แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #50 เมื่อ: 01-03-2007, 12:35 » |
|
ปราบอ้ายเหลี่ยมยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังไม่อยากจะปรามพวกเดียวกัน  ต่อให้พวกเราคนนั้น จะทำให้ประเทศพัง ก่อนที่เหลี่ยมจะพัง เราก็ไม่ควรปราบงั้นรึครับ... และผมก็ไม่ได้ว่ารังเกียจสนธิแบบรับไม่ได้ แต่ในบางกรณีี๊สนธิแกก็ทำเกินไป.. ซึ่งประเด็นที่ปู่เย็นแกว่ามาก็มีส่วนถูุกต้องมิใช้หรือ.... ฉะนั้นผมก็ต้องขอพูุดในฐานะ กัลยานนิมิตร ก็ล่ะกัน แบบคำที่เขาเคยพูดเคยเตือนคนอื่น ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.. มายืนยันและย้ำนะคะ ว่าไม่ว่า สนธิจะกร่าง พูดเอาดีใส่ตัวแค่ไหน อย่างมากก็เลือกที่จะดูหรือไม่ดู เชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น แต่พฤติกรรม ที่แอนว่ามาข้างต้นต่างหากค่ะ ที่น่ารังเกียจ ถึงได้ถามไงคะว่า ไหนว่ากลับตัวแล้ว ไม่ทำชั่วอย่างที่เคยเป็นมาแล้วไง Don't Missing the Point ผมเห็นด้วยกับทั้งสองความเห็นข้าง บน กรณีสนธิ ลิ้ม ครับ เรื่อง "มีดดายหญ้า" ของ คุณ ล็อคอิน กับ เรื่อง hidden agenda (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่า มีจริง)
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ....ผมฟังคุณแอน เล่ามาเรื่อย ๆ ก็เห็นด้วยเกือบทั้งหมด.......คิดต่างนิดเดียว ......เศรษฐกิจช่วงนี้ ดูผิวเผิน ก็น่าจะเบากว่าปี 40 .......แต่ปัญหาในปี 40 เป็นปัญหาที่กระทบโดยตรงต่อ นักธุรกิจ และ คนชันกลาง ซึ่งมีความสามารถในการปรับตัวได้เร็ว ........ในขณะที่ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบัน เข้าไปกระทบโดยตรงกับกลุ่มที่เรียกว่า "รากหญ้า" ที่มีความสามารถในการปรับตัวค่อนข้างน้อย ดังนั้นการแก้ไขจึงต้องอาศัย การช่วยเหลือจากภาครัฐ ประกอบกับ ได้รับการปลูกฝังผิด ๆ จากระบอบทักษิณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนแทบจะพูดได้ว่า "ยากเกินกว่าเยียวยา" เงินที่จะอัดฉีดเข้าไปในตลาด ก็ขาดแคลนเต็มที่เนื่องจากการใช้จ่ายที่เกินตัวของระบอบทักษิณ ผมนั่งคิดอยู่ว่า ทำไมหม่อมอุ๋ยถึงพยายามจะออกหวยบนดินให้ได้ ทั้งทีรู้อยู่เต็มอกว่ามันไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีในสังคม.....ผมสรุปได้เหตุผลเดียว คือ ต้องการเม็ดเงินเข้าไปอัดฉีดระบบเศรษฐกิจ
กรณี คุณสมคิด แรก ๆ ผมก็เอาใจช่วยอยู่ แต่หลังจากได้ฟังอ่าน ปาฐกถา 2 ครั้งแล้ว ผมเปลี่ยนความคิดทันที่ เพราะในเนื้อหา นอกจากจะไม่ยอมรับผิดเรื่องทักษิโณมิคซ์แล้ว ยังยืนยัน หรือ แทบจะยกย่อง ว่าเป็นสิ่งถูกอีกต่างหาก.........การไม่ยอมรับผิด เป็นสิ่งที่ผมรับได้ และถือว่า เป็นเรื่องการเมือง แต่การที่ยังคงพูดยกย่อง นี่สิ มันรับไม่ได้จริง ๆ ครับ
ส่วนกรณี หม่อมอุ๋ย .....ผมว่าหม่อมอุ๋ย ไม่น่าทิ้งระเบิดไว้ .....ดูใจเสาะไปหน่อย...ไม่ค่อยแมนเท่าไหร่
อย่าดูถูกรากแก้วนะคะ ความสามารถในการมีชีวิตรอดเค้าสูงกว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ นะคะ เห็นได้ข่าวว่า พักนี้ ชาวบ้านภาคอิสาน เค้ารวมกลุ่มกันทำแซนวิช ส่งขาย เดือนนึงได้รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ตกคนละ 15000-20000 บาท ต่อเดือนนะคะ เรื่องหนี้ชาวบ้านเค้าเจอมานานแล้วค่ะ หนี้นอกระบบที่เจอหนักกว่าอีก ที่น่ากลัวคือ เงินกู้นอกระบบในเมืองมากกว่า หวังว่าคงจะไม่ได้เห็นภาพคนทวงหนี้ตามตัดแขนตัดขาลูกหนี้ขัดดอกให้เห็นอีกนะคะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2007, 12:43 โดย แอ่นแอ๊น »
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
tu249cm
|
 |
« ตอบ #51 เมื่อ: 01-03-2007, 12:48 » |
|
โห กลับลำด่าไอ้แป๊ะสถุลกันใหญ่เลย กลัวตกยุคหรือไง ทำตัวเป็นหม่อมอุ๋ยไปได้ เห็นท่าไม่ดีรีบชิ่งหนีไว้ก่อน ร่างบทความ บทกลอน บทกวี ไว้บูชาทักษิณหรือยัง เดี๋ยวถ้าเหตุการณ์มันชัดกว่านี้อีกหน่อยจะเตรียมตัวไม่ทันนะจ๊ะ เหอ เหอ
เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า คนที่นี่ที่เขาตำหนิสนธิ ลิ้มน่ะ ไม่ใช่ว่าจะกลับลำไปชื่นชมไอ้หน้าเหลี่ยมหรอกนะ ไอ้เลวคนนี้เชิญคุณชอบแถบูชามันเป็นบิดาไปคนเดียวเหอะ.... แหวะ ... จะอ้วก!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ดีใจพวกเราที่มีอุดมการณ์เดียวกันจะมีบ้านพักเล็กๆแต่อบอุ่นสำหรับมาสังสรรค์ ฮาเฮ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทั้งในเรื่องการบ้านการเมืองและสัพเพเหระ (พันนาม#สมาชิกno.239)
|
|
|
An.mkII
|
 |
« ตอบ #52 เมื่อ: 01-03-2007, 14:57 » |
|
ปราบอ้ายเหลี่ยมยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังไม่อยากจะปรามพวกเดียวกัน  ต่อให้พวกเราคนนั้น จะทำให้ประเทศพัง ก่อนที่เหลี่ยมจะพัง เราก็ไม่ควรปราบงั้นรึครับ... และผมก็ไม่ได้ว่ารังเกียจสนธิแบบรับไม่ได้ แต่ในบางกรณีี๊สนธิแกก็ทำเกินไป.. ซึ่งประเด็นที่ปู่เย็นแกว่ามาก็มีส่วนถูุกต้องมิใช้หรือ.... ฉะนั้นผมก็ต้องขอพูุดในฐานะ กัลยานนิมิตร ก็ล่ะกัน แบบคำที่เขาเคยพูดเคยเตือนคนอื่น ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.. มายืนยันและย้ำนะคะ ว่าไม่ว่า สนธิจะกร่าง พูดเอาดีใส่ตัวแค่ไหน อย่างมากก็เลือกที่จะดูหรือไม่ดู เชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น แต่พฤติกรรม ที่แอนว่ามาข้างต้นต่างหากค่ะ ที่น่ารังเกียจ ถึงได้ถามไงคะว่า ไหนว่ากลับตัวแล้ว ไม่ทำชั่วอย่างที่เคยเป็นมาแล้วไง Don't Missing the Point แหม.. เข้าใจสิครับ และถ้าไม่เข้าใจ.. ผมจะเน้นคำว่า กัลยานมิตร ทำไม เพราะที่ผมเน้น นั้นหมายความว่าผม ประชด ครับ.. เพราะผมได้ฟังเวลาสนธิมันพูดที่เวลามันว่าใครและมันลงท้ายด้วยคำๆนี้ทีไร ผมก็เเทบอยากจะถีบวิทยุเหมือนกัน.. เพราะผมมีความคิดว่า มันต้องมีวาระซ่อนเร้นอะไรเเน่นอน .. เพราะคำพูดคำนี้มันได้เเสดงถึงอาการของคนที่มันร้อนตัว.. ที่ว่ามันกลัวคนจะหาว่าการที่มันนั้นพูดแบบนั้นแบบนี้ เพราะมันมีผลประโยชน์หรือวาระซ่อนเร้นอะไรของมันรึเปล่า.. ฉะนั้นมันก็เลยต้องออกมาร้อนตัวโดยพูดว่า กัลยานมิตร อย่างไงล่ะครับ.. และด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่เคยเชื่อใจในการกระทำของคนๆนี้อย่างล่ะครับ..แบบที่ผมได้อธิบายไปในข้างบนที่มาแก้ไขเพิ่มเติม..ภายหลัง.. ที่ว่าถึงจะร่วมด้วยแต่ก็ไม่เคยเชื่อใจ.. และอีกสาเหตุที่เมื่อก่อนตอนไล่เหลี่ยมผมก็เเทบจะไม่เคยด่าแก ที่ว่าขนาดตอนเชียร์เหลี่ยมผมก็ด่า เพราะผมก็คิดว่าคนเรานั้นถึงเเม้นผมจะไม่เชื่อใจ แต่ผมก็ยังให้โอกาศคนครับ.. แต่บางคนนั้นมันไม่สำนึกตัวก็แบบที่คณว่ามานั้นแหละครับ...ฉะนั้นเราก็ไม่ควรจะปล่อยมันเหมือนกัน... อ้ออีกนิด.. ด่าสนธิก็ประเด็น ด่าอ๋วยก็ประเด็น และเรื่องสมคิดก็ประเด็น และเรื่องเหลี่ยมก็ประเด็น ฉะนั้นอย่าได้เหมารร่วมว่า ด่าสนธิจะต้องชื่นชมใครรึไม่ชื่นชมใคร.. เพราะก็แบบที่ว่าผมเป็นคน เป็นคนที่เเยกเเยะอะไรเป็นครับ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
skl98
|
 |
« ตอบ #53 เมื่อ: 01-03-2007, 15:17 » |
|
เออ..... คือว่า...... ความเห็นผมน่ะ
สนธิ เองก็รู้ตัวอยู่ว่า ทำอะไรได้บ้าง แกเองก็เล่นบททุ่มสุดตัว ปากก็บอก ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แต่ความจริงถ้าเลี่ยงได้แกก็คงเลี่ยง
พันธมิตรที่ติดตามแก ก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยทุกเรื่อง ยืนยันได้
สนธิ หลอกพันธมิตรไม่ได้หรอก ดูตอนแกเชียร์สมคิดซิ พันธมิตรไม่เอาด้วย กลับลำ 180 องศา เกือบไม่ทันแน่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา หน้าที่เรา รักษา สืบไป ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า จะได้มี พสุธา อาศัย อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย ถึงขู่ฆ่า ล้างโคตร ก็ไม่หวั่น จะสู้กัน ไม่หลบ หนีหาย สู้ตรงนี้ สู้ที่นี่ สู้จนตาย ถึงเป็นคน สุดท้าย ก็ลองดู บ้านเมืองเรา เราต้อง รักษา อยากทำลาย เชิญมา เราสู้ เกียรติศักดิ์ ของเรา เราเชิดชู เราสู้ ไม่ถอย จนก้าวเดียว..... 
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #54 เมื่อ: 01-03-2007, 15:26 » |
|
เรียนคุณ มิกิ รับแซ่บ คับ ช่วยถีบ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
HOEI
|
 |
« ตอบ #55 เมื่อ: 01-03-2007, 15:36 » |
|
 นาทีนี้ต้องแทงกั๊กครับ ทุกคนเพลย์เซฟหมด ยกเว้นแป๊ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
qazwsx
|
 |
« ตอบ #56 เมื่อ: 01-03-2007, 15:52 » |
|
เข้ามา "ออกตัว" ครั้งที่ 2 ครับ คือ ผมไม่ติดใจรหรือขัดแย้งแป๊ะลิ้้มตรงเนื้อหา ( CONTENT ) ที่แกนำเสนอ นะครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวประเด็น - รายละเอียด - ที่มา ( ตรงนี้แกทำได้ดีเป็นพิเศษ ) หรือแม้แต่สำนวน "ทุบแกมถีบ ( อย่างแกคงไมสามารถใช้คำว่า "หยิกแกมหยอก" )" แบบที่แกใช้กับบุคคลในข่าว หรือกลุ่มบุคคลในข่าว เหล่านั้น "ทำดีแล้ว" ครับ ซึ่งผมออกจะ "ชื่นชอบ - ชื่นชม" ถึงขนาด "ทำให้ติดตาม" นั่นเทียวล่ะ แต่สิ่งที่ผม Comment แกในกระทู้นี้ก็คือ "พฤติกรรม" อันเป็น "อัตตานิยม + ขาดความประนีประนอม ( กับคนที่เขาถอยไปแล้ว - ส่วนกับพวกที่ยังไม่ถอยก็ไม่ต้องไปประนีประนอมกับมันหรอก )" ซึ่งเปรียบเสมือน "ความร้อนแรง" ที่คุณสนธิถือโอกาสฝากไว้ ( เป็นรอยไหม้ ) ในขณะที่ "ให้แสงสว่าง" ตรงนี้ "ไม่ดี" ครับ จะกลายเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่ติดตามชมรายการ ( ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ลูกชายผม ) ว่า ถ้าจะด่าใครแล้วก็อย่าลืมยกย่องตัวเองและพวกพ้องด้วย...อะไรทำนองนี้ สำหรับกรณี "ให้เกียรติ" หรือ "ให้เครดิต" กับทีมงาน Manager ที่เสี่ยงปืนเสี่ยงตีนร่วมกับคุณสนธิมาตลอด ...อันนี้ ไม่เป็นไรครับ ...น้อง ๆ หรือเด็ก ๆ ( รวมไปถึง แก่ ๆ  ) ในทีมงาน Manager สมควรได้รับอยู่แล้ว รวมไปถึงการ "ให้เกียรติ" หรือ "ให้ความนับถือ" ต่อลูกค้า + Fanatics ของ ASTV ( และสิ่งพิมพ์ในเครือและในภาคีของ "ผู้จัดการ" ) ...อันนี้ก็ "ว่าไปตามความพอเหมาะพอสม" เถิด อย่าถึงกับ "ยกตน ( บุคคลที่ 2 - ผู้ฟัง ผู้ชม ASTV ) ไปข่มท่าน ( บุคคลที่ 3 - ผู้ที่พอใจกับการดูละครแย่งผัวแย่งเมีย - ตบกันจนแป้งรองพื้นหลุดติดมือ )" เลย ...จะพาลสร้าง "แนวร่วม" ให้ฝ่ายที่ขัดแย้งกับคุณสนธิ หรือสร้างแนวร่วมให้กับ "คนรักทักษิณ" ไปเปล่า ๆ เพราะว่า ชาวบ้านที่ชอบดูละครทีวีประเภทตบตี - แย่งผัวแย่งเมีย หลาย ๆ คน / หลาย ๆ ครอบครัว ก็ไม่ได้ชอบทักษิณนะครับ เพียงแต่เขามีเหตุผลของเขา ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับของคุณสนธิ หวังว่าคงไม่แตกประเด็นออกไปจากนี้มากนัก ด้วยความเคารพ ( ต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล ) ว่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2007, 15:55 โดย qazwsx »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
 |
« ตอบ #57 เมื่อ: 02-03-2007, 11:04 » |
|
......................................................................................................................................... คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมืองหรือ ข้าราชการกังฉิน ว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่ออะไร ได้อะไร เสียอะไร คนที่ไม่ได้มีโอกาสดู ASTV เลย ไม่ถือว่าโง่ครับ เพียงแต่จะไม่รู้ทันนักการเมือง รู้ทันสื่อ เพราะ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าทุกวันนี้ชาวบ้านชอบดูชอบฟังการเล่าข่าว หรืออ่านหนังสือ พิมพ์ อ่านรายงานข่าวให้ฟัง โดยทิศทางการนำเสนอข่าวก็เป็นในลักษณะเอาตัวรอดปลอดภัยไว้ก่อน ฟังหรือดูกันแล้วก็ผ่าน ไปไม่เอามาคิดให้รกสมอง สู้พูดคุยกันถึงละครหลังข่าวไม่ได้ สนุกกว่า ด้วยความเคารพ จขกท. นะครับ  คำว่า "คนดู ASTV ฉลาด" ที่สนธิพูดถึงนั้น ความหมายก็คือ ดูบ่อย ๆ แล้วจะรู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมือง.........ผมเห็นด้วยกับคุณ noppon ที่ยกมานี้......ผมคิดว่าคุณสนธิ ลิ้มฯ ต้องการสื่อให้ประชาชนที่ดูช่อง 11 รายการ'ยามเฝ้าแผ่นดิน'นั้นได้รับรู้ว่า การได้ชม ได้ฟัง'ยามเฝ้าแผ่นดิน'ตามแบบฉบับของคุณสนธิ ลิ้มฯ จะทำให้'ทันนักการเมือง' โดยเฉพาะเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก นิติกรบริการ อลัชชีกฏหมาย และลูกจ้างบริษัทเทียมรักเทียม ที่ใช้แผน'ทุจริตทางนโยบาย' ล้างสมองคนชมรายการจากสถานีโทรทัศน์ 3 5 7 9 11 ITV และ ยูบีซี ด้วย'โกงแต่ทำงาน' ตลอดเวลา 5-6 ปี.....แม้จะถูกหลอกให้ซื้อบ้านเอื้ออาทร ราคาแพงกว่าที่ควร ก็ยังไม่รู้สึกตัว ยังยกย่อง สรรเสริญ สำนึกถึงบุญคุณของเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เป็นต้น..... ถ้าใช้'ตะแกรงปัญญากรองเอา'สาระ' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง.... ถ้าเอาแต่ใจ พูดถึง 'โวหาร' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง...........
แล้วแต่คนชม คนฟัง จะพิจารณาครับ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าปล.1 ถ้าเคยไปนั่งฟัง ยืนฟัง เดินฟัง'เมืองไทยรายสัปดาห์' ที่สวนลุมพินี ถนนมัฆวาน สนามหลวง และ สยามพารากอน..... พิจารณาคนที่ไปร่วมชุมนุมต่อต้านเผด็จการโฉด มีการศึกษา มีสติปัญญาสูงกว่า เหนือกว่าการชุมนุมของ'คาราวานคนจน'ที่สนามหลวง และสวนลุมพินี แน่นอน......
ปล.2 ผลพวงของการต่อสู้ แฉโพยพฤติกรรม การฉ้อราษฎร์บังหลวงของกลุ่ม'อำนาจเก่า'ของคุณสนธิ ลิ้มฯ กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่มนักวิชาการ ผู้นำทางความคิด คณาจารย์ ที่ไม่ได้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ทำให้การรัฐประหารคราวนี้ เป็นที่ยอมรับ เป็นที่'เข้าใจ'ได้ระดับหนึ่ง..... ปล.3 วันนี้จะ'เพ่ง'ความประพฤติของคุณสนธิ ลิ้มฯ หรือ 'ผลงาน' ผลพวงที่เปลี่ยนแปลงการเมืองไทย การบริหารบ้านเมืองไทยในขณะนี้.....  ไม่ได้ เข้ามาหลายวันเริ่ม คึกคักดีแฮะ 
ไม่อยากบอกอะไรมาก ก็แค่เห็นด้วยกับ มุมมองของลุงปุครับ
คนที่มีวิจารณญาณ ฟังทักษิณ ก็คงไม่เชื่อทักษิณ ทุกอย่าง ฟังสนธิก็คงไม่เชื่อสนธิ ทุกอย่าง
แต่หากดูเจตนา หรือ สิ่งที่เค้าพูดแล้ว สนธิคนหัวหมู่ ที่สมควรเป็นผู้นำอย่างยิ่ง
บางอย่างควรลดบ้าง ก็เป็นธรรมดา ที่คนที่มาถึงขั้นนี้ มันก็ต้องมีผิดพลาดบ้าง เพราะเค้าออกตัว ทุ่มสุดตัว เปิดเผย
ใครที่เห็นว่าสนธิ ผิด ประการใหน ก็มีหลักฐานทั้งนั้น จะฟ้องได้เสมอ ถ้าคิดว่าชนะ
การที่มีคนออกมาสร้างปัญญาให้รู้ทันนักการเมืองซักคน มันเป็นเรื่อง ที่ลำบาก และ ก็เจอมีดเจอดาบ เจอรองเท้า ต่อไป ก็คงหาคนที่ทำเพื่อภาคประชาชน ได้ยากจริงๆ
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง
ถ้าใช้'ตะแกรงปัญญากรองเอา'สาระ' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง.... ถ้าเอาแต่ใจ พูดถึง 'โวหาร' ก็จะได้'ความ'อย่างหนึ่ง...........
แล้วแต่คนชม คนฟัง จะพิจารณาครับ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แต่หาก เจตนา ย้ำว่าเจตนา อยากพาคนไปตายจริงๆ ผมก็ขอประนามและสาปแช่ง เหมือนกัน
ส่วนกิริยา ต่างๆ ที่แปะ แสดงนั้น ใครจะชอบไม่ชอบอันนี้ สุดแล้วแต่ครับ เพราะผมยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #58 เมื่อ: 02-03-2007, 12:00 » |
|
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง <<<< โอยได้ยินประโยคจะชักดิ้นชักงอ ยิ่งกว่า ไส้เดือนถูกขี้เถ้า สงสัยคุณบุนโตไม่ได้อ่านที่แอน อย่าเอาคนที่มารวมตัวไล่ทักฯ ไปรวมกับแปะนะคะ เพราะม๊อบที่ใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรมารวมด้วย จะมีคนจำนวนนึงที่จะไม่มาม๊อบสนธิแหละค่ะ แอนเป็นคนนึงในนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #59 เมื่อ: 02-03-2007, 12:32 » |
|
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง <<<< โอยได้ยินประโยคจะชักดิ้นชักงอ ยิ่งกว่า ไส้เดือนถูกขี้เถ้า สงสัยคุณบุนโตไม่ได้อ่านที่แอน อย่าเอาคนที่มารวมตัวไล่ทักฯ ไปรวมกับแปะนะคะ เพราะม๊อบที่ใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรมารวมด้วย จะมีคนจำนวนนึงที่จะไม่มาม๊อบสนธิแหละค่ะ แอนเป็นคนนึงในนั้น
เจ๊ เรื่องนี้ใครก็รู้ว่าอดีตของแป๊ะลิ้มเป็นไงมาไง ก็เหมือนอดีตของหลายๆคน เช่น พี่ใหญ่อ.ย. เพียงแต่ว่าที่เจ้าของกระทู้เขาตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็สะท้อนความหงุดหงิดขึ้นมา เพียงแต่ว่า ก็ยังต้องให้เครดิตแป๊ะลิ้ม 1.เพราะแกมีสื่อในมือมันแพร่ข้อมูลง่ายกว่า 2.มีข้อมูลเพียบเพราะคบกับเหลี่ยมมาก่อน 3.ชั้นเชิงการพูดกินขาด ก็เท่านั้นแหละ เรื่องนิสัยเดิมๆที่เจ้าของกระทู้กล่าวไว้ นั่นเราก็รู้ ไม่งั้น อ.เจิม คุณการุณย์ อ.วุฒิพงษ์ ลุงกินเจผมเกรียน ทูตอัษฎา คุณอมรินทร์ คงไม่มาร่วมหรอก
ลองเอา นายพิภพ นายใส นายสมเกียรติ ที่ว่าเป็นพันธมิตร ถามว่าจะเหลือกี่คน แต่ละคนเงินก็ไม่มี ที่ว่าเป็นองค์กรนั่นนี่ พูดซะภาพออกมา grand ซะ องค์กรละ 20 คนจะถึงหรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #60 เมื่อ: 02-03-2007, 12:36 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
|
Kittinunn
|
 |
« ตอบ #62 เมื่อ: 02-03-2007, 13:16 » |
|
เสาวลักษณ์ กาญจนสาลี, กตัญญู ประยุกต์ศิลป์
กฤษณะล้วงลูก ล้วงลึกขุมทรัพย์หมื่นล้าน
ของ 'เอกยุทธ' หรือ 'จอร์จ ตัน'
วันนี้ชื่อชั้นของ เอกยุทธ อัญชันบุตร จากอดีตบุคคลล้มละลายในคดีแชร์ชาร์เตอร์ กำลังเปลี่ยนไป สังคมจับความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว บ้างก็ยกย่องเป็น 'ฮีโร่คนใหม่' หรือ 'จอมแฉชูวิทย์ 2' บ้างก็มองด้วยความระแวง ว่าเป็นร่างทรงขบวนการ 'คนรู้ทันทักษิณ' ที่เดินหมากการเมืองใต้ดิน
แม้ครั้งหนึ่งเขาจะมีชนักปักหลังในฐานะผู้ร่วมก่อการรัฐประหารล้มเหลว หรือ 'กบฏ 9 กันยา' เมื่อปี 2528 ซึ่งมี พ.อ.มนูญ รูปขจร (ตำแหน่งและยศขณะนั้น) เป็นผู้นำ จนต้องหลบลี้ออกนอกประเทศไปกว่า 20 ปี
สำหรับการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ของเอกยุทธ ในฐานะเจ้าของกิจการเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลับไม่ใช่การมาลงทุนทำธุรกิจ แต่เป็นการเปิดตัวกับกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่ยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ พร้อมเดินทางเข้าไปเจรจากับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์
ตามมาด้วยข่าวการตั้งพรรคประชาธรรม ที่มีเงินทุนพร้อม และเตรียมการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ
ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เอกยุทธหายหน้าไปจากเมืองไทย รอจังหวะกระแสข่าว 'ผู้ว่าฯ คนใหม่' และ 'ฮีโร่โอลิมปิก' ค่อยๆ จางลง
เอกยุทธจึงเดินหน้าออกมาเปิดเผยชื่อย่อนักการเมือง 'ป' และ 'ส' ที่เขาอ้างว่ามีส่วนทำให้เกิดความผิดปกติในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จนทำให้นักลงทุนเสียหายกว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายการ 'ปั่นหุ้น' ธนาคารนครหลวงไทย (SCIP-C1) อย่างไม่เกรงกลัวใครเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ยิ่งทำให้ผู้คนในสังคม อยากรู้อยากเห็นว่าแท้จริงแล้ว 'เอกยุทธ' เป็นใคร? มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนไหนหนุนหลัง?
จริงๆ แล้วคำถามข้างต้นนี้ เอกยุทธต้องเผชิญตั้งแต่วันแรกที่เปิดเผยตัวตนเมื่อกลางเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะประเด็นความมั่งคั่งของเขา
"ขอเชิญนักข่าวไปดูได้เลยที่อังกฤษ ให้เห็นว่าธุรกิจที่ผมทำนั้น มีอะไรบ้าง และที่อังกฤษนั้นโกหกใครไม่ได้ รัฐบาลอังกฤษก็โปร่งใสพอที่จะตรวจสอบ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้ร่ำรวยจากการทำสัมปทานผูกขาด"
เอกยุทธพูดท้าทายสื่อมวลชนไว้ในห้วงเวลานั้น ซึ่ง กฤษณะ ไชยรัตน์ พิธีกรอารมณ์ดีแห่งเครือเนชั่นกรุ๊ป จึงรับอาสาพาไปดูขุมทรัพย์ของเอกยุทธ ให้เห็นกันทุกซอกมุมถึงกรุงลอนดอน
นับจากบรรทัดนี้ไป คือคำบอกเล่าของคนข่าว..ผู้ถนัดล้วงลูก และนำเรื่องจริงที่กลั่นจากสาระข่าวสารและความสนุกสนาน จึงมีแง่มุมที่น่าสนใจติดตามเป็นอย่างยิ่ง
0 ที่ลอนดอน ถ้าพูดถึงชื่อเอกยุทธ คนไทยที่นั่นรู้จักดีแค่ไหนคะ
ผมไปที่นั่น ก็ได้เจอคนไทยหลายคน เพราะคนไทยในอังกฤษมีตั้ง 3-5 หมื่นคน แล้วก็อยู่ในลอนดอนมากที่สุด มีทั้งนักธุรกิจ พ่อค้าแม่ขาย นักเรียนนักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ก็รู้จัก แต่เขาจะรู้จักในชื่อ 'จอร์จ ตัน' มากกว่า เพราะเวลาทำธุรกิจในต่างประเทศ คุณเอกยุทธจะใช้ชื่อนี้ ผมยังถามคนไทยที่ลอนดอนอีกว่า คนไทยที่คนไทยด้วยกันรู้จักมากที่สุดในลอนดอนคือใคร เขาบอกว่า คือ ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ซึ่งตอนนี้คุณภูไปใช้ชีวิต และเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ในลอนดอน แต่คุณภู ก็ไม่ได้มาจอยอะไรกับคุณเอกยุทธ ต่างคนต่างอยู่มากกว่า
0 คนไทยในลอนดอน รู้จักคุณจอร์จ ตัน ในแง่ไหน
คนไทยในลอนดอนจะรู้จักจอร์จตัน ในฐานะเจ้าของร้านอาหาร 'กำทอง' และเป็นเจ้าของห้างโอเรียนเต็ลซิตี้ แต่ดูเหมือนว่าถ้าเอ่ยชื่อร้านกำทอง ใครๆ ก็มักจะร้อง อ๋อ..ทันที ใครที่ไปลอนดอน ก็มักจะไปแวะทานอาหารที่ร้านนี้กันเยอะ
0 ชื่อจอร์จ ตัน มาจากไหน
คนไทยที่ไปทำธุรกิจต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะต้องมีชื่อภาษาอังกฤษ เพื่อให้ง่ายแก่การเรียก และจดจำ คุณเอกยุทธก็เลยตั้งชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ จากชื่อเล่นป๊อด ก็มาเป็นจอร์จ ส่วนตัน มาจากภาษาแต้จิ๋ว มีคนใช้เยอะ และเรียกง่าย จึงเป็นที่มาของชื่อ จอร์จ ตัน
0 การเยี่ยมชมธุรกิจของเอกยุทธ ที่เมืองลอนดอน เริ่มต้นที่ไหนก่อนคะ
ผมไปถึงลอนดอนช่วงค่ำวันเสาร์ คุณเอกยุทธก็พาไปเที่ยวชมร้านอาหาร 'กำทอง' เป็นตึกแถวกว้างประมาณ 4 คูหา ร้านอาหารมีเฉพาะชั้นล่าง ชั้นบนไม่เกี่ยว ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ย่านถนนควีนส์เวย์ เยื้อง ๆ กับร้านเป็ดย่างโฟร์ซีซั่น ที่คนไทยชอบไปนั่งกินเป็ดกันนั่นล่ะครับ วันที่ผมไปถึงเป็นช่วงค่ำวันเสาร์ มีคนมานั่งทานอาหารที่ร้านกำทองแน่นเลย เห็นเขาว่าเมนูเด็ดร้านกำทอง จะเป็นพวกติ่มซำ เป็ดร่อน
0 ไปลอนดอน ได้ไปชิมเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นด้วยหรือเปล่า
ถือเป็นไฟท์บังคับเลยครับ ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่านักการเมืองไทยอักษรย่อ 3 ส ไปนัดพบเจรจาข้อตกลงลับ 3 ส ก็ไปนั่งกินเป็ดที่โฟร์ซีซั่นนี่แหละ คนไทยที่ไปลอนดอน โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเป็ด ต้องไปที่ร้านโฟร์ซีซั่น ย่านถนนควีนส์เวย์ ซึ่งอยู่เยื้องๆ ร้านกำทองของคุณเอกยุทธนั่นแหละ เพราะย่านนั้นเป็นย่านอาหารการกิน มีร้านอาหารดัง ๆ มากมายหลายร้าน แต่ถ้าเป็ด ว่ากันว่า..สุดยอดต้องที่นี่ ครั้งหนึ่งหม่อมถนัดศรี ถึงขนาดชวนชิมว่า..เป็ดร้านนี้ อร่อยที่ซู้ดในโลก ก็เลยยิ่งทำให้คนไทยต้องไปกินเป็ดกันที่ร้านนี้ ผมเข้าไปในร้าน ซึ่งเป็นร้านค่อนข้างแคบ เป็นห้องแถวคูหาเดียว มีโต๊ะประมาณ 10 โต๊ะ มองไปรอบๆ เห็นคนไทย นักศึกษาไทย มานั่งทานกันประมาณ 7-8 โต๊ะ ที่เหลือเป็นโต๊ะว่าง
เห็นเขาว่าเป็ดย่างโฟร์ซีซั่น เป็นเป็ดที่นำมาจากสก็อตแลนด์ เนื้อนุ่มหวานมัน แต่ใครที่กำลังคุมน้ำหนัก หรือไม่ชอบรสหวานคงไม่ชอบเท่าไหร่ ผมเองก็รู้สึกเฉยๆ
0 จากนั้นเดินทางไปที่ห้าง 'โอเรียนเต็ล ซิตี้' ในวันรุ่งขึ้น
ครับ วันต่อมา คุณเอกยุทธก็พาไปดูธุรกิจค้าปลีกของเขา ก็คือ ห้างสรรพสินค้า 'โอเรียลเต็ล ซิตี้' ตั้งอยู่บนถนน Edgware ในย่าน Colindale ซึ่งเป็นย่านที่มีคนเอเชียอาศัยอยู่ในแถบนี้เยอะ ทั้งคนไทย คนจีน คนเวียดนาม คนสิงค์โปร์ ฯลฯ ซึ่งปีหน้าคุณเอกยุทธบอกว่าจะเปิดอีกสาขาในกรุงลอนดอน
0 เท่าที่เห็น เป็นอย่างไรบ้างคะกับห้างสรรพสินค้านี้ที่เอกยุทธชอบพูดถึงอยู่เสมอ
ก็เป็นห้างที่ค่อนข้างใหญ่ ดูคล้ายๆ บิ๊กซี-โลตัสบ้านเรา ห้างนี้มี 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 11 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ เท่ากับ 2.5 ไร่) โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนห้างใช้พื้นที่ 7 เอเคอร์ อีก 4 เอเคอร์ คุณเอกยุทธ กำลังทำโครงการจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ซึ่งราคาที่ดินในลอนดอน คุณเอกยุทธคุยให้ฟังว่าตกประมาณเอเคอร์ละ 200 ล้านบาทขึ้นไป คิดแค่ที่ดิน 11 เอเคอร์ ก็จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาทแล้ว สงสัยคุณเอกยุทธคงจะรวยจริง (หัวเราะ)
0 แล้วบรรยากาศในห้างฯ เป็นอย่างไรบ้าง
ก็มีสินค้าวางขายมากมายหลายอย่าง มีทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงอาหารการกิน เช่น พืช ผัก ผลไม้ ก็เป็นแบบซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างบ้านเรา และก็มีพื้นที่ให้ร้านค้ามาเช่าขายของ มีลานแสดงสินค้า มีฟู้ดส์คอร์ต ที่มีร้านอาหารคนไทยไปเปิดขายกันคึกคัก
คุณเอกยุทธยังบอกด้วยว่าที่ห้างของเขามีสินค้าหลายอย่างที่นำมาจากเมืองไทย โดยเฉพาะพวกผัก และผลไม้ต่างๆ เพราะของเรารสชาติดีที่สุด อย่างเช่นทุเรียน ที่ไหนปลูกรสชาติก็สู้ของไทยเราไม่ได้ ผมก็ขนจากเมืองไทยมาขายที่นี่
มาเปิดเป็นร้านขายทุเรียน มีบุฟเฟ่ต์ทุเรียน กินได้เต็มที่ มื้อละ 12 ปอนด์ (ประมาณ 900 บาท)
นอกจากนี้ ในห้างฯ ยังมีบ่อนกาสิโน เพราะที่อังกฤษเขามีบ่อนกาสิโนได้โดยถูกต้องตามกฏหมาย ส่วนชั้น 2 จะเป็นร้านอาหาร คล้ายๆ ร้านกำทอง เน้นอาหารจีน และอาหารไทยก็มี รู้สึกคุ้นเคย และอบอุ่นเหมือนอยู่เมืองไทย ถัดออกไปก็จะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง
0 เห็นอาคารสำนักงานเขาไหมคะ
เออ..แปลกนะ ผมก็ถามคุณเอกยุทธว่า ห้องทำงานอยู่ตรงไหน เขาบอกว่าเขาไม่มีห้องทำงาน เพราะการทำงานของเขา ไม่ต้องนั่งโต๊ะ แต่จะเดินตรวจงานไปเรื่อย ถ้ามีประชุมก็จะใช้ที่ห้องอาหารในห้างมานั่งคุยกัน
0 โอเรียนเต็ล ซิตี้ ต่างกับห้างแฮร์รอดของมหาเศรษฐีมูฮัมหมัด อัลฟาเอ็ดแค่ไหน
ห้างแฮร์รอดจะดูหรูหรากว่า ถ้าจะเปรียบแฮร์รอดคงเป็นเหมือนเอ็มโพเรี่ยมบ้านเรา คือเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน ระดับไฮโซหน่อย เพราะแค่เข้าห้องน้ำ ก็ต้องเสีย 2 ปอนด์ (150 บาท) จะหนัก จะเบาก็ต้อง 2 ปอนด์ เลยมีคนบอกว่าค่าเข้าห้องน้ำที่แฮร์รอดแพงที่สุดในโลก (ฮ่าๆ)
ส่วนโอเรียนเต็ลซิตี้ ห้องน้ำเข้าฟรี ดูจะคล้ายๆ ห้างโลตัส-บิ๊กซีมากกว่า โดยจะมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวเอเชีย เดินเข้าไปในห้างก็จะเห็นคนจีน คนไต้หวัน คนไทย คนเวียดนาม มาเดินซื้อของกันคึกคัก เพราะในย่านคอลลินเดลเป็นย่านคนเอเชียอยู่แล้ว
0 เอกยุทธ เป็นคนอย่างไร
ผมมองว่าคุณเอกยุทธ เป็นคนสไตล์กล้าได้กล้าเสีย ออกแนวบู๊ๆ ใจถึง มีเพื่อนฝูง มีเครือข่ายกว้างขวาง อย่างธุรกิจในเครือโอเรียนเต็ลมาร์ท กรุ๊ปของเขาก็มีหุ้นส่วนเป็นเพื่อนชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย คือ Ronal Lim และ John Lim
ดูจากประวัติของเขา ตั้งแต่เข้าสู่วงการ เป็นผู้จัดการบริหารดูแลแชร์ชาร์เตอร์ที่มีวงเงินหลายพันล้านบาท ตอนนั้นเขามีอายุแค่ 24-25 ปี ซึ่งไม่ธรรมดาแน่นอน
0 เวลาพูดถึงธุรกิจ 'โอเรียนเต็ล ซิตี้' ดูเอกยุทธจะต้องการเน้นเรื่องอะไร
เขาจะเล่าว่า เป็นธุรกิจที่ช่วยระบายสินค้าจากเมืองไทยมาขายที่นี่ ทั้งพวกข้าวของเครื่องใช้ และโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่ห้างเขาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้ครัวไทยสู่ครัวโลกในภาคปฏิบัติ คุณเอกยุทธยังบอกด้วยว่า เขาตั้งใจจะทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางสินค้าโอท็อปจากเมืองไทยด้วย เพราะสินค้าไทยได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวต่างชาติมาก ซึ่งทีแรกตัวแทนรัฐบาลไทยก็เดินทางมาดูสถานที่กันเรียบร้อยเสร็จสรรพแล้ว แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
0 ปัจจุบันเอกยุทธอายุเท่าไรกันแน่
อายุ 44 ปี เพราะเขาเกิด พ.ศ.2503
0 ประวัติเอกยุทธเป็นอย่างไร
เกิดวันที่ 29 มิถุนายน 2503 ส่วนวันอะไร เวลาไหน คุณเอกยุทธไม่ยอมบอก เพราะกลัวจะมีคนเอาไปทำคุณไสย บางมุมในชีวิตของเขาก็ค่อนข้างลึกลับ อย่างครั้งหนึ่งคุณเอกยุทธเคยเดินทางไปพบหมอดูชื่อดังคนหนึ่งที่มีคนเชิญมาดูหมอในลอนดอน เป็นหมอดูชาวพม่า นักการเมืองระดับบิ๊กๆ ในเมืองไทยรู้จักกันดี เพราะดูแม่นมาก
ก็มีคนบอกให้ดูให้คุณเอกยุทธหน่อย แต่เอกยุทธไม่ยอมให้ดู เพราะกลัวคนที่ไปด้วยจะรู้ความลับ โดยเฉพาะเมียที่ไปด้วย เขาจะไม่ให้รู้เด็ดขาด (หัวเราะเสียงดัง)
เอกยุทธเกิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรุงเทพฯ บ้านอยู่ลาดพร้าว มีพี่น้อง 5 คน ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 เอกยุทธเป็นคนที่ 3 ตอนนี้พี่น้องอยู่เมืองไทย 3 คน อยู่ต่างประเทศอีก 2 คน
ปู่คือหลวงสุนทรพันธรักษ์ เป็นนายทหารเก่า ส่วนคุณพ่อคือ ร.ต.แปลก อัญชันบุตร เป็นนายทหารคนสนิทของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คุณแม่ชื่อนันทา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ อายุ 70 กว่าๆ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกๆ หลานๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อก่อนหลังจากคุณพ่อลาออกจากราชการ ก็ทำธุรกิจค้าขาย ทำรับเหมาก่อสร้าง จัดสรรที่ดิน และส่งออกอาหารทะเล
0 เอกยุทธเรียนทางด้านไหนมาบ้าง
การศึกษาเบื้องต้น ชั้นประถมที่โรงเรียนราษฎร์อุปถัมภ์ ย่านถนนเจริญนคร แล้วมาต่อมัธยมที่โรงเรียนแม้นศรี สี่แยกแม้นศรี ถนนรองเมือง จบ ป.7 ก็ไปต่อโรงเรียนเทพประสาทวิทยาจนจบ ม.ศ.5
ทุกโรงเรียนที่เอกยุทธเรียนมาไม่มีแล้ว ยุบไปหมดแล้ว
หลังจบ ม.ศ. 5 เขาฝันอยากจะไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ยุคฮิบปี้-บุปผาชน ปี 2516 ราวๆ นั้น ก็ขอพ่อแปลกไปเรียน แต่ว่าพ่อไม่ให้ไป เพราะพ่อบอกว่าอยากให้จบปริญญาตรีที่เมืองไทยก่อน แล้วค่อยไปต่อปริญญาโทที่อเมริกา ด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ไป แต่ด้วยความหัวดื้อ ก็ไม่ฟังพ่อ แอบหนีไปกับเพื่อน 7-8 คน ขอเงินพ่อไป 500 ยูเอสดอลลาร์ ก็ได้ไปเรียนในต่างประเทศ
0 เริ่มต้นที่ไหนก่อนคะ
ตอนนั้น ปี 2517 ไปเรียนไฮสคูล เรียนที่ Ohama college ไปอยู่ได้ปีกว่าๆ ก็กลับเมืองไทย ปี 2519 ยุค 6 ตุลาพอดี มาเมืองไทยก็ช่วยพี่ชายทำธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ก็ไปลงเรียนที่ รามคำแหง คณะบริหารธุรกิจ เรียนไปด้วย ทำกิจกรรมเข้าซุ้มต่างๆ ไปด้วย ทำให้มีพรรคพวกเพื่อนฝูงในรามเยอะ อยู่เมืองไทยได้ 2 ปี ก็กลับไปที่อเมริกาอีก คราวนี้ไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แล้วก็กลับไปเรียนอีกทีที่ Pacific University ที่ฮาวาย
ในที่สุดไปอเมริการอบ 2 ก็เรียนจนจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ จากนั้นไปฝึกงานที่นิวยอร์ก ทำบัญชี การเงิน ไปฝึกงานในบริษัทของชาวอเมริกัน แต่ด้วยความมีหัวการค้า ก็ผันตัวเองมาเป็นเถ้าแก่ร่วมหุ้นลงทุนกับเพื่อน ซื้อรถเก่ามาขาย ตอนนั้นอายุ 22 ปี ก็เริ่มมีประสบการณ์การค้าระดับหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเมืองไทยอีกที
ตอนนั้นมาเมืองไทยมีเงินกลับมา 200,000 กว่าบาท อายุ 22 ปี ก็เริ่มเข้าสู่ยุทธจักรนักค้าเงินเก็งกำไร เริ่มมาเป็นลูกค้าในตลาด Community คือ ตลาดค้าเงิน ค้าทุน เปิดบัญชี เก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า
เอกยุทธบอกว่าตอนแรกๆ ทำไปก็ขาดทุน แต่ว่าได้ประสบการณ์ จนกระทั่งถึง พ.ศ.2525 ก็เริ่มเปิดเป็นบริษัท คอมูนิตี้ หุ้นกับเพื่อนๆ ชื่อว่าบริษัท Invester อยู่ติดกับโรงแรมเอเชีย ทำอยู่ปีกว่าๆ ก็เปลี่ยนเป็น charter ก็เลยมีเพื่อนผู้ใหญ่ในยุคนั้นลงขันซับพอร์ต ทำอยู่ 3-4 ปี เอกยุทธในฐานะกรรมการผู้จัดการ ก็ทำยอดหมุนเวียน มีเงินหมุนเวียนสูงสุด 7,000-8,000 ล้านบาท
0 เขาได้เล่าถึงช่วงที่หลบหนีออกนอกประเทศ หลังมีปัญหาคดีแชร์ชาร์เตอร์ ว่าอย่างไรบ้าง
พอเกิดคดีแชร์ชาร์เตอร์ ในปี 2527 เอกยุทธก็ถูกฟ้องล้มละลาย จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปจนกระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวอีกที เมื่อตอนเหตุการณ์กบฏ ปี 2528 โดยกลุ่มนายทหารยังเติร์ก เอกยุทธเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้ให้การสนับสนุนด้านเสบียงกรัง
จากนั้น ก็ต้องลี้ภัยครั้งใหญ่ ระหกระเหินไปในหลายประเทศ แต่อาศัยความเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ไปอยู่สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย เยอรมนี พร้อมๆ กับการเริ่มทำธุรกิจเป็นนักเก็งกำไรในตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งเอกยุทธบอกว่าเป็นฐานรายได้หลักของเขาที่มาใช้ลงทุนทำธุรกิจต่างๆ มากมายในปัจจุบัน
0 ธุรกิจของเอกยุทธในลอนดอนมีเยอะแค่ไหน
เท่าที่ทราบ ก็มี 3 ด้านหลักๆ คือ 1.การลงทุนเก็งกำไร ในตลาดเงิน ตลาดทุน ซึ่งไม่เฉพาะในอังกฤษ แต่เขาจะเดินสายไปทั่วโลก 2. ธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจร้านอาหาร ในลอนดอนเขามีอยู่ 3 ร้าน ที่ดังที่สุดคือ กำทอง ซึ่งเขาซื้อต่อมาจากชาวฮ่องกง
0 ตอนที่ไปช่วงนั้น เอกยุทธได้ส่งสัญญาณวางแผนไหมว่ากลับเมืองไทย แล้วจะมาแฉเรื่องตลาดหุ้น SCIB-C1
เขาก็คงเตรียมข้อมูล เอกสารหลักฐานต่างๆ เอาไว้แล้ว เพราะเขาเองก็อยู่ในวงการ ย่อมรู้ความเคลื่อนไหว ตลอดจนเทคนิค กลวิธีต่างๆ ใครคนไหน หุ้นอะไร มีเงินไหลเข้าไหลออกมากน้อยแค่ไหน เขาก็บอกว่ากลับไปเมืองไทยจะแถลงข่าวบอกประชาชน ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูก หรือผิด และควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่เบื้องหลังจริงๆ ผมก็ไม่ทราบว่า เขาออกมาชนมาแฉขนาดนี้เพราะอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง ผมยังถามเขาว่าออกมาแฉมาชนกับผู้มีอำนาจอย่างนี้ ไม่กลัวเหรอ เขาก็ยังตอบผมว่า..เขาพร้อมชน เพื่อความถูกต้อง เพื่อชาติบ้านเมือง และเขาก็ไม่มีธุรกิจในเมืองไทย จึงไม่ต้องกลัวอำนาจใดๆ มากลั่นแกล้งรังแก
0 ธุรกิจที่เฟื่องฟูของคนไทยที่ลอนดอน เป็นประเภทไหน
อาชีพยอดฮิตของคนไทยในลอนดอน คือ เปิดร้านอาหารไทย รองลงมาคือ นวดแผนโบราณ ตอนนี้กำลังมาแรง ฝรั่งชอบมาก ค่านวดชั่วโมงละเป็นพันบาท ค่าครองฃีพที่อังกฤษแพงมาก ค่าแรงขั้นต่ำประมาณเดือนละ 150,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 4-6 ปอนด์ (1 ปอนด์ : 74.55 บาท) เวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าเกินก็ต้องได้รับเป็นโอที ชั่วโมงละประมาณ 9 ปอนด์
0 ประเมินความร่ำรวยของเอกยุทธ อยู่ในระดับไหน
ดูจากทรัพย์สิน และธุรกิจต่างๆ จากกว่า 20 บริษัทในเครือของเขา ทั้งห้างโอเรียนเต็ลซิตี้ และร้านอาหารต่างๆ รวมทั้งการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน น่าจะไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 ล้านบาท เฉพาะที่โอเรียนเต็ลซิตี้ คุณเอกยุทธบอกว่ามียอดขายตกปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท และเขาก็ยังมีธุรกิจอีกหลายอย่างที่ไม่เปิดเผย หรือทำในนามคนอื่น ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ามีอะไรอีกบ้าง
ปีที่ 13 ฉบับที่ 641 วันที่ 13 - 19 ก.ย. 2547
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)  
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #64 เมื่อ: 02-03-2007, 13:19 » |
|
ไปๆมาๆ....ก็กัดกันเองตามประสาหมาบ้า อิชั้นหล่ะช๊อบชอบ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
justy
|
 |
« ตอบ #69 เมื่อ: 02-03-2007, 13:58 » |
|
ช่วงเวลาระบอบทักษิณ นั้น ต้องมีคนแบบสนธิอยู่ด้วย ไม่งั้น...Deangทั้งประเทศจริงๆ สนธิปากอย่างนั้น แต่ก็รู้สึกชอบสนธิน่ะ (รายการเขา ตั้งแต่ทักษิณออกไปแล้ว นานนนนๆฟังที) ชอบ 2 อย่างค่ะ 1.กล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าวิจารณ์ 2.ถ้าไม่มีสนธิ ระบอบทักษิณคงลุกลามไปอีกไกล อื่นๆที่ไม่ชอบมีเยอะค่ะ แต่ก็โอเคค่ะ แกพูดมากจริงๆ และก็ยกตัวเองเยอะจริงๆ..ธรรมดา ของ มนุษย์ค่ะ ผู้ฟังกรองเอาก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
|
|
|
An.mkII
|
 |
« ตอบ #70 เมื่อ: 02-03-2007, 14:35 » |
|
จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง <<<< โอยได้ยินประโยคจะชักดิ้นชักงอ ยิ่งกว่า ไส้เดือนถูกขี้เถ้า สงสัยคุณบุนโตไม่ได้อ่านที่แอน อย่าเอาคนที่มารวมตัวไล่ทักฯ ไปรวมกับแปะนะคะ เพราะม๊อบที่ใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรมารวมด้วย จะมีคนจำนวนนึงที่จะไม่มาม๊อบสนธิแหละค่ะ แอนเป็นคนนึงในนั้น
มาร่วมด้วยช่วยกันชัก  เพราะผมคิดว่าไอ้ประโยคเเรก.... ที่ว่า จะมีใครรวบรวมคนที่มีจิตใจรักชาติ น่ะผมเห็นด้วย เพราะคนอย่างสนธิมันนักพูดที่มีจิตวิทยาสามารถชักจูงคนได้ดีเป็นอย่างมาก.. แต่ไอ้่ประโยคหลังนี้สิ.... ที่ว่า อย่างบริสุทธิใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ได้เท่าเฮียแปะบ้าง ผมเลยต้องมาขอร่วมด้วช่วยกันชักอีกคน...  ส่วนเหตถุผลที่ต้องชัก.. ก็แบบที่ได้้อธิบายไปในข้างต้น... สุดท้าย..เห็นคุณ Aloha007 เอาเรื่องของเอกยุทธ มาลง ผมก็เลยต้องขอบอกไว้ณ.ตรงนี้อีกหนว่า คนแบบนั้นผมก็ไม่เคยไว้ใจ เหมือนกันครับ.. และไม่ใช้เพิ่งไม่เชื่ื่อใจตอนนี้เห็นข้อมูลนี้ แต่ผมไม่เชื่อใจมาตั้งนานแล้วล่ะครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
 |
« ตอบ #71 เมื่อ: 02-03-2007, 16:38 » |
|
ผมมองแบบเหมารวม และ ดูแกนนำเหมือนกันครับ
หาก มีสนธิ คนเดียว เป็นแกนนำ แล้ว ตั้งตัวเป็นพันธมิตร คนเดียว ก็เชื่อว่าคนน้อยกว่านี้ แต่ ผมยังมั่นใจว่า ต้องมี คนมากกว่า ที่ แกนนำ แต่ละคน นำครับ
ที่ผมคิดว่ารวบรวมคนได้ ผม ยังมั่นใจนะครับ ว่า ในแกนนำ หาก ไม่มีสนธิ ผมเชื่อว่า จะไม่มีคนมากมายขนาดนี้
ตรงนี้ต้องยอมรับ ในตัวสนธิ ครับ
ผมอาจจะมองอย่างคนไม่มีความรู้ในด้านการเมืองมาก่อน แต่การ ชักจูงใจคน การรวบรวมคนได้ ผมเชื่อว่า สนธิทำได้มากกว่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
katindork
|
 |
« ตอบ #72 เมื่อ: 02-03-2007, 17:56 » |
|
ลิ้ม อาจเป็นเด็กงอแง ในสายตาหลายคน ตอนนี้ อาจหงุดหงิด ในหลายเรื่อง  แต่ถามแบบคนโง่ ตอนนี้เื่พื่อนๆพอจะหวังใครได้บ้างในตอนนี้ี้  1.รัฐบาล สุรยุทธ ตอนนี้หลายคนรวมทั้ง สนธิลิ้ม ไม่มั่นใจ ในเรื่องกำจัดระบอบทักษิณและความคิดระบอบทักษิณ 2.รัฐบาลมาจากเลือกตั้ง เผลอๆก๊กเก่ามากันเป็นแถว ทรท.ยังอยู่ เทพสุทินกับสมคิดยังอยู่ จิ๋วยังอยู่ แค่นี้ เผลอๆ ปชป. ชาติไทย มหาชน กระเด็นหมดเผลอๆ มีฮั้ว 3.สื่อมวลชน ถามได้เลยว่า ทีวี หนังสือพิมพ์ตอนนี้ เอาทักษิณไหม นับจากหัวใจแล้ว พยักหน้าหงึก เอาแหง  มองดูรอบด้านและอนาคต หวังอะไรได้ โดยเฉพาะสื่อมวลชน  สนธิลิ้ม รู้ว่า สื่อมวลชนเป็นยังไง ผิดหวังตามคนอารมณ์ร้อน ตอนนี้ ใครที่จะมายืนซดกับสื่อมวลชนอีแอบ 6 ช่องกับหนังสือพิมพ์ได้้ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สื่อมวลชน  เห็นไหมว่า ระบอบทักษิณรุกทางด้านมวลชนขนาดไหน พรึบพร้อมกันทั้งนาย จาตุรนต์ ประชากรไทย พีทีวีทีตอนนี้จะเปิดไฮปาร์คที่สนามหลวง และสื่อมวลชนเสนอข่าวพีทีวีถี่ยิบ ในแง่ลบกับรัฐบาลสุรยุทธ  สนธิ ลิ้มจึงเสนอแล้วเสนออีกแต่ต้นว่า ต้องกำจัดระบอบทักษิณก่อนที่จะมารอความกระบวนการสุภาพบุรุษ เพราะโจรระบอบทักษิณ คือ โจรใส่สูทที่เอาเงินเป็นอาวุธสนธิลิ้ม อาจดูแลวู้หงุดหงิดแต่ แต่เราหวังอะไรเกี่ยวกับการเมืองขณะนี้ได้บ้าง  ผมก็ใช้ความรู้สึกวัดเหมือนกัน การเมือง ขณะนี้ไม่สามารถอาศัยกฏหมายแก้อย่างเดียว เพราะ ใครกำลังมากกว่าคนนั้นก็ได้ เราอยากให้ระบอบทักษิณมีกำลังมากขึ้น ด้วยการทอนกำลังตัวเองหรือ ยุคทักษิณมันก็อ้างกฏหมายเหมือนกัน  เอาความหมั่นไส้กองไว้ข้างๆ และมุ่งยุทธศาตร์กำจัดระบอบทักษิณก่อนไม่ดีหรือ อยากให้กระทู้นี้ ถึงสนธิลิ้ม เพื่อกระตุกเหมือนกัน แต่ไม่อยากให้ความคิดเกลียดนาย สนธิ ลิ้มแพร่หลายไปในแนวกว้าง เพราะแนวรบกับระบอบทักษิณที่บริสุทธิ์เพียวๆ เหลือนายสนธิแนวเดียว  แนวอื่นดูแล้วน่าเคลือบแคลงทั้งนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kittinunn
|
 |
« ตอบ #73 เมื่อ: 02-03-2007, 18:29 » |
|
ลิ้ม อาจเป็นเด็กงอแง ในสายตาหลายคน ตอนนี้ อาจหงุดหงิด ในหลายเรื่อง  แต่ถามแบบคนโง่ ตอนนี้เื่พื่อนๆพอจะหวังใครได้บ้างในตอนนี้ี้  1.รัฐบาล สุรยุทธ ตอนนี้หลายคนรวมทั้ง สนธิลิ้ม ไม่มั่นใจ ในเรื่องกำจัดระบอบทักษิณและความคิดระบอบทักษิณ 2.รัฐบาลมาจากเลือกตั้ง เผลอๆก๊กเก่ามากันเป็นแถว ทรท.ยังอยู่ เทพสุทินกับสมคิดยังอยู่ จิ๋วยังอยู่ แค่นี้ เผลอๆ ปชป. ชาติไทย มหาชน กระเด็นหมดเผลอๆ มีฮั้ว 3.สื่อมวลชน ถามได้เลยว่า ทีวี หนังสือพิมพ์ตอนนี้ เอาทักษิณไหม นับจากหัวใจแล้ว พยักหน้าหงึก เอาแหง  มองดูรอบด้านและอนาคต หวังอะไรได้ โดยเฉพาะสื่อมวลชน  สนธิลิ้ม รู้ว่า สื่อมวลชนเป็นยังไง ผิดหวังตามคนอารมณ์ร้อน ตอนนี้ ใครที่จะมายืนซดกับสื่อมวลชนอีแอบ 6 ช่องกับหนังสือพิมพ์ได้้ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สื่อมวลชน  เห็นไหมว่า ระบอบทักษิณรุกทางด้านมวลชนขนาดไหน พรึบพร้อมกันทั้งนาย จาตุรนต์ ประชากรไทย พีทีวีทีตอนนี้จะเปิดไฮปาร์คที่สนามหลวง และสื่อมวลชนเสนอข่าวพีทีวีถี่ยิบ ในแง่ลบกับรัฐบาลสุรยุทธ  สนธิ ลิ้มจึงเสนอแล้วเสนออีกแต่ต้นว่า ต้องกำจัดระบอบทักษิณก่อนที่จะมารอความกระบวนการสุภาพบุรุษ เพราะโจรระบอบทักษิณ คือ โจรใส่สูทที่เอาเงินเป็นอาวุธสนธิลิ้ม อาจดูแลวู้หงุดหงิดแต่ แต่เราหวังอะไรเกี่ยวกับการเมืองขณะนี้ได้บ้าง  ผมก็ใช้ความรู้สึกวัดเหมือนกัน การเมือง ขณะนี้ไม่สามารถอาศัยกฏหมายแก้อย่างเดียว เพราะ ใครกำลังมากกว่าคนนั้นก็ได้ เราอยากให้ระบอบทักษิณมีกำลังมากขึ้น ด้วยการทอนกำลังตัวเองหรือ ยุคทักษิณมันก็อ้างกฏหมายเหมือนกัน  เอาความหมั่นไส้กองไว้ข้างๆ และมุ่งยุทธศาตร์กำจัดระบอบทักษิณก่อนไม่ดีหรือ อยากให้กระทู้นี้ ถึงสนธิลิ้ม เพื่อกระตุกเหมือนกัน แต่ไม่อยากให้ความคิดเกลียดนาย สนธิ ลิ้มแพร่หลายไปในแนวกว้าง เพราะแนวรบกับระบอบทักษิณที่บริสุทธิ์เพียวๆ เหลือนายสนธิแนวเดียว  แนวอื่นดูแล้วน่าเคลือบแคลงทั้งนั้น ผมเห็นด้วยครับ ตอนนี้ระบอบทักษิณก็ยังกำจัดไม่ถึงไหน ถึงกระนั้น ต่อให้คนมองว่าสนธิเลวยังไง กร่างแบบไหน แต่ถ้ามองกันที่ความเอาจริงเอาจัง เอกยุทธ์ไปไกลๆ ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)  
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #74 เมื่อ: 02-03-2007, 18:38 » |
|
ผมเห็นด้วยครับ ตอนนี้ระบอบทักษิณก็ยังกำจัดไม่ถึงไหน ถึงกระนั้น ต่อให้คนมองว่าสนธิเลวยังไง กร่างแบบไหน แต่ถ้ามองกันที่ความเอาจริงเอาจัง เอกยุทธ์ไปไกลๆ ครับ  ใจเย็นๆครับ อย่างน้อยก็ต้องให้เครดิตพี่ใหญ่อ.ย. ที่แกออกมาต่อสู้เป็นคนแรกๆ แม้จะล้มเหลวก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มี ชิปปิ้งหมู อ.เจิม เจ๊ปอง
อย่าเพิ่งไปปฏิเสธ พี่ใหญ่อ.ย. ปล่อยให้เรื่องระหว่างแป๊ะลิ้ม-พี่ใหญ่อ.ย. 2 คนฟัดกันเอง เราเป็นประชาชนคนเดินดินต้องแยกแยะความแค้นส่วนตัวจากความคิดความเห็นที่ 2 คนนี้เผยแพร่ ไม่ควรไป "อิน" กับเรื่องส่วนตัวของ 2 คนนี้มากเกิน แต่ควรใช้ประโยชน์จากทั้งสองคน
ปัจจุบัน ในเรื่องการมองไปข้างหน้าทางด้านเศรษฐกิจ มุมมองพี๋ใหญ่อ.ย.ยังถือว่ามีประโยชน์มากนะครับ ผมเคยเมล์ส่วนตัวไปปรึกษาเรื่องหุ้น พันธบัตรต่างๆจากแก แกก็ใจกว้างตอบให้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
 |
« ตอบ #75 เมื่อ: 02-03-2007, 18:40 » |
|
มีเวลาอีก 7 เดือน อะไรจะเกิดก็ไม่รู้
แต่เท่าที่รู้ ผมมองว่า สนธิ มีผลประโยชน์แอบแฝงมากเกินไป
เมื่อทำยุทธการมาสำเร็จช่วงหนึ่ง สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป
สนธิทำอะไร เพื่ออะไร เราคงเห็นกันเด่นชัดขึ้น
การจะรวมตัวกันทำอะไรใหม่ ๆ แบบว่าจะพาคนไปชุมนุม หรือ เตรียมคนไปฟ้องรัฐบาลที่ศาล กรณี ไอทีวี
ผมว่ามันจะไปกันใหญ่...ไม่ทราบสาวกสนธิ จะออกมาได้มากน้อยแค่ใหน..
ผมจะรอดูครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #76 เมื่อ: 02-03-2007, 18:47 » |
|
เรื่องไอทีวี ผมว่าแป๊ะลิ้มคงไม่ต้องลงไปทำแทนคนอื่นให้เหนื่อยครับ ผมเชื่อว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลแบบแปลกๆอย่างว่า เวลานี้มีคนสบช่องหาเงินใช้จากรัฐบาลเยอะแยะไปหมดครับ
ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาล ไม่ต้องเดินขบวนอะไรให้เปลืองแรง ผู้นำเกียร์ว่างบริหารแบบพิลึกนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะมีลูกน้องเรียงหน้าทีละคนมาตอดเล็กตอดน้อยแบบนี้แกไปของแกเอง ที่น่าห่วงคือประเทศชาติมากกว่าครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2007, 18:49 โดย 保守主义 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #78 เมื่อ: 02-03-2007, 20:16 » |
|
ถ้าสนธิ(ลิ้ม)สู้ไปแบบอย่างที่แกชอบอ้างจะไม่ว่าแกเลย เรื่องเก่าๆ ก็จะไม่คุ้ย (ที่จริงก็ไม่ได้คุ้ยนะ บอกว่าจำได้เจ๋ยๆ) แต่แกสู้ไป หยิบไป อ่ะดิ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
An.mkII
|
 |
« ตอบ #79 เมื่อ: 02-03-2007, 20:26 » |
|
คือผมกำลังสงสัยว่าในตอนนี้หลายๆท่านกำลัง หลงประเด็น รึ หลงสนธิ กันเเน่ครับ..
เพราะผมก็เชื่อว่า คนที่เขาด่า และรวมถึงผมที่ด่าสนธิในที่นี้ ผมว่าเขาก็คงจะไม่ได้มีผลประโยชน์แอบบแฝงรึว่าระซ้อนเร้นอะไรกันหรอก..
แต่เขาคิดว่า มันถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่ต้องปรามสนธิ ที่กำลังบ้าน้ำลาย ทั้งทางตรง คือบ้าน้ำลายจริงๆ (ก็เลยด่าแบบไม่ยั้ง) และทางอ้อม (ก็คือด่าแบบมีวาระะซ่อนเร้น) มั่งแล้ว..
มิฉะนั้นประเทศมันก็จะชิบหายไม่เเพ้ที่เหลี่ยมมันเคยกระทำ และเราเลยต้องออกไปไล่มันกันมิใช้หรือ...
และกะการที่เราจะปรามสนธิ ยังทำกันไม่ได้ ผมว่า แล้ว มันก็จะต่างอะไรกะเวลาที่เราด่าเราว่า คนที่หลงเหลี่ยมแบบหัวปกหัวปำกันล่ะครับ..
ที่เวลานั้นคนพวกนั้นก็ชอบอ้างว่า ถึงจะโกงก็มีผลงาน และเหลี่ยมก็มีบุณคุณช่วยฟื้นไทยจากยุคชวน เราก็ด่าคนพวกนั้นกัน แต่ในเวลานี้ มันก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากคำอ้าง ของคนที่ออกมาปกป้องสนธิในขนาดนี้เลย...
รึคิดว่าไล่แค่เหลี่ยมันยังไม่พอใจ ก็เลยกะจะรอให้สนธิมันทำประเทศพังไปมากกว่านี้ แล้วค่อยออกไปไล่สนธิกันอีกครารึครับ..
ฉะนั้นผมก็จะขอถามว่า ในเมื่อเราเห็น กัน ชัดๆ กันแล้วว่า ถ้าเราปล่อยไว้ แล้ววัวมันกำลังจะหาย แต่หตุไร เราจึงไม่ล้อมคอกมันก่อนล่ะครับ
มิใช้ทำตามที่ภาษิตเขาว่า คือ ปล่อยให้วัวมันหายไปก่อนและค่อยไปล้อมคอก... และไปไล่วัวมัน.... (ซึ่งวัวตัวนี้ี้ร้ายไม่เเพ้วัวหน้าเหลี่ยมซะด้วย... (เพราะไม่งั้นมันจะไล่เหลี่ยมได้งั้นหรือ..) )
อ้อและที่โพสแบบนี้ ก็ไม่ได้คิดจะมีเรื่อง รึต่อความยาวสาวความยืดอะไรกะใคร แต่อยากฝากเอาไว้เพื่อเอาไปให้คิด..ก็แค่นั้นเอง..
อ้อมาเพิ่มอีกนิด..
มาเพิ่มว่า ไม่ว่าไอ้หน้าไหนทั้งนั้น ไม่ใช้แค่ สนธิ ที่ปากบอกว่าทำเพราะสุตจริต แต่ในใจมันทุตจริตและมีวาระซ่อนเร้น ผมว่าสมควรที่เราจะ ปราม พวกมันกันทั้งนั้น..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2007, 20:33 โดย An.mkII »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #80 เมื่อ: 02-03-2007, 20:35 » |
|
คุณมิกิคะ ที่ว่า ด่าแบบมีวาระซ่อนเร้นนั่นแหละค่ะที่มีประโยชน์แอบแฝง (เรื่องด่ากราดไม่ไว้หน้า ไม่ว่าทำอะไรข้าด่าได้ทุกเรื่องแบบนั้นเรียกว่า ด่าแบบแค้นฝังหุ่นค่ะ) เพราะบางกรณีที่แกด่าแบบมีวาระซ่อนเร้น ปากแกก็ด่าไป เบื้องหลังแกก็วิ่งล๊อบบี้ต่อรองผลประโยชน์ แกบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่า มีคนมากินกาแฟด้วยทุกเช้า บางทีมันก็ไม่ใช่กินกาแฟเฉยๆ (แกหน่ะล๊อบบี้ยิสต์ตัวเป็นๆ เลยค่ะ ไม่ต้องไปหาถึงเมกา สมัยก่อนก็ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่ชั่วร้ายคือ ตอนนี้แกใช้สื่อเพื่อให้ได้มาอย่างที่แกต้องการ หรือชักนำไปตามแนวทางนั้น เพราะถือว่า สร้างมวลชนส่วนตัวได้ เลยมีอำนาจต่อรองมากขึ้น) ปล. ที่สนธิทำวินาศหน่ะ มากกว่าที่พี่ใหญ่ อย. ในกรณีแชร์ชาเตอร์ซะอีก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #81 เมื่อ: 02-03-2007, 20:40 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sofar...sogood
|
 |
« ตอบ #82 เมื่อ: 02-03-2007, 20:49 » |
|
คิดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังเอือมแป๊ะลิ้ม บางทีอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี
กัดเขาไปทั่ว
ตัวเองดีหมด เก่งหมด
อย่าลืมคนไทยไม่ชอบคนที่หลงตัวเอง ชอบชมตัวเอง และทวงบุญคุญ
ถ้าจะนำเสนอแต่เนื้อ งดพวกการโอ้อวดตัวเองลงบ้าง จะน่าดู น่าฟังมากขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #83 เมื่อ: 02-03-2007, 20:53 » |
|
ไปนั่งดูเหลี่ยมทำไมอ่ะ ไม่น่าดูซักนิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #85 เมื่อ: 02-03-2007, 20:56 » |
|
เรื่องด่าหน่ะพอจะรู้อยู่แล้วหล่ะ คิดว่า อยู่ๆ พี่แกโพล่งเรื่อง ผู้มีบารมีฯ คิดว่าแกด่าใครหล่ะ แกด่ามาตั้งนานแล้ว แต่พวกเราไม่ได้ยิน ไม่มีหลักฐานจะๆ ต่อให้แกไปด่าอยู่ต่างประเทศ แล้วไง อย่างมากก็ฟ้องหมิ่นประมาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #86 เมื่อ: 02-03-2007, 21:01 » |
|
เรื่องด่าหน่ะพอจะรู้อยู่แล้วหล่ะ คิดว่า อยู่ๆ พี่แกโพล่งเรื่อง ผู้มีบารมีฯ คิดว่าแกด่าใครหล่ะ แกด่ามาตั้งนานแล้ว แต่พวกเราไม่ได้ยิน ไม่มีหลักฐานจะๆ ต่อให้แกไปด่าอยู่ต่างประเทศ แล้วไง อย่างมากก็ฟ้องหมิ่นประมาท
ก็นั่นแหละ ประเด็นอยู่ที่ไม่ว่าแป๊ะลิ้มจะหลงตัวเองยังไง เหวอะหวะกันทุกคนแหละ (ออก cynical หน่อยๆ) แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนไงเจ๊
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #87 เมื่อ: 02-03-2007, 21:10 » |
|
คดีหมิ่นเบื้องสูงยังค้างอยู่เลย องคมนตรีฟ้องหมิ่นประมาทแล้วได้อะไร (โทษอันหลังเผลอแค่ปรับไม่ถึงกับติดคุก แถมพวกทาสทัก็บอกว่า ทักไม่ได้โกง เหมือนเดิม)  Don't Missing the Point
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
ไทมุง
|
 |
« ตอบ #88 เมื่อ: 03-03-2007, 00:43 » |
|
เข้ามาอ่านตั้งแต่กระทู้แรก จนถึงกระทู้สุดท้าย เต็มอิ่ม ๆ ขอบอก ขอบคุณคุณแอนเรื่องเศรษฐกิจ ขอบคุณคุณภาษาจีน (อ่านไม่ออก ลืมชื่อจริง ขออภัย) สำหรับมุมมองการเมือง ขอบคุณคุณอโลฮา ที่หาบทความมาให้อ่านย้อนหลัง เห็นอะไรได้ชัดอีกพะเรอ ขอบคุณท่านอื่นๆ ด้วยที่ช่วยกันออกความเห็น เราไม่ไว้ใจ o[_]o แต่ก็ไม่วางใจคุณสนธิ โอเคมะ? คุณสนธิมีวาระซ่อนเร้นตั้งแต่แรกเริ่มออกมาไล่ o[_]o หลังจากยกยอกันมาพักใหญ่ การกลับตัว 180 องศา แบบนี้ ย่อมมีสิ่งแอบแฝง คุณสนธิ...คงไม่ถึงขนาดมี "คุณูปการ" เป็นพวกแมลงวันตอมแมลงวัน แต่ส่งผลดี คือ ทำให้คนไทยเห็นไส้ o[_]o ได้ถึงกึ๋น และอย่างรวดเร็ว ด้วยการระดมสรรพกำลังสื่อในเครือแมเนเจอร์เป็นกองบัญชาการรบ แบบหลังพิงกำแพง การจนตรอกของคุณสนธิ ทำให้การออกมาลากไส้ o[_]o รุนแรง และหนักหน่วง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหากไม่มีสื่อและผู้ดำเนินรายการหัวหมู่ทะลวงฟันแบบคุณสนธิ ก็คงไม่แรงขนาดนี้ แต่ถ้าไม่มีแนวร่วม องค์กรต่างๆ ซึ่งแม้จะอุปโลกขึ้น เนื้อแท้มีไม่กี่คน ก็ไม่อาจทำให้การต่อสู้หนักแน่นเช่นที่เป็นอยู่ การเข้ามาของ พล.ต.จำลอง ทำให้ทักษิณเพลี่ยงพล้ำ เนื่องจากเป็นฝ่ายเดียวกันที่กระโดดออกมาเป็นฝ่ายตรงข้าม ถ้าไม่มีสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ พลังคนชุมนุมคงเหือดหาย เพราะยุคนั้นคนรัฐวิสาหกิจเกรงการแปรรูปเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มี อ.สมเกียรติ ก็คงไม่มีใครดึงกลุ่มเกษตรกรเข้ามาหนุน ถ้าไม่มีพิภพ ธงไชย และสุริยะใส กตะศิลา การต่อสู้ครั้งนี้คงไม่มีน้ำหนักพอในการกล่าวหาว่า o[_]o เป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการ เมื่อยมือวุ้ย (มีต่อ แต่ขอพักมือก่อน) 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
 |
« ตอบ #89 เมื่อ: 03-03-2007, 09:57 » |
|
แป๊ะลิ้ม บอกว่าจะไประดมคนมาต่อต้าน ไอทีวี ไม่ใช่เหรอครับ อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
 |
« ตอบ #90 เมื่อ: 03-03-2007, 10:13 » |
|
 โอม จงมาๆ มาอยู่ในคุก มาอยู่ในคุก จะได้ไม่หลอกหลอนชาวบ้านอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|