วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 12 ฉบับที่ 167
ตำนานอาชีพ
พันธ์ ทรงประเสริฐ
ลูกชิ้น โกเด้ง-โฮเด้ง เครือข่ายพันธมิตรร้านก๋วยเตี๋ยวมหาชน ตอนที่ 1
ตำนานอาชีพฉบับนี้ ขอแนะนำเรื่องราวของตำนานการทำธุรกิจลูกชิ้นเนื้อ-ลูกชิ้นหมูอีกหนึ่งตำนานที่เกี่ยวข้องกับอีกหลายๆ ท่าน ซึ่งหมายถึงตระกูลเก่าแก่ที่ทำ "ลูกชิ้น" เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก และรวดเร็ว ก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วทุกแห่งหนในประเทศไทย ตามตรอกซอกซอย ร้านค้าริมทางเท้า รวมไปถึงร้านค้าใหญ่โต จะพบเห็นลูกชิ้นเนื้อและลูกชิ้นหมูในชื่อของ "โกเด้ง" และ "โฮเด้ง"
ผมจะขอถ่ายทอดการต่อสู้ชีวิตของเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะถึงวันนี้เขาผ่านการต่อสู้ชีวิตมาครบทุกรสชาติ มาถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของการทำงานที่ผ่านมา
เรื่องราวต่างๆ ที่เป็นตำนานสามารถนำมาลงในนิตยสารเส้นทางเศรษฐี มันเป็นการยากมากๆ สำหรับการที่จะเสาะหา หรือแนะนำบรรดาผู้ที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงติดระดับประเทศ มาเรียบเรียงเป็นตัวอักษรเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รู้จัก นับตั้งแต่การนัดหมายพูดคุย ครั้งแล้วครั้งเล่ามักจะถูกปฏิเสธด้วยสาเหตุนานัปการ แต่ก็มีหลายๆ ท่านที่กรุณาต่อผม เปิดโอกาสดีๆ ให้เพื่อเป็นแบบอย่างและเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่สนใจในอาชีพธุรกิจค้าขาย
อย่างเช่นท่านผู้นี้ คุณเลิศพงศ์ ฉัตรมาลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ เจ้าของโรงงานลูกชิ้น โกเด้ง-โฮเด้ง
ชีวิตในวัยเด็ก
คุณเลิศพงศ์ ฉัตรมาลีรัตน์ เกิดในครอบครัวของชาวสวน ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นคุณพ่อคุณแม่ยึดอาชีพทำสวนมาตลาด โดยเป็นการเช่าที่ของเพื่อนบ้าน
เมื่อสัญญาการเช่าที่ดินเพื่อทำสวนหมดลง คุณพ่อคุณแม่ก็หันไปอยู่ต่างจังหวัดคือ อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยไปบุกเบิกที่ดินทำกินประเภทพืชไร่ ทำอยู่ได้ระยะหนึ่งก็หันเปลี่ยนไปทำการค้าแบบร้านค้าปลีก-ส่ง หรือที่เรียกกันว่า ร้านโชห่วย
ครอบครัวของคุณเลิศพงศ์เป็นครอบครัวใหญ่มาก มีพี่น้องร่วมท้องหลายคน ในช่วงวัยเด็กก็อาศัยเข้าโรงเรียนในเขตอำเภอพระพุทธบาทเป็นสถานที่ศึกษาในระยะแรก ว่างเว้นจากการเรียนก็ได้ใช้เวลาว่างช่วยเหลือพ่อแม่ตามแต่โอกาสจะอำนวย โดยตามความเป็นจริงแล้วกิจการของทางบ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ความหวังของทางผู้ใหญ่ก็อยากจะให้บรรดาลูกๆ ทั้งหลายได้มีโอกาสสร้างความก้าวหน้าและความมั่นคงของอนาคตด้วยตัวเอง พ่อแม่เป็นเพียงแบบอย่างที่ดีให้ลูกๆ ปฏิบัติตาม
ศึกษาต่อในกรุงเทพฯ
เมื่อคุณเลิศพงศ์ จบ ป.7 จากอำเภอพระพุทธบาทก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่ชาย ซึ่งได้แยกตัวมาทำงานที่กรุงเทพฯ โดยเรียนที่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามตั้งแต่ ม.ศ.1 จนจบ ม.ศ.5 และต่อจากนั้นก็ได้สอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคณะเศรษฐศาสตร์
เมื่อจบจากมหาวิทยาลัยในปี 2522 ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานที่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ ในตำแหน่งหน้าที่ดูแลการขายอาหารสัตว์และสายพันธุ์สัตว์
ทำงานที่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. ได้ประมาณ 5 ปี ได้ถูกชักชวนจากเพื่อนที่เรียนจบจากธรรมศาสตร์ด้วยกัน ซึ่งทำโรงงานเกี่ยวกับลูกอม หรือท็อฟฟี่ ตรานกแก้ว และหมากฝรั่งคิด-คิด ซึ่งมียอดการขายและเป็นที่รู้จักในวงการขนมขบเคี้ยวชั้นแนวหน้าบริษัทหนึ่งของประเทศ ก็เลยเข้าไปรับหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด
ทำงานอยู่ในวงการขนมขบเคี้ยวได้ 5 ปี มีความคิดว่า อนาคตของตัวเองไม่น่าจะรุ่ง ก็เลยลาออก
ชีวิตผกผันสู่วงการอาหาร
เมื่อออกจากการเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของท็อฟฟี่ตรานกแก้วได้ระยะหนึ่ง เริ่มต้นชีวิตครอบครัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ ความรับผิดชอบต่อตัวเองและครอบครัวก็มีภาระเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาระผ่อนส่งค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องจ่าย
ที่สุดเลยตัดสินใจทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารประมาณ 200,000 บาท เพื่อไปลงทุนค้าขายก๋วยเตี๋ยว เพราะเล็งเห็นว่า พี่ชายและน้องชายเขาก็มีกิจการส่วนตัว คือมีโรงงานทำลูกชิ้นอยู่แล้ว ก็เลยไปรับลูกชิ้นมาเป็นผู้จำหน่ายส่ง และพร้อมกับนำมาขายในร้านก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง
พลิกฐานะเป็นผู้ผลิต
ในปี 2530 คุณเลิศพงศ์ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าส่งลูกชิ้นที่รับจากพี่ชายและน้องชายมาได้ระยะหนึ่งก็ได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจลูกชิ้นที่ตัวเองเป็นผู้รับช่วง มาทำตลาดลูกชิ้นให้เป็นที่รู้จักของวงการก๋วยเตี๋ยวมากขึ้น ก็นึกในใจว่าหากเราเป็นผู้ผลิตเสียเองก็น่าจะเป็นงานที่ท้าทายอีกงานหนึ่ง ก็เลยไปคุยกับพี่ชายเพื่อขอเครื่องทำลูกชิ้นที่เหลือใช้นำมาขัดสีฉวีวรรณปรับปรุงให้ใช้งานได้ตามปกติ และเริ่มต้นทดลองเดินเครื่อง เริ่มผลิตลูกชิ้นโดยใช้ความคิดและการพัฒนาคุณภาพของลูกชิ้น เพื่อให้ได้ลูกชิ้นตามที่ตลาดให้ความสนใจ และต้องการเป็นอย่างมากในขณะนั้น
ยุทธศาสตร์การตลาด
จากการที่คุณเลิศพงศ์ได้มีประสบการณ์ทำงานในบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและใหญ่โตระดับประเทศ มีแนวทางการทำงาน การบริหารงานอย่างมีคุณภาพ และมาตรฐานระดับสูง คุณเลิศพงศ์จึงได้เรียนรู้การทำงานจาก ซี.พี. มากพอสมควร ไม่ว่าด้านการตลาดที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าผู้บริโภคทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา ระดับล่างถึงระดับกลาง รู้ไปถึงสภาพการตลาดอย่างลึกซึ้ง
จำได้นำยุทธศาสตร์การทำตลาดจาก ซี.พี. มาใช้ในงานส่วนตัวเอง เพื่อที่จะทำตลาดลูกชิ้นให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นไปอีก จึงได้เริ่มต้นแสวงหาทำเลที่เหมาะกับการขายอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เพื่อจะได้ขยายฐานร้านขายลูกชิ้นให้สามารถกระจายไปทั่วทุกจุดของประเทศ
พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวรุ่นใหม่ไฟแรง
คุณเลิศพงศ์ได้ตัดสินใจเลือกเดินทางในการทำร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นของตัวเอง โดยยึดเป็นต้นแบบในการขยายฐานการขายลูกชิ้น ซึ่งตนเองเป็นผู้ผลิตลูกชิ้นส่งให้
จากการที่คุณเลิศพงศ์เคยเป็นเจ้าหน้าที่บริหารของ ซี.พี. มาก่อน ทำให้รู้ลึกซึ้งถึงการทำตลาดค่อนข้างจะดี เคยสัมผัสกลุ่มลูกค้าระดับชาวไร่ชาวนา และระดับตลาดล่าง ช่วยให้เข้าใจปัญหาต่างๆ ในการทำธุรกิจจากระดับล่าง คือชาวนา ชาวไร่ ที่ว่างเว้นจากการเก็บเกี่ยว มีเงินเหลือเก็บเพียงเล็กน้อยไม่มากนัก
เมื่อได้ฟังนโยบายการทำร้านขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น โดยใช้เงินทุนไม่มากนัก และคุณเลิศพงศ์เป็นผู้ดำเนินการหาแหล่งทำเลสถานที่ให้ ตลอดจนแนะนำวิธีการขายอย่างละเอียด ก็เลยพากันทดลองขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นกันเป็นส่วนมาก
ผลปรากฏว่า สร้างรายได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อได้ดีกว่าการทำสวนทำไร่เสียอีก เพราะใช้เงินทุนต่ำ ขายได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญคือ ใช้แรงงานน้อย และเห็นผลกำไรอย่างรวดเร็ว
เครือข่ายพันธมิตรก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น
จากตัวอย่างของบรรดาชาวไร่ชาวนาที่ว่างเว้นจากฤดูการทำสวนทำนา โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจทำร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นประสบความสำเร็จ สร้างความฮือฮาและเป็นที่น่าสนใจของคนอีกหลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ต่างก็ชักจูงมาสู่ธุรกิจร้านขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นกันเป็นจำนวนมากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นผลดีต่อการขยายกิจการส่งสินค้าลูกชิ้นของคุณเลิศพงศ์ให้เจริญรุดหน้าและได้รับความนิยมมากขึ้นทุกวัน
อาหารประเภทเส้นก๋วยเตี๋ยวปกติเป็นอาหารหลักที่รับประทานแทนข้าวได้ในแต่ละมื้อ อันเป็นที่นิยมอยู่ก่อนหน้านี้มาแล้ว ทุกระดับตำบล หมู่บ้าน ทั่วประเทศก็ยอมรับว่าเป็นอาหารยอดนิยมหรือเป็นอาหารประจำวันที่แยกออกจากชีวิตคนไทยไปไม่ได้
จากจุดเริ่มต้นร้านต้นแบบ
จากจุดที่คุณเลิศพงศ์ได้เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่ย่านตลาดบางแค เมื่อปี 2519 เป็นต้นมา ถือว่าเป็นร้านต้นแบบร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่เป็นแหล่งรวมผู้ที่สนใจในการที่จะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นของตัวเอง โดยใช้เป็นสถานที่สำหรับผลิตลูกชิ้นไปด้วย ก็รู้สึกว่าคับแคบไปเสียแล้ว ไหนจะเป็นร้านที่ขายก๋วยเตี๋ยวตามปกติพร้อมกับดัดแปลงเป็นที่ผลิตลูกชิ้นไปด้วย
จากที่เริ่มต้นผลิตได้เพียงวันละประมาณ 40 กิโลกรัม ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของตัวเองแล้ว จึงต้องหาทางขยับขยายเพื่อผลิตลูกชิ้นให้เป็นที่รองรับเครือข่ายร้านก๋วยเตี๋ยวที่เริ่มจะกว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ
คุณเลิศพงศ์ต้องใช้ความคิดอย่างหนักในเรื่องของการที่จะต้องหาแหล่งที่ผลิตใหม่ ตลอดจนเรื่องของการดูแลร้านขายก๋วยเตี๋ยวของตัวเองที่เปิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แค่ 1 ร้านเท่านั้น และต่อมาไม่นานนักก็มีร้านหรือสาขาที่ตัวเองเป็นผู้ดำเนินการขายเอง รวมเป็นจำนวน 5 ร้าน ซึ่งเป็นภาระที่ต้องดูแลรับผิดชอบ เมื่อคิดจะขยายแหล่งโรงงานผลิตลูกชิ้นเพิ่มขึ้น การดูแลกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวก็อาจจะต้องตัดสินใจปิดหรือเลิกไปโดยปริยายแล้วหันไปทุ่มเทการผลิตเพียงอย่างเดียว ก็เลยต้องเลิกร้านก๋วยเตี๋ยวให้ลูกน้องคนสนิทเป็นผู้ดำเนินการต่อ และบางร้านก็เซ้งกิจการให้กับผู้ที่สนใจไปด้วยความเสียดาย
ที่โรงงานใหม่ย่านถนนเพชรเกษม 51 เป็นห้องแถว 4 ห้อง ในปี 2533 ผลผลิตในขณะนั้นก็เพิ่มเป็นประมาณ 300 กิโลกรัม ต่อวัน
จากวันแรกที่เริ่มต้นตัดสินใจออกมาดำเนินธุรกิจของตัวเอง จากการขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่ได้รับมาจากพี่ชาย เมื่อปี 2530 และออกมาหาพันธมิตรเพื่อการขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่มาจากระดับชาวไร่-ชาวนา มีเครือข่ายที่รอรับการนำผลผลิตลูกชิ้นไปขายอีกทอดหนึ่ง และเลยมาถึงปี 2533 ที่มีการขยายโรงงานผลิตลูกชิ้นให้ใหญ่โตขึ้น คุณเลิศพงศ์ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี หากจะถามว่า พอใจกับผลงานหรือไม่ ยังครับ ยังไม่พอใจกับความสำเร็จเท่าใดนัก แต่ก็ดีใจที่ได้ช่วยให้บุคคลหลายๆ สิบคนที่มีความตั้งใจจริง ให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเก่า
คงต้องให้ติดตามตอนต่อไปของตำนานอาชีพออกไปอีกตอนครับ เพราะว่าเรื่องสำคัญและน่าสนใจจะทยอยออกมาเรื่อยๆ คนเรานั้นกว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่องการค้าขายนั้นไม่ใช่แค่เพียงชั่วข้ามคืน ยิ่งครอบครัวนั้นในอดีตไม่ได้มาจากลูกของเจ้าสัวหรือเถ้าแก่ใหญ่ ไม่มีมรดกตกทอด หรือมีผู้สนับสนุนที่ดียิ่งแล้วใหญ่ครับ ปากกัดตีนถีบ ฟันฝ่าอุปสรรคนานาชนิดแทบเลือดตากระเด็นจนก้าวสู่จุดสุดยอด มันช่างสาหัสเกินกำลัง
เรื่องต่างๆ เหล่านี้คงเป็นบทเรียนและตัวอย่างที่ดีให้ท่านนำไปเป็นกรณีศึกษาได้เป็นอย่างดีนะครับ
http://www.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0764151049******************