แตกตื่นไปทำไมกับคำพร่ำเพ้อของคนเร่ร่อนประวัติอื้อฉาว?
1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 09:34:00
(New story ของสุรยุทธ์ต้องตื่นเต้นกว่า old tale ของทักษิณ)
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : รัฐบาลของนายกฯ สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่มีอะไรจะต้องตื่นเต้นตกใจกับการที่ทักษิณ ชินวัตร จะให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศต่ออีก ไม่ว่าจะเป็นที่ออสเตรเลียหรือที่ทิมบั๊กตู (อัฟริกา) หรือจะไปร่ายรำทำเพลงที่ไหนก็ตาม...
ถ้านายกฯ และประธานคมช. รู้ถึงความสำคัญของการเล่าเรื่อง the post-Thaksin Thailand story ให้กับคนไทย และชาวโลกฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราวที่ปะติดปะต่อ และแจ่มแจ้งแดงแจ๋
คำว่า "story" ในที่นี้คือ "เรื่องราวของความเป็นไป" ที่สะท้อนถึงความเป็นจริงในทิศทาง "เศรษฐกิจพอเพียง" และการต้องการสร้างสังคมที่มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล รังเกียจการโกงกิน และต่อต้าน "ทุนนิยมสามานย์" กับคัดค้าน "ประชานิยมเพื่อกลุ่มทุนผูกขาด" อย่างเต็มที่
ทุกวันนี้ ที่รัฐบาล และคมช. "หลงกลทักษิณ" ก็เพราะไปตามแก้ข่าววันต่อวัน และทำท่าเป็นตกตื่นว่าทักษิณ จะไปไหนหรือจะไปให้สัมภาษณ์กับสื่อใดที่เมืองนอก เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ทักษิณ ไม่มีอะไรใหม่ที่จะพูดแล้ว
ที่ยังเป็นข่าวเพราะรัฐบาลไทย และคมช. รวมทั้งสื่อไทยบางแห่ง ยังให้ "ราคา" อย่างผิดๆ เพราะ "ติดเบ็ด" ล็อบบี้ยิสต์ รับจ้างทักษิณที่ใช้วิธีการตลาดตื้นๆ เท่านั้นเอง
สื่อต่างประเทศ
สัมภาษณ์ทักษิณ ก็ในฐานะ "อดีตผู้นำ" ที่เร่ร่อนไร้ที่พำนัก จึงเป็นเพียงข่าว "สีสัน" ธรรมดา ที่สื่อต่างประเทศแสดงความสนใจกับทักษิณอยู่บ้าง ก็ตรงที่ว่ารัฐบาลไทย "แสดงอาการ" กับการให้สัมภาษณ์มากกว่าเนื้อหาที่ทักษิณให้สัมภาษณ์
ความ "อ่อนหัด" ของรัฐบาล และคมช. ทางการสื่อความหมายกับประชาชนคนไทย และชาวโลก จึงทำให้อยู่ในฐานะ "ตั้งรับ" อย่างที่เห็นกัน
แทนที่เราจะได้เห็น คมช. ทำพิธี "ฝังศพ" ระบอบทักษิณ ด้วยข่าวสารว่าด้วยทิศทางอนาคตของประเทศ หลังจากความล่มจมที่ทักษิณทำเอาไว้กับบ้านเมือง เรากลับเห็นภาพ คมช. และรัฐบาลสุรยุทธ์ ชักชวนให้คนไทยไปดู "หนังผีหน้าเหลี่ยม" ที่ยังตามหลอกหลอนเราอยู่
ถ้าหาก "วอร์รูมข่าว" ของรัฐบาลทำงานอย่างขะมักเขม้นและรู้ทิศทาง วันนี้สื่อต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นไทม์ นิวส์วีค หรือดิเอเซี่ยนวอลสตรีทเยอรนัล (ที่คมช. โกรธที่เขียนทำนองเห็นทักษิโณมิกส์ ดีกว่าเศรษฐกิจพอเพียง) ก็ควรจะขึ้นปกรูปนายกฯ สุรยุทธ์ หรือพล.อ.สนธิประกาศ "กวาดล้างคอร์รัปชันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย" เพื่อส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศให้เกิดความเท่าเทียม
แทนที่จะตอบโต้ทักษิณ ในเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ผู้นำไทยวันนี้ ควรจะบอกกล่าวให้สื่อทั้งโลกได้เห็นความมุ่งมั่นที่จะสร้าง "ประชาธิปไตยเพื่อปวงชน" หรือ people's democracy แทน populism ของทักษิณ ที่มีตัวอย่างล้มเหลวและทำให้ประเทศชาติถังแตกมาแล้วในอเมริกาใต้
แทนที่จะคอยดูว่าทักษิณ จะเร่ร่อนไปประเทศไหน นายกฯ สุรยุทธ์ กับพล.อ.สนธิ ก็ออกมานั่งพร้อมๆ กับคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชันอันฉาวโฉ่สมัยทักษิณออกข่าวผลการสอบสวนในแต่ละคดีอย่างชัดเจนจะแจ้ง
แทนที่จะออกมาตรการทีละเรื่องสองเรื่องให้นักลงทุนต่างชาติสับสน นายกฯ สุรยุทธ์ ก็ควรจะออกมาประกาศอย่างฉาดฉานว่า การแก้ไขกฎหมายทั้งหลายทั้งปวงนั้น มีเป้าหมายหลักประการเดียว...นั่นคือการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน หรือที่ฝรั่งเรียก "level-playing field" กับธรรมาภิบาล หรือ "good governance" ที่ทั่วโลกเรียกร้องต้องการ
ประกาศให้ชัดว่า กฎกติกาใหม่จะแตกต่างไปจากการให้กลุ่มทุนไม่กี่กลุ่มที่อยู่ในเครือข่ายทักษิณ และพวกครอบงำธุรกิจทั้งหลายทั้งปวง
นายกฯ สุรยุทธ์ประกาศได้เลยว่า ต่อแต่นี้ไป การทำธุรกิจในไทยจะไม่มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะอีกต่อไป...หากเจอ จะลงโทษสูงสุด และจะทำให้เห็นจากระดับสูงลงมา ไม่ใช่เอาแต่ปลาซิวปลาสร้อยอย่างที่เคยเห็นสมัยระบอบทักษิณ
"ความจริงใจ" จะต้องไปกับ "ความจริงจัง" และในเวทีแห่งการสื่อความหมายนั้น ความเป็นมืออาชีพในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จับประเด็นตรงเป้าหมาย ต่อเนื่อง ชัดเจนเท่านั้น จึงจะทำให้ "เรื่องราวของความเป็นไป" หรือ the real story ออกมาได้ (ฟังผมคุยกับคุณเทพชัย หย่อง ถึงเบื้องหลังการไปสัมภาษณ์อดีตนายกฯ มหาธีร์ โมหะหมัด ของมาเลเซีย ที่ออกมาวิพากษ์สิงคโปร์และทักษิณ อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน...เข้าไปที่ blog ส่วนตัวของผมที่
www.oknation.net/blog/black เพื่อร่วมแสดงความเห็นด้วยครับ)
http://www.bangkokbiznews.com/2007/02/01/WW12_1238_news.php?newsid=1902เป็นบทความที่ยังใช้ได้อยู่จนถึงตอนนี้