เมื่อถามว่า หากมีความเห็นที่ตรงกัน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็น "หัวเสือ" ให้กับกลุ่มที่มาทาบทาม นายสมคิดกล่าวว่า ไม่ใช่หัวเสือ ถ้าจะทำงานการเมือง จะมีทิศทางของตนเอง จะพูดคุยกับคนเหล่านั้นเพื่อให้เข้าใจในทิศทางของตนเอง ถ้าเห็นด้วยกันก็มาร่วมกัน ไม่ได้เป็นหัวเสือให้ใคร
**ไปญี่ปุ่นแล้ว-คาดพบจนท.รัฐ
แหล่งข่าวจากคนใกล้ชิดนายสมคิดเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสมคิดได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว วัตถุประสงค์หลักคือไปพักผ่อนส่วนตัวเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีน แต่อาจมีการพบปะเพื่อนฝูงที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและนักธุรกิจของญี่ปุ่นบางคนด้วย ส่วนการทำหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้น ได้กำหนดการคร่าวๆ แล้วว่า ในเดือนมีนาคมจะไปญี่ปุ่น พบปะกับสมาพันธ์องค์กรเอกชนของญี่ปุ่น (ไคดันเรน) ไปจีนในเดือนเมษายน พบปะกับผู้บริหารบริษัทผู้นำเข้าสินค้าซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ในการประชุมคณะกรรมการนัดแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสมคิดยืนยันว่าการทำงานของชุดนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกับงานปกติของรัฐบาล แต่จะเข้าไปช่วยเสริมเท่านั้น
**"สนธิ"ยันสมานฉันท์-ดึงคนเก่งช่วย
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ดึงนายสมคิดมาช่วยงานว่า คงไม่มีอะไร เพราะความสมานฉันท์ต้องใช้คนที่มีความร่วมมือกันหลายกลุ่มหลายพวกมาช่วยกันคิด แม้ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติยังมีคนของพรรคไทยรักไทยมาช่วยกันคิด รัฐบาลคงมองว่ามีคนที่มีความสามารถอยู่ตรงไหนก็เลือกมาใช้ อยากให้ทุกคนเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ต้องหันมามองประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง สำหรับ คมช.กำลังหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อส่งข้อมูลให้ฝ่ายบริหารพิจารณา เพราะปัญหาใหญ่ๆ ของรัฐบาล คือ เรื่องของเศรษฐกิจ ต้องหาคนมาช่วย รวมถึงเรื่องการศึกษา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการต่อท่ออำนาจทางการเมืองของรัฐบาลและ คมช.หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน และไม่มีความลึกซึ้ง ทุกอย่างตรงไปตรงมา จุดประสงค์หลักเพื่อมาช่วยงานเศรษฐกิจของรัฐบาลเท่านั้น
**"สพรั่ง"บอกอย่าคิดเองเออเอง
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. กล่าวว่า อยากเฝ้าฟังเสียงของคนต่างๆ ว่าแต่ละกลุ่มคิดอย่างไร ส่วนการตั้งนายสมคิดจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลหรือ คมช.หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังมองไม่เห็นสิ่งที่จะเป็นปัญหามาถึง คมช.
เมื่อถามว่า การดึงนายสมคิดมาช่วยงานรัฐบาลเป็นการต่อท่อทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า "คิดเอง เออเอง เราไม่ได้คิดอะไร คมช.คิดเรื่องดูแลบ้านเมือง เรื่องความมั่นคงก็หนักอยู่แล้ว เรื่องของบ้านเมืองต้องค่อยๆ สะสางกันไป"
**"สนั่น"ชี้ไม่"อุ๋ย"ก็"โฆสิต"คงลาออก
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีคิดให้รอบคอบ เพราะการตั้งนายสมคิดเข้ามาเป็นการยืนยันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับมาได้แน่หลังการเลือกตั้ง เนื่องจาก "กลุ่มมัชฌิมา" จะให้นายสมคิดเป็นหัวหน้าพรรค เท่ากับปล่อยให้พรรคไทยรักไทยแยกกันตีแล้วหลังเลือกตั้งก็กลับมารวมตัวกันเป็นรัฐบาล กรณีนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงข้าราชการและพยาน ไม่กล้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดต่อรัฐ (คตส.) เพราะกลัวว่าถ้านายสมคิดได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือพรรคไทยรักไทยกลับมาเป็นรัฐบาล คนเหล่านี้จะไปอยู่ที่ไหน ประชาชนมองว่า เล่นอะไรกัน อยากย้ำให้ไตร่ตรองให้ดี แม้นายสมคิดยืนยันไม่ก้าวก่ายเศรษฐกิจ แต่การเดินสายชี้แจงเรื่องนี้อาจกระทบกับการทำงานของรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
"ผมไม่ทราบว่าตอนนี้หม่อมอุ๋ย (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) และคุณโฆสิต (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม) จะคิดอย่างไร แต่เชื่อว่าเมื่อถึงวันหนึ่ง ไม่ใครก็ใครคงลาออกกันบ้าง" พล.ต.สนั่นคาดการณ์
หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวต่อไปว่า ไม่ทราบ พล.อ.สุรยุทธ์คิดอะไร แต่การทำอย่างนี้ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนไปหมด รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจทำอย่างนี้ไม่ได้ ต้องวางตัวเป็นกลาง อย่าเอาพรรคหนึ่งพรรคใดเข้ามาให้ได้ประโยชน์ ถึงห่วงว่ารัฐบาลจะไปไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะคมช.กับรัฐบาลจะยิ่งขัดแย้งสูง พล.อ.สุรยุทธ์เป็นคนดี จะเอาชื่อเสียงมาทิ้งตรงนี้ก็น่าเสียดาย ดังนั้นทำอะไรต้องพิจารณาให้รอบคอบ ยิ่งเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว อะไรที่กระทบการเมืองก็ต้องฟัง สรุปว่าถ้าฮั้วกันทางการเมืองก็จบ ทางแก้ไขเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายสมคิดต้องพิจารณาตัวเองว่าจะทำอย่างไร จะแก้ปัญหาให้ พล.อ.สุรยุทธ์หรือไม่
**ปชป.ปัดอิจฉา"สมคิด"ข่ม"มาร์ค"
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเสียวิจารณ์การที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านตั้งนายสมคิดเพราะเกรงจะเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคไม่ได้สนใจว่าใครจะมาเป็นคู่แข่งทางการเมือง เพราะพรรคแข่งขันทางการเมือง มาหลายสิบปีแล้ว และทุกครั้งจะมีคนใหม่ๆ เข้ามาแข่งขัน และหลายพรรคล้มหายไปเองไม่ว่าจะประชากรไทย พลังธรรม กิจสังคม และล่าสุดพรรคไทยรักไทย ดังนั้นประเด็นนี้ไม่ได้เป็นปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์
**ฟันธง3เดือนทำรัฐบาลร้าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและได้ไม่คุ้มเสียในเชิงบริหารและการเมือง และจะก่อให้เกิดปัญหาในรัฐบาลภายใน 3 เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งในคณะรัฐมนตรี อีกทั้งเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่รัฐบาล และคมช.จะไว้ใจนายสมคิดว่าในอนาคตจะไม่มีการต่อท่อหรือพึ่งพาอาศัยกับกลุ่มอำนาจเก่า
"คนที่สามารถเปลี่ยนจุดยืนได้เพียงชั่วข้ามคืน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเช่นกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ฉะนั้นผมขอฟันธงว่าปัญหานี้จะสร้างความเสียใจให้กับรัฐบาลและจะเกิดปัญหาทั้งสิ้นกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลเอาท้าวเทวทัตไปสอนธรรมะกับพุทธศาสนิกชน" นายสาธิตกล่าว
**"มัชฌิมา"ชี้ ชท.-ปชป.ใจคับแคบ
นายโสภณ เพชรสว่าง สมาชิกกลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยออกมาโวยวายแสดงให้เห็นถึงความใจแคบของพรรคการเมือง กลัวนายสมคิดจะโดดเด่นและตั้งพรรคที่ทำให้ประชาชนยอมรับ อยากถามทั้ง 2 พรรคว่าควรทำแบบนี้กับคนที่มาทำงานให้กับประเทศชาติหรือ เพราะยังไม่ทันที่นายสมคิดจะปฏิบัติงานก็ออกมาตั้งแง่แล้ว หากใจยังคิดแบบคับแคบเช่นนี้ต่อไปอาจจะไม่มีคนเข้ามาช่วย และอาจทำให้นายสมคิดเลิกเล่นการเมืองไปเลยก็ได้ ไม่อยากให้แบ่งฝ่ายว่าใครเคยอยู่กับพรรคไทยรักไทย ไม่สามารถร่วมงานกับรัฐบาลชุดนี้ได้ อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นขึ้นอีกนิด หากจะคัดค้านอะไรจะต้องใช้เหตุผล เพราะไม่ใช่ใครอยู่กับ พ.ต.ท. ทักษิณแล้วทุกคนจะเลวไปหมด
"แสดงให้เห็นธาตุแท้ของพรรคการเมืองที่อิจฉา การจะอิจฉาคิดว่านายสมคิด และกลุ่มมัชฌิมาจะได้เปรียบทางการเมือง ทั้งที่มีเวลาอีกนาน หากนายสมคิดยอมรับเป็นหัวหน้ากลุ่ม การจะตั้งพรรคต้องแข่งกันที่นโยบาย ไม่ใช่เรื่องแค่นี้ก็ออกมากีดกันกันตั้งแต่เนิ่นๆ ทำอย่างนี้ชาวบ้านยิ่งเบื่อหน่าย" นายโสภณกล่าว และว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีตัดสินใจเลือกนายสมคิด แสดงว่ากล้าเสี่ยง เชื่อว่าในอนาคตอาจดึงคนอื่นที่มีความสามารถเข้ามาช่วยงานอีก หากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และกลุ่มพันธมิตรมีคนดีๆ ก็เสนอตัวเข้ามา
**พันธมิตรถกต้าน20ก.พ.
ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ดึงนายสมคิดมาช่วยงานว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นสายป่านสุดท้ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคยต่อสู้กู้ชาติมาด้วยความยากลำบาก และหากรัฐบาลไม่ดำเนินการเด็ดขาดในเรื่องนี้ จะทบทวนความสัมพันธ์ของพันธมิตรกับรัฐบาลอีกครั้ง โดยเวลา 10.00 น.ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ แกนนำพันธมิตรนัดหารือกันที่บ้านพระอาทิตย์ ซึ่งทางออกที่จะทำให้ลดแรงกดดัน คือนายสมคิดต้องทำให้เห็นว่ากลับใจจริง และพร้อมไถ่บาป ในการประชุม คงมีมาตรการใดๆ ออกมาให้รัฐบาลทบทวนบทบาทของตนเองด้วย
**"แม้ว"ส่งหนังสือแจงยุบพรรค23ก.พ.
ที่พรรคไทยรักไทย นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย แถลงถึงการต่อสู้คดียุบพรรคไทยรักไทย ว่าคณะตุลาการรัฐธรรม นูญไต่สวนคดีมาแล้วจำนวน 5 นัด จากคำให้การของพยานสรุปได้ว่า การยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้ยุบพรรคไทยรักไทยมีการทำอย่างเป็นขบวนการ มีการวางลำดับขั้นตอนและวางแผนมาเป็นอย่างดี พยานแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องและยึดโยงกัน สังคมรับรู้ว่าพรรคถูกใส่ร้าย ทำให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยรักไทยมั่นใจว่า พรรคไทยรักไทยจะไม่ถูกยุบอย่างแน่นอน และจะได้รับความเป็นจากคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
นายวิชิตกล่าวต่อไปว่า การที่แถลงข่าวเรื่องนี้เพียงเพื่อต้องการฉายภาพให้เห็นว่าการยื่นร้องขอยุบพรรคไทยรักไทยนั้นเป็นเพียงขบวนการหนึ่งในหลายขบวนการที่ต้องการจะล้มรัฐบาล ล้ม พ.ต.ท.ทักษิณและล้มการเลือกตั้ง ทุกภาพจะเห็นการเชื่อมโยงกัน ถึงแม้จะมีกระแสข่าวจากประธาน คมช.ออกมาว่า การพิจารณาคดีของตุลาการรัฐธรรมนูญมีธงตั้งอยู่แล้วว่าต้องการยุบพรรคไทยรักไทย เรื่องนี้ไม่ห่วงเพราะหากข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่นี้ปรากฏขึ้นต่อสังคม ตุลาการคงจะไม่ทำร้ายหลักการยุติธรรม และหลักกฎหมาย
ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ส่งร่างคำชี้แจงคณะตุลาการไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว มั่นใจว่าไม่เกินวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ฝ่ายกฎหมายจะจัดส่งคำชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะติดใจสงสัยคำชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ หากติดใจจะต้องเรียก พ.ต.ท.ทักษิณมาชี้แจงต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ หากมีปัญหาจริง อาจต้องพิจารณาใช้วิธีให้ปากคำผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็ได้
**ก.แรงงานวุ่น"อภัย"ปลดทีมพีอาร์
รายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานแจ้งว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในกระทรวงแรงงาน เนื่องจากนายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งปรับเปลี่ยนทีมประชาสัมพันธ์ของกระทรวง ให้นายพิชัย เอกพิทักษ์ดำรง ผู้ตรวจราชการกระทรวง และนายทรงศักดิ์ ตันตะโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวง ออกจากตำแหน่งโฆษกและรองโฆษกกระทรวง แล้วให้นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ รองปลัดกระทรวง ทำหน้าที่แทน นอกจากนั้น นายอภัยยังได้ตำหนิข้าราชการฝ่ายประชาสัมพันธ์หลายครั้งเกี่ยวกับการเผยแพร่ผลงานของกระทรวง รวมทั้งการชี้แจงข่าวที่มีผลกระทบต่อกระทรวง ล่าสุดนายอภัยยังได้สั่งด้วยวาจาให้พักงานข้าราชการบางรายอีกด้วย
**"ไสว"แนะ รมต.พิจารณาตัว
นายไสว พราหมณี อดีต ส.ว.นครราชสีมา และอดีตปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการทำงานของนายอภัย จันทนจุลกะ ว่า ทราบข่าวข้าราชการกระทรวงแรงงานบางส่วนไม่พอใจการทำงานของนายอภัย และไม่เชื่อมั่นในตัวนายอภัย เนื่องจากนายอภัยมักลงลึกในรายละเอียดมากกว่าเล่นบทรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลเรื่องที่เป็นนโยบาย อยากเสนอแนะนายอภัยว่า ควรทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งให้ถูกบทบาท ต้องกลับไปดูข้อเรียกร้องของกระทรวงที่ผ่านมาแล้วนำมาปฏิบัติ เช่น การจัดตั้งสถาบันความปลอดภัยในการทำงานและอาชีวะอนามัยในการทำงาน หากทำได้จะมีผลงานออกมาเป็นที่ประจักษ์ ไม่อยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีที่โลกลืม
"ผมไม่อยากจะบอกว่า นายกรัฐมนตรีตั้งคนผิด แต่อยากติเพื่อก่อ ขอร้องนายอภัยบริหารงานด้วยใจ แม้จะไม่เข้าใจปัญหาแรงงาน แต่ถ้าศึกษางานตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งกระทรวงคนแรก จะเห็นทิศทางและรู้ว่าจะต้องทำงานอย่างไร" นายไสวกล่าว และว่า นายอภัยควรสนใจพัฒนางานใหม่ๆ ให้ออกเป็นผลงานจะดีกว่าที่มานั่งจับผิดข้าราชการ ถ้าทำไม่ได้หรือไม่ถนัดก็ขอให้พิจารณาตัวเอง
-----------------------------
ที่มา
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0113190250&day=2007/02/19§ionid=0101