ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-01-2025, 17:53
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  บทความต้องห้ามที่บรรดาอคติชนทั้งหลายทั้งเกลียดและกลัวจนตัวสั่นมาแล้วครับ!!! 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
บทความต้องห้ามที่บรรดาอคติชนทั้งหลายทั้งเกลียดและกลัวจนตัวสั่นมาแล้วครับ!!!  (อ่าน 2103 ครั้ง)
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« เมื่อ: 01-02-2007, 08:51 »

ยังคงเด็ด ตรงทุกเม็ด และแม่นทุกประเด็นเหมือนเคนสำหรับอาจารย์พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ที่จับปากกาทีไรทำเอาบรรดาผีห่าซาตานดิ้นทุรนทุรายทุ๊กกกกกที....ตามนี้เลยครับ!



ความชั่วร้ายของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’   
 


รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

ในการเคลื่อนไหวของแนวร่วมกลุ่มจารีตนิยม-ราชการ ปัญญาชนขวาจัด และปัญญาชนตีสองหน้า เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 อาวุธทางการเมืองที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของพวกเขาคือ วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่เริ่มต้นก่อกระแส ไปจนถึงรัฐประหาร 19 กันยายน แล้วก็ยังถูกใช้ต่อมาอีกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐประหาร

 

คำว่า ‘ระบอบทักษิณ’ ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิชาการรัฐศาสตร์-คอลัมนิสต์ที่เป็นพวกขวาจัด อิงแอบอยู่กับสถาบันจารีตประเพณีมาต่อต้านประชาธิปไตย ปฏิเสธทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัฒน์ วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ เป็นการจงใจผสมปนเปทางความคิดด้วยการจับเอาระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ 2540 ตลอดจนสถาบันการเมืองประชาธิปไตยทั้งหมด มาผูกติดกับตัวบุคคลนักการเมือง แล้วตั้งฉายาแบบเหมารวมว่า ‘ระบอบทักษิณ’ ชูขึ้นเป็นเป้าโจมตี บิดเบือน ใส่ร้าย โดยมิเพียงทำลายตัวบุคคล แต่มุ่งโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญทั้งหมด แล้วโยนบาปไปให้นักการเมือง ปกปิดความจริงที่ว่า พวกจารีตนิยมนั่นแหละที่เป็นปัจจัยขัดขวางประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย

 

ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ อ้างว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้มีนักการเมืองชนะเลือกตั้งเข้ามาเกาะกุมระบบการเมือง แล้วใช้อำนาจไปทำลายประชาธิปไตย ละเมิดรัฐธรรมนูญและสิทธิมนุษยชน แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลไม่ทำงาน รวมถึงการซื้อเสียงหลอกลวงประชาชน และนโยบายเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จที่กอบโกยประโยชน์เข้าสู่พวกตน ผลก็คือ แม้จะยังมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดก็ถูกนักการเมืองครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ

 

ฉะนั้น ทั้งประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ‘ได้ถูกทำลาย’ หรือ ‘ถูกรัฐประหารโดยทักษิณ’ ไปนานแล้วก่อนวันที่ 19 กันยายน ระบอบการเมืองที่ว่านี้แหละ ที่เรียกว่า ‘ระบอบทักษิณ’

 

ตรรกะ ‘ระบอบทักษิณ’ ดังกล่าว ได้แพร่กระจายดุจเนื้องอกมะเร็งร้ายไปสู่นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวองค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส สมาชิกวุฒิสภาปีกขวาจัด สื่อสารมวลชน และนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน คำว่า ‘ระบอบทักษิณ’ ถูกใช้เป็นคำด่าทอเพื่อปลุกอารมณ์เกลียดชังคลุ้มคลั่งอย่างไร้เหตุผลในหมู่มวลชนจำนวนหนึ่ง ก่อเป็นการประท้วง ยั่วยุ สร้างความรุนแรงให้เป็นวิกฤตการเมือง ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ทีละขั้นตอนโดยพวกจารีตนิยม กระทั่งสำเร็จเป็นรัฐประหาร 19 กันยายนตามต้องการ

 

เป้าหมายทางการเมืองตั้งแต่ต้นของแนวร่วมจารีตนิยม-ราชการ และปัญญาชนขวาจัดคือ ต้องการโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อปกปิดเป้าประสงค์ที่แท้จริง พวกเขาจึงต้องใช้กุศโลบายเอาตัวบุคคลนักการเมืองมาเป็นเปลือกห่อหุ้มปิดบังระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ไว้ แล้วเรียกเหมารวมว่า ‘ระบอบทักษิณ’ จากนั้นก็โจมตี ใส่ไคล้ บิดเบือน ป้ายสี ด้วยข้อมูลเท็จต่างๆ นานา ผสมกับการปลุกอารมณ์คลั่งชาติอย่างสุดขั้ว ทำให้นักการเมืองที่ถูกใช้ห่อหุ้มรัฐธรรมนูญอยู่นั้นกลายเป็น ‘อภิทรราชและมหาอสุรกายจากนรก’ ‘จอมขายชาติ’ และ ‘พวกจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์’

 

จากนั้น ก็ชูคำขวัญ ‘โค่นล้มระบอบทักษิณ’ ซึ่งเนื้อแท้คือการเรียกร้องให้โค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง และนี่เป็นความชั่วร้ายประการหนึ่งของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ เพราะมันอำพรางเป้าประสงค์ที่แท้จริงที่ต้องการทำลาย ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจจากระบบการเมืองและรัฐธรรมนูญไปที่ตัวบุคคลนักการเมือง ทำให้ผู้คนหลงเข้าใจว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการ ‘ขับไล่ทักษิณและทำลายเครือข่ายระบอบทักษิณ’ ไม่ใช่การโค่นล้มประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ นับเป็นอุบายที่ได้ผล สามารถหลอกใช้ปัญญาชนส่วนหนึ่งที่อ่อนหัดได้ เพราะคนพวกนี้คิดว่า ตนต้องการประชาธิปไตย แต่เกลียดชังนักการเมืองทุจริต พอได้ยินคำขวัญ “โค่นล้มระบอบทักษิณ” ก็พากันตื่นเต้น ตะลีตะลานวิ่งตามด้วยกลัวว่าจะ ‘ตกขบวน’ กระโดดเข้าร่วมขับไล่ทักษิณกันอย่างคึกคัก โดยเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า พวกตนกำลัง ‘ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยการขับไล่นักการเมืองทุจริต และจะโค่นล้มทักษิณลงได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ’

 

แต่หารู้ไม่ว่า การโค่นล้ม ‘ระบอบทักษิณ’ ก็คือการโค่นล้มประชาธิปไตย ฉีกรัฐธรรมนูญ และรื้อฟื้นระบอบเผด็จการอำนาจนิยมแบบเปิดเผยของพวกจารีตนิยมขึ้นมาอีกครั้ง

 

วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ยังถูกใช้เป็นตรรกะที่สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับรัฐประหาร เพราะในเมื่อระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 ได้ถูกละเมิดหรือทำลายไปก่อนแล้วโดยทักษิณ และในเมื่อ ‘ระบอบทักษิณ’ เป็นเผด็จการทรราชย์ของนักการเมืองที่ทุจริตและขายชาติ รัฐประหาร 19 กันยายนจึงไม่ใช่การโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยและฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการ ‘โค่นล้มระบอบทักษิณที่เป็นเผด็จการและทุจริต’ รัฐประหาร 19 กันยายนจึงมี ‘ลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนรัฐประหารทั้งปวงในอดีต’ ไม่ใช่ ‘รัฐประหารที่เลว’ หากแต่เป็นรัฐประหารที่ ‘จำเป็นและเลี่ยงไม่ได้’ เพื่อโค่นล้มเผด็จการของนักการเมืองและเพื่อ ‘ปฏิรูปการเมือง’ นำมาซึ่งการเมืองที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์และปราศนักการเมืองชั่วอีกต่อไป

 

และนี่คือตรรกะเลวร้ายที่บรรดาปัญญาชนขวาจัด ปัญญาชนเดือนตุลา รวมถึงนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส ล้วนใช้เป็นเหตุผลดาหน้ากันออกมาสนับสนุนรัฐประหารกันอย่างครึกครื้นและไร้ยางอาย แม้แต่พวกปัญญาชนตีสองหน้า โดยเฉพาะนักวิชาการอาวุโสบางคนด้านประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็ยังใช้ตรรกะดังกล่าวมาแก้ตัวว่า “ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่ถึงอย่างไร รัฐประหารยังเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ”

 

