ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 18:52
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวไม่เพียงพอ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวไม่เพียงพอ  (อ่าน 757 ครั้ง)
public limited
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 161


เว็บไซต์
« เมื่อ: 09-02-2007, 09:18 »

หลังจากนั่งชมฟุตบอลเอเซียนคัพนัดชิงชนะเลิศ ไทยแพ้เทมาเส็ก ไปอย่างน่าเสียดาย ก็เปิดข่าวช่อง 7 ยาวมาจนจบ พลันก็สะดุดกับพระบรมราโชวาทท้ายข่าวประจำวัน มีใจความน่าสนใจ ดั่งหัวเรื่องข้างต้น ...ผมจึงไปค้นคว้าได้มาซึ่งอ่านแล้วดีมากๆ ครับ จึงขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนที่สำคัญมาเผยแพร่ เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักกัน ในยามบ้านเมืองประสบวิกฤติแตกแยกสามัคคี แบ่งฝักฝ่ายหลงไปเชิดชูเพียงคนเก่งแต่ไร้ซึ่งคุณธรรม โดยหวังใจว่าจะเข้าใจถึงสิ่งที่พ่อหลวงเราได้ตรัสไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2504 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความดังนี้

"บรรดาผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยก็เปรียบเหมือนได้กุญแจที่จะไขไปสู่ชีวิตที่เจริญต่อไปในวันข้างหน้า แต่ขอเตือนว่าการดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัว และหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดี แต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์ ฉะนั้น ขอให้ทุกคนจงดำรงชีวิตและประกอบอาชีพโดยอาศัยวิชาความรู้ที่ได้รับมาประกอบด้วยความยั้งคิดชั่งใจ และศีลธรรมอันดีงาม เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตนเองและของประเทศชาติ"

ผมมิกล้าบังอาจและมิบังควรจะถอดความพ่อให้ใครได้ แต่ผมอ่านแล้วก็ได้คิดเข้าใจด้วยปัญญาน้อยๆ ของผมเองคนเดียวว่า

คนเราเก่งอย่างเดียวนั้นมันไม่ใช่เป็นเครื่องรับรองคุณภาพของคน ต่อให้คุณได้ทุนอันดับหนึ่ง ได้ทุนเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินให้ร่ำเรียน หรือได้เกียรตินิยมนานา แต่ภายหลังกลับขาดซึ่งคุณธรรม จริยธรรม พรหมวิหาร 4 ขาดสติปัญญา แม้จะเก่งกล้าด้วยวิทยาการเพียงใด คนๆนั้นก็หาใช่คนที่สังคมต้องการ ด้วยเพราะไม่ละอายต่อบาป ย่อมพอกพูนไว้ด้วยความเห็นแก่ตัว และนั่นกลับกลายเป็นภัยร้ายที่จะบ่อนทำลายสังคมประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ได้ร่ำเรียนด้วยงบประมาณแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวด้วยแล้ว ไม่มีสำนึกตอบแทนด้วยจิตบริสุทธิ์ภักดีในชาติในแผ่นดินที่ได้ชุบเลี้ยงให้วิชาการ !!

ดูสิ ไม่ว่าคำพ่อนี้จะเนิ่นนานมาแล้วเพียงใด ถึงปัจจุบันก็ยังใช้อบรมสั่งสอนเราได้อยู่ชัดแจ้ง โดยเฉพาะในเวลานี้ ที่มีคนหันไปเชิดชูยกย่องเพียงเฉพาะคนที่เก่ง กล้าคิดกล้าทำงานฉับไว แต่ไร้สติตรองยั้งคิด และเต็มไปด้วยความหน้าด้านเห็นแก่ตัวไม่สิ้นสุดบางคน จนไม่สนว่ากระทำด้วยวิธีการใด วัดแค่ผลสัมฤทธิ์ออกมาทำการตลาดมวลชน แต่ไม่สนเบื้องหลังว่าจะฟอนเฟะเละเทะเพียงใด

คุณภาพของคนนั้นอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงดูกันเพียงแค่เปลือกนอกของคน ในเมื่อภายใต้ภาพที่เราเห็นนั้น มันอาจได้มาด้วยความไร้คุณธรรมต่อสังคมประเทศชาติ ต่อลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน กิจการร่วมค้า ฯลฯ เพียงเพราะผู้มีอำนาจเห็นแก่ตัว เห็นแต่เพียงหน้าตัวเท่านั้น ก็เป็นได้

แต่คุณธรรม จริยธรรม นี่สิ ที่แม้อาจเห็นผลช้ากว่า แต่ทว่ามันคง และไม่ปนด้วยความเอาเปรียบผู้ใด. หากเมื่อใดที่สังคมไทยพิเคราะห์คนด้วยคุณธรรมนำแล้วนั้น บ้านเมืองคงไม่แตกสามัคคีกันอย่างเช่นทุกวันนี้. หยุดฟังคำพ่อสอนแล้วคิดกันเสียนิดเถอะครับ และหวังใจว่าคนเก่งขาดสติทั้งหลายเหล่านั้น จะได้ตระหนักและเชื่อฟังคำพ่อสอนนี้เสียบ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2007, 09:24 โดย public limited » บันทึกการเข้า

เปิดความคิด พิชิตความไม่รู้ ต้องดู-ต้องอ่าน-ต้องฟัง และสิ่งสำคัญคือมีคุณธรรมต่อชาติบ้านเมือง
หน้า: [1]
    กระโดดไป: