--*--คิดแล้วเขียน เรื่อยไป ตามใจสั่ง--*--

<< < (79/80) > >>

ทิมมี่:
ไอ้หัวเถิก ทหารไทย ใจขี้ขลาด
เพราะอำนาจ และเงินตรา ทำหน้าเฉย
ยืนคุมครอง ชเลียร "เอี้ย" อย่างเคย
เจ้าละเลย ประชาชน คนธรรมดา

เมื่อทหาร เคียงข้าง คู่ตำรวจ

ปืนไล่กวด ยิงกัน สนั่นฆ่า

ประชาชน ล่วงพับ ดับอีกครา

7 ตุลา สมชายบ้า สั่งฆ่าคน[

ทิมมี่:


ขอไว้อาลัย น้องโบว์

เพียงสองมือ หนึ่งใจ วัยยังอ่อน
จะต่อกร กระสุนมาร สุดต้านไหว
เสียดายที่ ดาวน้อย ลอยลับไป
เธอจะอยู่ ในใจ ไม่ลืมเลือน

อังคณา ระดับ ปัญญาวุฒิ
คือที่สุด ครอบครัวใหญ่ หาใครเหมือน
สู้เพื่อชาติ บัลลังก์ ยังย้ำเตือน
เธอคือเพื่อน คือน้อง ของทุกคน

ขอไปดี ชาติหน้า เกิดมาใหม่
เปรียบดาวใส ส่องสว่าง กลางเวหน
รักต่อสู้ ยุติธรรม ตามกมล
วีรชน สตรี คนนี้เอง

ทิมมี่:
เปลวสีเงิน 9 ต.ค 51

............................     ..........
............................     .........

น้องโบว์ "น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ" อีกผู้หนึ่ง เธอคือ "วีรสตรีอาจหาญ" ที่ต้องบันทึกเชิดชูไว้เป็นตำนาน
"เยาวชนเพื่อชาติ" ทั้งบิดา-มารดา และตัวเธอคือ "ครอบครัวนักสู้"

ชีวิตเธอ ครอบครัวเธอ พร้อมอุทิศเพื่อประเทศไทยที่ต้องไม่ยอมให้ทรราชคนไหนครอง!

๗ ตุลา ที่สมรภูมิลานหน้าพระบรมรูปฯ "น้องโบว์" ผู้เยาว์วัย เธอมาเพื่อแสวงหาความหมาย และเธอพบแล้ว
ความหมายที่แจ่มกระจ่างใจไปนิรันดร์ คือ

ประเทศชาติ ถ้าจะเสียไป ไม่ได้เสียเพราะใคร แต่จะเสียเพราะ "ไทยทรราช" ด้วยกันนี่เอง!

ต้องย้ำไว้ ไม่เพียงครอบครัว "ระดับปัญญาวุฒิ" เท่านั้นที่ต้องสูญเสีย หากแต่มันเป็นความสูญเสียร่วมกัน
ของมวลหมู่พันธมิตรเรือนแสน-เรือนล้าน ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน และเมืองฟ้าอมร

เธอตายด้วยคำแก้ตัวของตำรวจว่า "แก๊สน้ำตา" ฆ่าคนไม่ได้!?

ฉะนั้น ตำรวจต้องหาคำตอบมาให้ได้ว่า ที่ร่างเธอแหลกเหลวด้วยแรงอัดจากวัตถุระเบิดชนิดใด-ชนิดหนึ่งนั้น..มาจากไหน ใครทำ?

ตลอดวานนี้-ทั้งวัน ระงมไปด้วยการสาธิตประกอบคำแก้ตัวของตำรวจผู้รับใช้นายกฯ ทรราช "สั่งฆ่าประชาชน" ว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาฆ่าคนไม่ได้

แล้วตำรวจก็สรุปเสร็จสรรพฉับพลันว่า ประชาชนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ตาย ที่บาดเจ็บ ที่แขน-ขาขาด น่าจะพก "ระเบิดปิงปอง" ไปแล้วระเบิดเอง

ถ้ายิ่งฟังที่ "พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง" โฆษกตำรวจ และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน แถลง
ก็ยิ่งเข้าใจได้ทางเดียว ที่ประชาชนบาดเจ็บ-ล้มตายกว่า ๔๐๐ คนนั้น

พี่น้องพันธมิตรฯ ระเบิดกันเอง ให้เจ็บ-ให้ตายกันเอง

ถุย...ไอ้ตำรวจทรราช!

........................  ........... .........
........................   .......... .........
ผมอยากจะบอกเธอว่า ทหารไม่ว่างจริงๆ เพราะวันนั้น ขณะตำรวจฆ่าประชาชนที่ลานหน้ารัฐสภา ทหารส่ง ฮ.ไปรับ "รัฐมนตรีกลาโหม"
ที่ชื่อทรราชสมชายหนีออกจากรัฐสภาไปซุก "กองทัพไทย" ที่แจ้งวัฒนะตอนบ่าย

ทรราชทายาทระบอบทักษิณ "ออกโทรทัศน์" โอ่อ่าสมศักดิ์ศรี มากบารมีเจ้านายเหนือ ๓ ทัพ เพราะขวา-ขนาบด้วย "พลเอกทรงกิตติ จักกาบาตร์"
ผบ.สส. ซ้าย-ขนาบด้วย "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผบ.ทบ.

ตราบใดที่กองทัพไทยมีนายทหารหาญอย่าง "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" และบรรดารุ่น ๑๐ ของทักษิณ แยกย้ายครองความเป็นใหญ่

ตราบนั้น "รัฐบาลทรราชไทย" สบายใจได้ ระบบทหารจะปล่อยให้ "การเมืองสามานย์แก้การเมืองสามานย์" ด้วยตัวมันเอง
เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศ "สามานย์เมือง" ตลอดไป

รอความเป็นใหญ่ภายใต้ประชาธิปไตย "ระบอบทักษิณ" คืนเมือง!?

๗  ตุลา ณ สมรภูมิหน้ารัฐสภา และหน้า บช.น. มันไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองของพันธมิตรฯ กับรัฐบาลนายกฯ สมชาย
โดยมี "อำนาจเหนือ" ประเทศไทยเป็นเดิมพัน

แต่มันเป็นการต่อสู้ของประชาชนพันธมิตรฯ กับตำรวจรัฐบาลลอนดอนโดยตรง!

การ "ปล่อยวาง" ของทหารครั้งนี้ มีนัยที่สังคมชาติต้องศึกษา และต้องสังเกตในลีลาให้ดี ประเทศชาติวันนี้ 
ถ้ารักจะดำรงไว้ ประชาชนสามัญไม่มีขั้น-มียศ ต้องจำให้ขึ้นใจ

เขมรมันยังเหิมยึดดินแดนได้รอบด้าน คล้ายไม่เห็นหัวทหาร "มันหมายความว่าอย่างไร?" ในขณะที่มันยอมยกแผ่นดินเกาะส่วนหนึ่ง
ให้ระบอบทักษิณ "สร้างอาณาจักรใหม่"

และนี่..ทรราชในสายพันธุ์ก็จะไป "คุยในที่ลับ" กับคนที่เคยไปเปิดถนนร่วมกันไว้ที่เกาะกงอีกมิใช่หรือ?

ประชาชนมือเปล่า  ประชาชนที่ไม่มีงบฯ ซื้อรถถังยูเครน เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายนี่แหละ..ต้องเตรียมพร้อม  เตรียมเข้าสู่ทั้งสงครามชิงแดน
เข้าสู่ทั้งสงครามเศรษฐกิจ และทั้งสงครามชิงเมือง

ว่าด้วยเรื่อง "อำนาจยึดประเทศไทย" เพื่อลอกคราบสู่อนาคตใหม่ ไม่เรา-ก็มัน ถึงวันที่ต้องขีดเส้นใต้
เพราะชะตาไทยถึงคราต้องฝ่าวิบากแล้ว มิตรสหายเอ๋ย!

เราจะปล่อยให้ "รัฐบาลทรราชเริงเมือง" อยู่ต่อไปอย่างนั้นหรือ?

เราจะปล่อยให้ทรราชสมชายฆ่าประชาชน  แล้วเดินสายประกาศชัยชนะ ปูทางให้ "ทรราชใหญ่" กลับจากลอนดอนมาครองเมืองงั้นหรือ?

พี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งหลาย  เราจะปล่อยให้นายกฯ ทรราชลอยนวลอยู่อย่างนี้ไม่ได้!

พี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งหลาย อนาคตประเทศไทย เราจะหวังจากใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากพวกเราทั้งหลาย 
พี่น้องของเราต้องไม่ตายเปล่า ต้องไม่เจ็บเปล่า น่าอดสูนัก ถ้าพวกเราจะปล่อยให้เลือดที่หลั่ง
ต้องถูกละเลงหายไปใต้ตีนเหล่าทรราชและสมุนน้อยใหญ่

ที่ย่ำเข้า-ย่ำออกรัฐสภา ทำหน้าที่ "ตรายาง" ยึดประเทศ!

อดีต-เราพูดกันว่า คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาล คนกรุงเทพฯ ล้มรัฐบาล

แต่วันนี้ ประจักษ์ชัดแล้วว่า คนกรุงเทพฯ ดูดาย พี่น้องต่างจังหวัดส่วนใหญ่ "ยึดกรุง" ล้มรัฐบาลทรราช!

ยุคนี้ เป็นยุค "สตรีกู้ชาติ"

ผู้ชาย ถ้าไม่ขายตัว ก็ไปแปลงเพศเป็นหญิงกันเกือบหมดแล้ว ที่ไม่ขายตัว และไม่แปลงเพศ
 
ก็เป็นผู้ชาย "สงบเสงี่ยมเรียบร้อย-อยู่ในที่ตั้ง"
เห็นที นับจากนี้ ต้องฝากประเทศไทยไว้กับ "กองทัพหญิง" ตัวจริงแล้ว!

เลือกเอา ถ้า ๔+๓ แกนนำพันธมิตรฯ ยอมปล่อยให้ทรราชอยู่ได้  ก็ต้องยอมถอยออกไปจากทำเนียบฯ
เพราะไม่มีประโยชน์อะไรจะมาชุมนุมให้ยุงฟักไข่เพาะไข้เลือดออก วันนี้-ทรราชระบอบทักษิณได้ดื่มกินเลือดพันธมิตรฯ แล้ว 
ก็ทำไม..พอใจวันไหน มันจะมาเชือดอีกซักจอก-สองจอกดับกระหายไม่ได้
เอาปืนไฟมายิงใส่ในทำเนียบฯ ง่ายจะตายไป ใครจะทำไม เพราะกู..ทรราช ผงาดกินเมืองแล้ว
   
 
 

 

 

ทิมมี่:
ทหารกล้า ของประชาชน

ถูกกด จึงมาออก   
ไอ้ขี้ครอก แถลงข่าว
ยืนข้าง ฝั่งใดเล่า
ทุกคนเขา รู้เท่าทัน

เป็นกลาง คืออยู่เฉย
ช่างละเลย ไม่เคยหัน
ไล่ยิง อยู่ทั้งวัน
หรือตามัน มืดบอดใบ้

ครั้งตาม ก้นชมพู่
ดูดู๋ดู ยิ้มสดใส
เคียงข้าง เพื่อนสมชาย
ยิ้มละมัย ใจเย็นชา

พักผ่อน ตีกอล์ฟเถิด
จะประเสริฐ เลิศหนักหนา
เคียงข้าง ชาวประชา
ลาภ/เงินตรา หายากเย็น

ทิมมี่:
ผมขอนำข้อเขียน คุณ ศรัทธา นครศรี จากเวปหนึ่งมาลง
เพื่อให้เห็นความสามารถ ของ น้องๆนักกลอนรุ่นใหม่

๒๗ กันยายน ๒๕๕๑
ผมเดินทางกลับบ้านไปทำบุญเดือนสิบเช่นเดียวกับคนนครศรีธรรมราชทั่วไป (เผอิญที่ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็กลับไปนครด้วย ตามที่เป็นข่าว)
เมื่อคืนที่ผ่านมา (๒๗ กันยายน) ผมได้พาหลานๆไปเที่ยวงานเดือนสิบที่ทุ่งท่าลาด มีโอกาสแวะไปชมการแข่งขันกลอนสด
"เวทีกลอนเดือนสิบ" ด้วย เลยมีเรื่องราวมาบอกเล่า

เวทีกลอนเดือนสิบเป็นเวทีแข่งกลอนที่อยู่คู่กับงานเดือนสิบมาถึง ๔๐ ปีแล้ว ปีนี้แข่งขันตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ม.ต้น ม.ปลาย จนถึงระดับอุดมศึกษา
คืนนี้(๒๗ กันยา) เป็นการแข่งขันระดับมัธยมศึกษาตอนต้นรอบชิงชนะเลิศ มีนักเรียนระดับ ม.ต้น เข้าแข่งขัน ๖ โรงเรียน
 
คือ เบญจมราชูทิศ กัลยาณีศรีธรรมราช วัดขรัวช่วย ท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา สิชลคุณาธารวิทยา และชะอวด

กติกาการแข่งขัน มีการบอกญัตติให้เขียนกันสดๆบนเวที โดยเขียนเป็นกลอนแปด ความยาว ๒ บท ในเวลา ๑๐ นาที

ญัตติแรกกรรมการกำหนดให้ขึ้นคำกลอนด้วยคำที่กำหนดว่า "โกง-กิน-ก่อ-กรรม-"
เด็กๆกวีน้อยเมืองนครระดับ ม.ต้น อายุ ๑๒-๑๔ ปี แสดงทัศนะมุมมองอย่างรู้เท่าทันนักการเมืองขายชาติโกงแผ่นดิน
ทำเอาผมขนลุกขนชัน จนต้องจดเอามาฝาก ดังนี้

(ผมทิมมี่ ขอเลือกลง 2 ทีม จาก 6 ทีม)


ทีมที่ ๒ เขียนว่า

โกง. แผ่นดิน ฉ้อฉล จอมปล้นชาติ
กุมอำนาจ โกงกิน สินเงินหลวง
กิน.  หมดเปลือก เลือกแล้วล้ม หลาก ลมลวง
ชนติดบ่วง อุ้งมือมาร เกมการเมือง

ก่อ. วิกฤติ เกิดวิบัติ โถมซัดเข้า
ปลดคนเก่า แขวนคนใหม่ ไทยคางเหลือง
กรรม . ของชน คนชั่วปั่น หมุนฟันเฟือง
ชาติประเทือง หรือพังไป เพราะใครกัน




ทีมที่ ๖ เขียนว่า

โกง..แผ่นดิน กินเงินตรา ลืมหน้าที่
ใช้เก้าอี้ เลี้ยงพวกพ้อง ชาติหมองหม่น
กิน..ทุกทาง เหยียบศรัทธา ประชาชน
หลงลืมตน ใช้สภา ไว้ฆ่ากัน

ก่อ...วิกฤติ การเมืองไทย ใกล้วิบัติ
ทั้งราษฎร์รัฐ แผ่นดินไทย เริ่มไหวหวั่น
กรรม..สนอง เคยเสพสุข ทุกข์ตามทัน
หวังสักวัน ผู้นำไทย ไม่โกงกิน

ผมไม่อยากจะเชื่อว่า เด็กระดับ ม.ต้น ยังใช้คำนำหน้าชื่อว่าเด็กหญิง เด็กชาย จะสามารถคิด-เขียน
และนำเสนอทัศนะมุมมองต่อปัญหาของชาติบ้านเมืองได้เฉียบคมถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะเห็นกันสดๆบนเวที
ในเวลาเพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น สมเป็นเมืองนักปราชญ์นักกลอนจริงๆ

พอญัตติที่ ๒ กรรมการเกริ่นนำว่าวันนี้งานเดือนสิบคนเยอะ รถติด เพราะชาวนครกลับบ้านมาทำบุญ
แล้วกำหนดให้เขียนกลอนแปดโดยมีข้อความที่กำหนดว่า "ต้อนรับคนกลับบ้าน" อยู่ในบทกลอนส่วนไหนก็ได้
มีผลงานออกมาหลากหลายมุมมอง ดังนี้
ทีมที่ ๑ เขียนว่า

แว่วสำเนียง เสียงทับ กรับโหม่งฉิ่ง
เสนาะจริง เสน่ห์ค่า โนราห์ใต้
เมืองเท่งทอง หนังตะลุง เครื่องปรุงใจ
เล่นเงาไฟ ชักปาก พูดพากย์ดี

ทั้งแม่พ่อ รอ "ต้อนรับ คนกลับบ้าน"
มาเที่ยวงาน วันสารท วาดศักดิ์ศรี
มาสืบสาน วัฒนธรรม ล้ำค่ามี
คือสิ่งชี้ ค่า นครฯ กระฉ่อนนาม


ทีมที่ ๕ และ ๖ หยิบเอาสถานการณ์มาเขียนถึงคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีและเดินทางกลับบ้านวันนี้

ส่วนทีมที่ ๖ นั้น ฟันธงและอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึง "ไม่ต้อนรับ" ว่า

กี่ปีที่ เป็นน้องรัก ของทักษิณ
ก่อโกงกิน ชาติระส่ำ ซ้ำปัญหา
เป็นร่างทรง ทำตามคำ เขาพร่ำมา
เมื่อถึงครา พี่อับจน ตนสานตาม

"ต้อนรับคน กลับบ้าน" ผู้ผลาญชาติ
เหล่าปวงราษฎร์ ไม่น้อมรับ กลับเหยียดหยาม
ทิ้งพองลา ขว้างขับไล่ ไกลเขตคาม
ชนประณาม "หักหลังถิ่น แผ่นดินตน"

ผมไม่ทราบว่า สำนวนใดเป็นของนักเรียนโรงเรียนใดบ้าง เพราะเขาปิดชื่อโรงเรียนโดยใช้รหัสทีมในการแข่งขัน
และเสียดายที่ไม่ทราบผลการแข่งขันว่าทีมใดชนะ เพราะหลานสาวตัวเล็กงอแง ต้องกลับบ้านเสียก่อนการประกาศผลการแข่งขัน

เสียดายที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่มีโอกาสได้อ่าน

ศรัทธา นครศรี

 
 
 

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว