ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 03:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อกันปฏิวัติ-คอรับชั่น? ประชามติ? เลอะเทอะแล้วครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อกันปฏิวัติ-คอรับชั่น? ประชามติ? เลอะเทอะแล้วครับ  (อ่าน 1079 ครั้ง)
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 14-02-2007, 18:13 »

มันจะไปป้องกันปฏิวัติหรือคอรับชั่นกันได้ไง ก็ในเมื่อกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ทั้งหลายแหล่ออกมาอีก 1 ล้านฉบับ ก็ไม่มีความหมาย ถ้ามันไม่มีคนปฏิบัติตาม หรือไม่ก็หาทางเลี่ยงบาลีบ้าง หรือตีความเข้าข้างตัวเอง วุ่นวายกันไปหมด พวกที่เข้าไปร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่ก็เรียนประวัติศาสตร์กฎหมายอะไรมามากกว่าประชาชนอย่างเราซะอีก อังกฤษมันไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญ ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญ สังคมมันก็อยู่กันได้

แต่ของไทยกี่ปีแล้วล่ะ 2550 - 2475 = 75 ปี แล้ว ยังไม่รู้จักประเทศตัวเองกันอีกหรือว่า ธรรมชาติของคนในประเทศนี้มันก็ตามสำนวนไทยอยู่แล้ว ไม่งั้นมันจะมีสำนวนไทยออกมาได้ไง "เบี้ยใบ้รายทาง" "ตำข้าวสารกรอกเฉพาะหม้อ" "สุกเอาเผากิน" "ผักชีโรยหน้า" "ลูบหน้าปะจมูก"  เมืองไทยนอกจากประชาชนจะไม่รู้เรื่องแล้ว มีนักการเมืองชั่วเข้ามาทำมาหารับประทาน ประเทศนี้น่าจะติดอันดับประเทศที่ออกกฎหมายเยอะสุดในโลก จนจำไม่ได้แล้วว่ามีกฎหมายอะไรบ้าง ที่สุดอยู่มาวันหนึ่งก็มีคนเอาไปแถเข้าข้างตัวเองจนได้ หรือไม่ก็แหกมันดื้อๆ แล้วมันได้ประโยชน์อะไร  ก็ยังเห็นบรรดานักวิชาการไปสัมมนารายวันจะป้องกันคอรับชั่นยังไง เป็นตุเป็นตะ เสียเงินเสียเวลาเปล่าๆ ยิ่งสัมมนายิ่งเข้ารกเข้าพง bullshit ทั้งนั้น เห็นไหมล่ะว่าไปประชามติทำเป็นประชาธิปไตย มันก็สบช่องรณรงค์คว่ำเข้าให้

อเมริกา รัฐธรรมนูญฉบับแรกของมัน ได้มาจากการ "ยึดอำนาจ" เหมือนกันนั่นแหละ  เขียนใต้แสงเทียนด้วย และนาย George Washington ก็ไม่เห็นต้องเอาไปประชามติมันเรื่องมาก มันประกาศใช้เองเลย นี่คือรัฐธรรมนูญของอเมริกา มันก็ใช้มาจนทุกวันนี้  ......... ประเด็นสำคัญอยู่ที่คนเขียนมันเขียนด้วยความสุจริต กฎหมายที่ออกตามๆมาก็ทำด้วยความสุจริต คนพิทักษ์กฎหมายก็ทำหน้าที่ตัวเอง ใช้กฎหมายเท่าเทียมกันหมด ไม่ใช่ double standard ไม่หาช่องเอากฎหมายมาหากิน ประชาชนก็เกรงกลัว ประชาชนรู้จักสิทธิหน้าที่ตัวเอง โดยที่ไม่ไปละเมิดผู้อื่น จริงๆไม่ต้องไปออกกฎหมายอะไรใหม่อีกแล้ว (แต่เอาเข้าจริงๆ มีเส้นมีสายก็รอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้อยู่ดี เช่น กรณีโกงเลือกตั้งของนายบูด ที่ฟลอริด้า ทั้งศาลสูง ศาลท้องถิ่น กกต.ท้องถิ่น ช่วยกันแบบน่าเกลียด ล็อบบี้กันวุ่น แล้วชนะอัล กอร์ ไปได้แบบค้านสายตา)

ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะก่อน-หลังนั่งเก้าอี้ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครไปทำอะไร โชว์ไปก็เท่านั้น

ทำไมไม่ไปให้ความสำคัญกันที่ "การตรวจประวัติการเสียภาษีย้อนหลัง" กับพวกสมัครรับเลือกตั้งบ้าง?
- ถามว่าเอ็งรายงานว่ามีทรัพย์สินเยอะแยะ แล้วเอ็งเคยเสียภาษีเท่าไรที่มีจำนวนสมเหตุสมผลกับมูลค่าทรัพย์สิน?
- เอ็งประกอบอาชีพอะไรมา พ่อแม่เอ็งแต่ก่อนฐานะก็ไม่มีอะไร แล้วเอ็งรวยมาได้ไง อธิบายได้ไหม?
- แล้วทรัพย์สินพวกนั้นไปเอามาจากไหน พิสูจน์ไม่ได้ก็หมดสิทธิมาสมัครรับเลือกตั้ง แล้วก็ยึดเงินมันแล้วแบนไปเลย
- หรือไอ้ที่เอาไปซ่อนกับคนใช้ คนขับรถ โอเค เป็นคนใช้ คนขับรถแล้วรวยใช่ไหม? ไหนล่ะประวัติการเสียภาษีของพวกนี้?? พิสูจน์ที่มาไม่ได้ก็ยึดมา แล้วแบนไปเลย

ทำไมต้องทำอะไรให้มันเยิ่นเย้อ อ้อมค้อม ลูบหน้าปะจมูก ลักลั่น หรือเคยชินกันมาแบบนี้ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2007, 20:07 โดย Vérité Thaï » บันทึกการเข้า

ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 592


เตือนให้นึกถึง Icarus ผู้ไม่ประมาณตน


« ตอบ #1 เมื่อ: 14-02-2007, 20:03 »

 

นี่คือความจริงที่พวกนักลากตั้ง อ้างเสียงประชาชน ไม่อยากจะยอมรับ

เอาแค่ให้คนไทยเลิกแซงคิวซะที  เวลาจ่ายตังค์ เวลาซื้อของ  โดยไม่ต้องบอกต้องว่า ให้มันสำนึกเองได้

เอาแค่นี้ให้ได้ก่อน ชาติก็จะสูงขึ้นแล้ว
บันทึกการเข้า
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 14-02-2007, 21:18 »

ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่คนมากกว่า  หากมีจิตสำนึกกันบ้าง รู้ผิดรู้ถูก  ไม่ใช่เอะอะอะไรก็อ้างกฏหมายไม่ได้เขียนไว้

ยิ่งมีสิทธิเสรีภาพมากเท่าไร  ก็ยิ่งต้องมีระเบียบวินัยมากขึ้นเท่านั้น  ประเทศที่เจริญเค้าทำกันจนกลายเป็นปกตินิสัยไปแล้ว

แต่คนไทยกลับมองระเบียบวินัยเป็นเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพ
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 14-02-2007, 22:41 »

เห็นด้วยครับ 

ควรใช้ระบบนี้ในการคัดสรรก็จะได้คนดีเข้าสภาอย่างแน่นอน
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #4 เมื่อ: 14-02-2007, 23:59 »

'เอแบคโพลล์ 'ระบุประชาชนไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ 50.6%
 
14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 15:56:00
 
"เอแบคโพลล์"พบประชาชน 50.6% ไม่รู้จัก ระบุส.ส.ร.กำลังประสบปัญหาสำคัญที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นที่ยอมรับของสาธารณชนได้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (The ABAC Social Innovation in Management and Business Analysis, Graduate School of Business, Assumption University) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ รัฐธรรมนูญในทรรศนะของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 4,736 ตัวอย่าง ซึ่งดำเนินมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 2 -13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจในครั้งนี้ มีดังนี้

ประชาชนส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ครึ่งหนึ่งของคนที่ถูกศึกษาหรือร้อยละ 50.6 ไม่ทราบความหมาย/ ไม่เข้าใจ/ ไม่รู้จัก “รัฐธรรมนูญ” ในขณะที่เพียงร้อยละ 15.2 ระบุรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ร้อยละ 7.3 ระบุเป็นกฎหมายปกครองประเทศ ร้อยละ 6.8 ระบุเป็นกฎหมายที่ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ร้อยละ 4.4 ระบุเป็นกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ร้อยละ 3.1 ระบุเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ปกครองโดยประชาชนเพื่อประชาชน และร้อยละ 12.6 ระบุอื่นๆ เช่น เป็นกฎหมายสำหรับอยู่ร่วมกันของประชาชน/ เป็นระเบียบกำหนดการทำงานของรัฐบาล/ เป็นข้อบังคับของทุกคนในชาติ และเป็นกฎหมายคุ้มครองประชาชน เป็นต้น

เมื่อสอบถามว่าเคยอ่านรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 หรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.4 ไม่เคยอ่านเลย เพราะไม่ทราบว่าหาอ่านได้จากที่ไหน ไม่มีให้อ่าน หาอ่านไม่ได้เลย ไม่สนใจอ่าน ไม่อยากอ่านและไม่มีเวลาอ่าน เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 31.5 เคยอ่านบางส่วน และเพียงร้อยละ 6.1 เคยอ่านทั้งฉบับ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.8 ค่อนข้างเห็นด้วยถึงเห็นด้วยอย่างยิ่งว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรให้อ่านเข้าใจได้ง่ายไม่ต้องใช้คำยุ่งยากซับซ้อน ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.3 คิดว่าจำเป็นต้องให้ประชาชนมีเวลาอ่านร่างรัฐธรรมนูญก่อนลงประชามติ ในขณะที่ร้อยละ 8.5 เห็นว่าไม่จำเป็นและร้อยละ 21.2 ไม่มีความเห็น

นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.9 เห็นว่านายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ในขณะที่ ร้อยละ 18.9 เห็นว่าไม่จำเป็น และร้อยละ 6.2 ไม่มีความเห็น เมื่อถามความเห็นต่อแนวคิดที่ว่า นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี (ไม่เกิน 2 สมัย) ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.7 เห็นด้วย ในขณะที่ร้อยละ 16.3 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 2.0 ไม่มีความเห็น

ดร.นพดล กล่าวว่า ผลสำรวจพบประเด็นที่น่าจะมีแรงเสียดทานหรือคัดค้านพอสมควร คือแนวคิดการลดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส. ลง เพราะผลสำรวจพบว่าประชาชนร้อยละ 45.5 เห็นด้วย แต่ร้อยละ 30.5 หรือเกือบหนึ่งในสามไม่เห็นด้วย และร้อยละ 24.0 ไม่มีความเห็น

นอกจากนี้ยังพบว่า ประชาชนร้อยละ 39.7 เห็นด้วยที่จะไม่ต้องมี ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 33.1 ไม่เห็นด้วยและร้อยละ 27.2 ไม่มีความเห็น ซึ่งผลสำรวจประเด็นเหล่านี้อาจเป็นเหตุทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติได้ จึงจำเป็นต้องเร่งชี้แจง ให้ประชาชนเห็นผลดีผลเสียโดยเร็ว

เมื่อสอบถามถึงแนวคิดจะให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้โดยง่ายมากขึ้น ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.4 เห็นด้วย ร้อยละ 13.5 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 17.1 ไม่มีความเห็น นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 81.4 เห็นว่าจำเป็นต้องมีวุฒิสภาโดยจำแนกเป็นร้อยละ 29.3 เห็นว่า ส.ว. ควรมาจากการแต่งตั้ง ในขณะที่ร้อยละ 52.1 เห็นว่าควรมาจากการเลือกตั้ง ในขณะที่เพียงร้อยละ 4.6 เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีและร้อยละ 14.0 ไม่มีความเห็น

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ61.4 เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีควรจะลาออกทันทีเมื่อมีข้อครหาเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น ในขณะที่ร้อยละ 23.1 ไม่เห็นด้วยและร้อยละ 15.5 ไม่มีความเห็น

ดร.นพดล กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ส.ส.ร. กำลังประสบปัญหาสำคัญที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นที่ยอมรับของสาธารณชนได้ เพราะประชาชนถึงครึ่งหนึ่งไม่รู้ไม่เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร แล้วจะไปเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นของประชาชนทั้งประเทศได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งที่ส.ส.ร.น่าจะพิจารณาคือ

ประการแรก เผยแพร่สร้างเสริมความรู้ความเข้าใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนก่อนเป็นอันดับแรกว่า รัฐธรรมนูญคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ประการที่สอง สสร. ควรสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนว่า รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างกันขึ้นมาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อวิถีชีวิตประจำวันของประชาชน ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร และถ้ามีแล้วต่อไปนี้จะไม่ถูกฉีกทิ้งอีกอย่างแน่นอน เพราะประชาชนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายกับปัญหาการเมืองและวัฏจักรของความชั่วร้ายมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว

ประการที่สาม สสร. ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงและมีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญทั้งจากส่วนกลางสู่ภูมิภาคและจากระดับชุมชนสู่ส่วนกลาง

ดร.นพดล กล่าวว่า สสร.ต้องเริ่มทำจากการสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจของสาธารณชนผ่านสื่อมวลชนก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเริ่มต้นลงไปที่พื้นที่ก่อนจะประสบความล้มเหลวอย่างแน่นอน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญมาก่อนและเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว

ดังนั้นต้องเริ่มเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างความตระหนัก เปิดโอกาสมีส่วนร่วมและจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนเขียนรัฐธรรมนูญด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย อย่าใช้คำวิชาการมาก และทำให้ชาวบ้านเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีประโยชน์สามารถป้องกันแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนแต่ละคน ปัญหาของชุมชน และประเทศได้อย่างแท้จริง เพราะถ้าประชาชนทั้งประเทศเป็นเจ้าของก็จะไม่มีใครมากล้าฉีกรัฐธรรมนูญอีกได้ ยกเว้นแต่ว่า ภาพของการลงประชามติที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียงแต่ภาพลวงตาเท่านั้น

http://bangkokbiznews.com/2007/02/14/WW03_0301_news.php?newsid=4767
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2007, 00:17 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #5 เมื่อ: 15-02-2007, 00:03 »

  เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

ปล. เมื่อวานมีโอกาสดูภาพยนตร์สารคดีที่รณรงค์ให้ตระหนักเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน Global Warming เรื่อง An Inconvenient Truth ทั่นบุชผู้ลูก ถูกท่านอัล กอร์ "เหน็บ" ไปหลายดอก โสน้าน่าจริงๆ  Mr. Green
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
หน้า: [1]
    กระโดดไป: