ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 01:03
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง-แล้วเราล่ะจะเลือกเป็นคนโง่หรือคนฉลาด 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง-แล้วเราล่ะจะเลือกเป็นคนโง่หรือคนฉลาด  (อ่าน 1869 ครั้ง)
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« เมื่อ: 01-02-2007, 13:16 »

เมื่อวานได้ยิน ศัพท์  คำนี้  แล้วประทับใจมาก.....  "  คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง  "

---แล้วเราล่ะจะเลือกเป็นคนโง่หรือคนฉลาด  คิดเอาเอง  ?.




ประทับใจคำพูดด้านล่างที่บอกว่า -- "    คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง  "---

 คำพูดนี้บรรยายสถานการณ์

ในตอนนี้ได้ดีมาก  มีคนแค่หยิบมือเดียวเท่านั้นเองที่ยังมองว่า ระบอบทักษิโณมิกส์  ดีกว่า ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
 เข้าใจว่าน่าจะเป็นอย่างนี้คือเค้าจงใจที่จะไม่เข้าใจคำว่า เศรษฐกิจพอเพียงอย่างถูกต้องว่า--- มิว่าจะเป็นยุคโลกาภิวัฒน์ เมกกะโปรเจกส์  เศรษฐกิจการตลาด  หรือ
อย่างอื่นที่นอกเหนือจากนี้  ก็ล้วนแต่ใช้เศรษฐกิจพอเพียงได้ทั้งนั้น  เพียงแค่นำเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปจับ เข้าไปคุม
เท่านั้นเอง  เพื่อให้เกิดสมดุลย์ มีความพอดี ไม่เฟ้อ และไม่แคลนจนมากเกินไป


 เพราะฉะนั้นในเวบบอร์ดต่างๆ  ก็จะมีคนหยิบมือหนึ่ง ที่พยายามบิดเบือนข้อมูล  คงจะต้องใช้คำว่าจงใจบิดเบือนข้อมูล
  ไม่มั่นใจว่าโดนอำนาจเงินจ้างวานมาหรือเปล่า  หรือจงใจแกล้งไม่เข้าใจ  จงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียง
ได้อย่างที่แทบไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะแกล้งยอมโง่ได้ขนาดนั้น




  บางครั้งนั่งอ่านความคิดเห็นของคนเหล่านี้ในเวบบอร์ด ต่างๆ แล้วอดที่จะนึกขำ  ๆ ไม่ได้ว่า  ---เราจะบ้ารึไง  เค้าแกล้งบิดเบือน
 เค้าจงใจ  หรือบางทีเค้าอาจจะถูกจ้างวานมา  หรือบางที เค้าถูกย้อมด้วยวัตถุนิยมเสียนานมาก จนไม่รู้จักสุขนิยมไปเลย
เราก้อ  ไปอ่านของเค้าอยู่ได้  เป็นวรรค เป็นเวร  บางกระทู้ก็จงใจตั้งกระทู้ซ้ำๆบิดเบือนข้อมูล  เราก็หลงเข้าไปอ่านของ
เค้าทุกกระทู้  ไม่รู้เค้าวางยาอะไรไว้  อดขำตัวเองไม่ได้เหมือนกัน   





--หรือบางที ก็ประเภทลุ่มหลง ความรวย  อำนาจเงิน และวัตถุนิยม หลงละเมอเพ้อพกว่า เป็นความเจริญของประเทศ  ห้าปี
ที่ผ่านมาถูกย้อมด้วยความสบาย  ความฟุ้งเฟ้อ เป็นน้ำผึ้งเคลือบฉาบไว้ภายนอก  ส่วนภายในเป็นหนอน  จนแทบจะกลาย
เป็นอาร์เจนตินาไปแล้ว  แม้แต่หม่อมอุ๋ย ที่ใครบอกว่าได้ดิบได้ดี  เพราะอดีตนายกคนที่ผ่านมา  ยังออกมาให้สัมภาษณ์
แบบไม่สบตาคน  เสียงอ่อยๆว่า---ระบอบทักษฺโณมิกส์ ทำประเทศแทบพัง  จนจะกลายเป็นอาร์เจนตินาไปแล้ว





เมื่อวานได้ยิน ศัพท์  คำนี้  แล้วประทับใจมาก    "   คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมากเอง  "

---แล้วเราล่ะจะเลือกเป็นคนโง่หรือคนฉลาด  คิดเอาเอง


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------




นายธีรภัทร์กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิในการให้สัมภาษณ์ทุกอย่าง
 หากกระทบกับรัฐบาลเราก็ต้องชี้แจง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณหยุดการให้สัมภาษณ์

"เราคงจะไปปิดปากใครต่อใครไม่ได้ แต่คนไหนที่พูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง พูดอะไรที่มีลักษณะบิดเบือน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ผมคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อถือ ยิ่งเราไปปิดปากเขาก็ดูเหมือนว่าเราไปยอมรับในสิ่งที่เขาพูด เพราะฉะนั้นปล่อยให้เขาพูดเถอะ มีสุภาษิต
อยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าปล่อยให้คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง"
นายธีรภัทร์กล่าว


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0102010250&day=2007/02/01&sectionid=0101


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


**เผยมีคนจ้องโจมตีศก.พอเพียง

เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่โรงแรมปริ๊นพาเลส นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียงกับการศึกษา"
จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างฮือฮามากใน
สังคมไทย ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2549 นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ได้รับรู้หลักปรัชญาดัง
กล่าวก็รู้สึกตื่นเต้นและขอเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทูลเกล้าฯถวายรางวัล และยังได้กล่าวสุนทรพจน์ว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่
ได้เป็นปรัชญาที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่เหมาะสมสำหรับทุกประเทศ นอกจากนี้ ผู้จัดการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(ยูเอ็นดีพี) เอเชียแปซิฟิก ยังแจ้งว่าจะนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ในอีก 166 ประเทศทั่วโลก

"เวลานี้มีคนพยายามนำกระแสพระราชดำรัสที่รับสั่งเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปวิเคราะห์ และเอาไปทำความเข้าใจ
ผิด ซึ่งบางคนตั้งใจเข้าใจผิดเพื่อโจมตีปรัชญานี้ โดยเฉพาะในชาวต่างชาติ เพราะมีคนจ้างให้เขียนโจมตีเพื่อเทียบกับระบบทักษิโณมิกส์"
องคมนตรีกล่าว



http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0102010250&day=2007/02/01&sectionid=0101


**"อุ๋ย"โต้"ทักษิโณมิกส์"คนละคลาส


ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา "ทิศทางการลงทุนไทยปี 2550"
โดยระบุตอนหนึ่งว่า เวลานี้มีการโจมตีกันเยอะมากเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีทักษิโณมิกส์ ทั้งที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
และทักษิโณมิกส์นั้นคนละคลาส เพราะทักษิโณมิกส์เป็นทฤษฎีที่ไม่มีความพอประมาณ หากปล่อยไว้อีกไม่เกิน 3 ปี เกิดวิกฤตแน่
 เพราะโตแบบสุรุ่ยสุร่าย โตแบบไม่ยับยั้งชั่งใจ หมกหนี้ หมกปัญหาไว้ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่งจัดสรรงบฯให้ปีนี้ 8 หมื่นล้านบาท
ยังต้องจัดสรรให้อีกในปีต่อไป หากปล่อยไว้นาน ไทยก็จะกลายเป็นอาร์เจนตินาได้




นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักการ
 ไม่ใช่นโยบาย ใครก็ตามสามารถนำไปปรับใช้ก็จะเป็นประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะต้องปรับตัว ตามความเข้าใจของตนเอง

"ส่วนทักษิโณมิกส์เป็นเพียงสัญลักษณ์ ไม่มีความหมายที่แน่นอน ชัดเจน แต่เศรษฐกิจพอเพียงมีการศึกษามานานจากผู้ปฏิบัติ มีการคิด
จึงเสนอให้ปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเท่าที่สัมผัสเอกชนก็มีการปรับใช้พอสมควร ที่ยังไม่ปรับก็สนใจจะปรับ
" นายโฆสิตกล่าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2007, 13:57 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #1 เมื่อ: 01-02-2007, 13:53 »


"เราคงจะไปปิดปากใครต่อใครไม่ได้ แต่คนไหนที่พูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง พูดอะไรที่มีลักษณะบิดเบือน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ผมคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อถือ ยิ่งเราไปปิดปากเขาก็ดูเหมือนว่าเราไปยอมรับในสิ่งที่เขาพูด เพราะฉะนั้นปล่อยให้เขาพูดเถอะ มีสุภาษิต
อยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าปล่อยให้คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง" นายธีรภัทร์กล่าว


น่าจะดึงเรื่องเด็กเลี้ยงแกะมาใช้ ด้วยนะครับ

"คนที่โกหกจนเคยตัวจะไม่มีใครเชื่อถือ"
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
room5
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 573



« ตอบ #2 เมื่อ: 01-02-2007, 13:57 »

เห็นด้วยครับ และหวังว่าคนเหล่านี้นจะนึกได้กลับตนมาเป็นคนดีของในหลวงครับ
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #3 เมื่อ: 01-02-2007, 14:28 »

คลิป "อุ๋ยจิกแม้ว" ครับ
เผื่อว่าใครอยากจะเผยแพร่ให้เพื้อน ๆ ต่าง ปท.ได้ดู
http://savefile.com/files/457381
บันทึกการเข้า

คนเจียงใหม่
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 297


« ตอบ #4 เมื่อ: 01-02-2007, 14:29 »

 Coolผมเองก็นึกคิดเหมือนกันครับว่า
ถ้ารู้ว่าเขาโง่ยิ่งพูดยิ่งโง่แล้วเราทำเป็นหู้ทวนลม
ทำเป็นไม่ได้ยินดีกว่ามั้ย เช่นกันในเวปนี้
ถ้าเราทำเป็นไม่อ่าน ไม่ตอบโต้ จ๊ะ กับ แถ
ดูสิมันจะเป็นอย่างไร เราจะเริ่มต้นกันรึยัง อิ อิ
บันทึกการเข้า
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 01-02-2007, 14:46 »


"เราคงจะไปปิดปากใครต่อใครไม่ได้ แต่คนไหนที่พูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง พูดอะไรที่มีลักษณะบิดเบือน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ผมคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อถือ ยิ่งเราไปปิดปากเขาก็ดูเหมือนว่าเราไปยอมรับในสิ่งที่เขาพูด เพราะฉะนั้นปล่อยให้เขาพูดเถอะ มีสุภาษิต
อยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าปล่อยให้คนโง่พูดมากๆ เขาก็จะแสดงความโง่ออกมาเอง" นายธีรภัทร์กล่าว


น่าจะดึงเรื่องเด็กเลี้ยงแกะมาใช้ ด้วยนะครับ

"คนที่โกหกจนเคยตัวจะไม่มีใครเชื่อถือ"



 

--เด็กมาเลี้ยงแกะ  ยังพอไหวนะ
ดูคล้ายไร้เดียงสา  แต่ผู้ใหญ่มาเลี้ยงแกะ
จะให้ดูว่า  คล้ายอะไรดัล่ะ



เห็นด้วยครับ และหวังว่าคนเหล่านี้นจะนึกได้กลับตนมาเป็นคนดีของในหลวงครับ


 --กลับตัวกลับใจ  จะไหวรึเปล่าไม่รู้---แหม  ก็เดินมาซะไกลแล้ว
เงินก็รับมาแล้ว  ทำไงล่ะ   


คลิป "อุ๋ยจิกแม้ว" ครับ
เผื่อว่าใครอยากจะเผยแพร่ให้เพื้อน ๆ ต่าง ปท.ได้ดู
http://savefile.com/files/457381


--ขอบคุณค่ะ  ลองดูนะคะ  เสียงให้สัมภาษณ์จะพูดเบาๆ  แผ่วๆๆๆ
และที่สำคัญ  ยังไม่ค่อยมั่นใจ พูดไม่เต็มปากเต็มคำมากนักหรอก
แถมยังไม่สบตา อีก----



Coolผมเองก็นึกคิดเหมือนกันครับว่า
ถ้ารู้ว่าเขาโง่ยิ่งพูดยิ่งโง่แล้วเราทำเป็นหู้ทวนลม
ทำเป็นไม่ได้ยินดีกว่ามั้ย เช่นกันในเวปนี้
ถ้าเราทำเป็นไม่อ่าน ไม่ตอบโต้ จ๊ะ กับ แถ
ดูสิมันจะเป็นอย่างไร เราจะเริ่มต้นกันรึยัง อิ อิ



 

--แหมคงพูดยากนะคะ  สำหรับ คุณชอบแถ  จารย์จ๊ะ
และยังมีน้องใหม่อีกสองสามคน เช่น คุณเอ็นจีโอ ฯ

ก้อเค้า  แถพลาง ไถพลาง หยอกพลาง  เล่นพลาง
บางครั้งคนโต้ก็ลุ่มหลงความสนุก  จนลืมข้อเท็จจริง
ที่เค้าแอบแทรกมลพิษให้อะหน่ะ----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2007, 14:53 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #6 เมื่อ: 01-02-2007, 14:49 »

ถ้าท่านบังธิเห็นด้วยกับประโยคที่คุณรวงข้าวยกมา...ท่านคงไม่ไปเสียอารมณ์กับ CNN เรื่องดองเทปสัมภาษณ์กระมังครับ!?! อิ อิ
บันทึกการเข้า
z e a z
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 564



« ตอบ #7 เมื่อ: 01-02-2007, 15:09 »

แค่รสนิยมไม้เอกแบบ อาโก จ๊ะ  ก็สะท้อนคุณภาพ ม.ชินวัตร เป็นอย่างดีอยู่แล้ว  555  มิไยต้องชิ่งถึง ไอ้ย เจ้าของปากมอม สมองเหลี่ยม ไร้แผ่นดินตัวนั้น กร้าก กร้าก  Laughing Laughing Laughing
บันทึกการเข้า

<a href="http://www.stopglobalwarming.org/countmein.asp" target="blank"><img src="http://msglblwarm.vo.llnwd.net/o16/assets/banners/728x90/sgw_728_90.gif" alt="StopGlobalWarming.org" border="0"></img></a>
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 01-02-2007, 16:04 »

ถ้าท่านบังธิเห็นด้วยกับประโยคที่คุณรวงข้าวยกมา...ท่านคงไม่ไปเสียอารมณ์กับ CNN เรื่องดองเทปสัมภาษณ์กระมังครับ!?! อิ อิ

 

--เพิ่งได้อ่านกระทู้นี้  ที่จารย์จ๊ะ  ยอมรับความจริง
แต่เอ๊---ยังไม่เห็นท่านประธาน คมช  อารมณ์เสียตรงไหนนี่


พูดเองรึเปล่า
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 01-02-2007, 20:21 »

..ขออนุญาตฝากบทความนี้ให้อ่านกันทุกๆคนนะคะ
คิดว่า คงจะเข้ากันได้กับสถานการณ์ตอนนี้ ...



.............................................................................

วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10525

เศรษฐกิจพอเพียง ในระบบตลาด และการถ่วงดุลของภาครัฐ
คอลัมน์ ดุลยภาพ ดุลยพินิจ

ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



งานเขียนและข้อเสนอเชิงวิชาการว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ออกมาค่อนข้างมากในสองสามปีที่ผ่านมา แต่บทความชิ้นหนึ่งที่อ่านแล้วติดใจเป็นพิเศษ คือบทความสั้นๆ ในเว็บไซต์มติชน (วันอังคารที่ 24 ตุลาคม 2549) จั่วหัวว่า "เศรษฐกิจพอเพียง ระบบตลาดที่ดีกว่ากลไกตลาดเสรี" โดย ดร.ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

จนอดไม่ได้ที่คิดและ "ขอคุยด้วยคน" เชื่อว่าผู้อ่านและเพื่อนๆ อีกหลายท่านคงจะตามมาร่วมวงไพบูลย์ในโอกาสต่อไป

ดร.ณัฏฐพงศ์อภิปรายว่า เศรษฐกิจพอเพียงกับระบบตลาดนั้นอยู่ร่วมกันได้

พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่ามีการตีความ (ที่คลาดเคลื่อน) เป็นทำนองว่าเป็นคนละเรื่องกัน หรือจะต้องเลือกข้างว่าต้องเอาอย่างหนึ่งเท่านั้น

ขอยกคำกล่าวของท่านว่า "ในขณะนี้คงจะได้ยินกันทั่วกันว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมให้คนไทยใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่างกัน บ้างก็ว่าพอได้ยินเช่นนี้ประเทศไทยคงอยู่กับแบบเขียมๆอย่างพอเพียง บ้างก็ว่าราคาหุ้นถึงตกเลยพอรู้ข่าวนี้ การอธิบายเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไรก็มีหลายแบบ คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าพอเพียงคือพออยู่พอกิน ทำเองใช้เอง เขียมๆ บางคนก็บอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ขัดกับระบบตลาด ยังมีการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะไม่บอกเช่นนี้หุ้นก็ไม่เลิกตก บางเสียงก็เสนอว่าเศรษฐกิจพอเพียงสามารถทำได้ควบคู่กับระบบตลาดเสรีหรือทุนนิยม ฟังๆ ดูความคิดเหล่านี้แล้วราวกับว่าเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบตลาดเป็นคนละเรื่องกัน"

ผมเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ ดร.ณัฏฐพงศ์ พร้อมกันนี้ขออภิปรายเสริมว่า เศรษฐกิจพอเพียงกับระบบตลาดที่มีการถ่วงดุลของภาครัฐนั้น จำเป็นต้องอยู่ร่วมกัน


เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาของการดำเนินชีวิต สำหรับใครๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล/หรือส่วนรวมในการตัดสินใจ (การผลิตหรือการบริโภค) โดยอิงหลัก ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และคำนึงถึงภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ..

ขออ้างคำกล่าวของอาจารย์ณัฏฐพงศ์อีกสักครั้ง ความว่า "…ปรัชญาซึ่งเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและตัดสินใจทั้งระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน และประเทศ ไม่ได้ระบุว่าระบบการค้าและแลกเปลี่ยนจะมีรูปแบบอย่างไร แต่แน่นอนถ้าจะมีการค้าการแลกเปลี่ยนก็ต้องมีการผลิตสินค้า มีตลาด ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ และจริงๆสิ่งที่เป็นอยู่โดยทั่วไปในประเทศต่างๆ ก็ชี้ว่าสิ่งที่เรียกว่าระบบตลาดเสรี หรือทุนนิยมเป็นระบบที่ทำให้การจัดสรรทรัพยากรมีประสิทธิภาพและปฏิบัติอยู่ทั่วไป ดังนั้น ประเทศใดที่ใช้ระบบตลาด หากจะใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการกำหนดนโยบาย ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลับลำจากระบบตลาดไปใช้ระบบอื่น…"

แต่ระบบตลาดที่มี "เศรษฐกิจพอเพียง" กำกับนั้น-ย่อมจะแตกต่างจากระบบตลาดที่ชี้นำโดยทุนนิยมหรือเงินนิยมสุดขั้ว "จุดดุลยภาพ" ของการผลิตและการบริโภคที่มี "เศรษฐกิจพอเพียง" กำกับนั้นย่อมจะแตกต่างจากแนวคิดแบบดั้งเดิม

ถ้าท่านมีความต้องการจะดำรงชีวิตตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง ความจริงก็ไม่ยากเย็นนัก โดยอิงหลักเกณฑ์แบบหลวมๆ 4 เกณฑ์ ได้แก่

*ความพอประมาณ (moderation) ไม่สุดโต่ง

*ความมีเหตุผล (reasonableness) ไม่ประมาท เข้าใจตนเองและเตรียมการอนาคตด้วย เช่น การออมพอเพียง

*การมีภูมิคุ้มกันที่ดี (precautionary or safety principle) ไม่เสี่ยงเกินไป



*มากกว่าเรื่องเงิน - คือคำนึงถึงมิติของความสุขหรือความพึงพอใจในวิถีชีวิต "ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน" เพียงมิติเดียว คนเรายังมีเป้าหมายอื่นๆ เช่น การพักผ่อนหย่อนใจ การได้เสพศิลปวัฒนธรรม การฟังดนตรี อ่านหนังสือ หรือ ได้เสวนากับเพื่อนที่ถูกคอ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อญาติมิตรตามสมควร ฯลฯ

กฎเกณฑ์แบบหลวมๆ นี้ ไม่บังคับว่าจะต้องเดินแบบใด คงจะทำนองเดียวกับคำว่า "เดินสายกลาง" - ถามต่อว่าสายกลางนั้นเป็นอย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิดหรือสุดแต่การตีความของแต่ละคน เพราะว่าสายกลางของแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น คนจนคิดจะประกอบกิจการสักอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามี 2 ทางเลือก A กิจการที่ทำแล้วอาจจะกำไรหรือขาดทุนเป็นเงินหลักแสน อีกทางเลือกหนึ่งประกอบกิจการ B ซึ่งมีโอกาสได้รับกำไรเรือนหมื่น แต่โอกาสขาดทุนน้อยมาก อย่างเลวที่สุดเสมอตัว ในกรณีนี้ B อาจจะเหมาะกว่า A - แต่สำหรับคนอื่นก็แล้วแต่จะพิจารณา

เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้บังคับเคี่ยวเข็ญใคร ท่านเชื่อถือในความคิดเศรษฐกิจพอเพียง-ก็เป็นเรื่องดี (สำหรับตัวท่านเอง) แต่ถ้าท่านไม่เชื่อก็ได้--ตามใจ



วิธีวิทยาใน "เศรษฐกิจพอเพียง" - นักเรียนเศรษฐศาสตร์ถูกสอนให้รู้จักแยกแยะระหว่าง "การวิเคราะห์ที่ควรจะเป็น" (normative analysis) กับ "การวิเคราะห์ตามสภาพเป็นจริง" (positive analysis)

ในแง่หนึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง-สั่งสอนให้บุคคลหรือสังคมประพฤติปฏิบัติตามแนวสายกลางภายในสภาพสังคมขณะนี้ (ระบบตลาด โดยมีการแทรกแซงจากรัฐบาลที่ภาษีจากประชาชน และใช้จ่ายเงินออกมาเป็นบริการประชาชน) เพียงแต่ว่าอย่าเสี่ยงเกินไป อย่าประมาท (เก็บเงินออมให้พอเพียง-สำหรับอยู่สบายๆในวัยชรา) ...


ในแง่การวิเคราะห์ตามสภาพเป็นจริง-โมเดล "เศรษฐกิจพอเพียง" ในระบบตลาด จะพยากรณ์ว่า การผลิตและการบริโภคสินค้าจะน้อยกว่าแบบจำลองเศรษฐกิจทุนนิยม (ที่มีเป้าหมายกำไรสูงสุด) หมายความว่าจะได้ "จุดดุลยภาพ" จะต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการคิดตามหลักกำไรหรืออรรถประโยชน์สูงสุด อันเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค (อุปสงค์) และพฤติกรรมของผู้ผลิต (อุปทาน) เปลี่ยนไป ที่เป็นเช่นนี้อธิบายได้ว่า

ความต้องการที่จะหาเงินทองของบุคคลนี้ลดลง-เพราะว่ามี "มิติอื่นๆ" ที่ให้ความสุข เช่น การพักผ่อนหย่อนใจ การเสพวัฒนธรรม ร้องรำทำเพลง ปลูกต้นไม้ ชื่นชมสายลมและแสงแดด เลี้ยงหลาน.. และมิติอื่นๆ ที่บุคคลนี้ต้องการ และเป็นความสุขที่ไม่ต้องซื้อด้วยเงิน



มูลค่าเพิ่ม หรือ GDP ก็คงจะต้องลดลงไปบ้าง (แต่ไม่เกียวกับอัตราการเจริญเติบโต) - ถ้าหากว่าคนไทยจำนวนหนึ่งหรือส่วนใหญ่หันมาใช้วิถีเศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวัน กำไรของภาคธุรกิจอาจจะลดลง ภาครัฐอาจจะเก็บภาษีได้ลดลงบ้าง ..

แต่จะเป็นอะไรไป เมื่อได้แลกกับมีเวลาและความสุขที่เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยง ลดการทำลายต่อสภาพสิ่งแวดล้อม และอาจจะได้ "กำไรทางสังคม" จากความเอื้ออาทรและปฏิสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องหรือมิตรสหายที่เพิ่มขึ้น การโกงและอาชญากรรมก็น่าจะลดลง ...



เศรษฐกิจพอเพียงในระดับนโยบาย ผู้เขียนเห็นด้วยว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ควรจะเป็นเพียงแค่หลักปรัชญาที่แต่ละบุคคลจะหยิบไปใช้ แต่ควรจะพยายามนำไปวิเคราะห์และตีความกันต่อในขั้นกำหนดนโยบาย เป็นการวิจัยและค้นคว้ากันอย่างเอาจริงเอาจัง ทบทวนมาตรการพอเพียงกับมาตรการแบบดั้งเดิม-ที่ "ตลาดเป็นตัวนำ" วิเคราะห์ความเสี่ยงที่สังคมไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบันในหลายรูปแบบ ความผันผวนจากการผลิตสินค้าเกษตรเชิงเดี่ยว-เพื่อส่งออกล้วนๆ ได้คุ้มเสียหรือไม่จากการต้อนรับการลงทุนต่างชาติและให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือยุทธศาสตร์การหาเงินจากการท่องเที่ยวแต่ว่าสภาพสิ่งแวดล้อมเสื่อมลงและเสี่ยงที่จะไม่ยั่งยืน

นโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศนั้น เป็นทั้ง public goods และ public bads คือถ้าทำได้ดีและอย่างเหมาะสมก็เป็น public goods ถ้าผู้บริหารประเทศทำงานพลาดก็จะกลายเป็น public bads เกิดความเสียหายต่อทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กทารกที่เกิดใหม่ยังไม่ทันรู้ความ เพราะว่าหนี้สินเพิ่มขึ้น หรือค่าเงินบาทที่ลดลง ลองทบทวนเหตุการณ์หลังวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 เถอะครับ

พร้อมกันนี้เสนอว่ามีตัวอย่างนโยบายสาธารณะที่คนไทยเราควรจะนำมาทบทวน


Q1: การลงทุนจากต่างประเทศ การตั้งเป้าหมายว่า -- เงินลงทุนจากต่างประเทศยิ่งมากยิ่งดี ใช่เป็นการตั้งโจทย์ที่ถูกต้องหรือเปล่า? หรือว่าควรจะตั้งเป้าหมายแบบใหม่ว่า จะรับการลงทุนต่างประเทศเท่าใดที่คิดว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย? กิจการลงทุนอันไหนที่ควรต้อนรับและอย่างไหนที่ไม่น่าจะต้อนรับ? อย่าลืมว่า ยิ่งการลงทุนเข้ามามาก-การใช้ทรัพยากรธรรมชาติยิ่งเพิ่มขึ้น ปริมาณขยะเพิ่มและ ความเสี่ยงต่อสภาพสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้น การให้สิทธิประโยชน์ภาษี (tax holiday) คุ้มค่าหรือไม่?


Q2: การไหลเข้าออกของเงินทุนระยะสั้นต่างประเทศ เสรีทางการค้าและการเงินต่างประเทศ ไม่ควรจะหมายถึงการหมดสิ้นอธิปไตยของประเทศ และการตั้งรับอย่างเดียวว่าเงินทุนไหลเข้าหรือไหลออกทำได้อย่างเสรี น่าจะมีตัวกรอง (buffer) หรือไม่ ซึ่งในข้อนี้เจมส์ โทบิน (James Tobin ได้รับรางวัลโนเบลมาแล้ว) เคยตั้งคำถามและมีข้อเสนอที่เรียกว่า Tobin tax

Q3: ภาษีสิ่งแวดล้อมและป้องกันความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมด้วยเงื่อนไขพันธบัตรสิ่งแวดล้อม เป็นการตั้งคำถามว่า โรงงานอุตสาหกรรมบางประเภทที่เกิดให้เกิดปัญหาต่อสภาพสิ่งแวดล้อมหรือเกิดความเสี่ยงขนาดใหญ่ เช่น ท่อก๊าซระเบิด น้ำมันหกในท้องทะเล การปนเปื้อนของสารโลหะหนักในดินและน้ำ ฯลฯ) จะมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงได้อย่างไร? เพราะการที่มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของไทยอ่อนแอ มีกฎหมายแต่การบังคับใช้หลวม โอกาสที่ประเทศไทยจะเสี่ยงรับ "โรงงานสกปรก" ก็สูง จะเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงกันได้อย่างไร?

Q4: ยุทธศาสตร์ medical hub ของไทย การตั้งเป้าหมายว่าจะหารายได้เงินตราต่างประเทศจากการขายบริการการแพทย์และพยาบาล ในแง่หนึ่งก็ดี ได้เงินตราต่างประเทศเข้ามาและได้อวดชาวโลกว่ามาตรการการรักษาพยาบาลของไทยนั้น ดีทัดเทียมกับสากล

แต่อีกด้านหนึ่งก็จำต้องไตร่ตรองถึงผลเสียหรือความเสี่ยงต่อผู้ป่วยชาวไทย ถ้าหากว่าแพทย์และพยาบาลให้การรักษาผู้ป่วยชาวต่างชาติ (ซึ่งส่วนหนึ่งทำงานในเมืองไทย) เพราะว่าได้เงินดีกว่า การให้บริการกับคนไทยตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ... อะไรเป็นจุดเหมาะสม?

การตอบคำถามเช่นนี้ไม่ง่าย แต่คงไม่ถึงกับยากจนสุดวิสัย ในขั้นต้นต้องรวบรวมข้อมูล-รับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย-และสังเคราะห์

สถาบันวิจัยระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ย่อว่า สวปก) ซึ่งเป็นสถาบันตั้งใหม่ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ ด้านหลังสถาบันบำราศนราดูร ขณะนี้ทำงานวิจัยเชิงนโยบายหลายหัวข้อด้วยกัน

หัวข้อหนึ่งคือการทบทวนยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์บริการสุขภาพ (medical hub strategy) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันมาก่อนหน้าในรัฐบาลทักษิณ มีการประชุมกันไปแล้วหลายครั้งและไม่ใช่การคุยกันเล่นๆ แบบสภากาแฟ ยังได้เชื้อเชิญวิทยากรจากหลายฝ่ายมาให้ข้อมูลสถิติและอภิปรายร่วมกัน ได้รับข้อมูลจากโรงพยาบาลเอกชน (โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานชั้นนำที่ให้บริการลูกค้าต่างชาติ) ฝ่ายโรงพยาบาลภาครัฐ และอื่นๆ พร้อมกับค้นคว้าว่ามีทางเลือกของสังคมไทยกี่แบบ

หวังว่าเราคงจะควานหา "จุดดุลยภาพ" ที่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายได้ คือ คนป่วยชาวไทยได้รับบริการรักษาพยาบาลที่ดีตามระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แพทย์พยาบาลไทยได้อวดฝีมือว่าแพทย์เก่งทัดเทียมกับประเทศชั้นนำอื่นๆ ได้เงินตราต่างประเทศและภาครัฐได้รับเงินภาษีตามสมควร มีตัวเลขอุปสงค์และอุปทานประกอบตามสมควร

เป็นตัวอย่างของการประยุกต์เศรษฐกิจพอเพียงกับการกำหนดนโยบายสาธารณะ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าน่าชื่มชม ถ้าหากจะมีเวทีสนทนาและวิจัยทำนองนี้ในหัวเรื่องอื่นๆในสถาบันอื่นๆ แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังก็จะดีไม่น้อย


http://g1.buildboard.com/viewtopic.php/6/7673/14471/0/


...................................................................


..ปล.  ได้ไปตั้งกระทู้ถามเช่นกระทู้นี้ ที่เวบประชาไท  นี่คือความคิดเห็น
ของคนประชาไท ...

http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=16052
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2007, 20:44 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
หน้า: [1]
    กระโดดไป: