...
...ช่วยกันคิดวิธีปราบโจรก่อการร้ายหน่อยเหอะค่ะ...
แค้นใจจริงๆ ...ทำไมเราจัดการปราบมันอย่าง
จริงจังไม่ได้ซักที .. ??.........
ตอนนี้เป้นประเด็นร้อนในคมชัดลึกเลยนะ....********************************
เตือนรับมือ สงครามกลางเมือง เผยคนร้ายเตรียมป่วนกรุงอีก
อดีต ผอ.ศอ.บต.เตือนรัฐรับมือสงครามกลางเมือง หลังแนวร่วมแฝงตัวพร้อมเคลื่อนไหวจำนวนมาก หวังเรียกองค์กรต่างชาติแทรกแซง หน่วยข่าวเตือน 10 คนร้ายเข้า กทม.ป่วน 23 ก.พ.-3 มี.ค. กรมทางหลวงเร่งถางป่าริมถนนในสามจว.ใต้ข้างละ 4-5 เมตร สกัดโจรใต้ซุ่มยิงวางระเบิด ได้ภาพสเก็ตช์มือบึ้มยะลาแล้ว 10 ราย
หลังกลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุรุนแรงพร้อมกันหลายจุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดมีคำเตือนจากอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่าให้ระวังแผนก่อสงครามกลางเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้เพื่อหวังให้องค์กรต่างชาติเข้ามาแทรกแซง
เตือนรับมือแผนก่อสงครามกลางเมือง
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายนิพนธ์ บุญภัทรโร อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่าสถานการณ์ความไม่สงบขณะนี้มีทีท่ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนหนึ่งมาจากเครือข่ายหรือแนวร่วมที่อยู่ในวัยหรือสภาพสมบูรณ์ หลังผ่านการบ่มเพาะปลูกฝังอุดมกาณ์แบ่งแยกดินแดนชนิดสุดลิ่มในช่วง 5-10 ปี ก่อนหน้านี้ และที่สำคัญวันนี้กลุ่มคนเหล่านี้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ และกบดานในจุดที่รัฐคาดไม่ถึง โดยเฉพาะสถานศึกษา
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้แนวร่วมซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่แฝงตัวอยู่ในสถานศึกษาหลายระดับชั้นทั่วพื้นที่ภาคใต้ มีมากกว่าหนึ่งหมื่นคนและพร้อมสำหรับเคลื่อนไหว สำหรับวิธีการสร้างเครือข่ายของขบวนการเหล่านี้จะไม่ใช้การบังคับ แต่จะใช้รูปแบบการลอยแพหรือโดดเดี่ยวผู้ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอุดมการณ์ จากนั้นแกนนำจะใช้ศาสนาที่ถูกบิดเบือนเป็นตัวนำทางเพื่อตีกรอบความคิดเรื่องรัฐปัตตานี และนำไปสู่การเข้าร่วมอุดมการณ์โดยปริยาย ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
อดีต ผอ.ศอ.บต.กล่าวต่อว่า ศอ.บต.อยู่ในฐานะที่ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะหลังจากหายจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ไป 5 ปี เครือข่ายการทำงานทั้งสายข่าวหรือกลุ่มแนวร่วมในการทำงาน ซึ่งเป็นเหมือนแขนขาของหน่วยงานนี้ถูกตัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว การสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อทำงานจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะ
"วันนี้ ศอ.บต.แบกรับความกดดันจากความคาดหวังของประชาชนอย่างมากในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อพิจารณาความเป็นจริงแล้ว หน่วยงานแห่งนี้ไม่ต่างไปจากชายหนุ่มที่เปลือยกายล่อนจ้อน เพราะวันนี้งบก็ยังไม่มี กฎหมายที่รองรับอำนาจของ ศอ.บต.ก็ยังไม่ชัดเจน ฉะนั้นสังคมต้องเข้าใจเหตุผลขององค์กรแห่งนี้ในวันที่สถานการณ์ความไม่สงบเปลี่ยนโฉมไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง" อดีต ผอ.ศอ.บต.กล่าว
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้ก่อความไม่สงบกำลังเปิดสงครามสัญลักษณ์ด้วยการพุ่งเป้าทำลายวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตในชุมชนเมือง ซึ่งโอกาสเกิดสงครามกลางเมืองมีสูง เพราะวันนี้แนวร่วมของเขาแฝงตัวและเคลื่อนไหวในเขตเมืองทั้งสิ้น ส่วนพื้นที่รอบนอกถือเป็นฐานกำลังที่คอยสนับสนุนปฏิบัติการควบคุมมวลชน ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ นั้นโอกาสเกิดขึ้นยังมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากปัจจัยเอื้อในการสร้างสถานการณ์ยังจำกัดเมื่อเทียบกับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
"วันนี้รัฐแทบจะแยกปลากับน้ำไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนหรือคนร้ายกำลังกลายเป็นเนื้อเดียวกัน สงครามจรยุทธ์ในเมืองของฝ่ายตรงข้ามได้ผลแทบทุกครั้งในระยะหลังซึ่งนั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายหากเขาพร้อมเมื่อไรโอกาสที่เราจะตกอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำมีสูง" นายนิพนธ์ กล่าว
อดีต ผอ.ศอ.บต.กล่าวอีกว่า เป้าหมายต่อไปของผู้ก่อความไม่สงบคือการเพิ่มระดับความรุนแรงในการก่อสงครามสัญลักษณ์เพื่อนำไปสู่สงครามศาสนาโดยมีคนต่างเชื้อชาติศาสนาเป็นตัวกระตุ้นให้อุณหภูมิสถานการณ์เพิ่มขึ้น ซึ่งหากเมื่อใดที่คนไทยพุทธหรือคนไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่อดทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ แล้วตัดสินใจจับอาวุธลุกขึ้นสู้เพราะเขาไม่มีทางไปและรัฐปกป้องชีวิตไม่ได้ เมื่อนั้นการเดินเข้าสู่เป้าหมายสำคัญของฝ่ายตรงข้ามก็จะสำเร็จ เพราะหมายถึงการส่งสัญญาณไปยังองค์กรต่างประเทศให้เข้ามาแทรกแซงด้วยข้ออ้างรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมปัญหาชายแดนภาคใต้ได้อีกต่อไป
หน่วยข่าวเผยเฝ้าระวังป่วนถึง3มี.ค.
พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้ว่าได้มอบให้กองทัพภาค 4 ดำเนินการแล้ว ซึ่งเรามีการติดต่อกันตลอดเวลา และเชื่อว่ากำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้จะเข้าใจ การเป็นทหารเขาบอกว่าเวลารบ เรามีที่หมายหลักกับที่หมายรอง ฉะนั้นก็ได้แบ่งที่หมายกันแล้ว ว่าใครจะตีที่หมายหลักหรือรอง ฉะนั้นทหารทุกคนเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนที่มีข่าวระบุว่ามีการสนับสนุนเงินจากตะวันออกกลางในการก่อเหตุ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปเชื่อ และอยากให้ดูปัญหาภายใน
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงเปิดเผยว่า สายข่าวในสามจังหวัดชายแดนใต้ รายงานมาว่าขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มนักการเมืองให้มาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ให้เกิดเหตุเหมือนกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 10 คน พร้อมเชื้อปะทุระเบิด หนักประมาณ 50 กโลกรัม โดยมีเป้าหมายป่วนกรุงเทพฯ ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์-3 มีนาคม นี้ ซึ่งหน่วยงานข่าวได้แจ้งข่าวไปยังส่วนราชการในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้ว
ขณะที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลและกรุงเทพมหานครเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามที่มีความกังวลว่าจะมีการก่อเหตุร้ายว่า กระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับการแจ้งเตือน แต่การข่าวที่ตรงกันหลายฝ่าย เจ้าหน้าที่ก็ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ไม่เฉพาะแต่กรุงเทพฯ เท่านั้น จังหวัดต่างๆ ก็ต้องตื่นตัวไม่ประมาท แต่ไม่เชื่อว่ากลุ่มที่ขู่ว่าจะเข้ามาก่อเหตุจะลุกลามมาจากกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ ไม่อยากให้ด่วนสรุปและกังวลจนเกินไป
โฆษกทบ.ยันโจรใต้เมินเข้ากรุง
พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้เป็นเรื่องของการแบ่งแยกดินแดนที่มั่นใจว่าความรุนแรงจะไม่ขยายวงกว้างไปยังกรุงเทพฯ เนื่องจากผิดเป้าหมายของกลุ่มที่ตั้งธงไว้ในการแยกเป็นรัฐอิสระ อีกทั้งสวนทางกับแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันคือ พยายามสร้างกระแสข่าวป่วนเฉพาะในพื้นที่ชายแดนใต้เพื่อให้สังคมมุสลิมโลกเข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาภายในประเทศ
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าขณะนี้มีความพยายามสกัดกั้นการพัฒนาในพื้นที่ทุกทิศทางไม่ว่าจะเป็นการศึกษาและเศรษฐกิจรวมถึงปฏิบัติการขับไล่ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การก่อเหตุเผาและลอบวางระเบิดย่านเศรษฐกิจสำคัญ รวมถึงการปลุกกระแสสร้างความแตกแยกในชุมชนควบคู่การก่อเหตุใหญ่เพื่อสร้างความสับสนแบบวันต่อวัน ซึ่งเป็นแผนการที่แยบยลมาก เช่น ทันทีที่คนร้ายก่อเหตุยิงคนไทยพุทธ จากนั้น 1 วันจะมีการยิงหรือลอบเผาบ้านคนไทยมุสลิมทันทีเพื่อพยายามสร้างความสับสนว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ตอบโต้ ทำให้ประชาชนเกิดความระแวงสงสัยเพื่อแยกประชาชนออกจากเจ้าหน้าที่
"วัตถุประสงค์ของคนร้ายในวันนี้ คือ ต้องการแยกประชาชนให้ออกห่างจากเจ้าหน้าที่ไว้ให้มากที่สุด เนื่องจากหากวันใดที่ประชาชนหันมาร่วมมือรัฐเท่ากับเสียมวลชนและปฏิบัติการได้ลำบากขึ้น ทำให้ประชาชนกลายเป็นกุญแจสำคัญ หรือ "ทูต" ที่นำไปสู่ความสำเร็จของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นใครสามารถควบคุมมวลชนได้คือผู้ชนะ" พ.อ.อัคร กล่าว
นอภ.พื้นที่เสี่ยงสั่งจับตาแนวร่วมแฝงตัว
กรณีที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยข้อมูลของกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นแนวร่วมว่ามีจำนวนกว่า 1 หมื่นคนเข้ามาแฝงตัวเพื่อก่อเหตุความรุนแรงในเมืองนั้น นายประสิทธิ์ ธีระพันธ์ นายอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่าได้กำชับไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านและประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเพื่อร่วมกันตรวจสอบจำนวนกลุ่มวัยรุ่นที่หายตัวออกไปจากหมู่บ้าน เพราะขณะนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างไม่เป็นอิสระ เนื่องจากถูกติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
"การตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมของบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นเครือข่าย และผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ในรายที่พบเบาะแสหรือได้รับรายงานข่าวการเคลื่อนไหวจากผู้นำท้องถิ่นก็ได้จัดชุดติดตามเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างกระชั้นชิด" นายประสิทธิ์ กล่าว
นายบุญไทย กาฬศิริ นายอำเภอรามัน จ.ยะลา กล่าวว่าได้มีการประชุมและประเมินสถานการณ์ร่วมกับกองกำลังทหาร ตำรวจ ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน อาสาสมัคร ตลอดจนผู้นำศาสนาและโต๊ะอิหม่ามในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แนวทางปฏิบัติสอดคล้องกับแผนรักษาความปลอดภัย และส่วนที่มีการกำชับเป็นกรณีพิเศษคือการจับตาสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นและบุคคลต้องสงสัยทั้งที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่และบุคคลต่างถิ่นเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวในการก่อเหตุความรุนแรง
ส่วนจำนวนของกลุ่มแนวร่วมที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่ นายอำเภอรามันยอมรับว่ามีอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งอาศัยปะปนกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ 5 ตำบลของ อ.รามัน ซึ่งพยายามเคลื่อนไหวเพื่อก่อเหตุความไม่สงบตามคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มขบวนการที่กบดานนอกพื้นที่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จัดกำลังเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งยอมรับว่าฝ่ายตรงข้ามรู้เท่าทัน
นายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเดินทางออกนอกพื้นที่ของกลุ่มดังกล่าวในการก่อเหตุความรุนแรงตามจังหวัดต่างๆ แต่เบื้องต้นยังไม่มีเบาะแสการเดินทางออกนอกพื้นที่ในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด
สั่งถางหญ้าไหล่ทางป้องกันวางระเบิด
กรณีคนร้ายซุ่มยิงรถท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์ ล่าสุด นายโอฬาร วาสุถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ 15 กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม กล่าวว่าได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการถางหญ้าบริเวณไหล่ทาง ริมถนนทางหลวงที่อยู่ในพื้นที่สามจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง ได้แก่ จ.ยะลา พื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ยะหา อ.ธารโต เป็นต้น ส่วนที่ จ.นราธิวาส พื้นที่ อ.เจาะไอร้อง อ.สุไหงปาดี อ.บาเจาะ ที่ จ.ปัตตานี พื้นที่ อ.กะพ้อ อ.สายบุรี อ.ปะนาเระ เป็นต้น เพื่อป้องกันคนร้ายขุดเจาะถนนเพื่อวางระเบิดและซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ โดยการถางหญ้าจะให้ห่างจากไหล่ถนนประมาณ 4-5 เมตร แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์แต่ก็ทำให้คนร้ายทำงานได้ยาก
นายโอฬาร กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนร้ายมีการขุดเจาะถนนเพื่อวางระเบิดใน อ.บันนังสตา ประมาณ 4 ครั้ง โดยคนร้ายจะใช้วิธีการเจาะจากไหล่ทางที่มีป่ารก เจาะเข้าหาจุดศูนย์กลางประมาณ 4-5 เมตร ใช้เวลาขุดประมาณ 2-3 วัน แล้วนำดินไปทิ้งในที่อื่น ซึ่งถือว่าทำได้แนบเนียนมากจนเจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบพิรุธ และการตรวจสอบถนนสายหลักก็มีความเสี่ยงมาก เนื่องจากที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเสียชีวิตไปแล้ว 8 คน บาดเจ็บ 20 คน
วันเดียวกัน ชาวบ้านแจ้งตำรวจ สภ.อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่าพบชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ แล้ววางถุงสีแดงในกอหญ้าคาใกล้รางรถไฟตรงข้ามร้านขายก๋วยเตี๋ยว ถนนทรายทอง 1 ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบโดยใช้รถหุ่นยนต์ติดตั้งปืนแรงดันน้ำเข้ายิงทำลาย พบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยรีโมทรถยนต์ น้ำหนัก 5 กิโลกรัม มีเศษเหล็กเส้นตัด เชื้อปะทุ ถ่านไฟฉาย ปุ๋ยยูเรีย น้ำมันโซลาร์ แผงวงจรรีโมทจึงเก็บไว้ตรวจสอบต่อไป
ได้ภาพสเก็ตช์บึ้มยะลาแล้ว 10 ราย
ความคืบหน้าการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในเวลาไล่เลี่ยกันหลายจุดที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เตรียมเสนอขอออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นคนใน ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งมีหลักฐานจากภาพทีวีวงจรปิด ที่ร้านมายเวย์ คาราโอเกะ ถนนรวมมิตร ว่าเป็นผู้นำระเบิดเข้าไปวางในร้าน ขณะเดียวกันได้ภาพสเก็ตช์คนร้ายจากปากคำพยานอีก 6 รายที่เข้ามาก่อเหตุวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลา และภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยอีก 4 คน จากเหตุลอบวางระเบิดร้านคาราโอเกะ ที่ อ.เบตง
แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ยะลา กล่าวว่าระเบิดที่คนร้ายนำมาใช้เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยนาฬิกาดิจิทัลทั้งหมด ส่วนเหตุระเบิด พ.ต.ประสาน นาคทั่ง ทหารพราน 41 เสียชีวิตที่หน้าบ้านพัก เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรลรถยนต์ เช่นเดียวกับระเบิดที่เก็บกู้ไว้ได้ที่ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาตลาดเก่า ก็เป็นชนิดที่จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรลเช่นกัน ซึ่งรีโมทคอนโทรลยี่ห้อดังกล่าวไม่พบมีจำหน่ายในประเทศไทย จึงเชื่อว่านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
http://www.komchadluek.net/2007/02/23/a001_93561.php?news_id=93561..........................................................................................................
วันนี้(23ก.พ.)หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุว่า มีบุคคลลึกลับขู่วางระเบิดที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าหน้าที่ได้นำสุนัขตำรวจดมกลิ่นเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมกับตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ตรวจตราดูแลความเรียบร้อยรอบๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อย่างเข้มงวด
ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ปรากฎว่าไม่มีวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างใด พร้อมวอนให้ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาบริเวณนั้นช่วยกันสอดส่องดูแลด้วย
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000022511