ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 02:10
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  แขวนหุ้น ITV บุญคลีเผ่นแล้ว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
แขวนหุ้น ITV บุญคลีเผ่นแล้ว  (อ่าน 1895 ครั้ง)
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« เมื่อ: 26-02-2007, 18:24 »

ตลท.ห้ามซื้อขายหุ้น ITV บ่ายนี้ “บุญคลี” โบกมือลา-ทิ้งเก้าอี้ประธานบอร์ดแล้ว

อ่านรายละเอียดได้นะคะ

http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9500000023141
------------------------

กลเม็ดครั้งสุดท้าย ด้วยการส่งงบการเงินสิ้นสุด วันที่ 31 ธ.ค.2549 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์แขวนหุ้น ยุติการตกลงของหุ้นอย่างฉุดไม่อยู่ เผื่อมีปาฎิหาร์ย

หากไม่มีการแขวนหุ้น พรุ่งนี้คณะรัฐมนตรีจะรับเรื่อง ITV เข้าพิจารณา มติที่ออกมาเป็นอันสิ้นสุดอนาคตของบริษัท ITV ส่วนกิจการโทรทัศน์ซึ่งจะตกเป็นของ สปน. ทั้งเครื่องมือและคลื่นความถี่ จะจัดการอย่างไร โปรดรอดูอย่ากระพริบตา แต่แนวนโยบายที่หม่อมอุ๋ยรีบแจ้งไว้ก่อนล่วงหน้า คือจะให้ออกอากาศต่อเนื่อง และจะไม่ให้พนักงานตกงาน ซึ่งฟังแล้วขัดรูหูยิ่งนัก เพราะพนักงาน ITV เป็นลูกจ้างของบริษัท ITV ซึ่งถึงจะถูกยึดสัมปทานคลื่นความถี่และเครื่องไม้เครื่องมือตามที่สัญญาระบุไว้ แต่บริษัทก็ยังไม่ได้เลิกกิจการ และการที่รัฐจะนำคนจากบริษัทเอกชนมาทำงานในกิจการของรัฐ ทั้งๆที่เขายังรับเงินเดือนจากบริษัทเก่าอยู่นั้น จะทำได้อย่างไร น่าสงสัยแนวคิดของหม่อมอุ๋ย

พรุ่งนี้เริ่มนับถอยหลังอาทิตย์สุดท้ายของ ITV จะมีใครทิ้งทวนอะไรไหมหนอ 
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 26-02-2007, 20:28 »

อวสานไอทีวี! สปน.ชงสัญญาใหม่ - ไม่กระทบพนักงาน

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000023366

-----

พรุ่งนี้รู้ผลค่ะ ว่าจะดำเนินการยึดแบบไหน 
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 26-02-2007, 20:55 »

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมปลัด สปน.ได้หารือกับทีมเลขานุการ และอัยการสูงสุด โดยพูดถึงกระบวนการกฎหมายหลังบอกเลิกสัญญา โดยจะต้องมีการฟ้องล้มละลาย และให้แผนฟื้นฟูกิจการเข้าไปดำเนินการ นอกจากนี้ ยังมีการหารือว่าจะให้ยกร่างข้อสัญญา โดยเมื่อบอกเลิกสัญญาแล้ว ให้ อสมท เข้ามาดำเนินกิจการ ทั้งนี้ ยังจะต้องออกใบอนุญาต มาตรา 80 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุน

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000023366

ไม่มีเงินจ่าย ผิดสัญญา ล้มละลาย เข้าแผนฟื้นฟู

บาย บาย iTV - TV ของแม้ว 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #3 เมื่อ: 26-02-2007, 20:59 »

ที่ ITV-CP 014/2550

                                    21 กุมภาพันธ์ 2550

เรื่อง      แจ้งผลคำร้องขอให้ศาลปกครองกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว

เรียน      กรรมการและผู้จัดการ
          ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

         บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ขอเรียนให้ทราบว่า ในวันนี้
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำขอกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์
ชั่วคราวและคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินที่บริษัทฯ ได้ยื่นต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 20
กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งคำสั่งศาลดังกล่าวให้ถือเป็นที่สุด บริษัทฯ ไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้
 

           จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
 
                                   ขอแสดงความนับถือ
 
 
                             (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล)
                                      กรรมการ
                               บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)

http://www.settrade.com/simsImg/news/2007/07004591.t07
*************

 
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #4 เมื่อ: 26-02-2007, 21:04 »

ที่  ITV-CP 008 /2550

                                   วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550

เรื่อง      หนังสือเตือนให้ชำระหนี้จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

เรียน      กรรมการและผู้จัดการ
          ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

          ด้วย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ)
ได้รับหนังสือจากสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ
(สปน.) ลงวันที่ 31 มกราคม 2550 แจ้งเตือน
ให้บริษัทฯ ชำระหนี้ โดยให้บริษัทฯ ชำระค่าตอบแทนส่วนต่างปีที่ 9 ถึงปีที่ 11 จำนวน 2,210
ล้านบาท และดอกเบี้ยจากค่าตอบแทนส่วนต่างดังกล่าวในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี พร้อมทั้งให้ชำระ
ค่าปรับจากการปรับผังรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2549
จำนวน 97,760 ล้านบาท
รวมยอดเงินที่ต้องชำระให้สปน.ทั้งสิ้นกว่าหนึ่งแสนล้านบาทโดยสปน.
ได้กำหนดให้ชำระหนี้ดังกล่าวภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทฯได้รับหนังสือแจ้ง ทั้งนี้หากบริษัทฯ
ไม่ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนด สปน. จะดำเนินการตามข้อกำหนดในสัญญา
เข้าร่วมงานฯ และข้อกฎหมายต่อไป

          บริษัทฯ ได้มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์
2550 ซึ่งหนังสือดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้

     1. บริษัทฯขอให้การชำระหนี้ครั้งนี้จำกัดอยู่เพียงค่าตอบแทนส่วนต่างจำนวน 2,210 ล้านบาท
ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว

     2. ในส่วนของดอกเบี้ยและค่าปรับจำนวนประมาณหนึ่งแสนล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่คู่สัญญา
มีความเห็นแตกต่างกันอย่างมีสาระสำคัญในการตีความข้อสัญญาและเป็นข้อพิพาทอยู่ในกระบวนพิจารณา
วินิจฉัยชี้ขาดโดยคณะอนุญาโตตุลาการ บริษัทฯจึงใคร่ขอให้การชำระดอกเบี้ยและค่าปรับดังกล่าว(ถ้ามี)
เป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของกระบวนการยุติธรรม

     3. การที่ สปน.ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทชำระหนี้ค่าตอบแทน ดอกเบี้ย และค่าปรับ เป็นจำนวน
รวมกันทั้งสิ้นกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับหนังสือของสปน. นั้น
มีผลกระทบต่อการหาแหล่งเงินกู้และหรือแหล่งเงินทุนของบริษัทฯ อย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ
ไม่สามารถหาเงินได้
ดังนั้น  บริษัทฯ จึงได้ขอเรียกร้องให้เปลี่ยนกำหนดวันชำระหนี้ค่าตอบแทน
ส่วนต่างจำนวน 2,210 ล้านบาท เป็นชำระภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติข้อเรียกร้อง
ขอความเป็นธรรมดังกล่าวแล้ว

          จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
 

                                    ขอแสดงความนับถือ

                              ( นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล )
                                       กรรมการ
                                บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)


http://www.settrade.com/simsImg/news/2007/07002813.t07

***********************

ใกล้ครบสามสิบวันแล้วดิ

อุอุ 
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 26-02-2007, 21:23 »

เส้นทางรวย (พันล้าน).."บุญคลี ปลั่งศิริ" มือขวาธุรกิจ "ทักษิณ" แม่ทัพใหญ่ "ชินคอร์ป"

"กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" เปิดเส้นทางรวยของ "คลี" อัศวินบนหลังอาน (ม้า) "ชินคอร์ป" ผู้ที่ร่ำรวยในระดับที่ไม่ธรรมดา เขาคือ "แม่ทัพใหญ่" ทางด้านธุรกิจ ของครอบครัวชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์ ขายหุ้น "ชินคอร์ป" ให้กับนายกฯทักษิณ มูลค่า 73,271 ล้านบาท

ในทางการเมือง "หมอมิ้ง" น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช คือ คนสนิทที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" และ หลังบ้าน "คุณหญิงพจมาน ชินวัตร" ไว้วางใจลำดับต้นๆ จนอาจกล่าวได้ว่า เป็น "ขุนพลมือขวา"

แต่ในทางธุรกิจ "คลี" บุญคลี ปลั่งศิริ" คือ "แม่ทัพใหญ่" ที่ช่วยให้ครอบครัวชินวัตร บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ..จนกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวย (เงินสด) มากที่สุดในประเทศไทย

ภายใต้ระบบทักษิณ เพียงแค่ 5 ปี (2544-2548) "บุญคลี" สร้างอาณาจักร "ชินคอร์ป" จนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำกำไรในกลุ่มเติบโตขึ้นเกือบ 5 เท่าตัว มาร์เก็ตแคป (หุ้น) เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้านบาท

ทั้งหมดเป็นผลพวงจาก "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ทุกรูปแบบ ใช้อำนาจการเมือง "แฝงเร้น" เข้ามาช่วยโอบอุ้มธุรกิจ


ไม่เพียงเท่านั้น "บุญคลี" ยังแทรกตัวเองเข้าไปเป็น "แกนกลาง" สร้าง "คอนเน็คชั่น" ในกลุ่มเพื่อนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นปี 2544 หรือ "วปรอ.4414" ปีเดียวกันกับที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพยายามวางรากฐานคนของตัวเองแทรกซึมเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับ นายทหารระดับสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการการเมือง และนักธุรกิจทุกแขนงอาชีพ (ตามที่ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek เคยนำเสนอไปแล้วหลายฉบับ)

มีเรื่องเล่าขานในอดีตว่า "บุญคลี" รู้จักกับนายกฯทักษิณ มาตั้งแต่สมัยยังเป็น "บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์" (ปัจจุบัน คือ บ.ชิน คอร์ปอเรชั่น) ขณะนั้นยังทำธุรกิจให้เช่า และขายคอมพิวเตอร์ ให้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

ช่วงนั้น "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เข้าร่วมประมูลจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท) "ทักษิณ" จึงได้พบกับ "บุญคลี" ซึ่งเรียนจบปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ (คอมพิวเตอร์) จากมหาวิทยาลัย อิลินอยส์ สหรัฐอเมริกา กลับมาทำงานที่การสื่อสารฯ ได้ไม่นาน และได้คุมงานประมูลกำหนด "สเปค" อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พอดี

กล่าวกันว่า "บุญคลี" มีรถยุโรปราคานับล้านขับ มาตั้งแต่สมัยเป็นข้าราชการเล็กๆ เขาไต่เต้าขึ้นอย่างรวดเร็วในตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองโทรศัพท์ระหว่างประเทศ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.)

โดยไม่มีใครรู้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเขา และนายกฯทักษิณ ครั้งนั้นได้พัฒนากลายมาเป็น "อัศวิน" บนหลังอานม้า (ชินคอร์ป) เป็นสุดยอด "ซีอีโอ" ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ "ครอบครัวชินวัตร"

บ้างก็ว่า "บุญคลี" เก่งตรงที่ เขาสามารถเป็น "สะพานเชื่อม" จากธุรกิจระบบอุปถัมภ์ ไปสู่ธุรกิจสมัยใหม่ได้อย่างยืดหยุ่น และกลมกลืนกับทุกสถานการณ์

"บุญคลี" เป็นคนแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา เติบโตมาจากครอบครัวคนจีน แซ่ "ปัง" (ชื่อจีน:ปังบ่งคี๊) พ่อมีอาชีพค้าขาย แต่เรียนเก่งในระดับหัวกะทิ เขาเป็นศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ (วศ.11) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเพื่อนร่วมรุ่น กับ "อนันต์ อัศวโภคิน" เจ้าของ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ "ปลิว มังกรกนก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธ.ทิสโก้

เขาเข้าร่วมงานกับ "ชินคอร์ป" เมื่อประมาณปี 2536 เพื่อมาเป็นลูกจ้างหมายเลข 1 โดยการชักชวนจาก "พ.ต.ท.ทักษิณ" ซึ่งช่วงนั้นกำลังวางแผนลงสู่สนามทางการเมือง (ปี 2537 รับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ปี 2538 เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม/รองนายกรัฐมนตรี)

โดย "บุญคลี" เข้ามาเป็น กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ เข้ามาไล่เลี่ยกับ "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" อดีตผู้บริหารจาก ไอบีเอ็ม และ "ดร.ไพบูลย์ ลิมปพยอม" อดีตผอ.องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท)

หลังปี 2540 ผลข้างเคียงจากวิกฤติเศรษฐกิจ กดดันให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต้องผลัดใบองค์กรครั้งใหญ่ ในปี 2542 ได้มีการเปลี่ยนศูนย์อำนาจจาก "บรรณพจน์ ดามาพงศ์" (พี่ชายคุณหญิงพจมาน) มาสู่มือ "บุญคลี" ในตำแหน่ง "ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น" กุมอำนาจสูงสุดในการบริหารธุรกิจ ของตระกูลชินวัตร

ความสำเร็จภายใต้การบริหาร "ชินคอร์ป" บุญคลี กล่าวไว้ในรายงานประจำปีว่า เกิดจากค่านิยมพื้นฐาน 10 ประการ หรือ Fast Moving คือ หนึ่ง..การมองไปในอนาคต สอง..ความมุ่งมั่นรับผิดชอบ สาม..มีจิตใจบริการ สี่..การทำงานเป็นทีม ห้า..มีความเป็นธรรม หก..การเปิดใจกว้าง เจ็ด..วิสัยทัศน์ร่วมกัน แปด..ความคิดริเริ่ม และการปรับปรุง เก้า..ความกระชับฉับไว และ สิบ..กล้าโต้แย้ง

กล่าวกันว่าในตำแหน่งนี้ "บุญคลี" ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากครอบครัวชินวัตร ไม่น้อยกว่าเดือนละ 2 ล้านบาท

ในรายงานที่บริษัทแจ้งต่อก.ล.ต. ระบุว่า ผลตอบแทนของคณะผู้บริหาร "ชินคอร์ป" ในปี 2547 จำนวน 6 คน (รวมบุญคลี) รวม 68.14 ล้านบาท หรือ ได้เฉลี่ยคนละ 11.35 ล้านบาทต่อปี (ซึ่งประกอบด้วยเงินเดือน โบนัส และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)

ในฐานะผู้บริหารเบอร์ 1 ขององค์กร "บุญคลี" ย่อมต้องได้รับ "ค่าเหนื่อย" มากกว่าค่าเฉลี่ย (คนอื่น) ไม่ต่ำกว่า 1 เท่าตัว

แต่สิ่งที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ตอบแทนให้กับ "บุญคลี" จนกลายเป็น "เศรษฐีพันล้าน" ในชั่วพริบตา ก็คือ "ESOP" (ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (SHIN) ที่ออกให้แก่กรรมการ และพนักงาน) รวม 5 โครงการ ระหว่างปี 2545-2549 โดยออกต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน

"บุญคลี" ได้รับ ESOP ไปคนเดียว จำนวนรวม 40.78 ล้านหุ้น (5 ปี) จากทั้งหมด 91 ล้านหุ้น หรือเท่ากับ 44.82% ของ ESOP ที่ออกทั้งหมด โดยเขาแปลงสภาพเป็นหุ้น SHIN แล้วจำนวน 20.22 ล้านหุ้น

ย้อนกลับไประหว่างปี 2547-2549 "บุญคลี ปลั่งศิริ" ขายหุ้น SHIN ออกมารวมกัน 3 ล็อต โดย "ล็อตแรก" (แปลง ESOP) ขายเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2547 จำนวน 2.8 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 35.25 ล้านบาท ครั้งนั้นได้เงินสดกลับออกไป 98.70 ล้านบาท

"ล็อตที่สอง" (หุ้นเดิม) และ "ล็อตที่สาม" (แปลง ESOP) ขายออกวันเดียวกัน คือ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2549 ให้กับบริษัทในเครือ "เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์" ของสิงคโปร์ จำนวนรวมกัน 18.76 ล้านหุ้น มูลค่า 924.10 ล้านบาท ที่ราคา "เทนเดอร์ออฟเฟอร์" หุ้นละ 49.25 บาท

เท่ากับว่าทั้ง 3 ล็อต "บุญคลี" ขายหุ้น SHIN ออกมาแล้วทั้งสิ้น 21.56 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 1,022.81 ล้านบาท เป็นเงินที่มากพอทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสุขสบาย

แต่ความร่ำรวยของเขายังไม่จบ เพราะยังเหลือหุ้น SHIN อีกจำนวน 20.56 ล้านหุ้น (จากทั้งหมด 40.78 ล้านหุ้น) ที่ยังไม่ใช้สิทธิแปลงสภาพ ถ้าคูณราคาปัจจุบันที่หุ้นละ 39 บาท จะมีมูลค่าอีกประมาณ 800 ล้านบาท

ถ้านำหุ้นทั้ง 2 ก้อนมารวมกัน ส่วนแรกที่ขายได้เงินสดไปแล้ว มูลค่า 1,022 ล้านบาท รวมกับ (ในอนาคต) ที่ยังไม่ขายอีก 800 ล้านบาท ความมั่งคั่งของ "บุญคลี" ที่เจ้านาย (นายกฯทักษิณ) มอบให้จะมีมูลค่ารวม 1,822 ล้านบาท (ไม่รวมเงินเดือน+โบนัส อีกเดือนละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท)

ทีมข่าว "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" สำรวจต่อไปยังพบอีกว่า "บุญคลี" ยังถือ "หุ้นกู้ชินคอร์ป" ไว้อีกจำนวน 20,000 หน่วย มูลค่า 20 ล้านบาท จะครบอายุปี 2550 ได้ดอกเบี้ยมาอีก 6.10 ล้านบาท

หากประเมินคร่าวๆ "บุญคลี" น่าจะมีทรัพย์สินที่เป็น "เงินสด" ที่ได้มาจากการทำงานให้กับครอบครัวชินวัตร (เงินเดือน+โบนัส+ESOP) ไม่ต่ำกว่า "2,000 ล้านบาท" (แน่ๆ)

ถ้าระบบทักษิณไม่พังไปเสียก่อน เด็กบ้านนอกแห่งเมืองแปดริ้วผู้นี้ จะสร้างเครือข่ายแตก (ราก) แขนงเข้าไปอยู่ในทุกส่วนของ "นโยบายระดับชาติ"

ดังเช่นที่ "นายกฯทักษิณ" เปิดไฟเขียวให้ "บุญคลี" เข้าไปนั่งเป็นที่ปรึกษาใน "บอร์ดบีโอไอ" และเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2548 เขายังได้รับแต่งตั้งให้เป็น ประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาสิ่งจูงใจดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม (นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี)

ผลงาน "ชิ้นโบแดง" ชิ้นใหญ่ของเขา คือ ขายหุ้น "ชินคอร์ป" ให้กับ "รัฐบาลสิงคโปร์" และ เป้าหมายต่อไป ก็คือ เอื้อประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในโครงการ "เมกะโปรเจค" มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล นี่คือ ผลประโยชน์ก้อนมหึมาที่ "นายกฯทักษิณ" ฝากไว้กับบุญคลี แต่ยังไม่สำเร็จ

http://www.bangkokbizweek.com/20060304/road/index.php?news=column_20175892.html

ประวัติ มือขวา ทักษิณ ตัวจริง

http://th.wikipedia.org/wiki/บุญคลี_ปลั่งศิริ

http://th.wikipedia.org/wiki/ชิน_คอร์ปอเรชั่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2007, 21:33 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Suraphan07
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #6 เมื่อ: 26-02-2007, 22:42 »

บันทึกการเข้า
jrr.
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #7 เมื่อ: 26-02-2007, 23:30 »

อย่าไปเข้าใจเป็นมือขวง-มือขวาอะไรเลย......
ก็พี่เล่นบริโภคอำนาจรัฐที่มีอยู่ในมือ ปรุงแต่งเงื่อนไขให้ตัวเองได้เปรียบขนาดนั้น....
เอามือด้วนๆมา....มันก็ทำได้

เก่งจริง...ต้องกู้ตอนนี้สิ ตอนใกล้เจ๊งน่ะ....แล้วมาว่ากันใหม่ !!!
บันทึกการเข้า
Dont cry for me:Thailand
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 74


« ตอบ #8 เมื่อ: 27-02-2007, 00:35 »

ถ้าเอกชนรายใหม่เข้ามาทำ ITV แล้วมันเรียกเก็บค่า สัมปทาน ถูกกว่า ที่เคย

ต้องถึงว่าพวกมัน "ขายชาติ"

และถ้ามันยิ่งไม่เก็บค่าสัมปทานเลย ยิ่งเป็นการ "ขายชาติ" ยิ่งกว่า

เพราะเท่ากับทำให้รัฐ สูญเสียรายได้ ที่ควรจะได้

สรุปคือ...ยังไงๆ มันก็ "ขายชาติ"
บันทึกการเข้า
CEOมืออาชีพ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66



« ตอบ #9 เมื่อ: 27-02-2007, 00:38 »

ถ้าเอกชนรายใหม่เข้ามาทำ ITV แล้วมันเรียกเก็บค่า สัมปทาน ถูกกว่า ที่เคย

ต้องถึงว่าพวกมัน "ขายชาติ"

และถ้ามันยิ่งไม่เก็บค่าสัมปทานเลย ยิ่งเป็นการ "ขายชาติ" ยิ่งกว่า

เพราะเท่ากับทำให้รัฐ สูญเสียรายได้ ที่ควรจะได้

สรุปคือ...ยังไงๆ มันก็ "ขายชาติ"

  สรุปมั่ว  คุณรู้เรื่อง ITV ด้วยหรือ เคยดูบ้างไหม?
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 27-02-2007, 01:33 »

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  สปน.จะเสนอ 5 แนวทางในการแก้ไขปัญหาสัมปทาน บริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา   แต่หากพ้นกำหนดวันที่ 6 มี.ค.50 แล้ว ไอทีวี ยังไม่ชำระหนี้ค่าปรับและค่าสัมปทานส่วนต่างรวมกว่าแสนล้านบาทก็จะถือว่าทำผิดสัญญา ซึ่งจะต้องดำเนินการตามที่สัญญาสัมปทานระบุไว้  ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ครม.จะพิจารณาว่าจะเลือกแนวทางใด แต่รัฐบาลจะยึดหลักในการตัดสินใจโดยคำนึงว่าจะต้องไม่ทำให้พนักงานตกงาน และรายการต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปได้เช่นเดิม

 

ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่เข้าพบปลัดสำนักนายกฯก่อนหน้านั้น กล่าวยอมรับว่า นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการฯและนายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ กรรมผู้ตรวจสอบ ได้ขอลาออกจากคณะกรรมการบอร์ไอทีวีจริง โดยระบุการลาออกว่ามีภารกิจอื่นที่จำเป็น โดยจะมีผลในวันนี้ทันที ส่วนที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศห้ามซื้อขายหุ้นในภาคบ่าวันเดียวกันนั้น ตนเห็นว่า  หากจะมีผลกระทบกับไอทีวีอย่างไร ตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร คือเมื่อผู้ตรวจสอบบัญชีส่งงบไปว่าไม่มีความเห็นก็เป็นเรื่องของกฎของตลาดที่เขาก็มีสิทธิที่จะแขวนป้ายการซื้อขาย นอกจากนี้ในส่วนของกระแสข่าวที่ตระกูลมาลีนนท์สนใจหุ้นทีวีนั้น นายนิวัฒน์ธำรง ระบุสั้นๆว่า “ไม่ทราบ ไม่มีใครติดต่อมาที่ผม”


http://www.naewna.com/news.asp?ID=49994#news


สปน.ควรรีบดำเนินตามกฎหมาย เพื่อเข้าควบคุมกิจการ ITV
เพื่อให้ ITV เป็นของรัฐบาล จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ผู้บริหารอื่น ๆ ที่คิดว่า...
ส่วนที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศห้ามซื้อขายหุ้นในภาคบ่าวันเดียวกันนั้น
ตนเห็นว่า  หากจะมีผลกระทบกับไอทีวีอย่างไร ตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: