จากกรณีไอทีวีที่กลายพันธุ์มาเป็นทักษิณทีวี กำลังกลายเป็นมหากาพย์โกงชาติระดับน้อง ๆ มหากาพย์โกงชาติในสนามบินสุวรรณภูมิ
นอกจากรัฐบาลปล่อยให้ลูกจ้างบริษัทต่างด้าวเข้ายึดครองทรัพย์สินของชาติซึ่งประกอบด้วยคลื่นโทรทัศน์และทรัพย์สมบัติของชาติอีกประมาณ 400 รายการมูลค่านับหมื่นล้านบาท แล้วใช้ดำเนินรายการทักษิณทีวีจากวันที่ 8 มีนาคม 2550 เวลา 0.01 น. มาถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 8 วันแล้ว
ตลอดเวลาดังกล่าวและยังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใด สมบัติของชาตินับหมื่นล้านบาทถูกลูกจ้างต่างชาติเข้ายึดครองทำประโยชน์เข้ากระเป๋าโดยไม่ต้องจ่ายเงินให้กับรัฐอย่างหน้าตาเฉย และโดยที่ไม่มีใครแก้ไขอะไรเลย
เพราะเหตุที่โครงการทักษิณทีวีนี้ได้ใช้อภิสิทธิ์หรือมีข้อตกลงใต้โต๊ะให้ใช้อาคารตึกชินวัตร ช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม และสถานีถ่ายทอดที่ตึกใบหยก ดังนั้นเรื่องราวพวกนี้จึงเป็นเส้นใยที่จะเชื่อมโยงให้เรื่องนี้กลายเป็นมหากาพย์โกงชาติต่อไป
และมันก็เกิดขึ้นส่วนหนึ่งแล้ว นั่นคือกรณีที่กระทรวงไอซีทีในสมัยที่คุณหญิง ทิพาวดี เมฆสวรรค์ ได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายจากดาวเทียมไทยคม 3 จากบริษัทประกันภัย ประมาณ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตามกฎหมายและระเบียบต้องนำเข้าคลัง จะหยิบเอาไปจับจ่ายใช้สอยตามอำเภอใจไม่ได้
แต่กระทรวงไอซีทีในยุคนั้นกลับไปตกลงกับกลุ่มชิน ให้รับโอนเงินดังกล่าวจากบริษัทประกันภัยไปไว้ที่สิงคโปร์ โดยอ้างว่าเพื่อสะดวกในการเบิกจ่าย ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการเงินการคลังของประเทศ
ในการเปิดบัญชีนี้ก็มีการแถลงออกมาแล้วว่าเงินของชาติถึง 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 2,000 ล้านบาท กลับไปเปิดเป็นบัญชีร่วมระหว่างกระทรวงไอซีทีกับกลุ่มชิน นี่คือการให้เอกชนเข้ามามีส่วนเป็นเจ้าของเงินก้อนนี้และจัดการเงินก้อนนี้ซึ่งเป็นของรัฐโดยผิดกฎหมาย
จากการแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีที่ระบุว่าเงินดังกล่าวจะต้องนำไปใช้ในการซ่อมดาวเทียมไทยคม 3 หรือจัดหาช่องสัญญาณใหม่ก็อาจจะถูก แต่ที่มีการแพลมออกมาว่ามีการเอาเงินนี้ไปใช้สร้างดาวเทียมไอพีสตาร์ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้รับสัมปทานที่จะต้องจ่ายเงินเพียงฝ่ายเดียว ย่อมส่อให้เห็นถึงการโกงชาติ
ก็ในเมื่อดาวเทียมไทยคม 3 ซ่อมไม่ได้ จนต้องปลดระวาง เงินดังกล่าวจึงต้องเป็นของรัฐเพื่อเป็นค่าเสียหายของรัฐ ส่วนการสร้างดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นหน้าที่ที่ผู้รับสัมปทานต้องลงทุนโดยเงินของผู้รับสัมปทาน และเมื่อลงทุนแล้วดาวเทียมนั้นก็ต้องตกเป็นของรัฐอีก
นอกจากนี้เท่าที่เราทราบ ผู้รับสัมปทานจะต้องสร้างดาวเทียมสำรองเพื่อสำรองหากเกิดความเสียหายด้วยเงินของผู้รับสัมปทานด้วย แต่ก็ไม่ทำ
ดังนั้นหากมีการนำเงินชดใช้ค่าเสียหายที่บริษัทประกันภัยจ่ายมาจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ เอาไปสร้างดาวเทียมไอพีสตาร์แล้ว ก็คือการเอาเงินของชาติไปให้เอกชนทั้ง 100% นี่คือการโกงชาติเต็มอัตราที่สุด
จากนี้ก็ยังโยงใยไปถึงการกลบเกลื่อนการโกงชาติและทำให้เห็นถึงเส้นสายโยงใยชัดเจนขึ้นไปอีก เพราะมีการส่งเรื่องการเอาเงินหลวงยกให้กลุ่มชินไปสร้างไอพีสตาร์ให้กฤษฎีกาตีความว่าทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ไม่ต้องพูดก็พอจะอ่านออกว่าเป็นการยืมมือกฤษฎีกากลบขี้หนีความผิด และจับตาดูกันให้ดี เรื่องนี้จะต้องเข้าไปสู่กฤษฎีกาคณะหนึ่ง ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งเป็นประธานอย่างแน่นอน
ขอบอกกล่าวพี่น้องร่วมชาติทั้งประเทศ รวมทั้ง ป.ป.ช., คตส. ตลอดจนรัฐบาลและ คมช. ให้จับตาดูให้ดี ว่าการยืมมือกฤษฎีกากลบขี้ตีความครั้งนี้จะสำเร็จดังที่คาดหมายไว้นี้หรือไม่
เพราะดีร้ายอาจจะได้เห็นโครงข่ายการโกงชาติที่ต่อเส้นใยโยงไปถึงกฤษฎีกาอีกเส้นหนึ่ง เพราะไม่เห็นหรือว่าในการตีความว่ากรมประชาสัมพันธ์รับคลื่นโทรทัศน์ไอทีวีมาดำเนินการได้หรือไม่นั้น ได้กระทำกันอย่างแยบยล และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้ลงทุนลงแรงออกมาแถลงชี้แจงกันกี่ครั้ง
จะได้เห็นความสัมพันธ์อันล้ำลึกระหว่างนายมีชัย ฤชุพันธุ์ กับคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ดังที่ได้มีการเปิดเผยเป็นบางส่วนไปแล้วในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน
จากไอทีวีอาจจะนำไปสู่สถานะเก้าอี้หัก ทั้งในทำเนียบรัฐบาลและในสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็เป็นได้ จับตาดูกันให้ดี
แต่ทว่าแค่นี้บ้านเมืองก็ย่ำแย่เต็มทีแล้ว เราจึงหวังตั้งใจให้คนที่พยายามทำผิดคิดทำชั่วได้ถอนตัวเลิกประพฤติในทางที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองยิ่งกว่าการดันทุรัง ซึ่งทำให้เห็นโยงใยที่เป็นมหากาพย์โกงชาติเรื่องใหม่เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง
การดันทุรังอุ้มไอทีวีจนกลายเป็นมหากาพย์โกงชาติเช่นนี้กำลังเกิดข่าวเล่าลือว่ามีอากู๋อาเจ็กอาเจ๊อาแปะบางคนใช้เงินจำนวนมากวิ่งเต้นเพื่อวางรากฐานปูทางที่จะเข้ายึดทักษิณทีวีไปดำเนินการ
จนทำให้ความวิปริตผิดธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงดังที่เห็น ๆ กันอยู่ และอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะปกปิดกันไว้ได้ เพราะคำเล่าข่าวลือในเรื่องนี้ไม่ไกลไปจากความจริงเท่าใดนัก ความจริงชัดเจนขึ้นวันไหนจะไปกันใหญ่ จะบอกให้
การดันทุรังที่จะตั้งองค์กรพิเศษหรือที่เรียกว่า SDU เข้ามาบริหารจัดการทักษิณทีวีนี้ ได้นำเสนอคณะกรรมการ กพร. รังเก่าของคุณหญิง ทิพาวดี เมฆสวรรค์ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2550 แต่ถูกตีตกไปเพราะ กพร. แค่เห็นด้วยในหลักการ แต่ให้กรมประชาสัมพันธ์ไปทำเรื่องให้ถูกต้องตามขั้นตอนและกฎเกณฑ์ของกฎหมายและระเบียบเสียก่อน และจะมีการพิจารณาใหม่ในสัปดาห์หน้า
ดันทุรังโดยใช้มติ ครม. ถึงสามครั้งสามหน จนวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร การดันทุรังครั้งใหม่นี้ดีไม่ดีจะลากพาเอานายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ และผู้บริหาร กพร. เข้าคุกเข้าตะรางตามไปด้วยก็เป็นได้
เพราะมันผิดกฎหมายผิดระเบียบอย่างชัดเจน
เนื่องจากการจัดตั้งองค์กรพิเศษ หรือ SDU นี้ไม่สามารถตั้งแบบส่งเดชหรือตั้งขึ้นทำอะไรก็ได้ ตามกฎหมายและระเบียบข้อแรกในการจัดตั้งองค์กรพิเศษนี้มีเงื่อนไขอย่างชัดเจนสองประการ คือ
ประการแรก จะต้องเป็นกิจการที่ให้บริการแก่ภาครัฐเท่านั้น ดังเช่นโรงกษาปณ์เป็นต้น กิจการสถานีโทรทัศน์ที่ทำรายการและมีโฆษณา เสนอรายการบันเทิงและข่าวต่อประชาชน จึงขัดกับกฎหมายและระเบียบข้อนี้ เพราะไม่ใช่บริการที่ให้กับภาครัฐ แต่ให้กับประชาชน แค่ข้อนี้ก็เห็นว่าผิดชัดเจนแล้ว
ประการที่สอง จะต้องเป็นกิจการที่ไม่แข่งขันกับธุรกิจของเอกชน แต่กิจการทักษิณทีวีที่ขบวนการโกงชาติกำลังทำกันอยู่นี้เป็นกิจการที่แข่งขันกับเอกชนอย่างชัดเจน คือการแข่งขันในธุรกิจสื่อสารมวลชนทั้งโทรทัศน์วิทยุกับเอกชน จึงผิดกฎหมายและระเบียบในข้อนี้อีก
แต่เพราะเหตุที่การเสนอเรื่องเข้า กพร. ไม่มีความชัดเจน จึงต้องทำเป็นโครงการแผนงานที่ต้องสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบดังกล่าวนี้อีกครั้งหนึ่ง
จึงอยากจะบอกนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ และผู้บริหาร กพร. ว่าพวกท่านยังโชคดีที่ไม่หลงอนุมัติหรือเซ็นเช็คเปล่า ๆ ให้เขาเอาไปโกงชาติโดยผิดกฎหมาย เรื่องนี้เสนอเข้ามาใหม่วันใด โปรดตรวจสอบกับกฎหมายและระเบียบดังที่เรายกมาแสดงสองประการนี้ว่าขัดแย้งกันจริงหรือไม่
เห็นหรือยังพระคุณท่านว่าขบวนการโกงชาติจนกลายเป็นมหากาพย์นี้หน้าด้านหน้าทนและใช้ความพยายาม ตลอดจนเชื่อมั่นในพลังอำนาจของพวกเขาขนาดไหน ดังนี้แล้วประเทศไทยและคนไทยจะอยู่กันอย่างไร
ใครที่รักชาติช่วยสรุปเรื่องนี้ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เข้าใจให้ถ่องแท้สักครั้งหนึ่งก็จะเป็นประโยชน์
และอยากจะย้ำความชัดเจนว่าขณะนี้ทรัพย์สมบัติของชาตินับหมื่นล้านในโครงการทักษิณทีวียังถูกยึดครองและนำไปใช้หาประโยชน์ส่วนตัวโดยลูกจ้างของต่างด้าว ราวกับว่าเป็นทรัพย์สมบัติของพวกเขาเอง
มหากาพย์โกงชาติเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และกำลังทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินมากขึ้นทุกที.