ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 20:07
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ผมอยากเข้าใจระบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ รบกวนคุณชอบแถ ช่วยมาบรรยาย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 [2] 3
ผมอยากเข้าใจระบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ รบกวนคุณชอบแถ ช่วยมาบรรยาย  (อ่าน 13699 ครั้ง)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #50 เมื่อ: 16-03-2007, 20:22 »

ดูเหมือนคุณชอบแถ จะภูมิอกภูมิใจกับการตีความ เหลือเกิน.......บางข้อความที่นำมาโพสต์ ก็รู้สึกว่ามันขัด ๆ กับความเห็นเก่า ๆ ของคุณชอบแถน๊ะ ลองกลับไปอ่าน ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่คุณชอบแถแสดงความเห็นไปแล้วในกระทู้ก่อน ๆ ก็ดีน๊ะ
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #51 เมื่อ: 16-03-2007, 20:42 »

ดูเหมือนคุณชอบแถ จะภูมิอกภูมิใจกับการตีความ เหลือเกิน.......บางข้อความที่นำมาโพสต์ ก็รู้สึกว่ามันขัด ๆ กับความเห็นเก่า ๆ ของคุณชอบแถน๊ะ ลองกลับไปอ่าน ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่คุณชอบแถแสดงความเห็นไปแล้วในกระทู้ก่อน ๆ ก็ดีน๊ะ

มันก็ต้องมีต่างกันแน่นอน บางทีมีพลาดไปเชื่อไอ้ที่เค้าสรุปมั่วๆ มา อย่างของดร.สุมั่ว
เมื่อมีหลายคนแย้งก็ต้องมาดูต้นฉบับ ตามหลักการของคนไม่โง่เชื่อคนยาก เลยสรุป
สุดท้ายออกมาเป็นอย่างงี้ไง ชัดเจนไม่ต้องตีความให้เสียเวลา ทำได้แค่ 1 ใน 4 ก็เก่ง
แล้ว หวังว่าคราวนี้คงจะเข้าใจกันถูกหมดทั้งบอร์ดแล้วนะ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกับ
วิทยากรแถอีก

เน้นๆ เลยนะ "พอเพียง" กว้างกว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งมีความหมายว่า "พอมีพอกิน"
บันทึกการเข้า
ทองเปลว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 541



« ตอบ #52 เมื่อ: 16-03-2007, 20:45 »

ต๊ายยยยย....สุภาพบุรุษมั่กๆเลยอ่ะคร้าคุณปุขาที่มากล่าวหาผู้หญิงบอบบางอย่างอิชั้นว่ากระบือ อิชั้นก็ตอบไปตามที่คุณSMพาดพิงถึงผัวอิชั้น แหมๆๆ....ตั้งแต่นายเหนือหัวคุณปุยึดอำนาจและแปลงร่างเป็นเผด็จการเต็มตัว รู้สึกว่าคุณปุจะกร่างจนลืมteen ลืมโคดเหง้าเข้าไปทุกวันแล้วน๊ะคร้า


นี่ขนาดเป็นแค่ขี้ข้าเผด็จการทหารยังกร่างขนาดนี้!! 


ครับ กระบือตัวแรกโผล่ออกมาแล้วครับ ผมชื่อคนในวงการครับ ไม่ใช่ ปุถุชน ไปเปลี่ยนชื่อเป็น "อะไรจ๊ะ" แล้วมาแสดงความรู้กันดีกว่าครับ ผมจะได้รู้สึกนับถือคุณมากขึ้นกว่านี้ ครับ

อิ อิ....ด่าฝากคร้าด่าฝาก แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นข้อความดังกล่าวก็รวมทั้งคุณคนในวงการด้วยอยู่ดีเพราะในฐานะที่กล่าวหาเพศแม่ว่าเป็นกระบือ ท่านอื่นๆในกระทู้นี้อาจไม่รู้สึกอะไรกับการที่คุณในวงการมาด่าผู้หญิงว่ากระบือ แต่อิชั้นไม่ยอมหรอกค่ะสำหรับชนชั้นขี้ข้าที่จะมาพล่ามอะไรมั่วๆแบบนี้

อีกครั้งค่ะว่าผัวอิชั้นไม่เกี่ยว....คุณไม่ต้องไปกราบอ้อนวอนให้ผัวอิชั้นมาตอบคุณหรอกค่ะ หรือว่าคุณอายที่ถูกผู้หญิงเพศเดียวกับแม่คุณยืนด่าคาผ้าถุงอยู่นี่เอ่ย!?! 


หากไม่รู้จักเขินอาย ( มีแบบอย่าง - เคยได้รับการสอนสั่ง )
อย่างน้อยก็น่าจะกระดากใจ ( มีสำนึก ) บ้าง
เพราะถ้าไม่มีสักอย่าง
...ก็เท่าสัตว์แล้ว



 
บันทึกการเข้า

เพื่อนหมัก หักเหลี่ยมหด
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #53 เมื่อ: 16-03-2007, 20:52 »

ดูเหมือนคุณชอบแถ จะภูมิอกภูมิใจกับการตีความ เหลือเกิน.......บางข้อความที่นำมาโพสต์ ก็รู้สึกว่ามันขัด ๆ กับความเห็นเก่า ๆ ของคุณชอบแถน๊ะ ลองกลับไปอ่าน ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่คุณชอบแถแสดงความเห็นไปแล้วในกระทู้ก่อน ๆ ก็ดีน๊ะ

มันก็ต้องมีต่างกันแน่นอน บางทีมีพลาดไปเชื่อไอ้ที่เค้าสรุปมั่วๆ มา อย่างของดร.สุมั่ว
เมื่อมีหลายคนแย้งก็ต้องมาดูต้นฉบับ ตามหลักการของคนไม่โง่เชื่อคนยาก เลยสรุป
สุดท้ายออกมาเป็นอย่างงี้ไง ชัดเจนไม่ต้องตีความให้เสียเวลา ทำได้แค่ 1 ใน 4 ก็เก่ง
แล้ว หวังว่าคราวนี้คงจะเข้าใจกันถูกหมดทั้งบอร์ดแล้วนะ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกับ
วิทยากรแถอีก

เน้นๆ เลยนะ "พอเพียง" กว้างกว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งมีความหมายว่า "พอมีพอกิน"

กระทู้นี้ ดูเหมือนคุณ คนในวงการ อยากคุยกับคุณชอบแถ .....ผมคงไม่อยากไปคัดแย้งอะไร เอาไว้ค่อยคุยกันในกระทู้หน้าครับ.....

ปล.ต้องขออภัยคุณ คนในวงการที่เข้ามารบกวนกระทู้ด้วยครับ
บันทึกการเข้า
สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #54 เมื่อ: 16-03-2007, 22:58 »

ไม่้หนัก หรอก กะอีแค่ผู้หญิงดอกๆ ตัวหนึ่ง ที่ไปเป็นเมียน้อยคนอื่น
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #55 เมื่อ: 17-03-2007, 04:15 »

เศรษฐกิจพอเพียงเริ่มมาจากปี 2540 เป็นปีแรก เป็นปีที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก และบริษัทในเครือ สนง ทรัพย์สิน
มีหนี้มากที่สุดในประเทศไทย เอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ก็มีเพียงพระราชดำรัสสามปีนี้เท่านั้น
ไม่ได้มีที่ทรงเรียบเรียงใหม่ นอกจากมีหน่วยงานทั้งหลาย จับมาผสมปนเป กับ "ทฤษฏีใหม่" แล้วออกตำรามาให้
อ่านแล้ว งง เล่น มีสามห่วงสองเงื่อนไข อะไรก็ไม่รู้


สรุปง่ายๆ จากพระราชดำรัสสามปี ก็คือ
- เศรษฐกิจ ที่ต้องมี การแลกเปลี่ยน เรียกว่า เป็นเศรษฐกิจการค้า ไม่ใช่ เศรษฐกิจพอเพียง
  ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้เศรษฐกิจพอเพียงทั้งหมดได้ เป็นแค่ ส่วนประกอบของระบบเศรษฐกิจ ชัดเจนนะตรงนี้
- ทรงเน้นให้ทำแค่ 25% ของการกระทำ
- คำว่า "พอมีพอกิน" หมายถึง "เศรษฐกิจพอเพียง" ส่วนคำว่า "พอเพียง" มีความหมายกว้างออกไปอีก
- "เศรษฐกิจพอเพียง" คือ Sufficiency Economy ไม่ใช่ Self-sufficience Economy ที่แปลว่า อยู่ได้ด้วยตนเอง
- คนเราจะอยู่เป็นสุขได้ ต้องทุกประเทศ พอเพียง (ไม่ใช่แค่ประเทศไทยนะ)
- ความพอเพียง แปลว่า ความพอประมาณและความมีเหตุผล

ไม่เห็นมีอะไรยาก ก็แค่ให้พึ่งพาตนเองซะหน่อย 1 ใน 4 ของการกระทำ ที่เหลืออยากทำไรก็ทำ
ไม่รู้แปลเป็นอะไรซับซ้อนนักหนา สามห่วง สองเงื่อนไข บางคนก็ไปตีความพอเพียงกันเองอีก

ที่คุณชอบแถ คิดว่าเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ก็มีเพียงพระราชดำรัสสามปี
และไม่มีที่ทรงเรียบเรียงใหม่ เป็นจุดผิดสำคัญที่สุดของข้อสรุปนะครับ


เพราะความจริงหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ-
และสังคมแห่งชาติ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกันประมวลพระราชดำรัส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสรุปว่า “เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร"

และหลังจากที่ได้ประมวลพระราชดำรัสแล้วก็ได้มีการนำรายละเอียดขึ้นกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงตรวจทานแก้ไข
แล้วพระราชทานกลับลงมา


เป็นที่มาของหลัก "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ที่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมี
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นประธาน ทำการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อกิจกรรมต่างๆ
อย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน  และ นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ขอรับไปเป็น
ส่วนหนึ่งในแนวทางพัฒนาของ องค์การสหประชาชาติ  พร้อมๆ กับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล
"ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ"

ในขณะที่เกษตรทฤษฎีใหม่เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ที่สามารถปฏิบัติได้จริง เห็นผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์  เป็นการยืนยันว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สามารถนำมาใช้ได้จริงไม่ใช่เป็นเพียงแนวคิดที่นำมาใช้จริงไม่ได้

ดังนั้นถ้าจะมี บางคนไปตีความพอเพียงกันเอง คิดว่าก็คงจะเป็น คุณชอบแถ คนนึงแล้วล่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007, 04:20 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #56 เมื่อ: 17-03-2007, 04:23 »

และแน่นอนที่สุดว่าทฤษฎีใดก็ตามที่มีวิธีวัดความสำเร็จ/ล้มเหลวได้อย่างแม่นยำและไม่คลุมเครือ....ทฤษฎีดังกล่าวย่อมเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศเพราะทฤษฎีดังกล่าวสามารถนำไปปฎิบัติได้ ในขณะที่หลายๆทฤษฎีไม่ได้รับการยอมรับและถูกลืมเลือนไปเพราะทฤษฎีดังกล่าวไม่มีหลักฐานอ้างอิงในทางวิทยาศาสตร์


ความศรัทธาต่อทฤษฎีเพียงอย่างเดียวหาใช่เหตุผลถึงความคงอยู่และได้รับการยอมรับของทฤษฎีใดๆไม่....เหตุผลและข้อพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับตัวทฤษฎีดังกล่าวต่างหากเล่าที่ทำให้เป็นที่ยอมรับและคงอยู่ได้เป็นเวลานาน เช่น ระบอบทุนนิยม ระบอบคอมมิวนิสต์ ระบอบสังคมนิยม ฯลฯ เป็นต้น

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็น "ปรัชญา" ครับ ไม่ใช่ "ทฤษฎี" อย่าเอามาสับสนปนเปกัน มันเป็นคนละเรื่องคนละอย่างกันครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #57 เมื่อ: 17-03-2007, 09:34 »

โอ.. ขอบพระคุณค่ะพี่จีรศักดิ์

หนูเชื่อว่า ผู้มีปัญญา ที่ปราศจากความงมงายทั้งหลาย

เมื่ออ่านมาถึงความเห็นของพี่จีรศักดิ์แล้ว และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

และคงจะส่ายหัว หัวเราะหึหึ  เมื่ออ่านความเห็นแถๆ ด้านล่างต่อจากความเห็นของพี่

(บางคนอาจถึงขั้นหัวเราะก๊าก พลางนึกในใจ.. ตูว่าแล้ววววว)


 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007, 11:00 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #58 เมื่อ: 17-03-2007, 10:53 »

และหลังจากที่ได้ประมวลพระราชดำรัสแล้วก็ได้มีการนำรายละเอียดขึ้นกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงตรวจทานแก้ไข
แล้วพระราชทานกลับลงมา


ตรงนี้ยกมาลอยๆ ไม่ได้นะจ๊ะ เสียหายอย่างแรง กราบบังคมทูลอะไรขึ้นไป และ ทรงตรวจทานแก้ไข
ตรงไหนพระราชทานกลับมา ต้องมีที่มาที่ไปนะจ๊ะ ประโยคไหนตรงไหนคำไหน ไม่ใช่กราบบังคมทูล
ตรงไหนไปไม่รู้แล้วพิมพ์เป็นเล่มอย่างที่เห็น แต่ในเล่มไม่ได้บอกว่าตรงไหนที่มีพระบรมราชวินิจฉัย
ให้จินตนาการเองว่าทั้งเล่ม มันจะถูกต้องเหรอ ส่งอะไรไปก็ไม่รู้อะไรกลับมาก็ไม่รู้หลักฐานไม่มี ทำไม
ต่อมความเชื่อมันตื้นจัง เชื่ออะไรนิดหน่อยก็ล่อจะจินตนาการลูกเดียว นี่พระราชดำรัสนะระวังหน่อย
อย่าจินตนาการพร่ำเพรื่อ เตือนด้วยความหวังดีนะฮ้า

ก็ใช่น่ะสิครับคุณชอบแถ "เรื่องพระราชดำรัสต้องระวัง"

ก่อนที่ผมจะต้องเสียเวลาไปค้นข้อมูลอะไรมา (ซึ่งถ้าค้นมาจริงคุณก็อาจแถต่ออีก)
เรามาพิจารณากันด้วยเหตุด้วยผลก่อนดีกว่านะครับ

เรื่อง พระราชดำรัส เป็นเรื่องที่ต้องระวัง อย่างที่คุณชอบแถบอกมาจริงๆ แน่นอน
ขนาดคุณชอบแถเองใช้นามแฝงโพสข้อความในเน็ต หน้าตาตัวตนเป็นไงไม่มีใครรู้
ไม่ต้องรับผิดชอบชัดเจน ยังใช้วิธี copy ข้อความจากแหล่งอ้างอิงแทบทั้งกระทู้
ขนาดความเห็นส่วนตัวคุณชอบแถยังใช้วิธีทวนคำจากข้อความแทบทั้งหมด

แล้วผู้ที่รับผิดชอบนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาเผยแพร่ แต่ละท่านมีชื่อชัดเจน
เป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่ เป็นที่รู้จักต่อสังคมโดยเปิดเผย ท่านจะใช้วิธีคิดเองเออเอง
ยกมาลอยๆ ได้อย่างไร  การที่ออกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวางขนาดนี้
เป็นไปได้หรือที่เนื้อหาจะไม่มีพระบรมราชานุญาตรองรับ?


และถ้ามีใครทำโดยไม่มีพระบรมราชานุญาตรองรับจริงๆ เขาจะกล้าทำได้อย่างไร
ในเมื่อการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในทุกภาคส่วนขนาดนี้ พระองค์ท่านย่อมทรง
รับรู้ผ่านพระเนตรพระกรรณอย่างแน่นอน  และหน่วยงานที่เผยแพร่ก็ตั้งอย่างเป็น
ทางการไม่ใช่คิดแต่งตั้งตัวเองขึ้นมา

ส่วนเรื่องที่หนังสือออกมาเป็นเล่ม แล้วถามมาตรงไหนที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย
คุณชอบแถก็ลองคิดดูไปพลางๆ นะครับว่าน่าจะเป็นตรงไหน

แต่อย่างน้อยที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่สาระสำคัญของปรัชญาที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบ
ทำการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในขณะนี้ จะไม่มีพระบรมราชานุญาตให้ทำได้นะครับ
หรือแม้แต่เหตุผลง่ายๆ แค่นี้คุณชอบแถก็ไม่เชื่อล่ะครับ


บอกตรงๆ ผมก็ขี้เกียจค้นข้อมูลมาเถียงคุณเหมือนกันเพราะชื่อคุณน่ะคือ "ชอบแถ"
เท่าที่นำเสนอก็มาจากการรับทราบผ่านหูผ่านตามาเท่านั้น และที่นำเสนอก็เผื่อว่า
จะเบรคความมั่นอกมั่นใจของคุณในเรื่องนี้ได้บ้าง ต่อไปจะบอกว่าคนอื่นพูดมั่วเรื่อง-
เศรษฐกิจพอเพียงก็จะได้หยุดคิดพิจารณาสักหน่อยน่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007, 11:03 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
СεгЪεгυŞ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70



« ตอบ #59 เมื่อ: 17-03-2007, 11:05 »

สำหรับท่านที่มองเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค  ผมมีความเห็นว่า ผู้จำหน่ายเป็นผู้สร้างพฤติกรรมผู้บริโภคขึ้นมา บ่อยครั้งที่ผู้บริโภคไม่เข้าใจความต้องการของตนเอง

เมื่อผู้บริโภคไม่เข้าใจความต้องการสินค้าของตนเอง โดยทฤษฎีแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของตลาดเสรี ย่อมต้องเกิดผู้แพ้-ผู้ชนะ

แต่เมื่อพิจารณาถึงความต้องการเทียมๆในหลายปีที่ผ่านมาเช่นความต้องการมือถือราคาสองถึงสามหมื่นบาท กระเป๋าปราด้า รถยนตร์เยอรมัน จนต้องดิ้นรนไปขายบริการ ขายยาบ้า เล่นพนันบอล

จะไม่ให้เขาทำอย่างนี้ นายกฯคนก่อนก็มีคำตอบอื่นให้ เช่นกู้แค็ปโอเค?

ในฐานะปัจเจกชนก็คงปล่อยให้เป็นไปเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ในฐานะผู้ปกครองก็คงไม่นิ่งดูดาย
บันทึกการเข้า

ม้าหนุ่มแห่งชินจูกุ
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #60 เมื่อ: 17-03-2007, 12:50 »

ผมว่าจะไม่เข้ามาโต้ตอบแล้วเชียว แต่รู้สึกคุณชอบแถตีความแปลก ๆ  ..........

"แต่ถ้าสามารถ ที่จะเปลี่ยนไป ทำให้กลับเป็น เศรษฐกิจแบบพอเพียง ไม่ต้องทั้งหมด แม้แค่ครึ่ง ก็ไม่ต้อง อาจจะสักเศษหนึ่งส่วนสี่ ก็จะ สามารถอยู่ได้."
การแก้ไข อาจจะต้อง ใช้เวลา ไม่ใช่ง่ายๆ.


[b]"ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง และทำได้เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น ไม่ได้แปลว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เศษหนึ่งส่วนสี่ของการกระทำ".[/b]

คำว่า "ไม่ต้องทั้งหมด .....ไม่ได้หมายถึง ทั้งหมดไม่ได้ ".......

คำว่า "ทำได้เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอ"  ไม่ได้หมายความว่า จะทำ เศษสามส่วนสี่ หรือ 100%ไม่ได้ "


ผมว่า คุณชอบแถ กำลังเอา minimum มาตีความ เป็น maximum น๊ะ


"ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง และทำได้เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น ไม่ได้แปลว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เศษหนึ่งส่วนสี่ของการกระทำ."

น่าจะหมายถึง ไม่มีความจำเป็นต้องทำกันทั้งประเทศ ทำเพียง เศษหนึ่งส่วนสี่ของประเทศ ก็น่าจะเพียงพอ.....แต่คงไม่ได้หมายถึง ใครคนใดคนหนึ่งจะทำทั้งร้อยเปอร์เซ็นไม่ได้ครับ........ไม่น่าจะหมายถึงการที่ต้องทำกันทั้งประเทศไม่ต้องคบค้าใครแล้วปิดประเทศจนกลายเป็นมนุษย์ถ้ำครับ


สรุปแล้ว ผมว่า คุณชอบแถ ก็คงเห็นคุณค่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะตีความกันอย่างไรก็แล้วแต่ ผมก็ถือว่าดีทั้งนั้นล่ะครับ........

แต่หลักใหญ่ใจความคงเข้าใจตรงกันแล้ว " เป็นการทำแต่พอตัว พอประมาณ เหลือแล้วจึงขาย ไม่ทำอะไรที่เกินตัว "
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #61 เมื่อ: 17-03-2007, 13:22 »

ที่ไม่ค้นข้อมูลคงเพราะไม่มีที่ให้ค้นมากกว่ามั้ง จะเสียเวลาเถียงกับคนไร้ข้อมูลใช้จินตนาการมากเกินไปก็ใช่ที่
ตรรกะที่ยกมานี้คงใช้ไม่ได้กับประเทศที่มีทหารปกครองและต้องการชวนเชื่อประชาชนหรอก หรือจะบอกเป็น
นัยว่าคำว่า คปค ก็เข้าตรรกะนี้เหมือนกัน ความชัดเจนของพระราชดำรัสไม่จำเป็นที่จะต้องมีผู้คิดว่าตนเองเก่ง
ผู้ใดมาตีความไปไกลกว่าตัวหนังสือต้นฉบับโดยข้อความที่เน้นในต้นฉบับกลับไม่มี ในหนังสือเล่มนั้นมีใจความ
สำคัญที่บอกให้ปฏิบัติประมาณเศษ 1 ใน 4 ก็อยู่ได้หรือไม่ ถ้าผู้อ่านวิเคราะห์เองเป็นเสียหน่อยก็แทบจะไม่ต้อง
อ่านหนังสือเล่มนั้นให้เพิ่มความงงเลย เพราะพระราชดำรัสต้นฉบับก็อ่านได้รู้เรื่องอยู่แล้ว นอกจากคิดจะเชื่อ
หนังสือเล่มนั้นมากกว่าต้นฉบับ

เอาข้อมูลมาเถียงกับคนขี้เกียจค้นข้อมูลแล้วจินตนาการเอาบวกกับตรรกะแต่งเองนี่เหนื่อยอ่ะ เหอ เหอ

ผมต่างหากที่ต้องเหนี่อยถ้าจะเถียงกับคุณนะครับ คุณชอบแถ

เริ่มตั้งแต่การสรุปฟันธงของคุณว่าอะไรไม่มี เนื่องจากตัวคุณเองไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น
มันก็เป็นการสรุปที่แปลกประหลาดในพื้นฐานเหตุผลอยู่แล้ว เพราะไม่มีทางที่ใคร
จะสามารถรู้เห็นอะไรได้ทั้งหมด

ในขณะที่การตั้งสมมุติฐานของผมว่าอะไรมีอยู่ เป็นอยู่ โดยมีพื้นฐานเหตุผลรองรับ
แม้จะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นที่รับรองกับโดยทั่วไปจากการพิจารณาเหตุผล
ตัวอย่างเช่นเรารับรองกันทั่วไปว่ามีโมเลกุล มีอะตอม ตั้งแต่ยังไม่มีกล้องจุลทรรศน์
ที่สามารถส่องเห็นสิ่งเหล่านี้  แต่ก็มีการสรุปกันได้เป็นข้อยุติมาก่อนหน้านั้นแล้ว
เป็นเวลานาน

---

การที่ คุณชอบแถ ท้าให้ผมหาหลักฐานมาแสดง กลับเป็นไปได้ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด
ตามวิธีการเถียงของคุณชอบแถ ทั้งที่มันควรจะสรุปได้ตั้งแต่ในระดับหลักการแล้ว
แต่การพิสูจน์ทางเอกสารต่อให้นำต้นฉบับตัวจริงมาแสดงได้ ก็ยังไม่แน่ว่าคุณจะยุติ
เพราะคุณอาจจะบอกว่าเป็นเอกสารปลอมอีกก็ได้ ผมถึงบอกว่าขี้เกียจไงล่ะครับ

การพูดคุยกันในเว็บบอร์ดมันมีข้อจำกัดอยู่ในระดับนึงอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยุติกัน
ในระดับไหน ซื่งโดยส่วนใหญ่ก็จะยุติกันในระดับของความสมเหตุสมผล

แต่ถ้าจะตั้งธงไม่ยอมรับกันไปเรื่อยๆ มันก็ไม่มีข้อยุติหรอกครับ คนค้นข้อมูลเหนื่อย
บางครั้งผมลงทุนค้นข้อมูลมา ก็เพราะพอจะรู้แหล่งค้นข้อมูลมาก่อน และจะเป็น
ประโยชน์ให้กับท่านอื่นๆ ที่เข้ามาอ่านกระทู้เท่านั้นเอง

และก่อนจะไปค้นข้อมูลอะไรมา ผมก็ขอยืนยันไว้ก่อนว่าเรื่องที่คุณชอบแถสรุป
ว่าไม่มีเพราะไม่เคยรู้เห็น ผมเคยรู้มาก่อนว่ามีครับ และผมมีเหตุผลรองรับด้วย
ว่ามันก็น่าจะมี  ในขณะที่คุณชอบแถสรุปไปโดยไม่มีเหตุผลรองรับนะครับว่า
ทำไมไม่มี ในชั้นต้นนี้ผมคิดว่าข้อสรุปของคุณชอบแถเลื่อนลอยกว่าผมเยอะ

---

ส่วนข้ออ้างเรื่องรัฐบาลทหารของคุณ ก็นับย้อนไปได้ถึงแค่การปฏิรูปฯ กันยา 49
แต่เรื่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่คุณสรุปว่ามีคนคิดเอง มีเผยแพร่มาก่อนหน้านั้น
นานมากแล้วนะครับ

หรือคุณชอบแถจะว่าตรรกะที่ผมยกมาก็ใช้ไม่ได้กับประเทศที่มีเหลี่ยมปกครองด้วย 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 17-03-2007, 14:09 »

..ขออนุญาตแสดงความเห็นอันต่ำต้อยเรื่องแนวพระราชดำริ 'เศรษฐกิจพอเพียง' อันสูงส่ง 

..ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงที่พูดๆ กันอยู่นี้  ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของนโยบายรัฐบาล
ปาฐกถาของผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และแม้แต่คำพูดที่ไปคัดลอกพระราชดำรัสเอามา
ปะติดปะต่อเพื่ออวดภูมิว่ารู้ลึกซึ้งกว่าชาวบ้านก็ตาม ข้าพเจ้าอยากจะอุปมาว่ามันคล้ายคลึง
กับการที่เราพูดถึงฉันทลักษณ์ของร้อยกรองไม่มีผิด จะให้อธิบายอย่างไรก็ได้สารพัดเวอร์ชั่น
ว่าต้องมีกี่บาท กี่วรรค ส่งรับสัมผัสตำแหน่งไหน วางไม้เอกไม้โทตรงไหน ซึ่งถ้าคนรับไปปฏิบัติ
ไม่เข้าใจและเข้าถึง ก็ไม่น่าจะต่างจากคนที่แต่งโคลงครบเอกเจ็ดโทสี่ แต่เนื้อหาไม่มีความหมาย
ไม่มีความคมคาย อ่านไม่ได้อรรถรส ไร้ความไพเราะ

ดังนั้น การจะเห็นคุณค่าและมีศรัทธาในเศรษฐกิจพอเพียงจนนำไปปฏิบัติได้ ก็น่าจะไม่แตกต่างกับ
การแต่งบทกวีที่มีฉันทลักษณ์ให้ไพเราะ เนื่องจาก..

            สัมผัสใจ สำคัญกว่าสัมผัสใน สัมผัสนอก (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
            และ สัมผัสใจจะสัมฤทธิ์ผลได้ก็ด้วยสัมผัสจริง (คมทวน คันธนู) 

ลองถามตัวคุณเองก็แล้วกันว่า.. 
คุณมีศรัทธาในแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
จนสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ และสัมผัสจริงหรือไม่


 
บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
The Grudge โคตรผีดุ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #63 เมื่อ: 17-03-2007, 14:30 »

คุณ jirasak คุณมีพรสวรรค์ในการเขียน น้ำให้เป็นเนื้อได้ดีมาก อ่านไปสามย่อหน้าแล้วยังไม่รู้เรื่องเลย เอาเข้าประเด็นหน่อย อยากจะรู้ว่า ความคิดอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร

แต่ประเด็นที่คุณบอกว่า มีมานานแล้ว นั่นเป็นเพราะ มีพวกสอพลอ ไปตามเก็บเอาพระราชดำรัส เกี่ยวกับเรื่องการทำมาหากินในอดีต ที่เคยมีพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาส ต่างๆ ย้อนหลังไปเป็น ยี่สิบปี เอามารวมเป็น เรื่องนี้ด้วย โปรดเข้าใจตามนี้
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #64 เมื่อ: 17-03-2007, 14:40 »

อ้าวคุณผี ยังไม่ลงหลุมอีกเหรอครับ
หากินกับ"ขี้"ข้าทักษิณก็ไม่พอกินจนต้องหากินกลางวันแบบนี้แหละ
แล้วคุณผีรู้หรือเปล่ามีอ้ายUppreeตัวนึง พอพระองค์ตรัสคืนนี้มันบอกรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม
พออีกวันมันบอก ศก.พอเพียงไม่พอกินต้องเป็นหนี้ถึงจะเจริญ

คุณอังฯเปรียบเทียบได้ไพเราะกว่าผมเยอะ เพราะก่อนที่คุณอังฯจะมาตอบ
ผมตั้งใจจะตอบว่า
กับผู้มีปัญญาผูู้้เจริญ ให้ขี้ก็ทำให้เป็นทอง
กับพวกโง่เขลา ให้ทองมันก็ทำให้เป็นขี้

คุณจีรศักดิ์แถมันก็แถแบบนี้แหละ ไม่ต้องตอบอะไรมากหรอกครับ
ในกระทู้คิงพาวเวอร์ไฟไหม้ลึกลับ มันยิ่งแถโง่กว่านี้เยอะ
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #65 เมื่อ: 17-03-2007, 15:30 »

..ขออนุญาตแสดงความเห็นอันต่ำต้อยเรื่องแนวพระราชดำริ 'เศรษฐกิจพอเพียง' อันสูงส่ง 

..ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงที่พูดๆ กันอยู่นี้  ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของนโยบายรัฐบาล
ปาฐกถาของผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และแม้แต่คำพูดที่ไปคัดลอกพระราชดำรัสเอามา
ปะติดปะต่อเพื่ออวดภูมิว่ารู้ลึกซึ้งกว่าชาวบ้านก็ตาม ข้าพเจ้าอยากจะอุปมาว่ามันคล้ายคลึง
กับการที่เราพูดถึงฉันทลักษณ์ของร้อยกรองไม่มีผิด จะให้อธิบายอย่างไรก็ได้สารพัดเวอร์ชั่น
ว่าต้องมีกี่บาท กี่วรรค ส่งรับสัมผัสตำแหน่งไหน วางไม้เอกไม้โทตรงไหน ซึ่งถ้าคนรับไปปฏิบัติ
ไม่เข้าใจและเข้าถึง ก็ไม่น่าจะต่างจากคนที่แต่งโคลงครบเอกเจ็ดโทสี่ แต่เนื้อหาไม่มีความหมาย
ไม่มีความคมคาย อ่านไม่ได้อรรถรส ไร้ความไพเราะ

ดังนั้น การจะเห็นคุณค่าและมีศรัทธาในเศรษฐกิจพอเพียงจนนำไปปฏิบัติได้ ก็น่าจะไม่แตกต่างกับ
การแต่งบทกวีที่มีฉันทลักษณ์ให้ไพเราะ เนื่องจาก..

            สัมผัสใจ สำคัญกว่าสัมผัสใน สัมผัสนอก (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
            และ สัมผัสใจจะสัมฤทธิ์ผลได้ก็ด้วยสัมผัสจริง (คมทวน คันธนู) 

ลองถามตัวคุณเองก็แล้วกันว่า.. 
คุณมีศรัทธาในแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
จนสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ และสัมผัสจริงหรือไม่


 


เปรียบเทียบได้ดีมากเลยครับ คุณอังศนา ขอจดเอาไปใช้นะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #66 เมื่อ: 17-03-2007, 15:37 »

 

...ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ
ตามประสาคนพูดภาษาวิชาการไม่เป็น

..และพูดอะไรแบบยาวๆ ก็ไม่เป็น  เศรษฐกิจพอเพียง
แค่เป็นปรัชญาง่ายๆ... " คือคนที่ทำอะไรแบบไม่เกินกำลังตัวเอง "

...ก็ถือว่าใช้ หลักความพอเพียงแล้ว  ก็แค่นั้นเองมิใช่เหรอ ...
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #67 เมื่อ: 17-03-2007, 15:41 »

คุณ jirasak คุณมีพรสวรรค์ในการเขียน น้ำให้เป็นเนื้อได้ดีมาก อ่านไปสามย่อหน้าแล้วยังไม่รู้เรื่องเลย เอาเข้าประเด็นหน่อย อยากจะรู้ว่า ความคิดอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร

แต่ประเด็นที่คุณบอกว่า มีมานานแล้ว นั่นเป็นเพราะ มีพวกสอพลอ ไปตามเก็บเอาพระราชดำรัส เกี่ยวกับเรื่องการทำมาหากินในอดีต ที่เคยมีพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาส ต่างๆ ย้อนหลังไปเป็น ยี่สิบปี เอามารวมเป็น เรื่องนี้ด้วย โปรดเข้าใจตามนี้

ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นปัญหาที่พรสวรรค์ในการเขียนของผม หรือ การอ่านเอาเรื่องของคุณ The Grudge นะครับ

สรุปสั้นๆ อีกที ประเด็นหลักที่ผมนำเสนอมีเพียงประเด็นเดียว คือ โต้แย้งข้อสรุปของคุณชอบแถที่ว่า

"เอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ก็มีเพียงพระราชดำรัสสามปี และไม่มีที่ทรงเรียบเรียงใหม่"

ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับข้อสรุปของคุณชอบแถอีกประเด็นคือ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่มีการเผยแพร่โดย
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในปัจจุบัน เป็นการตีความเอาเองของเจ้าหน้าที่ โดยมีเนื้อหานอกเหนือจาก
แนวปรัชญาที่ทรงพระราชทาน

โดยคุณ The Grudge เองก็เรียกว่า "พวกสอพลอ" และบอกว่าไปตามเก็บเอาพระราชดำรัสมารวมเป็นเรื่อง
ซึ่งก็เท่ากับคุณเองเห็นด้วยกับประเด็นเกี่ยวเนื่องที่คุณชอบแถนำเสนอ

ซึ่งประเด็นเกี่ยวเนื่องดังกล่าวผมก็เข้าใจดีแล้ว และได้เขียนคัดค้านตามที่คุณอ่านไม่รู้เรื่องนั่นไงครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #68 เมื่อ: 17-03-2007, 15:45 »

อ้าวคุณผี ยังไม่ลงหลุมอีกเหรอครับ
หากินกับ"ขี้"ข้าทักษิณก็ไม่พอกินจนต้องหากินกลางวันแบบนี้แหละ
แล้วคุณผีรู้หรือเปล่ามีอ้ายUppreeตัวนึง พอพระองค์ตรัสคืนนี้มันบอกรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม
พออีกวันมันบอก ศก.พอเพียงไม่พอกินต้องเป็นหนี้ถึงจะเจริญ

คุณอังฯเปรียบเทียบได้ไพเราะกว่าผมเยอะ เพราะก่อนที่คุณอังฯจะมาตอบ
ผมตั้งใจจะตอบว่า
กับผู้มีปัญญาผูู้้เจริญ ให้ขี้ก็ทำให้เป็นทอง
กับพวกโง่เขลา ให้ทองมันก็ทำให้เป็นขี้

คุณจีรศักดิ์แถมันก็แถแบบนี้แหละ ไม่ต้องตอบอะไรมากหรอกครับ
ในกระทู้คิงพาวเวอร์ไฟไหม้ลึกลับ มันยิ่งแถโง่กว่านี้เยอะ

ครับคุณ Login not found

แต่ไหนๆ ผมก็เข้ามาตอบแล้ว คงต้องให้โอกาสคุณชอบแถ
เขาได้แถต่ออีกสักหน่อย ที่ผมโพสเกี่ยวกับเรื่องเหตุเรื่องผล
เอาไว้ก่อน ก็เพราะตั้งใจจะไปค้นข้อมูลน่ะครับ

อย่างน้อยก็ให้คนที่นี่ได้ร้บรู้เป็นข้อมูลอ้างอิงไว้ต่อไปครับ
ส่วนคุณชอบแถจะทำอย่างไรต่อไป นั่นก็ไม่นอกเหนือจาก
ความคาดหมายของผม และท่านอื่นที่นี่อยู่แล้ว
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #69 เมื่อ: 17-03-2007, 15:48 »

และหลังจากที่ได้ประมวลพระราชดำรัสแล้วก็ได้มีการนำรายละเอียดขึ้นกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงตรวจทานแก้ไข
แล้วพระราชทานกลับลงมา


ตรงนี้ยกมาลอยๆ ไม่ได้นะจ๊ะ เสียหายอย่างแรง กราบบังคมทูลอะไรขึ้นไป และ ทรงตรวจทานแก้ไข
ตรงไหนพระราชทานกลับมา ต้องมีที่มาที่ไปนะจ๊ะ ประโยคไหนตรงไหนคำไหน ไม่ใช่กราบบังคมทูล
ตรงไหนไปไม่รู้แล้วพิมพ์เป็นเล่มอย่างที่เห็น แต่ในเล่มไม่ได้บอกว่าตรงไหนที่มีพระบรมราชวินิจฉัย
ให้จินตนาการเองว่าทั้งเล่ม มันจะถูกต้องเหรอ ส่งอะไรไปก็ไม่รู้อะไรกลับมาก็ไม่รู้หลักฐานไม่มี ทำไม
ต่อมความเชื่อมันตื้นจัง เชื่ออะไรนิดหน่อยก็ล่อจะจินตนาการลูกเดียว นี่พระราชดำรัสนะระวังหน่อย
อย่าจินตนาการพร่ำเพรื่อ เตือนด้วยความหวังดีนะฮ้า

ย้อนกลับไปตรงที่คุณชอบแถบอกว่ายกมาลอยๆ ไม่ได้ ผมก็ไปหาหลักฐานมาให้ดูแบบนี้แล้วกันนะครับ

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #70 เมื่อ: 17-03-2007, 15:53 »

และถ้าคุณชอบแถจะชวนผมเถียงอะไรต่ออีก ผมก็ขอยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไขมาใช้แล้วล่ะครับ
คือผมขอโต้เถียงแสดงหลักฐานกับคุณแบบพอเพียง คือหลักฐานที่เห็นข้างบนนี้นะครับ โดยผมก็มีเหตุมีผลในการ
เถียงกับคุณตามที่ได้แจ้งไปก่อนแล้ว ซึ่งในนั้นก็ถือว่ามีภูมิคุ้มกันอยู่พอสมควร  และผมก็ได้ยึดเงื่อนไขคือความรู้
และคุณธรรม เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน จึงขอจบการโต้เถียงกับคุณในเรื่องนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขออภัย จขกท. ด้วย ที่ออกจะขโมยซีน คุณชอบแถ ในการแสดงความเห็นมากไปสักหน่อย
แต่ทั้งหมดก็เพื่อความสมบูรณ์ถูกต้องของเนื้อหาแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007, 15:57 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #71 เมื่อ: 17-03-2007, 16:02 »


จบได้งดงามมากๆ ค่ะพี่จีระศักดิ์  คุ้มค่าลงทะเบียนหนูแล้วค่ะ อิอิ


standing ovation ค่ะ


บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #72 เมื่อ: 17-03-2007, 16:49 »


จบได้งดงามมากๆ ค่ะพี่จีระศักดิ์  คุ้มค่าลงทะเบียนหนูแล้วค่ะ อิอิ


standing ovation ค่ะ


ด้วยความยินดีครับ คุณเก็ดถวา

ว่าแต่คุณชอบแถหายไปเลย นึกว่าจะมาให้ความเห็นอะไรเพิ่มเติมสักหน่อย 

ถึงคุณชอบแถจะมีลีลาความเห็นแปลกๆ เสมอๆ แต่ก็เป็นสีสันของเสรีไทยเว็บบอร์ด
ที่ใครๆ ที่นี่รออ่านความเห็นกันทั้งนั้น

และทำให้หลายๆ ครั้ง ผมก็อดคุยกับแกไม่ได้น่ะครับ และหลายๆ หนเหมือนกัน
ที่ทำให้ผมสลัดความขี้เกียจ ไปค้นหาข้อมูลมาลง คคห. ครับ 

ในทางนึงก็ต้องขอชื่นชมคุณชอบแถเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007, 16:51 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #73 เมื่อ: 17-03-2007, 17:11 »


จบได้งดงามมากๆ ค่ะพี่จีระศักดิ์  คุ้มค่าลงทะเบียนหนูแล้วค่ะ อิอิ


standing ovation ค่ะ


ด้วยความยินดีครับ คุณเก็ดถวา

ว่าแต่คุณชอบแถหายไปเลย นึกว่าจะมาให้ความเห็นอะไรเพิ่มเติมสักหน่อย 

ถึงคุณชอบแถจะมีลีลาความเห็นแปลกๆ เสมอๆ แต่ก็เป็นสีสันของเสรีไทยเว็บบอร์ด
ที่ใครๆ ที่นี่รออ่านความเห็นกันทั้งนั้น

และทำให้หลายๆ ครั้ง ผมก็อดคุยกับแกไม่ได้น่ะครับ และหลายๆ หนเหมือนกัน
ที่ทำให้ผมสลัดความขี้เกียจ ไปค้นหาข้อมูลมาลง คคห. ครับ 

ในทางนึงก็ต้องขอชื่นชมคุณชอบแถเหมือนกัน


...ว่าไปแล้ว  ในยุคนี้ ..พวกหวังผลประโยชน์ทางการเมือง
มิว่าฝ่ายใด ..เอาเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นจุดขาย
มาทำให้เป็นเรื่องยาก  มาตีความ  แปลความให้เป็นเรื่องยาก
  บางคนก็มาบิดเบือนเพื่อจะให้คนเขวว่าใครผิดใครถูกกันแน่
ที่จริงส่วนลึกเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาบังหน้า ....เพื่อไขว่คว้า
ให้ได้มาซึ่งอำนาจทั้งนั้น

...ที่จริง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ..เป็นเรื่องง่ายๆ  ที่ใครๆก็ทำได้
และบางคนก็ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็คือ การทำอะไรโดยไม่เกินกำลัง
ของตัวเอง ..รู้จักบังคับใจให้รู้จักคำว่าพอ  ตามงบประมาณที่ตนเองพอมี
ตามเวลา  ตามแรงงานที่ตนเองมี โดยที่ตนเองก็ไม่เดือดร้อน
ผู้อื่นก็ไม่เดือดร้อน..แถมงานยังมีคุณภาพด้วย...


..หลายคนใช้ชีวิตประจำวัน  เช่นนี้มานานแล้ว  แต่พอเค้าเอามากล่าวกันเป็น
เรื่องยาก  อ้างหลักวิชาการนู่นนี่  เลยคาใจว่าที่ตนเองทำใช่ ปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า ...ที่แท้ ความพอเพียงอยู่ข้างตัวของทุกคนแล้ว
เพียงแต่หยิบฉวยมาใช้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2007, 17:14 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #74 เมื่อ: 17-03-2007, 18:34 »

ผมยังคงติดตามกระทู้นี้อยู่นะครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ ตอนนี้ก็รอฟังคุณชอบแถ มาชี้แจงกันต่อนะครับ
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: 17-03-2007, 18:55 »


เปรียบเทียบได้ดีมากเลยครับ คุณอังศนา ขอจดเอาไปใช้นะครับ



..ขอบคุณค่ะ คุณ jerasak   
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทั้งคำชมและนำไปใช้



บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #76 เมื่อ: 17-03-2007, 20:38 »


เปรียบเทียบได้ดีมากเลยครับ คุณอังศนา ขอจดเอาไปใช้นะครับ



..ขอบคุณค่ะ คุณ jerasak   
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทั้งคำชมและนำไปใช้





เรื่องข้อมูลหลักฐาน ต้องยอมคุณจีรศักดิ์ จริง ๆ ครับ........ผมเห็น ตั้งแต่เรื่อง "ความจริงครึ่งเดี่ยว" แล้ว

 
 

บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #77 เมื่อ: 17-03-2007, 21:19 »

ด้วยความยินดีครับ คุณเก็ดถวา

ว่าแต่คุณชอบแถหายไปเลย นึกว่าจะมาให้ความเห็นอะไรเพิ่มเติมสักหน่อย 

ถึงคุณชอบแถจะมีลีลาความเห็นแปลกๆ เสมอๆ แต่ก็เป็นสีสันของเสรีไทยเว็บบอร์ด
ที่ใครๆ ที่นี่รออ่านความเห็นกันทั้งนั้น

และทำให้หลายๆ ครั้ง ผมก็อดคุยกับแกไม่ได้น่ะครับ และหลายๆ หนเหมือนกัน
ที่ทำให้ผมสลัดความขี้เกียจ ไปค้นหาข้อมูลมาลง คคห. ครับ 

ในทางนึงก็ต้องขอชื่นชมคุณชอบแถเหมือนกัน

อิอิ ไม่ดูวันที่หน่อยเหรอคร้าบ 22 ตุลาคม 2542 แล้วที่บอกว่าสามปี พระราชดำรัสครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่เอ่ย
ตกลงฉบับที่ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตก็ลงไม่ครบอะดิ เพราะไม่มีพระราชดำรัสครั้งสุดท้ายรวมไป
ด้วย ก็ไม่ทราบว่าที่พิมพ์ออกเผยแพร่ลงวันที่พระราชดำรัส 23 ธันวาคม 2542 ด้วยจะหมายความว่าไรมิทราบ
ขอพระบรมราชานุญาตอย่างหนึ่ง เผยแพร่อีกอย่างหนึ่งหรือเปล่า ตอบให้ชื่นใจหน่อยคร้าบ อิอิ
http://www.sufficiencyeconomy.org/mfiles/1126690846/chapter1.pdf อ่านหน้าสี่นะคร้าบ

คราวนี้มาดูว่าใครจะอธิบายได้เจ๋งกว่ากัน คนจินตนาการเก่งเค้าก็ใช้จินตนาการวันยังค่ำ ไม่เหมือนคนใช้
เอกสารหลักฐานมีที่มาที่ไปชัดเจน

เอาเรื่องกู้เงินก่อน สามห่วงจะอธิบายอย่างไรหนอ งง อะดิ พอเพียงแต่กู้ได้พอเพียง กู้เท่าไหร่ ไม่รู้อ่ะ
พอประมาณก็แล้วกัน ตกลงไอ้กู้พอประมาณคาดว่าจะจ่ายได้มันเท่าไหร่น้อ

ถ้าเอาตรง 1/4 มาอธิบาย ก็จบ กู้ซะ สามส่วนอย่างมาก เหลือ หนึ่งส่วนพอเพียง พอมีพอกิน อยู่ได้ด้วย
ตัวเอง ชัดเจนแจ่มแจ๋ว ยกตัวอย่างบริษัท ซะหน่อย

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
หนี้สิน 220,000 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 87,000 ล้านบาท 72:28 ใกล้เคียง 25% เลยนะเนี่ย
แสดงว่าเข้าสูตรพอเพียง แม้จะกู้ตั้งสองแสนล้านกว่า สามห่วงอธิบายได้ป่าว เจอกู้สองแสนล้านก็ใบ้อะดิ
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=finance&symbol=scc&language=th&country=TH

สรุปเน้นๆ ไปเลยนะ แม้ว่าคุณจะนั่งรถคันละเก้าสิบล้าน ใช้ยาสีฟันหมดหลอด หรือ ใส่รองเท้าเก่าก็ตาม
ถ้ามีส่วนประมาณหนึ่งในสี่ที่พอมีพอกินอยู่ได้ด้วยตัวเอง เช่น มีที่นาทำนากินเองได้ มีโรงรีดนมวัวเอง
มีโรงงานผลิตโยเกิร์ตเอง ก็เข้าสูตรเศรษฐกิจพอเพียงได้ชัดเจน ไม่ต้องตีความให้เมื่อย

มาเถียงกับคนแม่นข้อมูลมันยากหน่อยนะจ๊ะ วันหลังหัดดูวันที่เอกสารซะหน่อยก็ดีนะ
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #78 เมื่อ: 18-03-2007, 10:52 »

มาดูรายละเอียดหนังสือเผยแพร่ความงงกันดีกว่า

http://www.sufficiencyeconomy.org/detail.swf
จัดทำโดย คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ISBN 974-9545-87-7 พิมพ์ครั้งที่ 2: มีนาคม ปี 2548
ไม่รู้ว่า สามห่วงสองเงื่อนไข สรุปมาจากไหน ตอนปีไหน

จุดที่บอกว่า ภูมิคุ้มกัน คาดว่าน่าจะนำมาจากส่วนนี้ของพระราชดำรัสในปี 2542
สมมุติว่าเดี๋ยวนี้ไฟดับ ถ้าไม่มีเศรษฐกิจพอเพียง ไฟดับ ไฟหลวง ไฟฟ้าหลวง หรือไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขาดับหมด พังหมด จะทำอย่างไร ที่ๆ ต้องใช้ไฟฟ้าก็ต้องแย่ไป บางคนที่ต่างประเทศ เวลาไฟดับ เขาฆ่าตัวตาย แต่ของเราไฟดับ เราเคยชิน เราไม่เป็นไร ไฟดับ ถ้ามีความจำเป็น เศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่เต็มที่ เรามีเครื่องปั่นไฟ ก็ใช้ปั่นไฟ หรือถ้าขั้นโบราณกว่า มืดก็จุดเทียน มีทางที่ให้แก้ปัญหาเสมอ
http://kanchanapisek.or.th/speeches/1999/1223.th.html


ในพระราชดำรัสปี 2543 ทรงย้ำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในเรื่องมีเหตุและผล
เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ขอย้ำว่า เป็นการทั้งเศรษฐกิจ หรือ ความประพฤติ ที่ทำอะไรเพื่อให้เกิดผลโดยมีเหตุและผล คือเกิดผลมันมาจากเหตุ ถ้าทำเหตุที่ดี ถ้าคิดให้ดีให้ผลที่ออกมา คือสิ่งที่ติดตามเหตุ การกระทำ ก็จะเป็นการกระทำที่ดี และผลของการกระทำนั้น ก็จะเป็นการกระทำที่ดี ดีแปลว่ามีประสิทธิผล ดีแปลว่ามีประโยชน์ ดีแปล ว่าทำให้มีความสุข
http://kanchanapisek.or.th/speeches/2000/1204.th.html


หลายคนให้ความเห็นว่าที่ทำให้งงเพราะจับแพะชนแกะมากเกินไป โดยเฉพาะทฤษฎีใหม่ อันนี้เป็นความเห็นของ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล
- มีบางคนสับสนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่
ใช่ อาจเพราะไปเขียนในหนังสือเล่มเดียวกัน เศรษฐกิจพอเพียงอยู่ครึ่งแรก (หัวเราะ) ทฤษฎีใหม่เป็นทฤษฎีการใช้ที่ดินของเกษตรกร ชัดเจนว่าเป็นทฤษฎีของในหลวง โดยมีปรัชญาพอเพียงเป็นพื้นฐานเป็นหลักคิด ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้แปลว่า หยุดอยู่ที่เดิม มีเหลือก็ลงทุน มีคนมากก็รวมกลุ่มกันแล้วขยายผล ขายส่งออกนอกหมู่บ้าน ไม่ได้ปิดกั้น

ทฤษฎีใหม่ทำให้มีที่ดินผลิตที่ยั่งยืน แล้วเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำให้เรามั่งคั่งมากขึ้น
- การสับสนในเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้มีคนเข้าใจผิดว่า หากจะใช้เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึงการต้องกลับไปอยู่กับเกษตรกรรม ไม่เอาอุตสาหกรรม
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol01260250&day=2007/02/26&sectionid=0133
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #79 เมื่อ: 18-03-2007, 11:14 »

"บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
หนี้สิน 220,000 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 87,000 ล้านบาท 72:28 ใกล้เคียง 25% เลยนะเนี่ย
แสดงว่าเข้าสูตรพอเพียง แม้จะกู้ตั้งสองแสนล้านกว่า สามห่วงอธิบายได้ป่าว เจอกู้สองแสนล้านก็ใบ้อะดิ"

คุณชอบแถ ลองอธิบายคนข้อมูลไม่แน่นอย่างผมฟัง หน่อยดิ  ตกลง ปูนซิเมนต์ไทย คุณชอบแถ ว่าพอเพียง หรือ ไม่ อย่างไร ?......แล้ว สามห่วง ทำไมถึงอธิบายไม่ได้....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2007, 11:16 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #80 เมื่อ: 18-03-2007, 17:32 »

"บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
หนี้สิน 220,000 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 87,000 ล้านบาท 72:28 ใกล้เคียง 25% เลยนะเนี่ย
แสดงว่าเข้าสูตรพอเพียง แม้จะกู้ตั้งสองแสนล้านกว่า สามห่วงอธิบายได้ป่าว เจอกู้สองแสนล้านก็ใบ้อะดิ"

คุณชอบแถ ลองอธิบายคนข้อมูลไม่แน่นอย่างผมฟัง หน่อยดิ  ตกลง ปูนซิเมนต์ไทย คุณชอบแถ ว่าพอเพียง หรือ ไม่ อย่างไร ?......แล้ว สามห่วง ทำไมถึงอธิบายไม่ได้....

ขอแก้ข้อมูลซักนิด เนื่องจากคนแม่นข้อมูลก็มีพลาดกันได้
หนี้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) เท่ากับ133,000.-ล้าน
ส่วนของผู้ถือหุ้น 87,000.-ล้าน สินทรัพย์ 220,000.- ล้าน

การเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาให้เหตุผลของ "ผล" จากการดำเนินงานของ "องค์กร"
ที่สมควรจะใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งนานแล้ว คือ บริษัท ที่กล่าวมาเพราะเป็น
บริษัทระดับต้นๆ ที่สนง.ทรัพย์สินฯ ถือหุ้นใหญ่ คณะทำงานก็เป็นคนเดียวกัน
http://forum.serithai.net/index.php?topic=11449.0

รายชื่อคณะทำงานชื่อแรก
http://www.sufficiencyeconomy.org/mfiles/1072323831/Working%20Group.pdf

ดูคร่าวๆ จากงบดุลเห็นว่ากู้กันบานตะไทแสนสามหมื่นล้าน เกินส่วนของผู้ถือหุ้น
เท่ากว่าๆ สุดปัญญาที่จะเอาตำราสามห่วงสองเงื่อนไขตีลังกาอธิบาย เนื่องจาก
อ่านหลายรอบก็ไม่เข้าใจว่ากู้ขนาดนี้พอเพียงตรงไหน ถ้าอ่านต้นฉบับพระราช
ดำรัสที่บอกว่า พอเพียงแค่ 1/4 ก็อยู่ได้ โดยมองในแง่บริษัทที่เป็นนิติบุคคล
(อย่างไรเสียเมื่อมีการกู้ก็ต้องมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถจ่ายผู้ให้กู้ได้ เนื่อง
จากเป็นการประกอบธุรกิจวันดีคืนดีอาจโดนปรับแสนล้านถึงล้มละลายได้ง่ายๆ)
ส่วนที่คิด(เอาเอง)ว่าเป็นส่วนพอเพียง คือ มาจากผู้ถือหุ้น(เพราะไม่ต้องจ่ายคืน
แม้บริษัทจะสร้างความหายนะให้แก่ผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ก็ตาม) ก็เหมือนกับการจำกัด
เพดานการกู้ของบริษัท ไม่ให้มากเกินไปนั่นเอง(แต่สามเท่าของทุนมันก็มากอยู่)

ส่วนความเสี่ยงที่จะจ่ายคืนเจ้าหนี้ได้ไม่ได้คงต้องขึ้นกับการบริหารจัดการแล้ว
อยู่ที่ความโง่ฉลาดวิสัยทัศน์ผู้บริหารมากกว่าความพอเพียง คงเอาหลักเศรษฐกิจ
พอเพียงมาอธิบายได้แค่นี้ เพราะมันยากที่จะอธิบายชัดๆ หวังว่าคงอ่านเข้าใจ
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #81 เมื่อ: 18-03-2007, 17:59 »

พอดี ผมมีความรู้เรื่องบัญชีบ้างนิดหน่อยครับ..........จริง ๆ แล้ว ซิเมนต์ไทย กู้มาขนาดนั้น ก็ไม่ได้มากมายอะไรอย่างที่คุณชอบแถ ว่าหรอกครับ...........

คุณชอบแถ ลองเปิดลิ้งค์ที่ยกมาก่อนหน้านี้ แล้วมองเลยไปข้างล่าง ดูที่ กำไรสะสม รายได้ของบริษัท ฯ จะเห็นว่า ตัวเลขเงินกู้แสนกว่าล้านไม่ได้เกินกำลังของบริษัท ฯ อย่าง ปูนใหญ่ หรอกครับ น่าจะบอกได้ว่า "ม่ได้ทำอะไรที่มันเกินตัว"
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #82 เมื่อ: 18-03-2007, 18:05 »

พอดี ผมมีความรู้เรื่องบัญชีบ้างนิดหน่อยครับ..........จริง ๆ แล้ว ซิเมนต์ไทย กู้มาขนาดนั้น ก็ไม่ได้มากมายอะไรอย่างที่คุณชอบแถ ว่าหรอกครับ...........

คุณชอบแถ ลองเปิดลิ้งค์ที่ยกมาก่อนหน้านี้ แล้วมองเลยไปข้างล่าง ดูที่ กำไรสะสม รายได้ของบริษัท ฯ จะเห็นว่า ตัวเลขเงินกู้แสนกว่าล้านไม่ได้เกินกำลังของบริษัท ฯ อย่าง ปูนใหญ่ หรอกครับ น่าจะบอกได้ว่า "ม่ได้ทำอะไรที่มันเกินตัว"

ต่อให้มีความรู้เรื่องบัญชีมากระดับ "ชอบแถ" ดูงบการเงินบริษัทมหัศจรรย์แห่งนี้ก็วิเคราะห์อะไรไม่ได้หรอก
มีอะไรลึกลับแต่ข้อมูลปกปิดไม่มิดอีกเยอะในองค์กรนั้นและองค์กรที่เกี่ยวข้อง อยากรู้ให้ตั้งกระทู้ใหม่
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #83 เมื่อ: 18-03-2007, 18:58 »

อิอิ ไม่ดูวันที่หน่อยเหรอคร้าบ 22 ตุลาคม 2542 แล้วที่บอกว่าสามปี พระราชดำรัสครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่เอ่ย
ตกลงฉบับที่ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตก็ลงไม่ครบอะดิ เพราะไม่มีพระราชดำรัสครั้งสุดท้ายรวมไป
ด้วย ก็ไม่ทราบว่าที่พิมพ์ออกเผยแพร่ลงวันที่พระราชดำรัส 23 ธันวาคม 2542 ด้วยจะหมายความว่าไรมิทราบ
ขอพระบรมราชานุญาตอย่างหนึ่ง เผยแพร่อีกอย่างหนึ่งหรือเปล่า ตอบให้ชื่นใจหน่อยคร้าบ อิอิ
http://www.sufficiencyeconomy.org/mfiles/1126690846/chapter1.pdf อ่านหน้าสี่นะคร้าบ

เพื่อความชัดแจ้งในเนื้อหาผมจะคุยกับคุณชอบแถต่อสักหน่อย เฉพาะในเรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ก่อน
ส่วนเรื่อง ปูนซิเมนต์ไทย ถ้าท่านใดนึกสนุกระหว่างนี้ อยากช่วยคุณชอบแถอ่านงบการเงินก็เชิญได้นะครับ

ผมก็ไม่ทราบว่าคุณชอบแถมีปัญหาในการจับประเด็น หรือเป็นเทคนิกการโต้เถียงออกนอกประเด็นของคุณนะครับ
เพราะประเด็นที่ผมแย้งคุณชอบแถ ก็คือ

1. แย้งเรื่องที่คุณชอบแถ สรุปผิดๆ ว่าเอกสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงทั้งหมดมีเพียงพระราชดำรัส 3 ปี
    ที่คุณยกมาคือ พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา พ.ศ. 2540, 2541 และ 2542

2. แย้งเรื่องที่คุณชอบแถ กล่าวซ้ำผิดๆ หลายครั้งว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบ
    นำมาเผยแพร่ ผู้เผยแพร่ได้จัดทำเนื้อหาขึ้นมาเองนอกเหนือจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน


และผมได้นำเอกสารอ้างอิงมาแสดงว่า นอกจากพระราชดำรัส 3 ปีดังกล่าว ยังมีเอกสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง
อีกฉบับหนึ่งคือ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ได้ประมวลขึ้นจากพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง แล้วได้นำขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย
และพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2542

ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงตรวจทานแก้ไข แล้วพระราชทานกลับลงมาพร้อมกับมีพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2542 ตามหนังสือที่ รล 0003/18888

"ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ดังกล่าวจึงมีความสมบูรณ์ในตัวเอง เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงตรวจทานแก้ไข และพระราชทานกลับลงมา พร้อมกับพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่แล้ว


สำหรับพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2542 ซึ่งพระราชทานหลังจาก "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งต่างหากที่ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง  และหลังจากปี 2542 ยังทรง
มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงอีกมากมายหลายครั้ง (ตัวอย่างเช่นในปี 2543 ที่คุณชอบแถเอง
ก็เพิ่งยกมาแสดง)

และการที่เอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง จะมีการยกพระราชดำรัส วันที่ 23 ธันวาคม 2542
หรือพระราชดำรัสครั้งอื่นๆ ที่พระราชทานหลังจากนั้นมาแสดง รวมกับ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
ตามตัวอย่างที่คุณชอบแถยกมา ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรนี่ครับ

ที่คุณชอบแถถามว่า "ขอพระบรมราชานุญาตอย่างหนึ่ง เผยแพร่อีกอย่างหนึ่งหรือเปล่า" จึงถามไม่ถูก
เพราะการขอพระบรมราชานุญาตตามเอกสารที่ผมแสดงคือขอเผยแพร่ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
ซึ่งก็คือเนื้อความที่อยู่ตอนต้นของเอกสารที่คุณชอบแถยกตัวอย่างมา

ส่วนการยกเอาพระราชดำรัสอื่นๆ มาเผยแพร่ร่วมด้วยเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อยู่แล้วครับ เพราะการเผยแพร่
พระราชดำรัสทำกันโดยทั่วไปผ่านสื่อต่างๆ เป็นปกติอยู่แล้ว

ไม่เกี่ยวกับการขอพระบรมราชานุญาตในเอกสารที่ผมยกมานะครับ อย่าสับสน!!! 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2007, 19:01 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #84 เมื่อ: 18-03-2007, 19:03 »

ในการนี้ถ้าคุณชอบแถยังจะโต้แย้งผมอีกก็สามารถทำได้ใน 2 ประเด็น

1. ยืนยันต่อไปว่าเอกสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงทั้งหมด มีเพียงพระราชดำรัส 3 ปีเท่านั้น
2. ยืนยันต่อไปว่า "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นเอกสารที่หน่วยงานผู้เผยแพร่จัดทำขึ้นเอง

เลือกเอาแล้วกันครับว่าจะโต้แย้งข้อไหน 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #85 เมื่อ: 18-03-2007, 19:37 »

มาดูรายละเอียดหนังสือเผยแพร่ความงงกันดีกว่า

http://www.sufficiencyeconomy.org/detail.swf
จัดทำโดย คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ISBN 974-9545-87-7 พิมพ์ครั้งที่ 2: มีนาคม ปี 2548

ไม่รู้ว่า สามห่วงสองเงื่อนไข สรุปมาจากไหน ตอนปีไหน

สรุปจาก "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ที่ทรงแก้ไขพระราชทานลงมาตั้งแต่ 21 พฤศจิการยน 2542 ครับ


จุดที่บอกว่า ภูมิคุ้มกัน คาดว่าน่าจะนำมาจากส่วนนี้ของพระราชดำรัสในปี 2542
สมมุติว่าเดี๋ยวนี้ไฟดับ ถ้าไม่มีเศรษฐกิจพอเพียง ไฟดับ ไฟหลวง ไฟฟ้าหลวง หรือไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขาดับหมด พังหมด จะทำอย่างไร ที่ๆ ต้องใช้ไฟฟ้าก็ต้องแย่ไป บางคนที่ต่างประเทศ เวลาไฟดับ เขาฆ่าตัวตาย แต่ของเราไฟดับ เราเคยชิน เราไม่เป็นไร ไฟดับ ถ้ามีความจำเป็น เศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่เต็มที่ เรามีเครื่องปั่นไฟ ก็ใช้ปั่นไฟ หรือถ้าขั้นโบราณกว่า มืดก็จุดเทียน มีทางที่ให้แก้ปัญหาเสมอ
http://kanchanapisek.or.th/speeches/1999/1223.th.html


พระราชดำรัส 4 ธันวาคม 2542 มีขึ้นหลังจากพระราชทาน "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2542 ครับ
ซึ่งน่าจะเท่ากับทรงเน้นย้ำเนื้อความใน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มากกว่า


ในพระราชดำรัสปี 2543 ทรงย้ำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในเรื่องมีเหตุและผล
เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ขอย้ำว่า เป็นการทั้งเศรษฐกิจ หรือ ความประพฤติ ที่ทำอะไรเพื่อให้เกิดผลโดยมีเหตุและผล คือเกิดผลมันมาจากเหตุ ถ้าทำเหตุที่ดี ถ้าคิดให้ดีให้ผลที่ออกมา คือสิ่งที่ติดตามเหตุ การกระทำ ก็จะเป็นการกระทำที่ดี และผลของการกระทำนั้น ก็จะเป็นการกระทำที่ดี ดีแปลว่ามีประสิทธิผล ดีแปลว่ามีประโยชน์ ดีแปล ว่าทำให้มีความสุข
http://kanchanapisek.or.th/speeches/2000/1204.th.html


ไหนว่าเอกสารทั้งหมดมีเพียง พระราชดำรัส 3 ปีไงครับแล้ว พระราชดำรัส ปี 2543 นี้คุณชอบแถไม่นับหรือไงครับ
ที่ทรงย้ำการมี "เหตุผล" ในเศรษฐกิจพอเพียง ก็น่าจะเป็นการทรงเน้นย้ำเนื้อความใน "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
ที่พระราชทานลงมาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2542 เช่นเดียวกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2007, 19:39 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #86 เมื่อ: 18-03-2007, 20:22 »

หลายคนให้ความเห็นว่าที่ทำให้งงเพราะจับแพะชนแกะมากเกินไป โดยเฉพาะทฤษฎีใหม่ อันนี้เป็นความเห็นของ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล
- มีบางคนสับสนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่
ใช่ อาจเพราะไปเขียนในหนังสือเล่มเดียวกัน เศรษฐกิจพอเพียงอยู่ครึ่งแรก (หัวเราะ) ทฤษฎีใหม่เป็นทฤษฎีการใช้ที่ดินของเกษตรกร ชัดเจนว่าเป็นทฤษฎีของในหลวง โดยมีปรัชญาพอเพียงเป็นพื้นฐานเป็นหลักคิด ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้แปลว่า หยุดอยู่ที่เดิม มีเหลือก็ลงทุน มีคนมากก็รวมกลุ่มกันแล้วขยายผล ขายส่งออกนอกหมู่บ้าน ไม่ได้ปิดกั้น

ทฤษฎีใหม่ทำให้มีที่ดินผลิตที่ยั่งยืน แล้วเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำให้เรามั่งคั่งมากขึ้น
- การสับสนในเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้มีคนเข้าใจผิดว่า หากจะใช้เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึงการต้องกลับไปอยู่กับเกษตรกรรม ไม่เอาอุตสาหกรรม
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol01260250&day=2007/02/26&sectionid=0133


ที่เกิดความสับสนเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ผมโทษทักษิณเป็นจำเลยคนนึงแน่นอนครับ
ในฐานะที่เป็นรัฐบาลอยู่ตั้ง 5 ปี อ้าปากหุบปากบอกตลอดว่าทำตามเศรษฐกิจพอเพียง
แต่เอาเข้าจริงเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงกันไปคนละทางสองทาง

ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ก็อีกคนนึงที่อาจงงไปกับเขาด้วยที่บอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงจึงนำมาใช้ในนโยบายเศรษฐกิจไม่ได้ ตามบทสัมภาษณ์ที่คุณชอบแถยกมา..

ส่วนเรื่องความสับสนระหว่าง เศรษฐกิจพอเพียง กับ เกษตรทฤษฎีใหม่นั้น ดร.สมเกียรติใช้คำพูด
ประมาณว่า "เกษตรทฤษฎีใหม่เป็นทฤษฎีการใช้ที่ดินที่มีปรัชญาพอเพียงเป็นพื้นฐานเป็นหลักคิด
ทฤษฎีใหม่ทำให้มีที่ดินผลิตที่ยั่งยืน แล้วเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำให้มั่งคั่งมากขึ้น"

ซึ่งผมไม่เข้าใจว่า ดร. เพิ่มข้อความ "แล้วเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำให้มั่งคั่งมากขึ้น"
ต่อท้ายมาอีกทำไม  ในเมื่อบอกว่าทฤษฎีใหม่มีปรัชญาพอเพียงเป็นพื้นฐานเป็นหลักคิดอยู่แล้ว
เพราะเท่ากับกลายเป็นว่าทฤษฎีใหม่เป็นเรื่องหนึ่งต่างหากที่นำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาเสริม
กลายเป็นว่า ดร.สมเกียรติ ก็อาจสับสนเหมือนกันนะครับ

...

ความจริงเกษตร "ทฤษฎีใหม่" ปรากฎในพระราชดำรัส ตั้งแต่ปี 2537 ก่อนพระราชดำรัสเกี่ยวกับ
เศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรากฎขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2540 (ไม่นับเรื่อง "พอมีพอกิน" และ "พออยู่พอกิน"
ที่มีพระราชดำรัสมาตั้งแต่ปี 2517 และทรงอ้างอิงว่าเป็นความหมายหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียง
ในพระราชดำรัสหลังปี 2540)

ต่อมาในปี 2547 มีพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่คณะผู้บริหารประเทศกำลังพัฒนาที่เดินทางมา
เยือนประเทศไทย ว่าเกษตรทฤษฏีใหม่เป็นตัวอย่างการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ให้เห็นผลจริง

...

คุณชอบแถไม่ยกคำอธิบายขององคมนตรี และผู้ทำงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมาแสดง
กลับไปนำแนวคิดคำอธิบายของบุคคลอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาอ้างอิง กลับจะกลายเป็นการ
ออกนอกลู่นอกทางไปใหญ่นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2007, 20:25 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #87 เมื่อ: 18-03-2007, 22:09 »

แล้วเอกสาร "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ที่ทรงพระกรุณาตรวจแก้ไข
และพระราชทานลงมาเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2542

คุณชอบแถไม่นับว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงด้วยหรือครับ 

------------------------------------------------------------------------------------

4 ธันวาคม 2540      พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาส-
                              วันเฉลิมพระชนมพรรษา  ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
                               http://kanchanapisek.or.th/speeches/1997/1204.th.html

4 ธันวาคม 2541       พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาส-
                               วันเฉลิมพระชนมพรรษา  ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
                                http://kanchanapisek.or.th/speeches/1998/1204.th.html

21 พฤศจิกายน 2542  บทความเรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ-
                                เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจ และสาขาอื่นๆ
                                มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัส เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และได้นำความ-
                                กราบบังคลทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2542
                                โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน-
                                พระบรมราชานุญาตให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ                           
                                ของสำนักงานฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป ตามหนังสือที่
                                รล 0003/18888


23 ธันวาคม 2542      พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาส-
                               วันเฉลิมพระชนมพรรษา  ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
                                http://kanchanapisek.or.th/speeches/1999/1223.th.html

------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2007, 22:16 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #88 เมื่อ: 18-03-2007, 22:39 »

เพิ่มเติมให้อีกหน่อย 

ทั้งเรื่อง "ภูมิคุ้มกัน" และเรื่อง "เหตุผล" ก็มีอยู่ในเอกสาร "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
เท่ากับมีมาตั้งแต่ 21 พฤศจิกายน 2542 เป็นอย่างน้อย และเป็นเอกสารที่ทรงตรวจแก้ไข
และพระราชทานลงมา

การมีพระราชดำรัสถึง "ภูมิคุ้มกัน" และ "เหตุผล" ในเศรษฐกิจพอเพียงอีกในภายหลัง
จึงสามารถถือได้ว่าเป็นการเน้นย้ำของพระองค์ท่านนะครับ คุณชอบแถ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #89 เมื่อ: 18-03-2007, 23:04 »

ฉบับนั้นยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังมีพระราชดำรัสปี 2542 เพิ่ม ไม่ควรจะเอาส่วนแค่นั้น
มาตีความ แล้วระบุลงไปในเอกสารเผยแพร่ โดยผสมปนเปกับทฤษฎีใหม่เข้าไปอีก
ใช้เวลาผสมเข้าไปตั้งหกปี สุดท้ายใจความสำคัญของพระราชดำรัสปี 40, 41 กลับ
ตัดออกไป กลายเป็นสรุปแคบๆ แค่สามห่วง สองเงื่อนไข ก็เลยเอามาใช้อธิบายอะ
ไรไม่ค่อยได้

เอาเข้าไป ... คุณชอบแถ

ตกลงคุณจะไม่นับ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ที่ทรงตรวจแก้ไขและพระราชทานลงมา
ว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงหรือยังไงกันครับ???

แล้วถ้าไม่นับคุณจะเอา "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากเอกสารนี้
ซึ่งถือว่าเป็นเอกสารที่ทางการมากที่สุดแล้วคือมีการจัดทำเป็น "เอกสาร" จริงๆ

และยังมีพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่ "เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการ-
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป"


และเอกสาร "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นี้เอง ที่สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและ-
สังคมแห่งชาติ นำไปใช้ในการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรคุณปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ว่าเอกสาร "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นี้
เป็นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงนอกเหนือจากพระราชดำรัสแต่ละปี

และถ้าจะปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ก็ต้องถือเอาสาระที่ปรากฏในเอกสาร
"ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นี้เป็นสำคัญ

ส่วนที่คุณชอบแถถามว่าทำไมใช้เวลาถึง 6 ปีจึงมีการพิมพ์เผยแพร่ ก็ต้องไปถามคุณเหลี่ยม
แล้วล่ะครับว่าทำอะไรอยู่ระหว่างที่เป็นรัฐบาลตั้งหลายปี  รวมทั้งเหลี่ยมทำอีท่าไหนด้วย
ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงไปได้ขนาดนี้  ทั้งที่ทรงพระราชทาน
เอกสาร และมีพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่เป็นแนวทางแก่ประชาชนโดยทั่วไป
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #90 เมื่อ: 18-03-2007, 23:11 »

ลองอ่านเอกสารดูอีกรอบ ประกอบการพิจารณานะครับ

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #91 เมื่อ: 18-03-2007, 23:33 »

 

เข้ามาคารวะคุณ jerasak
บันทึกการเข้า

Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #92 เมื่อ: 19-03-2007, 00:01 »


ผมก็ไม่ทราบว่าคุณชอบแถมีปัญหาในการจับประเด็น หรือเป็นเทคนิกการโต้เถียงออกนอกประเด็นของคุณนะครับ
เพราะประเด็นที่ผมแย้งคุณชอบแถ ก็คือ

1. แย้งเรื่องที่คุณชอบแถ สรุปผิดๆ ว่าเอกสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงทั้งหมดมีเพียงพระราชดำรัส 3 ปี
    ที่คุณยกมาคือ พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา พ.ศ. 2540, 2541 และ 2542

2. แย้งเรื่องที่คุณชอบแถ กล่าวซ้ำผิดๆ หลายครั้งว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบ
    นำมาเผยแพร่ ผู้เผยแพร่ได้จัดทำเนื้อหาขึ้นมาเองนอกเหนือจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน



เล่นซะตายคากระทู้(อีกแล้ว)

กระทู้นี้น่าจะตั้งชื่อว่า "ผมอยากเข้าใจระบบการแถมั่วนิ่มอย่างถ่องแท้ รบกวนคุณชอบแถ ช่วยมาบรรยาย"
 
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #93 เมื่อ: 19-03-2007, 09:28 »

นักประพันธ์ไม่ฝากคนอื่นสรุปหรอก อย่าจินตนาการมากนักเลยว่าทรงเรียบเรียงเพิ่มและ
สรุปในฉบับนั้น ฉบับที่คณะทำงานสรุปแบบกลางๆ ดูดีแต่อธิบายอะไรไม่ได้เพราะกว้าง
เหมือนคำว่าเดินสายกลาง ตอนที่ส่งขึ้นก็ไม่เห็นว่าส่งอะไรไป ตอนส่งลงมาก็ไม่เห็นว่า
ทรงวินิจฉัยตรงไหนเพิ่ม ถ้าให้เดาคิดว่าคงจะวินิจฉัยเพียงแค่ไม่ขัดหลักการ อาจมีแก้นิด
หน่อย ไม่คิดว่าจะทรงสรุปหรือเรียบเรียงเองเพิ่มหรอก เห็นแต่ฉบับที่เผยแพร่ เหมือนกับ
มีพระราชวินิจฉัยว่าเผยแพร่ได้ไม่ขัด(เพราะสรุปได้กว้างกว่าพระราชดำรัส) ซึ่งเป็นบทสรุป
ให้กว้างแทนที่จะแคบ ถ้าอ่านพระราชดำรัสทั้งสามปีอย่างที่บอก ก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร เศรษฐกิจพอเพียงหมายถึงพอมีพอกินอยู่ได้ด้วยตัวเอง ให้ปฏิบัติแค่
1/4 ก็อยู่ได้แล้ว ถ้าตัดจุดนี้ออก เอาฉบับสามห่วงใส่เข้ามา กลายเป็นกว้างขวางจับอะไร
ไม่ถูกดูดีไปหมด แล้วไปเอาทฤษฎีใหม่ลงมาผสมเหมือนกับจะแนะว่าเป็นทางปฏิบัติ มัน
ถึงจะเข้าใจไปคนละทางเหมือนอย่างทุกวันนี้ อยากงงต่อเดาต่อว่าต้องทำอย่างไรก็ให้ยึด
สามห่วงไว้นั่นแหละงงดี ถ้าอยากปฏิบัติให้เป็นเรื่องเป็นราว อ่านจากพระราชดำรัสสามปีก็
พอชัดเจนในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องตีความให้กว้าง
คงไม่มีนักประพันธ์คนไหนเล่าเรื่องราวทั้งหมดของหนังสือในงานเปิดตัวหรอกครับ
อยากรู้จริง ต้องติดตามผลงานกันเอาเอง
พวกรู้นิดหน่อย ฟังมาแล้วก็เอามาสรุปเอาเอง มันไม่ได้เนื้อความครบถ้วนอยู่แล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2007, 09:37 โดย login not found » บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #94 เมื่อ: 19-03-2007, 10:07 »


ชักเหนื่อย

ชักรำคาญ

ชักสมเพช สังเวช ทุเรศ


 

บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ชามู
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 536


ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี


« ตอบ #95 เมื่อ: 19-03-2007, 11:27 »

กระโดดคว้าผ้าถุงของอีนังกินน้ำใต้ศอก ดอกบัวใต้ตม ดมผัวชาวบ้าน จาน(ไร)จ๊ะ แล้วกระชุ่นตอบสำนวนของเมียน้อยดังนี้

"ได๋เคอะ เดี๋ยวจะร่ายให้ฟังกงๆนะเคอะ

อันว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือ แบะ แบะ แบ๊ แบ๋ บ๋อ บู๋ แบะ บ๋า บู๋ โบร๋ว มอ มอ แบะ แบะ สนธิ ลิ้มเฮงซวย แบ๊ะ แบะ โบร๋ว บรู๊ว บ๋อ

แบ๊ะ บ๋า มอ มอ บรื๊อว์ แบ๊ะ ก๊อป แปะ ก๊อป แปะ คมช. มันเผด็จการ แบ๊ะ แบ๊ะ บรู๋ว โบร๋ว มอ มอ พ่อตูรเร่รอนอยู่ มอ มอ บรู๋ว โบร๋ว

ผ้าถุงคลุมหัวกง กง แบ๋ะ แบ๊ะ มอ มอ ก๊อป แปะ ก๊อป แปะ ประชาไท ประชาไท"

ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่แหละครับ ที่อีนังเมียน้อยมันตอบในกระทู้นี้ทั้งหมด อ่านได้ความอย่างนี้แล

บันทึกการเข้า

สมาชิกหมายเลข #348

ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #96 เมื่อ: 19-03-2007, 12:01 »

ชักเหนื่อย

ชักรำคาญ

ชักสมเพช สังเวช ทุเรศ


 

คุณชอบแถ เขาก็เป็นแบบนี้ละครับ คุณเก็ดถวา
ไม่งั้นเขาคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "ท้อแถ" 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #97 เมื่อ: 19-03-2007, 12:20 »


ชักเหนื่อย

ชักรำคาญ

ชักสมเพช สังเวช ทุเรศ


 

คุณชอบแถ เขาก็เป็นแบบนี้ละครับ คุณเก็ดถวา
ไม่งั้นเขาคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "ท้อแถ" 



อิอิ จริงๆ หนูต้องขอบคุณพี่แถ เค้านะคะ

เพราะพี่ชอบแถนี่ เลยทำให้ได้อ่านความรู้จากพี่ๆ หลายคน

แต่พี่จีรศักดิ์ อดทนดีนะคะ
 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #98 เมื่อ: 19-03-2007, 13:02 »

ขอบคุณมากมายครับ คุณ Jerasak

การยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น มันน่าอายมากจริงๆ สำหรับชอบแถ

นี่คือสิ่งที่ผมได้ จากระทู้เศรษฐกิจพอเพียงของชอบแถ
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #99 เมื่อ: 19-03-2007, 14:02 »

"บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
หนี้สิน 220,000 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 87,000 ล้านบาท 72:28 ใกล้เคียง 25% เลยนะเนี่ย
แสดงว่าเข้าสูตรพอเพียง แม้จะกู้ตั้งสองแสนล้านกว่า สามห่วงอธิบายได้ป่าว เจอกู้สองแสนล้านก็ใบ้อะดิ"

คุณชอบแถ ลองอธิบายคนข้อมูลไม่แน่นอย่างผมฟัง หน่อยดิ  ตกลง ปูนซิเมนต์ไทย คุณชอบแถ ว่าพอเพียง หรือ ไม่ อย่างไร ?......แล้ว สามห่วง ทำไมถึงอธิบายไม่ได้....

ขอแก้ข้อมูลซักนิด เนื่องจากคนแม่นข้อมูลก็มีพลาดกันได้
หนี้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) เท่ากับ133,000.-ล้าน
ส่วนของผู้ถือหุ้น 87,000.-ล้าน สินทรัพย์ 220,000.- ล้าน

การเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาให้เหตุผลของ "ผล" จากการดำเนินงานของ "องค์กร"
ที่สมควรจะใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งนานแล้ว คือ บริษัท ที่กล่าวมาเพราะเป็น
บริษัทระดับต้นๆ ที่สนง.ทรัพย์สินฯ ถือหุ้นใหญ่ คณะทำงานก็เป็นคนเดียวกัน
http://forum.serithai.net/index.php?topic=11449.0

รายชื่อคณะทำงานชื่อแรก
http://www.sufficiencyeconomy.org/mfiles/1072323831/Working%20Group.pdf

ดูคร่าวๆ จากงบดุลเห็นว่ากู้กันบานตะไทแสนสามหมื่นล้าน เกินส่วนของผู้ถือหุ้น
เท่ากว่าๆ สุดปัญญาที่จะเอาตำราสามห่วงสองเงื่อนไขตีลังกาอธิบาย เนื่องจาก
อ่านหลายรอบก็ไม่เข้าใจว่ากู้ขนาดนี้พอเพียงตรงไหน ถ้าอ่านต้นฉบับพระราช
ดำรัสที่บอกว่า พอเพียงแค่ 1/4 ก็อยู่ได้ โดยมองในแง่บริษัทที่เป็นนิติบุคคล
(อย่างไรเสียเมื่อมีการกู้ก็ต้องมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถจ่ายผู้ให้กู้ได้ เนื่อง
จากเป็นการประกอบธุรกิจวันดีคืนดีอาจโดนปรับแสนล้านถึงล้มละลายได้ง่ายๆ)
ส่วนที่คิด(เอาเอง)ว่าเป็นส่วนพอเพียง คือ มาจากผู้ถือหุ้น(เพราะไม่ต้องจ่ายคืน
แม้บริษัทจะสร้างความหายนะให้แก่ผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ก็ตาม) ก็เหมือนกับการจำกัด
เพดานการกู้ของบริษัท ไม่ให้มากเกินไปนั่นเอง(แต่สามเท่าของทุนมันก็มากอยู่)

ส่วนความเสี่ยงที่จะจ่ายคืนเจ้าหนี้ได้ไม่ได้คงต้องขึ้นกับการบริหารจัดการแล้ว
อยู่ที่ความโง่ฉลาดวิสัยทัศน์ผู้บริหารมากกว่าความพอเพียง คงเอาหลักเศรษฐกิจ
พอเพียงมาอธิบายได้แค่นี้ เพราะมันยากที่จะอธิบายชัดๆ หวังว่าคงอ่านเข้าใจ

เฉพาะสินทรัพย์ก็มากกว่าหนี้สินไม่ใช่เหรอคะ ขายสมบัติใช้หนี้จนเกลี้ยงยังเหลือเงินไม่ใช่เหรอ ใครบอกว่าล้มละลายแล้วต้องขายตัว D/E สูงเกือบสองเท่าก็จริงแต่ดูสินทรัพย์ที่มีอยู่สิ มันสูงกว่ามูลหนี้นะคะ ไม่ใช่บริษัทที่กลวงโบ๋ สินทรัพย์ก็ไม่มี เช่าเค้าทุกอย่าง 


http://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=highlight&symbol=scc&language=th&country=TH
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2007, 14:40 โดย แอ่นแอ๊น » บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
หน้า: 1 [2] 3
    กระโดดไป: