งหมดคือเสี้ยวหนึ่งที่ผมสามารถถอดอารมณ์และความรู้สึกของหนุ่มรุ่นใหญ่ ที่เพิ่งผ่านนาทีชีวิต มาเล่าสู่บล็อคเกอร์เนชั่นอีกทอด

 
http://www.oknation.net/blog/bigtoh/2007/03/16/entry-1
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #2 เมื่อ: 16-03-2007, 20:16 »

มนุษย์ส่วนใหญ่กลัวความตาย  และอันที่จริงเรากลัวมาจากความไม่รู้   แต่ก็ดูเหมือนจะมีมนุษย์บางจำพวก ทำเหมือนไม่กลัวตาย เช่นทหารญี่ปุ่นที่ขับเครื่องบิน ยอมพลีชีวตัวเองเพื่อทำลายศัตรู  หรือคนบางประเภทที่กล้าเอาระเบิดผูกตัวเอง แล้วไปกดให้มันระเบิดเล่น จนตัวก็แหลกเป็นผุยผง

แต่ที่จริงแล้วคนที่กล่าวมานั้น ไม่ใช่ไม่กลัวตาย ที่จริงกลัวมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป แต่เขาถูกหลอกว่า หากตายด้วยวิธีนั้นแล้ว จะได้รับเกียรติ บ้างก็คิดว่า ตายด้วยวิธีนั้นแล้ว จะได้ไปเกิดในสวรรค์ พระเจ้าของเขาจะประทานอะไรที่เขาอยากได้ให้มากมาย คนพวกนั้นไปตายเพื่อที่จะไม่ต้องตาย เท่านั้นเอง

โจรร้ายใจ***มโหด มีปืนจ้อยิงคนที่ไม่มีอาวุธ ไม่มีทางสู้  ไม่ใช่คนไม่กลัว  แต่นั่นคือคนที่กลัว และขลาดที่สุดในโลกนี้  หากศัตรูของเขา มีปืนมีอาวุธเช่นเดียวกัน คนเหล่านี้จะหนี มุดหัว แม้แต่จะเอากระโปรงหรือผ้าอนามัยใช้แล้วมาปิดบังใบหน้า ให้พ้นจากการต่อสู้ เขาก็จะทำ  เขากลัวตายค่ะ

ตั้งแต่เกิดความวุ่นวายมา ใครเคยพบผู้ก่อการร้าย ออกมาท้าชกตัวต่อตัวกับชาวบ้านบ้าง ไม่มี และรับรองได้ว่าจะไม่มี  การคัดเลือกคนสักคนมาก่อการร้าย เขาไม่ได้เลือกคนกล้า คนมีฝีมือ แต่เขาเลือกคนโง่ โง่พอที่จะหลอกให้เชื่อได้ว่า ทำชั่วแล้วจะได้ดี เขาเลือกคนขลาด เพราะคนกล้านั้นจะไม่ทำอันตรายกับคนที่ไม่มีทางสู้ คนขลาดเท่านั้นที่ทำได้   มือปืนมากมายเมื่อถูกจับได้ ก็นั่งลงใหว้ลงกราบขอชีวิต ทั้งๆที่ตนเองปลิดชีวิตผู้อื่นมา แม้เขาจะร้องขอชีวิต คนเหล่านี้ ขลาด โง่ คุณภาพของผู้ก่อการร้ายมันมีเท่านั้น

ผู้ก่อความไม่สงบ กับชาวบ้าน ไม่ใช่อื่นไกล พ่อแม่พี่น้องกันทั้งนั้น  ไม่บ้านนี้ก็บ้านโน้น  ไล่ไปก็ไม่ไปถึงต่างชาติต่างแผ่นดินที่ไหน  ถ้าจะฆ่ากัน คงต้องฆ่าสักสองล้านคน   สองล้านคน น้อยกว่าที่ฮิตเล่อร์ฆ่ายิวมากนัก  หากไม่มีต่างชาติยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง หากไม่กลัวเสียแผ่นดิน  สองล้านคนเนี่ย ฆ่าแป๊บเดียวก็หมด  แต่การฆ่า ไอจแก้ปัญหาได้แท้จริง

ชุดแต่งกายประจำศาสนา คงห้ามไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องที่น่าห้ามมากกว่านั้นคือการสอนเด็กเยาวชน โดยไม่ได้อยู่ในระบบของกระทรวงศึกษา ยังห้ามกันไม่ได้เลย และที่นั่นแหละ คือแหล่งเพาะโจรจนเต็มแผ่นดิน

ต้องมีคนเจ็บคนตายกันอีกมา กว่าเราจะจัดการปัญหาภาคใต้ได้ เพราะในระยะหกปีที่โจรมันครองเมือง มันเอาหัวหน้าโจรใต้มาไว้ข้างตัว ให้หัวหน้าโจรใต้นั้นเพาะเลี้ยงสมุนไว้นาน เพื่อแลกกับคะแนนเสียง  หกปีที่โจรร้ายมันทำลายบ้านเมือง พวกเรต้องใช้เวลาเยียวยาอีกนานหลายสิบปีค่ะ  
บันทึกการเข้า
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 16-03-2007, 21:41 »

"พล.อ.เปรม"ลั่นไม่ยอมให้ใครแบ่งแยกดินแดนไทย 


21:10 น.  หลังรับรางวัลเกียรติยศ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จากกองบัญชาการทหารสูงสุด สาขาเกียรติศักดิ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในงานวันสถาปนากองบัญชาการทหารสูงสุด ว่า ขณะนี้ประเทศของเราโดยเฉพาะทหาร ต้องการขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่แม่ทัพภาค 4 จนถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องการกำลังใจ รัฐบาลและพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ ก็ต้องการกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขปัญหาภาคใต้ ถือว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเพื่อนร่วมตาย มีความรัก ความสามัคคี หยิ่งในเกียรติศักดิ์ ทำหน้าที่ร่วมกัน หันหน้าคิดร่วมกัน เผื่อแผ่กัน
วันนี้เป็นภาวะวิกฤติอย่างที่นายกฯพูด และจะถือเป็นโอกาสที่ตนจะพูดกับผู้ใหญ่ในกองทัพ ว่าทุกคนต้องการกำลังใจ จากเราและจากประชาชน และหวังว่าจะมองเห็นสิ่งที่เขาเสียสละต่อสู้อย่างทรหด ต้องการกำลังใจ ในการทำหน้าที่เพื่อชาติ เพื่อพระมหากษัตริย์ และคนไทย ซึ่งผมจะเป็นกำลังใจให้ทำงานให้สำเร็จ และจะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกดินแดนออกไปได้
 
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #4 เมื่อ: 20-03-2007, 15:29 »

  

ขอบคุณคุณข้าวล้อมรวงครับ


และชอบความเห็นคุณพรรณชมพูมากด้วยครับ
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
หน้า: [1]
    กระโดดไป: