รู้สาเหตุที่แท้จริงที่หม่อมอุ๋ยลาออกแล้วแหละ

หากยังจำกันได้ "ทีมข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น" เคยวิเคราะห์เส้นทางการเมืองของ "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" หรือ"หม่อมอุ๋ย" อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ก้าวเท้าเข้ามาในกระทรวงการคลัง เป็นวันแรกเมื่อ 12 ตุลาคม 2549 ซึ่งเส้นทางร่วม 5 เดือนที่ผ่านมาก็ "ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ" ซะแล้ว

เพราะตั้งแต่วันแรกที่ "หม่อมอุ๋ย" เข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงฯ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินชน "โคมไฟ" ใกล้ศาลพระภูมิตกแตก จากนั้นตอนที่คล้องพวงมาลัย-ช้างคู่หน้าสำนักงานกระทรวงการคลัง ก็เกิด "พวงมาลัยขาด" นั่นจะถือเป็นลางร้าย! หรือไม่ ไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่จากเส้นทางบนเก้าอี้ "รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง" ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา "หม่อมอุ๋ย" ต้องเจอกับปัญหาสารพัน ทั้งการออกมาแฉของ "คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา" ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เกี่ยวกับการนั่งเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด จนกลายเป็นวิวาทะระหว่าง "ผู้ว่า สตง." และ "รมว.คลัง" กลายเป็นที่ฮือฮาอยู่พักใหญ่

จากนั้น การเสนอแก้ไขเพิ่มเติม พรบ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 โดยความคิดของ "หม่อมอุ๋ย" ก็ปรากฏขึ้น ซึ่งในช่วงแรกมีการระบุว่า จะแก้ไขให้แล้วเสร็จ พร้อมขอร้องผู้ค้าสลากแบบพิเศษ หรือหวยบนดิน ให้ระงับการขายไปประมาณ2 งวด แต่จนแล้วจนรอด ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พรบ.ดังกล่าว ก็ไม่สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ได้ เนื่องจาก "หม่อมอุ๋ย" ไม่สามารถทนแรงทัดทาน จากสมาชิก สนช.บางคน จนถึงกับต้องยอม "ถอน" พรบ.ออกมาก่อน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อนำกลับไปศึกษาใหม่ มิให้กระทบกับเยาวชน ที่มีแนวโน้มเล่นหวยมากขึ้น และจนถึงขณะนี้ ก็ไม่มีทีท่าว่าผู้ค้าหวยบนดิน จะขายหวยได้เมื่อใด?

ไม่เพียงแค่นั้น "พายุ" ที่โหมกระหน่ำตำแหน่งหน้าที่ของ "หม่อมอุ๋ย" ยังมีเรื่องของการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศใช้มาตรการกันเงินสำรองร้อยละ 30 เพื่อป้องกันการไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างชาติส่งผลให้ค่าเงินบาท ในช่วงเดือนธันวาคม2549 แข็งค่าขึ้นมาจนใกล้หลุดกรอบ 35 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งมาตราการดังกล่าวได้ผลชะงัด เพราะนอกจากค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงแล้ว แต่ในด้านเม็ดเงินลงทุนที่ควรจะไหลเข้าหรืออยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็กลับไหลออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีซื้อขายหลักทรัพย์ในขณะนั้นร่วงลงไปกว่า 108 จุด ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญของตลาดหุ้นไทย และแน่นอนว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังมาตรการดังกล่าวคือ "หม่อมอุ๋ย" นั่นเอง

จากนั้นไม่นานแม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวอยู่บ้างแต่ตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้ดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็นหนำซ้ำยังมีเสียงเรียกร้องจากทุกภาคส่วนให้เร่งยกเลิกมาตรการดังกล่าว ก่อนที่นักลงทุนต่างชาติจะถอนยวงการลงทุนออกจากประเทศไทย

เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลโดยมี "หม่อมอุ๋ย" เป็นหัวหอกคุมทีมเศรษฐกิจ ยังประกาศแก้ไข พรบ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ส่งผลให้ต่างชาติส่งสัญญาณไม่พอใจอย่างหนัก ถึงขั้นขู่ย้ายฐานการลงทุนออกจากไทย และแม้รัฐบาลจะยืนยันชัดเจน ว่ายังต้อนรับนักลงทุน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงเกือบ 5 เดือนที่ "หม่อมอุ๋ย" บริหารงาน

เหตุการณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของ "หม่อมอุ๋ย" ยังไม่ยุติเพียงเท่านั้น เพราะล่าสุดเมื่อ "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" นายกฯ ลงนามแต่งตั้ง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" อดีตรองนายกฯ และอดีตคนข้างกาย "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯให้เป็น "ประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ" เพื่อชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงให้กับต่างชาติเข้าใจนั้น ก็สร้างความงุนงงและความไม่พอใจให้กับ "หม่อมอุ๋ย" เป็นอย่างมาก

ซึ่งหากสังเกตปฏิกิริยาให้ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ "นายสมคิด" อยู่ในตำแหน่งดังกล่าว "หม่อมอุ๋ย" มักมีท่าทีเคร่งเครียด และหลบเลี่ยงการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อกระทรวงการคลัง ที่เฝ้าติดตามการทำข่าวอย่างใกล้ชิด กลับไม่ได้พบเจอ "รมว.คลัง" ร่วมสัปดาห์ และล่าสุดหลังจากเข้าพบ "พล.อ.สุรยุทธ์" เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 "หม่อมอุ๋ย" ก็ประกาศแบบสายฟ้าแลบ ว่าขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นับเป็นการ "กลืนน้ำลายตัวเอง" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ย้ำชัดว่า "จะไม่ลาออก"

การแถลงต่อหน้าสื่อมวลชนถึงสาเหตุการลาออกในครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะตีความไปอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ และจะลืมเสียไม่ได้ก็คือ "คำทำนาย" ของ "หมอดู" ประจำธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนหน้านี้ ที่เคยระบุว่า "หม่อมอุ๋ย" จะต้องลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน และที่หมอดู "ฟันธง" ชัดๆก็คือ "หม่อมอุ๋ยต้องลาออกก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์"

หากคิดแบบไม่ลบหลู่เลยก็คือการลาออกในครั้งนี้ของ "หม่อมอุ๋ย" ตรงกับ "วันสิ้นเดือนแห่งความรักพอดี" !!!

pen
เรือนปากกา
http://www.oknation.net/blog/pen