ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 23:35
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ผมอยากเข้าใจระบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ รบกวนคุณชอบแถ ช่วยมาบรรยาย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 2 [3]
ผมอยากเข้าใจระบบเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ รบกวนคุณชอบแถ ช่วยมาบรรยาย  (อ่าน 13551 ครั้ง)
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #100 เมื่อ: 19-03-2007, 14:54 »

“โชค บูลกุล” เจ้าของอาณาจักรฟาร์มโชคชัย แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งยึดแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการบริหารองค์กรจนประสบความสำเร็จอย่างสูง จากแนวคิดที่ถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆ และเมื่อไม่นานมานี้ นักธุรกิจหนุ่ม ได้ร่วมสัมมนาในหัวข้อ “ตีโจทย์เศรษฐกิจพอเพียง ลดความเสี่ยงเอสเอ็มอี” เพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบการ SMEs รายอื่นๆ นำไปประยุกต์ปฏิบัติ
       
       ** เศรษฐกิจพอเพียง คือ สติ **
       
       “ในความหมายของผม เศรษฐกิจพอเพียง คือ การใช้สติ ผมคิดว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ต้องไปขยายความให้มากเกินไป คนเราเกิดมาต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า โอกาส และสติปัญญา ความสามารถ อาจไม่เท่ากัน แต่ผมคิดว่า คนที่จะสามารถเอาชนะเหตุการณ์ที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้างนั้น คือ คนที่รู้จักใช้สติ รู้จักปรับหาความสมดุลว่า เมื่อไรควรทำอะไร”


หมอนี่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนได้พบกับแฟนคนนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจมาก เพราะเป็นนักข่าวธรรมด๊า ธรรมดา แต่ใช้กระเป๋าแบรนด์เนม ใส่รองเท้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าก็แบรนด์เนม ปากกายังแบรนด์เนม เลยคิดว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เลยจีบซะ

ดูแล้วพี่โคตรจะพอเพียงเลยนะครับเนี่ย พี่ครับ....


 
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #101 เมื่อ: 19-03-2007, 19:01 »

เฉพาะสินทรัพย์ก็มากกว่าหนี้สินไม่ใช่เหรอคะ ขายสมบัติใช้หนี้จนเกลี้ยงยังเหลือเงินไม่ใช่เหรอ ใครบอกว่าล้มละลายแล้วต้องขายตัว D/E สูงเกือบสองเท่าก็จริงแต่ดูสินทรัพย์ที่มีอยู่สิ มันสูงกว่ามูลหนี้นะคะ ไม่ใช่บริษัทที่กลวงโบ๋ สินทรัพย์ก็ไม่มี เช่าเค้าทุกอย่าง 

ไม่ใช่แค่นั้นนะครับคุณแอ่นแอ๊น เพราะคุณชอบแถเขามองหนี้สินทั้งหมดเป็นยอดเงินกู้อีกต่างหาก
ไม่ได้แยกเลยว่าอะไรเป็นหนี้สินหมุนเวียน ไม่หมุนเวียน เป็นเงินกู้ระยะยาวเท่าไหร่ ระยะสั้นเท่าไหร่
และไม่ได้เทียบกำไรประจำปี และกำไรสะสม

สุดท้ายลากเอาเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ไปจับกับเรื่องที่ควรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า
วนเวียนอยู่กับเรื่องสัดส่วน 1/4 ที่สรุปเอง แล้วพยายามเอาไปเทียบสัดส่วนกับยอดในงบการเงิน
ที่คุณชอบแถก็อ่านมาผิดๆ ตั้งแต่แรกอีก

เห็นแล้วไม่รู้จะคุยยังไงกับแกดีเพราะเข้ารกเข้าพงเหลือเกิน จะเตลิดเปิดเปิงออกนอกประเด็นไปใหญ่
ก็เลยเลือกคุยประเด็น ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนน่ะครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2007, 19:04 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #102 เมื่อ: 19-03-2007, 19:08 »

เห็นคุณชอบแถพูดถึงคนแม่นข้อมูล (ไม่รู้หมายถึงตัวเองหรือเปล่า) ยังไงก็ตามลิงค์กลับไปดูใหม่นะครับ
แล้วลองสรุปมาอีกที ว่าตกลงยอดเงินกู้เป็นเท่าไหร่แน่ ถึงแสนสามหมื่นล้านหรือเปล่าครับ?

http://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=finance&symbol=scc&language=th&country=TH
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #103 เมื่อ: 19-03-2007, 20:39 »

ดูงบดุลกันเป็นหรือเปล่า ถ้ามีส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าอยู่ หนี้สินมันจะมากกว่าสินทรัพย์ไปได้ยังไง
จะกู้หรือเป็นหนี้สินใดๆ ก็ตามหมายความว่าต้องใช้คืน จะรู้ได้อย่างไรว่าสินทรัพย์ปัจจุบันจะไม่ด้อย
ค่าจนไม่สามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้ เช่น พวกลูกหนี้ต่างๆ การใช้สามห่วงที่นักวิชาการสรุปให้กว้างกว่า
พระราชดำรัส ยิ่งบอกไม่ได้เข้าไปใหญ่ว่า กู้เท่าไหร่พอ กลับไปอ่านพระราชดำรัสยังชัดเจนเสียกว่า
เยอะ เมื่อบอกไม่ได้ก็ใช้จินตนาการส่วนตัวว่าแค่นี้พอประมาณ มีเหตุมีผล ไม่เสี่ยง สุดท้ายก็ต้องไป
พึ่งตำราฝรั่งว่าด้วย risk management อีก ไม่รู้จะเรียกพอเพียงอย่างไรแล้ว ขนาดในปรัชญาเองยัง
ไม่พอเพียงที่จะอธิบาย ต้องไปพึ่งตำราอื่น กลับไปอ่านพระราชดำรัสเสียเถอะ อย่างน้อยยังมีตัวเลข
กำหนดขอบเขตที่ยังบอกอะไรได้มั่ง
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #104 เมื่อ: 19-03-2007, 21:22 »

ดูงบดุลกันเป็นหรือเปล่า ถ้ามีส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าอยู่ หนี้สินมันจะมากกว่าสินทรัพย์ไปได้ยังไง
จะกู้หรือเป็นหนี้สินใดๆ ก็ตามหมายความว่าต้องใช้คืน จะรู้ได้อย่างไรว่าสินทรัพย์ปัจจุบันจะไม่ด้อย
ค่าจนไม่สามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้ เช่น พวกลูกหนี้ต่างๆ การใช้สามห่วงที่นักวิชาการสรุปให้กว้างกว่า
พระราชดำรัส ยิ่งบอกไม่ได้เข้าไปใหญ่ว่า กู้เท่าไหร่พอ กลับไปอ่านพระราชดำรัสยังชัดเจนเสียกว่า
เยอะ เมื่อบอกไม่ได้ก็ใช้จินตนาการส่วนตัวว่าแค่นี้พอประมาณ มีเหตุมีผล ไม่เสี่ยง สุดท้ายก็ต้องไป
พึ่งตำราฝรั่งว่าด้วย risk management อีก ไม่รู้จะเรียกพอเพียงอย่างไรแล้ว ขนาดในปรัชญาเองยัง
ไม่พอเพียงที่จะอธิบาย ต้องไปพึ่งตำราอื่น กลับไปอ่านพระราชดำรัสเสียเถอะ อย่างน้อยยังมีตัวเลข
กำหนดขอบเขตที่ยังบอกอะไรได้มั่ง

อย่างนั้นเหรอครับ .. แล้วตกลงคุณชอบแถอ่านงบดุลแล้ว ได้ความว่าเขากู้เงินกี่บาทครับ?

เรื่อง 3 ห่วงน่ะคุณชอบแถเรียกจนกุดด้วนหมดแล้ว เขาบอกว่า "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ครับ
และที่คุณสรุป "บอกไม่ได้ว่า กู้เท่าไหร่พอ" ก็ไม่ไปดู 2 เงื่อนไขล่ะครับ คือ ความรู้ กับ
คุณธรรม การจะ พอประมาณได้ มีเงื่อนไขคือต้องมี "ความรู้" ก่อนไงครับถึงจะพิจารณาได้-
ว่าตรงไหนคือระดับที่พอประมาณกับองค์กร และการพอประมาณนั้นๆ ถ้าไร้ซึ่ง "คุณธรรม"
ก็อาจกลายเป็นสร้างความเบียนเบียนให้คนอื่น และการที่คุณเรียกการมี "ภูมิคุ้มกัน" เป็น
"ไม่เสี่ยง" ก็ไม่ค่อยตรงเท่าไหร่หรอกนะครับ มีหรือครับอะไรที่ไม่เสี่ยงจริงๆ

แต่ก่อนอื่นนะครับ คุณตอบมาก่อนว่าอ่านงบดุลแล้ว ตกลงยอดเงินกู้เป็นกี่บาทแน่ครับ
คุณชอบแถลองตอบมา แล้วเราจะได้คุยกันต่อนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2007, 21:23 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #105 เมื่อ: 19-03-2007, 21:40 »

แถมอีกหน่อย..

เรื่องการใช้ Risk Management หรือหลักวิชาอะไรก็ตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระบุไว้ว่า

"จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน"


ไม่ได้มีการระบุไว้ตรงไหนนะครับว่าห้ามเอาหลักวิชาการสมัยใหม่มาใช้ แต่กลับระบุว่าให้นำมาใช้
โดยอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง

ยิ่งคุยกันไปผมว่าการเก็บแต่ บางคำบางประโยค จากพระราชดำรัส 3 ปีมาตีความของคุณชอบแถ
โดยไม่นำเอาสาระสำคัญใน "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาร่วมพิจารณาด้วย ยิ่งเป็นการชัดเจน
ว่าทำให้การตีความ เศรษฐกิจพอเพียง ผิดเพี้ยนไปจากที่ควรนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2007, 22:04 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #106 เมื่อ: 20-03-2007, 01:40 »

บอกว่า หนี้สิน 130,000 ล้านบาท จะกู้วิธีไหนก็แล้วแต่ สรุปว่ากู้=สร้างหนี้เอาไว้ 130,000 ล้านบาท
ไม่ได้บอกว่า กู้เงินนะ แต่งเองหรือเปล่า

สามห่วงสองเงื่อนไข สองเงื่อนไขนี้มันธรรมดาชาวโลก อะไรก็ต้องใช้ความรู้ทั้งนั้น ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
ไม่ต้องท่องออกมาก็ได้หรอก เหมือนคนมีสองขา เป็นเรื่องปกติ ไม่บอกก็รู้ ส่วนเรื่องคุณธรรม พระราช
ดำรัสนะครับ จะไม่มีได้ไง ก็ละได้อีก เหลือแต่สามห่วง จริงๆ ก็เรื่องธรรมดา พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิ
คุ้มกัน สรุปเหลือนิดเดียวแต่กว้างเป็นมหาสมุทร อะไรก็เข้าเงื่อนไขได้หมด ก็คิดว่าสามห่วงเป็นเรียกชื่อ
ย่อของฉบับนั้นแล้วกันนะ จะได้ไม่ต้องอ้างอิงยาวๆ

ฉบับสามห่วงนั่นแหละเป็นฉบับที่ความหมายกว้างทำให้กำหนดนโยบายอะไรไม่ได้เลย ต้องเป็นความคิด
ของพวกนักวิชาการสภาพัฒน์เป็นแน่แท้ ที่กลัวตีความผิด เลยสรุปให้กว้างไว้ก่อน พอในทางปฏิบัติไม่
สามารถกำหนดขอบเขตได้ ก็เลยนำมาผสมกับทฤษฎีใหม่ ออกมางง อย่างไรเสีย พระราชดำรัสต้นฉบับ
ยังนำไปใช้ได้ง่ายกว่าเยอะ โดยไม่ต้องตีความนะ ตามตัวอักษรเลยเป๊ะ

คุณชอบแถครับ คุณน่ะอ่านงบการเงินผิดแล้วผิดอีกแล้วยังดันทุรังไปเรื่อยๆ
ผมว่ามันน่าอายมากว่ายอมรับตรงๆ ว่าอ่านงบผิดอีกนะครับ เราคงไม่ต้องคุย-
เกียวกับบริษัทปูนซิเมนต์ต่อไปแล้ว เพราะหาสาระประโยชน์อะไรต่อไปไม่ได้

ส่วนเรื่อง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก็ต้องยึดถือเป็นเอกสารสำคัญ
เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ที่ได้ทรงตรวจแก้ไข และพระราชทานลงมา
อย่างเป็นทางการตามหลักฐานเอกสาร จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้

---

พฤติกรรมของคุณชอบแถในกระทู้นี้ ที่พยายามบิดเบือนฐานะความสำคัญ
ของเอกสารที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและพระราชทานลงมา ว่าเป็นเพียง
เอกสารที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นด้วยความคิดของตัวเอง  รวมทั้งอุกอาจถึงขนาด
คาดเดาไปว่าไม่ได้ทรงสรุป และเรียบเรียงใหม่ หรือทรงวินิจฉัยเพียงแค่
ไม่ขัดต่อหลักการ ทั้งที่มีเอกสารระบุชัดเจน ครอบคลุมเนื้อความทั้งหมด
ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคุณยังดูหมิ่นเนื้อความในเอกสารด้วย

ทั้งหมดที่คุณทำหมิ่นเหม่จะเป็นการก้าวล่วงพระบรมราชวินิจฉัยทั้งสิ้น
ซึ่งชัดแจ้งแล้วว่าหากจะถกเถียงอะไรในเรื่องนี้กับคุณต่อไปก็คงไม่เกิด
ประโยชน์ใดๆ รังแต่จะเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่
ไม่บังควรอย่างยิ่ง

ผมจึงขอยุติการถกเถียงเกี่ยวกับเอกสาร "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
กับคุณชอบแถไว้แต่เพียงนี้  โดยที่ผ่านมาผมได้ใช้ความพยายามอย่าง
เต็มสติกำลัง เพื่อชี้ให้เห็นที่มาและความสำคัญของเอกสารพระราชทาน
ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ขอทุกท่านในที่นี้โปรดใช้วิจารณญาณพิจารณา


---

และจากกระทู้นี้ทำให้ผมมีความคิดที่จะเรียบเรียงบทความสักบทหนึ่ง
เกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียงกับการแก้ปัญหาการเมืองไทย หากสามารถ
เขียนขึ้นได้สำเร็จ และผมพิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์ก็จะนำมาเผยแพร่
ในเสรีไทยเว็บบอร์ดต่อไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2007, 02:24 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #107 เมื่อ: 20-03-2007, 01:56 »


และจากกระทู้นี้ทำให้ผมมีความคิดที่จะเรียบเรียงบทความสักบทหนึ่ง
เกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียงกับการแก้ปัญหาการเมืองไทย หากสามารถ
เขียนขึ้นได้สำเร็จ และผมพิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์ก็จะนำมาเผยแพร่
ในเสรีไทยเว็บบอร์ดต่อไปครับ


พี่จีรศักดิ์คะ

เอาส่งลงในหนังสือครบรอบ 1 ปีเวบสิคะ พลีสสสส

ที่หนูเคยเขียน pm ไปขอบทความพี่น่ะค่ะ

อยากให้ิพี่จีรศักดิ์ เขียนบทความลงหนังสือที่กำลังจะทำกันน่ะค่ะ

แหะๆ หนูถือโอกาส กระทู้นี้เลยยยย


 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #108 เมื่อ: 20-03-2007, 02:03 »

พี่จีรศักดิ์คะ

เอาส่งลงในหนังสือครบรอบ 1 ปีเวบสิคะ พลีสสสส

ที่หนูเคยเขียน pm ไปขอบทความพี่น่ะค่ะ

อยากให้ิพี่จีรศักดิ์ เขียนบทความลงหนังสือที่กำลังจะทำกันน่ะค่ะ

แหะๆ หนูถือโอกาส กระทู้นี้เลยยยย[/color]

 

ตามที่บอกไว้ครับ คุณเก็ตถวา

ถ้าผมเขียนได้สำเร็จและพิจารณาว่าจะมีประโยชน์ก็จะนำมาเผยแพร่ 
ที่ชวนให้เขียนบทความ ผมจะส่งให้ทีม บก. พิจารณาก่อนแล้วกันครับ

แต่ไม่ว่าได้ลงหนังสือหรือเปล่า ก็จะนำมาลงที่เสรีไทยเว็บบอร์ดแน่ๆ
เพียงแต่เป็นบทความที่เขียนยาก ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีพอลงหนังสือไหม

ก็ขอเวลาสักหลายๆ วันนะครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #109 เมื่อ: 20-03-2007, 02:10 »



ขอบคุณที่สุดค่ะ

แค่พี่จีรศักดิ์บอกว่าจะเขียน ก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ


 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #110 เมื่อ: 20-03-2007, 07:53 »


---

พฤติกรรมของคุณชอบแถในกระทู้นี้ ที่พยายามบิดเบือนฐานะความสำคัญ
ของเอกสารที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและพระราชทานลงมา ว่าเป็นเพียง
เอกสารที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นด้วยความคิดของตัวเอง  รวมทั้งอุกอาจถึงขนาด
คาดเดาไปว่าไม่ได้ทรงสรุป และเรียบเรียงใหม่ หรือทรงวินิจฉัยเพียงแค่
ไม่ขัดต่อหลักการ ทั้งที่มีเอกสารระบุชัดเจน ครอบคลุมเนื้อความทั้งหมด
ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคุณยังดูหมิ่นเนื้อความในเอกสารด้วย

ทั้งหมดที่คุณทำหมิ่นเหม่จะเป็นการก้าวล่วงพระบรมราชวินิจฉัยทั้งสิ้น
ซึ่งชัดแจ้งแล้วว่าหากจะถกเถียงอะไรในเรื่องนี้กับคุณต่อไปก็คงไม่เกิด
ประโยชน์ใดๆ รังแต่จะเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่
ไม่บังควรอย่างยิ่ง

ผมจึงขอยุติการถกเถียงเกี่ยวกับเอกสาร "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
กับคุณชอบแถไว้แต่เพียงนี้  โดยที่ผ่านมาผมได้ใช้ความพยายามอย่าง
เต็มสติกำลัง เพื่อชี้ให้เห็นที่มาและความสำคัญของเอกสารพระราชทาน
ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ขอทุกท่านในที่นี้โปรดใช้วิจารณญาณพิจารณา


---

และจากกระทู้นี้ทำให้ผมมีความคิดที่จะเรียบเรียงบทความสักบทหนึ่ง
เกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียงกับการแก้ปัญหาการเมืองไทย หากสามารถ
เขียนขึ้นได้สำเร็จ และผมพิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์ก็จะนำมาเผยแพร่
ในเสรีไทยเว็บบอร์ดต่อไปครับ


..ขอสนับสนุนให้คุณ jerasak เขียนบทความ 
เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงด้วยอีกคนค่ะ ข้าพเจ้าเชื่อว่า
การเผยแพร่แนวพระราชดำริในแนวทางอันจะก่อให้เกิด
ความเข้าใจและการนำไปปฏิบัติเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง
..ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับบทความดังกล่าว 
และขอบคุณในความคิดเห็นที่มากด้วยสาระ +ให้ความรู้ในกระทู้นี้ค่ะ


บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #111 เมื่อ: 20-03-2007, 12:08 »

ความรู้แค่นี้ คำว่าหนี้สินในงบดุลยังไม่รู้เลย คงเขียนได้แต่หนังสือนั่นแหละเหมาะแล้ว


กลัวติดคุกจัง
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #112 เมื่อ: 20-03-2007, 12:34 »

ส่วนเรื่อง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก็ต้องยึดถือเป็นเอกสารสำคัญ
เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ที่ได้ทรงตรวจแก้ไข และพระราชทานลงมา
อย่างเป็นทางการตามหลักฐานเอกสาร จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้

---

พฤติกรรมของคุณชอบแถในกระทู้นี้ ที่พยายามบิดเบือนฐานะความสำคัญ
ของเอกสารที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและพระราชทานลงมา ว่าเป็นเพียง
เอกสารที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นด้วยความคิดของตัวเอง  รวมทั้งอุกอาจถึงขนาด
คาดเดาไปว่าไม่ได้ทรงสรุป และเรียบเรียงใหม่ หรือทรงวินิจฉัยเพียงแค่
ไม่ขัดต่อหลักการ ทั้งที่มีเอกสารระบุชัดเจน ครอบคลุมเนื้อความทั้งหมด
ในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคุณยังดูหมิ่นเนื้อความในเอกสารด้วย

ทั้งหมดที่คุณทำหมิ่นเหม่จะเป็นการก้าวล่วงพระบรมราชวินิจฉัยทั้งสิ้น
ซึ่งชัดแจ้งแล้วว่าหากจะถกเถียงอะไรในเรื่องนี้กับคุณต่อไปก็คงไม่เกิด
ประโยชน์ใดๆ รังแต่จะเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่
ไม่บังควรอย่างยิ่ง


คุณ jerasak คะ
เท่าที่อ่านมา เห็นว่าที่ขัดแย้งกันประการสำคัญเรื่องหนังสือดังกล่าวนั้น
อยู่ที่ความเชื่อถือและการให้น้ำหนักของ “ที่มา”
เข้าใจว่าคุณ ชอบแถ เห็นว่าเนื้อหา “ไม่ตรง” (กว้างกว่า)
กับที่ทรงมีพระราชดำรัสไว้ จึงสงสัยว่า
อาจมีการผิดเพี้ยนไปในขั้นตอนการเรียบเรียง
โดยคณะบุคคลที่จัดทำ อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน
และแม้คุณ jerasak แสดงหลักฐานเป็นเอกสาร
ประกอบความว่าได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาแล้ว
เขายังติดใจว่าอาจ มิได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยโดยละเอียดจริง
ซึ่งก็เป็นเพียงความสงสัยส่วนตัวที่มนุษย์จะมีได้

ขอชี้แจงตามความเข้าใจที่ได้ติดตามมาว่า
(ถูกหรือผิดไม่ทราบนะคะ เพราะมิใช่เจ้าตัว)
เมื่อมีเนื้อหา “ไม่ตรง”
เขาเลือกจะเชื่อที่ได้ยินจากพระโอษฐ์
มากกว่าเอกสารที่แสดงว่ามีพระบรมราชวินิจฉัย
หากจะตีความว่าสงสัยหรือหมิ่น
ก็เพียงตัวท่านราชเลขาธิการ
กรุณาอย่าตีความให้เกินเลยเป็นอื่น
มิฉะนั้นหากคิดในทางกลับกัน
ผู้อื่นก็อาจกล่าวหาว่า
คุณ jerasak ยึดถือหนังสือฉบับนั้น
มากกว่าพระราชดำรัสก็เป็นได้
แม้ว่าแท้จริงคุณเพียงแต่ให้น้ำหนักเสมอกัน
ด้วยความเชื่อถือในคณะผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #113 เมื่อ: 20-03-2007, 12:40 »

เฮ้อ.. พี่แถ เอ๊ยยย พี่แถ  


(เอ๊ะ มันไม่มีไอคอนส่ายหน้าเหรอคะนี่ ไม่ได้อารมณ์เลย)
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #114 เมื่อ: 20-03-2007, 13:08 »

ไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะตรวจเอกสารเพียงผ่านตา ผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดเคยถวายงาน ย่อมทราบว่า พระองค์่ท่านมีความถี่ถ้วนเป็นอย่างยิ่ง เอกสารที่รวมรวมแนวคิดที่ทำถวาย ไม่น่าจะแค่ผ่านเลยไป แม้แต่รูปวาดช้างที่เคยมีคนถวายให้ทอดพระเนตรยังทรงแนะนำติติงแก้ไขว่าทำอย่างไร ไม่ให้ช้างนั้นดูดุดันเกินไป จนเสียบุคลิกภาพของสัตว์ประจำชาติ

แอนว่า แค่เพียงเท่านี้ แอนก็อาจเอื้อมมากพอแล้ว 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #115 เมื่อ: 20-03-2007, 13:42 »

คุณ jerasak คะ
เท่าที่อ่านมา เห็นว่าที่ขัดแย้งกันประการสำคัญเรื่องหนังสือดังกล่าวนั้น
อยู่ที่ความเชื่อถือและการให้น้ำหนักของ “ที่มา”
เข้าใจว่าคุณ ชอบแถ เห็นว่าเนื้อหา “ไม่ตรง” (กว้างกว่า)
กับที่ทรงมีพระราชดำรัสไว้ จึงสงสัยว่า
อาจมีการผิดเพี้ยนไปในขั้นตอนการเรียบเรียง
โดยคณะบุคคลที่จัดทำ อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน
และแม้คุณ jerasak แสดงหลักฐานเป็นเอกสาร
ประกอบความว่าได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาแล้ว
เขายังติดใจว่าอาจ มิได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยโดยละเอียดจริง
ซึ่งก็เป็นเพียงความสงสัยส่วนตัวที่มนุษย์จะมีได้

ขอชี้แจงตามความเข้าใจที่ได้ติดตามมาว่า
(ถูกหรือผิดไม่ทราบนะคะ เพราะมิใช่เจ้าตัว)
เมื่อมีเนื้อหา “ไม่ตรง”
เขาเลือกจะเชื่อที่ได้ยินจากพระโอษฐ์
มากกว่าเอกสารที่แสดงว่ามีพระบรมราชวินิจฉัย
หากจะตีความว่าสงสัยหรือหมิ่น
ก็เพียงตัวท่านราชเลขาธิการ
กรุณาอย่าตีความให้เกินเลยเป็นอื่น
มิฉะนั้นหากคิดในทางกลับกัน
ผู้อื่นก็อาจกล่าวหาว่า
คุณ jerasak ยึดถือหนังสือฉบับนั้น
มากกว่าพระราชดำรัสก็เป็นได้
แม้ว่าแท้จริงคุณเพียงแต่ให้น้ำหนักเสมอกัน
ด้วยความเชื่อถือในคณะผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท


ขอตอบความเห็นของคุณ snowflake เพื่อความชัดเจนนะครับ


คุณ snowflake จับประเด็นได้เหมือนกับผมตามข้อความของคุณที่ว่า

"เขายังติดใจว่าอาจ มิได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยโดยละเอียดจริง"

ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้ผมเห็นสมควรที่จะต้องยุติการถกเถียงต่อไป
เพราะถ้าคุณชอบแถยืนยันตามนั้น เท่ากับกล่าวหาพระเจ้าอยู่หัวนะครับ
และนั่นคือการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ส่วนความเห็นอีกส่วนของคุณ snowflake ที่ว่า

"หากจะตีความว่าสงสัยหรือหมิ่น ก็เพียงตัวท่านราชเลขาธิการ"

นั่นไม่สอดคล้องกับความเห็นที่ปรากฏมาทั้งหมดครับ เพราะความเห็น
ทั้งหมดเท่าที่ผ่านมาในกระทู้ ไม่เคยมีการกล่าวถึงราชเลขาธิการเลย
เป็นการติดใจสงสัยของคุณชอบแถใน "พระบรมราชวินิจฉัย" โดยตรง

คุณ snowflake เป็นคนแรกที่วิจารณ์ถึงราชเลขาธิการในกระทู้นี้ครับ


สุดท้ายผมยอมรับว่าให้ความเชื่อถือคณะผู้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
มากกว่าความเห็นที่หมิ่นเหม่ของคุณชอบแถ เนื่องจากทุกท่านมีชื่อเสียง
มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เป็นที่รู้จักของสังคม และผมเชื่อถือว่า
ท่านเหล่านั้นมีความจงรักภักดีและได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยครับ

สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้ควรไม่ควร
ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องระมัดระวังพิจารณา


ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพจริง แต่ไม่ใช่ไม่มีขอบเขตครับคุณ snowflake
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2007, 13:55 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #116 เมื่อ: 20-03-2007, 13:49 »

เฮ้อ !!!

 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #117 เมื่อ: 20-03-2007, 13:53 »

มาเพิ่มเติมว่า
ในหลวงท่านมีน้ำพระราชหฤทัยกว้างขวาง
มีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าโดยเสมอหน้า
ไม่นำพาเอาความกับการถกเถียงหรือพูดถึงพระองค์ท่าน
แม้แต่คดีหมิ่นที่ปรากฏก็ทรงมีพระราชปรารภให้เลิกแล้วต่อกัน
ดังพระราชดำรัสในวันเฉลิมฯ ปี 48

พวกที่ขยันแอบอ้างเอาพระเดชพระคุณพระเกียรติ
มาใช้ฟาดฟันทำร้ายทำลายศัตรูทางการเมือง
ควรละอายแก่ใจบ้าง ที่ทำให้เสื่อมพระบารมี

การท้วงติงถึงความสมควรในการแสดงความเห็นของคุณชอบแถ
และการขอยุติการถกเถียงครั้งนี้ เป็นการแสดงความเห็นของผมเอง
ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับน้ำพระทัยของพระองค์ท่านนะครับ

...

ข้อความ "ทำให้เสื่อมพระบารมี" ก็ไม่สมควรนำมาใช้นะครับคุณ snowflake

เป็นการแสดงความเห็นทักท้วงของผมเองเช่นเดียวกัน
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #118 เมื่อ: 20-03-2007, 16:18 »

ถ้าไม่ดันกำหนดเป็นนโยบายรัฐบาล จะแปลอย่างไรก็ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลแล้ว
ก็ควรจะวิจารณ์ได้ หรือว่าเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จห้ามวิจารณ์นโยบาย แต่อย่างไรก็ตามจะวิจารณ์
ซะอย่างเพราะไม่กลัว กลับมาเรื่องสามห่วงก่อน ถ้าอ่านเข้าใจง่ายและรู้เรื่องคงไม่ต้องมีกระทู้นี้
ผู้ที่หาหลักฐานมายกระดับสามห่วงให้น่าเชื่อถือเท่าเทียมพระราชดำรัสก็ไม่สามารถอธิบายอะไร
ได้มากกว่าเดิม บอกว่านี่นะทรงวินิจฉัยจริงๆ แตะต้องไม่ได้ ถ้าอ่านรู้เรื่องก็แล้วไป

ทางสายกลาง ----> พอเพียงหมายถึงอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ไม่มาก ไม่น้อย
พอประมาณ ------> กับพอเพียงต่างกันตรงไหน
มีเหตุผล ----------> จะตั้งปรัชญาอะไรไม่มีเหตุผลได้เล่า
สร้างภูมิคุ้มกัน ----> ดูดีสุดในทุกข้อ แต่ข้อเดียวจะบอกอะไรได้
เงื่อนไขความรู้ ----> อะไรบ้างไม่ต้องใช้ความรู้
เงื่อนไขคุณธรรม --> ถ้าไม่บอกว่าใช้คุณธรรม จะมีกี่คนคิดว่าไม่ใช้ โดยเฉพาะที่มาจากพระราชดำรัส

ใครอ่านแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งกระจ่างก็ว่ามาเลย อธิบายแบบแปลความหมายคำว่าพอเพียงไม่ต้องมาพูด
เพราะใครๆ ก็รู้ แต่ให้บอกว่าเอามาใช้ยังไงโดยไม่ต้องจินตนาการขอบเขตของความพอเพียง ใบ้ครับจบ


โลโก้ กล่องออมทรัพย์ พอเพียง
บันทึกการเข้า
Upasaka
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57



« ตอบ #119 เมื่อ: 20-03-2007, 19:38 »

คู่มือมนุษย์ พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาส)

   แม้พุทธศาสนาตัวแท้ก็ยังมีหลายแง่หลายมุม ที่จะทำให้เกิดการจับฉวยเอาไม่ถูกความหมาย
ที่แท้ของพระพุทธศาสนาก็ได้
   ถ้ามองด้วยสายตาของนักศีลธรรม ก็จะเห็นว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งศีลธรรม(Moral)
เพราะมีกล่าวถึงบุญบาป ความซื่อตรง ดีชั่ว ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคี ความเป็นคนที่เปิดเผย
ตัวเอง และอะไรต่างๆ อีกมากมาย ล้วนแต่มีอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งนั้น แม้ชาวต่างประเทศก็มองดู
ในส่วนนี้อยู่มากหรือว่าชอบพุทธศาสนาเพราะเหตุนี้ก็มีอยู่มาก

   พุทธศาสนาอีกส่วนหนึ่ง สูงขึ้นไปเป็นสัจจธรรม (Truth) คือ กล่าวถึงความจริงที่ลึกซึ้งเร้นลับ
นอกเหนือไปกว่าที่คนธรรมดาสามัญจะเห็นได้ ส่วนนี้ก็ได้แก่ความรู้เรื่องความว่างเปล่าของสรรพสิ่งทั้งปวง
(สุญยตา) เรื่องความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความเป็นทุกข์(ทุกขัง) ความไม่ใช่ตัวตน(อนัตตา)
หรือเรื่องการเปิดเผยว่าทุกข์เป็นอย่างไร เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไร ความดับสนิทของทุกข์เป็นอย่างไร
และวิธีปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์เป็นอย่างไร ในฐานะเป็นความจริงอันเด็ดขาดที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (อริยสัจจ์)
ซึ่งทุกคนควรจะต้องรู้ นี้เรียกว่าพุทธศาสนาในฐานะเป็นสัจจธรรม

   พุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นศาสนา (Religion) คือส่วนที่เป็นตัวระเบียบปฏิบัติ ซึ่งได้แก่ ศีล
สมาธิ ปัญญา กระทั่งผลที่เกิดขึ้นคือความหลุดพ้น และปัญญาที่รู้เห็นความหลุดพ้น ว่าเมื่อใครปฏิบัติแล้ว
จะหลุดพ้นไปจากความทุกข์ได้จริง นี่เรียกว่า พุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นศาสนา

   เรายังมี พุทธศาสนาในเหลี่ยมที่เป็นจิตวิทยา (Psychology)เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎกภาคสุดท้าย
กล่าวถึงลักษณะของจิตไว้กว้างขวางอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด เป็นที่งงงันและน่าสนใจแก่นักศึกษาทางจิต
แม้แห่งยุคปัจจุบัน เป็นความรู้ทางจิตวิทยาที่จะอวดได้ว่าแยบคายหรือลึกลับกว่าความรู้ทางจิตวิทยา
ของโลกปัจจุบันไปเสียอีก

   พุทธศาสนายังมีเหลี่ยมความรู้ซึ่งจัดได้ว่าเป็นปรัชญา (Philosophy) คือสิ่งที่ทดลองไม่ได้
ยังต้องอาศัยการคำนึงคำนวณไปตามหลักแห่งการใช้เหตุผลแห่งการคำนึงคำนวณระบอบหนึ่ง
แต่ถ้าเห็นแจ้งประจักษ์ได้ด้วยตา หรือด้วยการพิสูจน์ทดลองตามทางวัตถุ หรือแม้เห็นชัดด้วย "ตาใน"
คือญานจักษุก็ตาม เรียกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ (Science) ได้ ความรู้อันลึกซึ้ง เช่น เรื่องสุญญตาย่อม
เป็นปรัชญาสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุธรรมไปพลางก่อน แต่จะกลายเป็นวิทยาศาสตร์ทันทีสำหรับผู้ที่
บรรลุธรรมแล้ว เช่น พระอรหันต์ เพราะท่านได้เห็นแจ้งประจักษ์แล้วด้วยจิตใจของท่านเองไม่ต้อง
คำนึงคำนวณตามเหตุผล

หลักพระพุทธศาสนาบางประเภท ก็เป็นวิทยาศาสตร์ โดยส่วนเดียว เพราะพิสูจน์ได้ชัดแจ้งด้วย
ความรู้สึกภายในใจของผู้มีสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอริยสัจจ์เป็นต้น ถ้าผู้ใดมีสติปัญญา
สนใจศึกษาค้นคว้าแล้วจะมีเหตุผลแสดงอยู่ในลักษณะที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มืดมัวเป็นปรัชญา
เหมือนอย่างบางเรื่อง...
...
...
พุทธศาสนาเหลี่ยมซึ่งชาวพุทธจะต้องสนใจที่สุด นั้นคือเหลี่ยมที่เป็นศาสนา
ซึ่งหมายถึงวิธีปฏิบัติโดยรวบรัด เพื่อให้รู้ความจริงว่าสิ่งทั้งปวงเป็นอะไร
การกระทำเช่นนี้เรียกว่า เราเข้าถึงตัวพระพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนา
มีผลดียิ่งไปกว่าที่จะถือเป็นเพียงศีลธรรมขั้นพื้นฐาน และสัจจธรรมอันเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งอย่างเดียว
โดยไม่ปฏิบัติอะไร และเป็นผลดีกว่าที่จะถือเป็นปรัชญา ที่มีไว้คิดไว้นึกไว้เถียงกันอย่างสนุกๆ
แล้วไม่ละกิเลสอะไรได้ หรือดีกว่าที่จะถือเป็นเพียงวัฒนธรรมสำหรับการประพฤติที่ดีงาม
น่าเลื่อมใสในด้านสังคมแต่อย่างเดียว...



เมื่อพิจารณาด้วย กุศลจิต จะมองจากเศรษฐกิจพอเพียงแง่มุมไหนก็ให้ได้ประโยชน์เถิด
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #120 เมื่อ: 20-03-2007, 21:42 »

รู้สึกเศร้าใจกับทิศทางที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
กับการกระทำที่ทำให้คุณพ่อใจดีที่ทุกคนเคารพรัก
กลายเป็นคุณพ่อที่ต้องเกรงกลัวและเอื้อมไม่ถึง
ของคนบางพวกที่ผูกขาดความจงรักภักดี

 
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #121 เมื่อ: 20-03-2007, 22:00 »

เมื่อพิจารณาด้วย กุศลจิต จะมองจากเศรษฐกิจพอเพียงแง่มุมไหนก็ให้ได้ประโยชน์เถิด

เฮ้อ ...
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
RONALDO
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 684


ไม่มีใคร ทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยได้ หากเราไม่ยินยอม


« ตอบ #122 เมื่อ: 27-03-2007, 23:52 »

ใครๆก็ขอพระราชานุญาติหยิบยก พระราชดำรัสมาเผยแพร่ได้ แต่ จขกท.นั้นอยากจะฟังจากความคิดของคนที่เขาอยากให้อธิบายมากกว่าโดยไม่ต้อง ไปหยิบยกพระราขดำรัสให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท

เอาตามความคิดคุณสิครับ และอย่าท่องจำ นั่นแหละจะน่ายกย่องถ้าคุณกลั่นออกมาจากใจและปฏิบัติอยู่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องใช้คำให้วิจิตร หรอก แค่คุณกลั่นออกมาจากจิตวิญญาณในตัวคุณ


ผมพูดถูกไหมครับ คุณ จขกท.
บันทึกการเข้า

เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ถ้าไล่พวกโกงกิน ขจัดระบอบทักษิณ ให้ออกไป
หน้า: 1 2 [3]
    กระโดดไป: