รัฐมนตรี...ก่อม็อบ... "ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์"หากมีการสำรวจ "เรตติ้ง" ของรัฐมนตรีในรัฐบาล "สุรยุทธ์" ชื่อของ "ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์"
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คงจะติดชาร์ต "เสนาบดีเจ้าปัญหา" ที่สุด
เพราะตลอดเวลากว่า 4 เดือนที่ผ่านมา เขา "สร้างปม" ให้รัฐบาลตามไปแก้ไม่เว้นแต่
ละวัน โดยเฉพาะเรื่องวุ่นๆ ในแวดวงสื่อ
หากยังจำได้ "ธีรภัทร์" เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ "ชักศึกเข้ารัฐบาล" หลังรับตำแหน่งได้
เดือนเศษ ด้วยการลงไปล้วง-แคะ-แกะ-เกา บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แทบทุก
อณู ดังจะเห็นได้จากการปรับผังรายการแบบ "อภินิหาร" หลัง รมต.ดอดประชุมร่วม
กับอดีตผู้จัดรายการที่ถูกเด้งไปในยุค "ทักษิณครองเมือง" เพื่อเปิดทางให้เหล่า "ขา
ประจำ" กลับมามีพื้นที่
เป็นผลให้พนักงาน อสมท ต้องลุกขึ้นมาโชว์ "พลังเสื้อดำ" นำตะเกียงมามอบให้ "พล.อ.
สุรยุทธ์ จุลานนท์" นายกรัฐมนตรี ถึงทำเนียบเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2549 เพราะหวังให้
ช่วยพา อสมท ภายใต้การกำกับดูแลของ " ธีรภัทร์" พ้นภาวะ "แดนสนธยา"
นั่นคือ "ผลงานชิ้นโบว์ดำ" อันแรกของ "ธีรภัทร์"
จากนั้นไม่ถึงเดือน "ธีรภัทร์" ผลักดันให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการการมีส่วน
ร่วมของประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวร โดยมี
"วิทยากร เชียงกูล" เป็นประธาน ส่วน "ป๋าดัน" รับบทที่ปรึกษา
แม้จุดเริ่มต้นในการก่อร่างตั้งคณะกรรมการดังกล่าวจะมาจากจุดประสงค์ดีคือ ให้ทำงาน
คู่ขนานกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) คอยเป็น "กระบอกเสียง (ทางอ้อม) " ผ่องถ่าย
เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปสู่สาธารณชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง "แก่นของ
กติกา" ก่อนลงประชามติ
แต่เพียงแค่เรียกประชุมบอร์ดนัดแรก วันที่ 20 ธันวาคม 2549 ก็มีกรรมการ 3 คน ซึ่ง
เป็นผู้แทนองค์กรวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชน ได้แก่ ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมนักข่าววิทยุและ
โทรทัศน์ไทย ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
หลังถูก "ยัดหัวโขน" ให้แบบไม่รู้ตัว
ล่าสุดเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา "ธีรภัทร์" คนเดิมอาศัยหมวกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
กรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) สร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการเปิดทางให้รายการ "ยาม
เฝ้าแผ่นดิน" ของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" เจ้าของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ยึดหน้าจอสถานี
โทรทัศน์ช่อง 11 ในช่วงไพร์มไทม์
ถือเป็นของขวัญวันแห่งความรักที่มอบให้คนไทยผู้รักความสมานฉันท์ ท่ามกลางเสียง
ติติงเรื่องความหมิ่นเหม่ต่อการขัดกฎหมาย เสียงทัดทานว่าอาจเป็นตัวจุดชนวนแห่ง
ความแตกแยกรอบ 2 ซ้ำยังมีข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงมี " นโยบายเอื้ออาทร" กับคู่ความ
กปส.ที่อยู่ระหว่างการฟ้องดำเนินคดีด้วย
"ธีรภัทร์" ให้เหตุผลว่าเชื่อ (โดยสุจริตใจ?) ว่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรผู้นี้จะสามารถสร้าง
สังคมประเทืองปัญญาได้
แต่งานนี้ถูก "ย้อนเกล็ด" เข้าอย่างจัง เมื่อเด็กเก่า "ทักษิณ" ประกาศตั้งสถานีโทรทัศน์
ผ่านดาวเทียม "พีทีวี" ดำเนินการแบบเดียวกับเอเอสทีวีทุกประการ
เป็นผลให้ "ธีรภัทร์" ขู่งัดไม้แข็งขึ้นมาจัดการเจ้าของเคเบิลเถื่อนทันที
ตรงนี้นำมาสู่คำถามเรื่อง 2 มาตรฐาน "ก้อนอิฐ" ที่เคยเขวี้ยงใส่รัฐบาล จึงพัฒนาเป็น
หินภูเขาไฟทันที
ยังไม่รวมการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต
และประชาสัมพันธ์เชิงรุก หรือ "วอร์รูม" ซึ่งผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นแนวทาง
กระชากเรตติ้งให้รัฐบาล
มีแต่แผนงานขุด "ซากรัฐบาลทักษิณ" ขึ้นมาทำเป็น "สมุดปกดำ"
มติชน วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10576
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol05230250&day=2007/02/23§ionid=0133เป็นเจ้าพนักงานของรัฐทำผิดกฏหมายซะเอง???