โง่ อย่างง่าวว มันเคยนึกถึงหัวอกผู้บริโภคหรือเปล่า ?
การที่ประชาชนได้บริโภคสินค้าในราคาที่ถูก เป็นเรื่องที่ดีใช่หรือเปล่า ?
คิดอะไรกันมากมาย ทุนนิยมคือการแข่งขันกันอย่างเสรี
เมื่อก่อนเห็นบอกว่า เมื่อไหร่ที่พวกมันควบคุมได้ทั้งระบบแล้ว
มันจะขึ้นราคาสิ้นค้าหูดับตับไหม้
ไหนล่ะครับ ??? ไอ้ที่เขียนเสือให้วัวกลัวเอาไว้น่ะ ???
คนที่ตายจากศึกนี้คือพวก ซัพพลายเออร์ และผู้ประกอบการที่ปรับตัวไม่ได้ ไปไม่เป็น ไร้สติปัญญาต่างหาก
จริงๆอยากอยู่เฉยๆดูความคิดของพวกคุณมากกว่า แต่พอมาเจอพูดแบบนี้เข้าก็รู้สึกแปลก
ทุนนิยคือการแข่งขันเสรี พูดได้ดีครับ ผมไม่รุ้ว่าคุณทำงานอะไรหรือมีอาชีพอะไร
แต่ผมอยากจะให้คุณลองคิดต่อเรื่องที่ผมจะกล่าวนี้
สมมุติว่าคุณเป็นพนักงานในบริษัทหนึ่ง แล้วอยู่ไปอยู่มาเขาก็ให้คุณออก ด้วยเหตุผลว่ามีคนใหม่ที่ค่าจ้างถูกกว่า
แล้วไม่ว่าจะไปสมัครหรือทำงานที่ไหน เขาก็จะมีประเด็นเรื่องต่าจ้างที่ถูกกว่าเป็นเหตุให้จ้างหรือไม่จ้างคุณทำงาน
โดยไม่สนว่าคุณจะอยู่กับเขามานานแค่ไหน มีผลงานมากมายแค่ไหน แต่เขาใช้เหตุผลของทุนนิยมเสรี
ต้นทุนที่ถูกกว่าในการบอกเลิกจ้าง ผมอยากจะรู้จริงๆว่าคุณจะมีความคิดต่อระบบแบบนี้อย่างไร
อ่อ ขอให้ตัดเงื่อนไขของกฏหมายแรงงานเกี่ยวกับค่าชดเชยหรืออะไรก็แล้วแต่ออกไปนะครับ
เพราะเรากำลังว่าด้วยทุนนิยมเสรีตามแบบฉบับที่คุณบอกว่าการแข่งขันอย่างเสรี
คุณไม่มีทางเถียงชนะ "สัตว์สปีชี่คน" หรอกครับ
...ทำไมหรือ ?
เพราะในโลกเรานี้ มีสิ่งที่เรียกว่า "หลักธรรมชาติ" และ "หลักคุณธรรม" เป็นเสมือนแรงพันธะ ( ผูกรั้ง - ดึง - ดัน - รักษาระยะ ) ระหว่างชีวิตต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน
(1) หลักธรรมชาติ มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ เช่น
หลักการปรับตัว ( ตามสภาวะ เช่น ร้อน หนาว แห้งแล้ง ฯลฯ // ถูกก่นด่าบีบคั้น ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างว้าเหว่เดียวดาย อดอยากหิวโหย ฯลฯ )
หลัก "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" หลักการจัดลำดับความสำคัญ ( ต้องทำให้ท้องอิ่มก่อน แล้วค่อยผสมพันธุ์ แต่ถ้าบาดเจ็บมาก็ต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรกที่สุด // ต้องหาเงินจ่ายให้ลูกน้องได้ก่อน แล้วจึงค่อยคิดขยายกิจการ แต่ถ้าบริษัทประสบสภาวะขาดทุนหรือมีมรสุมก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ก่อน แม้่ว่าทั้งผู้บริหารและพนักงานต้องอดทน - ยอมทำงานเกินข้อตกลงหรือเวลาทำงานกันบ้าง )
หลักอาวุโส - จ่าฝูง ( ตัวที่แข็งแรงที่สุดเ็ป็นผู้นำกลุ่ม - ได้กินก่อน, สัตว์แก่ประสบการณ์มากเป็นผู้นำทาง // เถ้าแก่ หุ้นส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ - ได้ผลตอบแทนก่อน, ผู้บริหาร ผู้จัดการ ที่ปรึกษา คนรู้มากเรียนมาก เป็นผู้ควบคุมองค์กรและพนักงาน )
ฯลฯหรือ เมื่อ "คน" นำมาใช้ก็ต้องปรับปรุงให้มัน "มีศิลป" หรือ "มีความเป็นไปได้ - ความคุ้มค่า" ตามเงื่อนไข สภาวะ และวัฒนธรรมที่สลับซับซ้อน เนื่องจากสังคมของคนซับซ้อนยิ่งกว่าสังคมของสัตว์ ( เดรัจฉาน )
(2) หลักคุณธรรม หลักนี้มีเฉพาะใน "มนุษย์ ( สังเกตว่าผมไม่ใช้คำ่ว่า "คน" แล้วนะครับ )"
รวมไปถึง "เดรัจฉานบางสปีชี่ร์ - ในบางเงื่อนไข"
หากไล่เรียงลงมาตามลำดับ "หมวดหมู่" อาจแบ่งได้เป็น
เมตตาธรรม > ศีลธรรม > จริยธรรม > นิติธรรม
( สูงกว่านี้ก็มี โดยขอเรียกไปพลางก่อนว่า "สัจจธรรม" ซึ่งมีแต่เพียงมหาบุรุษอย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ สกิทาคา อนาคามี โสดาบัน เท่านั้นที่เข้าใจ )
โดยเป็นหลักที่ไม่อิงหรืออ้างถึง "หลักธรรมชาติ" ใด ๆ แม้แต่น้อย
ด้วยเป็นธรรมที่ทำให้เจ้าของชีวิตนั้น "อยู่สูง" หรือ "พ้นจากสภาวะอันเป็นเดรัจฉาน" ทั่วไป
( ถ้าจะอ้าง ก็เป็นการอ้างเพื่อให้เห็น "ความแตกต่าง" )
เช่น
หลักแห่งมนุษยธรรม ...แม้สัตว์ก็มีได้ เช่น ฝูงช้าง มักจะรับช้างกำพร้าวัยเยาว์ที่แตกโขลง หรือหลงทาง หรือโขลงเดิมที่ไล่ล่าล้างผลาญเข้าฝูงตน
หลักแห่งสันติธรรม ...แม้สัตว์ก็มีได้ เช่น แมว หมา งู หนู ที่หนีน้ำท่วมขึ้นไปอยู่บนแพหรือขอนไม้เดียวกัน ในช่วงเวลาอันวิกฤตินั้นมันจะไม่ทำร้ายกันและกัน.
ฯลฯรวมไปถึงสิ่งที่กระทู้นี้กำลังกล่าวถึง นั่นคือ
หลักแห่งความยุติธรรมอันเป็นการ "ปกป้องผู้อ่อนแอ ดูแลผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ"
ในลักษณะคล้าย ๆ การปรับตาชั่ง
"ให้แกนที่เอียงนั้นกลับไปสู่สมดุล" โดยการ "เอาออกไป - จากฝ่ายที่มีมากกว่า" หรือ "เพิ่มเข้าไป - ในฝ่ายที่มีน้อยกว่า" เป็น "หลักธรรม" ที่มีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้นล่ะครับ
คคห.ของคุณ Coolly_Jade แฝงนัยยะไว้ว่า
"เฮ้ย...เราเป็นมนุษย์นะโว้ย" เราจึงต้องมีความยุติธรรม ( น่าจะปรับให้ฝ่ายที่มีมากกว่ามีน้อยลง เช่น ความสามารถในการแสวงหากำไรหรือรายได้ของฝ่ายนายจ้างย่อมมีมากกว่าฝ่ายลูกจ้างอยู่แล้ว จึงต้องปรับให้ความสามารถนั้นลดทอนลงบ้าง ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจฉัน )
ส่วนคุณ Dont cry for me:Thailand กำลังอ้างหลักธรรมชาติ 2 อย่าง คือ
1. หลักการปลาใหญ่กินปลาเล็ก
2. หลักการปรับตัว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
2.1 ความนิยมของผู้บริโภคที่เลือกเข้าห้าง ฯ คล้าย ๆ "ฝูงสัตว์ย่อมอพยพโยกย้ายไปยังแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ และอาศัยพักพิงได้อย่างปลอดภัย"
และ
2.2 ถ้าโชห่วยรายใดอยากรอด ก็ต้องปรับตัว - ปรับปรุง คล้าย ๆ "เมื่อเหยื่ออพยพโยกย้ายไปหรือมีจำนวนลดน้อยลง ผู้ล่าก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำรงชีวิต เช่น อาจต้องเปลี่ยนไปกินหญ้า ( ตย. หมีกริซลี่ จะมีบางช่วงที่หันไปกินหญ้าและลูกไม้ ) หรือใช้กลเม็ดอื่น ๆ หลอกล่อให้เหยื่อโง่ ๆ บางตัวให้หันมาสนใจ"
???????????????????
หากถามว่าใครผิด - ถูก
ก็ต้องตอบว่า "ผมตอบไม่ได้"
สำหรับบุคคลที่เห็นว่าผู้คนในประเทศชาติ - ในรัฐ - ในโลกนี้ เป็นสัตว์สังคม - เป็นสัตว์เศรษฐกิจ
1...ย่อมใช้ "หลักธรรมชาติ" ในการอ้างอิง
ส่วนบุคคลที่เห็นว่าผู้คนในประเทศชาติ - ในรัฐ - ในโลกนี้ เป็น "มนุษย์"
2...ย่อมใช้ "หลักคุณธรรม" ในการอ้่างอิง
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โดยผมจะไม่สรุปและไม่ขยายประเด็นออกไปอีก ในกระทู้นี้
หมายเหตุ :
1 ได้แก่ นักการเมือง ที่ไม่ใช่รัฐบุรุษ, พ่อค้า - นักอุตสาหกรรม - นักการตลาด ที่ยังเป็นเพียง นักแสวงหากำไรและผลตอบแทนจากการลงทุน, นักเศรษฐศาสตร์ CEO ( หลักจ่าฝูง ) นักการเงิน - การธนาคาร ( หลักเอาตัวรอด : สะสมอาหาร + ขยายเผ่าพันธุ์ ) ฯลฯ
2 ในทางนิติศาสตร์ มักเรียกว่า "วิญญูชน"
ในทางสังคมศาสตร์ มักเรียกว่า "อารยชน"