อัปลักษณ์ทางตรรกะมาถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน เมื่อเราได้เห็นบทความ คอลัมน์หนังสือพิมพ์ และการเสวนาอภิปรายของคอลัมนิสต์ นักวิชาการ และราษฎรอาวุโส ที่ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้กับเผด็จการ พากันสาธยายว่า บัดนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดขึ้นในการเมืองไทยแล้วคือ ระบอบรัฐประหารของคณะทหารที่มีปืนอยู่ในมือและปกครองด้วยประกาศ คำสั่งและกฎอัยการศึกในขณะนี้ กลับ ‘สุภาพอ่อนโยน’ ไม่เป็นเผด็จการ คุมระบบราชการไม่ได้ และไม่สามารถใช้อำนาจรุนแรงเด็ดขาดได้เท่ากับ ‘ระบอบทักษิณ’ ที่เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จได้ทั้งๆ ที่มีรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่า กลุ่มทุนการเมืองนั้นแยบยลและเลวร้ายเพียงใดเพราะ ‘สามารถเป็นเผด็จการได้ด้วยการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย’ ฉะนั้น ระบอบรัฐประหาร 19 กันยายนจึง ‘ไม่เป็นเผด็จการ’ หากแต่เป็น ‘ประชาธิปไตยปฏิรูป’ หรืออย่างมากก็เป็นแค่ ‘เผด็จการครึ่งใบ’

 

คนที่อ้างว่า ‘รัฐประหารเลวน้อยกว่าระบอบทักษิณ’ ก็เพื่อผัดหน้าทาแป้ง ปกปิดใบหน้าปีศาจของระบอบเผด็จการทหาร คนพวกนี้มีทัศนะ แนวคิด และมาตรฐานประชาธิปไตยที่บิดเบือนกลับตาลปัตรอย่างแท้จริง เพราะภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลไทยรักไทยเป็นเวลา 5 ปี แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยในมาตรฐานสูงเท่าประเทศที่เจริญแล้ว แต่ก็พอจะถือได้ว่า ‘เป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก’ สำหรับการเมืองไทยตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา อันเนื่องมาจากคุณลักษณะที่ก้าวหน้าของรัฐธรรมนูญ 2540 จริงอยู่ว่า ผู้นำรัฐบาลและนักการเมืองฝ่ายบริหารมีอำนาจมาก คุมรัฐสภาผ่านการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากที่เหนียวแน่น มีอิทธิพลสูงต่อองค์กรอิสระผ่านวุฒิสภา ทั้งดำเนินมาตรการบางอย่างที่หมิ่นเหม่ต่อประชาธิปไตย (เช่น สงครามปราบยาเสพติด) แต่สถาบันการเมืองประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็ยังคงทำงานต่อไปได้ และยังสามารถทำการตรวจสอบถ่วงดุลได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังมีพรรคฝ่ายค้าน สื่อมวลชนอิสระ ตลอดจนสถาบันตุลาการที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรัฐบาล

 

แต่การยอมรับว่า ‘สถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกกระทบกระเทือนและหมิ่นเหม่’ นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการสรุปว่า ‘รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยถูกทำลายไปแล้ว’ เราจึงได้เห็นสื่อสารมวลชนทุกแขนง แม้แต่สื่อของรัฐเอง ต่างรุมโจมตีรัฐบาลไทยรักไทยได้ต่อเนื่องยาวนาน มีการชุมนุมประท้วงที่ล่วงละเมิดกฎหมายและสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นมากที่สุด ทั้งยั่วยุด่าทอ และท้าทายให้เกิดความรุนแรงที่ยืดเยื้อยาวนาน โดยที่รัฐบาลไทยรักไทยตกเป็นฝ่ายรับและไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย นี่ละหรือ ‘ระบอบทักษิณ’ ที่เป็นเผด็จการทรราชเบ็ดเสร็จจากขุมนรก!

 

วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ยังบิดเบือนเนื้อแท้ของระบบการเมืองไทยก่อน 19 กันยายนให้เป็นระบบการเมืองที่นักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งที่ความจริงแล้ว แม้แต่ระบอบรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังเป็นเพียงเปลือกนอกของระบอบอำนาจนิยมแฝงเร้นของพวกจารีตนิยมที่ยึดกุมอำนาจรัฐจริงมาตั้งแต่รัฐประหาร16 กันยายน 2500 โดยมีเปลือกนอกสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างเผด็จการทหารกับการเมืองแบบเลือกตั้งเท่านั้น เพียงแต่ว่า ในช่วง 4 ปีแรกของรัฐบาลไทยรักไทย อำนาจของพวกจารีตนิยมได้แฝงเร้นมากขึ้นและปล่อยให้รัฐธรรมนูญ 2540 ได้แสดงผลสะเทือนทางประชาธิปไตยออกมาได้ระดับหนึ่ง แต่ในที่สุด พวกจารีตนิยมก็ทนไม่ได้ ต้องกระโดดออกมาในที่โล่งแจ้งอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและฉีกเปลือกที่เป็นรัฐธรรมนูญ 2540 ทิ้ง

 

ข้อนี้เห็นได้จากความจริงที่ว่า รัฐบาลไทยรักไทยได้เริ่มสูญเสียอำนาจจริงไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2549 เมื่อกลุ่มจารีตนิยมเคลื่อนไหวอย่างลับๆ โดยด้านหนึ่ง ก็สนับสนุนการชุมนุมประท้วงขับไล่บนท้องถนน และให้พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตรการเลือกตั้ง สร้างเป็นสถานการณ์วิกฤตนอกสภา แต่ในอีกด้านหนึ่ง ในระบบการเมืองและราชการ ก็เข้าแทรกแซงหน่วยงานรัฐบาล ทหารตำรวจ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนของรัฐ ไปจนถึงสถาบันตุลาการ ทำให้รัฐบาลไทยรักไทยเป็นอัมพาตและตายไปทีละส่วน

 

รัฐประหาร 19 กันยายนเป็นเพียงการตัดสายใยชีวิตการเมืองอันบอบบางที่เหลืออยู่เป็นเส้นสุดท้ายของรัฐบาลไทยรักไทยเท่านั้น ความชั่วร้ายของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ก็คือ มันปิดบังความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้ร่มเงาแห่งอำนาจแฝงเร้นของกลุ่มจารีตนิยมตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา รัฐบาลจากการเลือกตั้งทุกชุดล้วนอ่อนแออย่างยิ่ง แม้แต่รัฐบาลไทยรักไทยซึ่งเข้มแข็งยิ่งกว่ารัฐบาลเลือกตั้งในอดีตด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 2540 ในท้ายสุด ก็ยังอ่อนแอและไร้พลังโดยสิ้นเชิงในการต่อกรกับอำนาจจารีตนิยม

 

เนื้อแท้ของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ยังมีนัยว่า ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุรากเหง้าของพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมือง ผู้ประดิษฐ์และใช้วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ จึงเป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตยและการเมืองแบบเลือกตั้ง โดยมองว่า ประชาธิปไตยไม่ว่าที่ไหนในโลก แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนเลวทรามทั้งสิ้น คือผลิตแต่นักการเมืองเลวๆ ขึ้นสู่อำนาจทั้งนั้น เพราะมองไปทางไหน ประเทศใด ก็เห็นแต่นักการเมืองในลักษณะดังกล่าว

 

พวกนิยมวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ จึงมีลักษณะร่วมกันคือ เกลียดชังต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกลียดชังตะวันตก ประณามระบบการเมืองประชาธิปไตยในประเทศเหล่านั้นว่า ‘จอมปลอม เป็น ‘ประชาธิปไตยสามานย์’ คนพวกนี้เชื่อในลัทธิชนชั้นผู้นำและระบอบอภิสิทธิ์ชน เชื่อว่า การเมืองต้อง ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ และ ‘ผู้นำต้องมีคุณธรรมจริยธรรม’ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ล้วนคลุมเครือ เป็นอัตวิสัย และจอมปลอม เพราะในท้ายสุด ‘คนดี มีคุณธรรมจริยธรรม’ ที่สมควรมีอำนาจปกครองในความคิดของพวกเขาก็คือ พวกเขาเองนั่นแหละที่มีทั้งชาติ วงศ์ตระกูล ทรัพย์ ภูมิปัญญา การศึกษา และ ‘คุณธรรมจริยธรรม’ เพียบพร้อม และมีจำนวนคนน้อยนิดบนสุดยอดปิรามิดของสังคม

 

พวกนิยมวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ปฏิเสธแนวคิดที่ว่า ในเมื่อผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นนำจากตระกูลสูงส่งเพียงใด เป็นสกุลผู้ดีสืบเนื่องมานับร้อยปี หรือสามัญชนและนักการเมืองทั่วไป ทุกชาติทุกภาษาทั่วโลก ล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดาที่เห็นแก่ประโยชน์ตนกันทั้งนั้น ล้วนชอบใช้อำนาจ ไม่ชอบถูกตรวจสอบ ไม่ชอบข้อจำกัดทางกฎหมาย มักเล่นพรรคเล่นพวก และมีแนวโน้มทุจริตถ้ามีโอกาส 

 

ฉะนั้น จุดประสงค์ของการเมืองจึงไม่ใช่เป็นเรื่อง ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ แต่เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบกฎหมาย องค์กรอิสระ ตลอดจนสถาบันและประเพณีปฏิบัติทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อเป็นกรอบจำกัดและกดดันให้ผู้ปกครองและนักการเมืองมีพฤติกรรมการใช้อำนาจไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด

 

เราจะเห็นความบิดเบี้ยวของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ได้ชัดเจนเมื่อนำตรรกะเดียวกันไปใช้ในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา เราก็จะได้วาทกรรม ‘ระบอบบุชง เพราะจอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ทั้งให้ดักฟังโทรศัพท์ชาวอเมริกันโดยศาลไม่รับรอง กักขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่อ่าวกวนตานาโมนานนับปีโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา และมีข่าวพัวพันกับนักลอบบี้ที่ทุจริต ส่วนรองประธานาธิบดิกเชนีย์ก็ถูกกล่าวหาว่า ทุจริตมาตั้งแต่ชนะเลือกตั้งสมัยแรก แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภา ก็ยังทำอะไรบุชไม่ได้ ฉะนั้น ทางออก ‘ที่เลียงไม่ได้’ ก็คือ ต้องให้กองทัพสหรัฐฯ ออกมาก่อรัฐประหารขับไล่บุชและฉีกรัฐธรรมนูญ!? ส่วนในอังกฤษ เราก็จะมี “ระบอบแบลร์” เพราะโทนี่ แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่ถูกหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอังกฤษ ใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทน นำประเทศเข้าสู่สงครามอิรักโดยไม่ฟังเสียงประชามตินอกสภา ในขณะที่ภริยาก็เคยถูกกล่าวหาว่า รับประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรม ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็ไร้น้ำยาเพราะพรรคแรงงานของนายแบลร์มีเสียงข้างมาก ‘เป็นเผด็จการรัฐสภา’ ฉะนั้น ทางออกคือ ต้องเรียกร้องขอ ‘นายกฯมาตรา 7’ จากพระราชินีอลิซาเบ็ธ หรือให้ฝ่ายทหารออกมาทำรัฐประหาร!?

 

แต่ความชั่วร้ายประการสำคัญที่สุดของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ คือ มันเบี่ยงเป้าบิดประเด็นไปจากต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทย โดยจับเอานักการเมือง รัฐธรรมนูญ 2540 และสถาบันประชาธิปไตยทั้งหมด มาผสมปนเปกันเข้าแล้วขึงพืดขึ้นบนตะแลงแกง ให้เป็นเป้าของการด่าทอ ทุบทรมาน โบยตี ฟันแทงต่างๆ ด้วยความเคียดแค้นเกลียดชัง ให้ผู้คนเข้าใจว่า นี่แหละคือต้นเหตุแห่งความฉิบหายทางการเมืองตลอดหลายปีมานี้ ทั้งที่ต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงของการเมืองไทยคือ พวกจารีตนิยม ซึ่งผูกขาดแกนในอำนาจรัฐมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน เป็นรากเหง้าของรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายสิบปีมานี้ และเป็นอำนาจแฝงเร้นที่ขัดขวาง กัดเซาะ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำให้รัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองประชาธิปไตยอ่อนแอ ขี้โรค ไม่พัฒนา และถูกทำลายได้ง่ายตลอดมา
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #1 เมื่อ: 01-02-2007, 08:53 »

ป.ล. น้องๆที่ยังมี EQ ต่ำ...'จารย์จ๊ะ' ไม่แนะนำให้อ่านบทความนี้เพราะอาจกระอักช๊อคคาคอมฯได้ครับ
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #2 เมื่อ: 01-02-2007, 11:28 »

อ่านลิงค์นี้แล้วหงุดหงิด ใครก็ได้ช่วยไป hack ทีครับ http://www.sendspace.com/file/zoafhi
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #3 เมื่อ: 01-02-2007, 11:46 »

เมื่อกี้ไปกด download ดู...ปรากฎว่าไม่ได้แล้ว  ขอบคุณครับที่ลบลิงค์ดังกล่าวได้สำเร็จ!!
บันทึกการเข้า
Yodyood
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 528



« ตอบ #4 เมื่อ: 01-02-2007, 12:25 »

โหขำกลิ้งเลยว่ะ นึกว่าอ่านบทความขำขันอยู่ 
บันทึกการเข้า

~ You will never know the truth if you dare not to face it. ~
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #5 เมื่อ: 01-02-2007, 13:09 »

โหขำกลิ้งเลยว่ะ นึกว่าอ่านบทความขำขันอยู่ 



ขำตรงไหนครับ?...จะได้ขำด้วยถูก
บันทึกการเข้า
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 01-02-2007, 14:28 »

ลงทุนลงแรงเยอะดี ทำมาตั้งแต่สมัยเป็นอาจารย์กระจอก ๆ จนได้เข้าไปร่วมในทีม FTA ถ้าทักษิณกลับมาได้คราวนี้ คงจะได้อวยยศฐาบรรดาศักดิให้เป็น พณ.ท่าน กะเค้าเสียที เอาสัก รมช. พานิชย์ หรือที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ดีหละอาจารย์ ออกแรงเยอะ ๆ นะ ผมเอาใจช่วย เผลอ ๆ ได้เป็น รมต. พานิชย์ ก็ไม่รู้นา บุญจะหล่นทับเอา
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
room5
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 573



« ตอบ #7 เมื่อ: 01-02-2007, 15:11 »

ลงทุนลงแรงเยอะดี ทำมาตั้งแต่สมัยเป็นอาจารย์กระจอก ๆ จนได้เข้าไปร่วมในทีม FTA ถ้าทักษิณกลับมาได้คราวนี้ คงจะได้อวยยศฐาบรรดาศักดิให้เป็น พณ.ท่าน กะเค้าเสียที เอาสัก รมช. พานิชย์ หรือที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ดีหละอาจารย์ ออกแรงเยอะ ๆ นะ ผมเอาใจช่วย เผลอ ๆ ได้เป็น รมต. พานิชย์ ก็ไม่รู้นา บุญจะหล่นทับเอา

  โดน!!
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #8 เมื่อ: 01-02-2007, 16:00 »

ลงทุนลงแรงเยอะดี ทำมาตั้งแต่สมัยเป็นอาจารย์กระจอก ๆ จนได้เข้าไปร่วมในทีม FTA ถ้าทักษิณกลับมาได้คราวนี้ คงจะได้อวยยศฐาบรรดาศักดิให้เป็น พณ.ท่าน กะเค้าเสียที เอาสัก รมช. พานิชย์ หรือที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ดีหละอาจารย์ ออกแรงเยอะ ๆ นะ ผมเอาใจช่วย เผลอ ๆ ได้เป็น รมต. พานิชย์ ก็ไม่รู้นา บุญจะหล่นทับเอา

  โดน!!




'จารย์จ๊ะ' ไม่getอ่ะ...พูดถึงใคร ไร ที่ไหนกันเนี่ย.....'จารย์จ๊ะ' ง๊งงง 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #9 เมื่อ: 01-02-2007, 17:16 »

ไปดูข้อมูลเด็ดๆดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมของจิ๊กซอร์ทั้งหมด http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=9001
บันทึกการเข้า
nuiosk
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11


« ตอบ #10 เมื่อ: 01-02-2007, 18:09 »

จาย-ไร-จ๊ะ เอาอะไรมาลงเนี่ย

อ่านแล้วเหมือนกะเรียงความระบายความในใจ

การอ้างอิงที่เป็นหลักการทางวิชาการไม่มีเลย

สงสัยว่าผู้เขียนคงอยากจะแค่สำเร็จความใคร่ทางอารมณ์
หรือไม่ก็ท้องผูกมาหลายวันก็เลยมาระบายด้วยการเขียนบทความนี้

ไม่นึกว่าจาย-ไร-จ๊ะ  จะโง่ถึงเพียงนี้
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #11 เมื่อ: 01-02-2007, 18:59 »

อ้างถึง
ฉะนั้น จุดประสงค์ของการเมืองจึงไม่ใช่เป็นเรื่อง ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ แต่เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบกฎหมาย องค์กรอิสระ ตลอดจนสถาบันและประเพณีปฏิบัติทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อเป็นกรอบจำกัดและกดดันให้ผู้ปกครองและนักการเมืองมีพฤติกรรมการใช้อำนาจไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด

เจ้าของบทความเปิดเผยควาในใจออกมาแล้วว่า ไม่เห็นด้วยกับพระราชดำรัสที่พระราชทานว่า ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ แต่เห็นไปในแนวทางว่า ต้องสร้างกรอบจำกัดและกดดัน ให้ใครก็ตามที่มาปกครองบ้านเมือง ต้องเกรงกลัวกฎหมาย

ก็เป็นความเขลาของคนที่ไม่เข้าใจในแนวทางของพระพุทธศาสนา แยกแยะคนดีคนเลวไม่ออก ไม่เข้าใจพลังอำนาจของความดี นักวิชาการหางแถวค่ะ ป่วยการเอามารกสมอง
บันทึกการเข้า
room5
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 573



« ตอบ #12 เมื่อ: 01-02-2007, 19:52 »

อ้างถึง
ฉะนั้น จุดประสงค์ของการเมืองจึงไม่ใช่เป็นเรื่อง ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ แต่เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบกฎหมาย องค์กรอิสระ ตลอดจนสถาบันและประเพณีปฏิบัติทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล เพื่อเป็นกรอบจำกัดและกดดันให้ผู้ปกครองและนักการเมืองมีพฤติกรรมการใช้อำนาจไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด

เจ้าของบทความเปิดเผยควาในใจออกมาแล้วว่า ไม่เห็นด้วยกับพระราชดำรัสที่พระราชทานว่า ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ แต่เห็นไปในแนวทางว่า ต้องสร้างกรอบจำกัดและกดดัน ให้ใครก็ตามที่มาปกครองบ้านเมือง ต้องเกรงกลัวกฎหมาย

ก็เป็นความเขลาของคนที่ไม่เข้าใจในแนวทางของพระพุทธศาสนา แยกแยะคนดีคนเลวไม่ออก ไม่เข้าใจพลังอำนาจของความดี นักวิชาการหางแถวค่ะ ป่วยการเอามารกสมอง

โดน!!!!
บันทึกการเข้า
sleepless
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


Sleepless


« ตอบ #13 เมื่อ: 01-02-2007, 21:20 »

1) เจ้าของบทความจงใจใช้ตรรกะแบบยกเมฆโดยการอ้าง (ยกเมฆ) ว่า:
  Toxin = ประชาธิปไตย
   ดังนั้น การขับไล่ Toxin = การล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
เด็กอนุบาลจะคิดว่า Clause แรก เป็น True ดังนั้นจึงสรุปอย่างง่ายๆ ว่า Clause ที่สองเป็น True ด้วย
ส่วนเด็กที่โตพอจะใช้ forum นี้ได้ น่าจะคิดเองได้ว่า Clause ที่สองจะเป็นอะไร

2) เจ้าของบทความใช้ Argument By Half Truth (Suppressed Evidence)
  เจ้าของบทความ "จงใจ" ไม่กล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ฝ่ายก่อการใช้ในการล้มล้างระบบ Toxin
  และใช้ตรรกะแบบ "ยกเมฆ" ในข้อ 1) ในการหลอกล่อเด็กอนุบาล

3) เจ้าของบทความยังพยายามสนับสนุนตรรกะแบบยกเมฆในข้อ 1) โดยจงใจจำกัดคนออกเป็นสองประเภทคือ 1.กลุ่มจารีตนิยม-ราชการ ปัญญาชนขวาจัด และ 2.กลุ่มก้าวหน้า-ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ และเหมารวมผู้ขับไล่ Toxin ว่าเป็นพวกหัวเก่า-จารีตนิยม ทั้งๆ ที่ประเทศไทยไม่ได้มีกลุ่มคนเพียงสองประเภทดังที่เจ้าของบทความจงใจจำกัดให้เหลือเพียง ซ้ายกับขวาเท่านั้น และสรุปเอาเองว่า ผู้ที่ไม่เอาขวา คือพวกซ้าย พวกที่ไม่เอาสีดำ คือพวกสีขาว ทั้งๆ ที่ยังมีสีแดง สีเหลือง และสีอื่นๆ อีกมากมายซึ่งได้รับรู้ความจริงซึ่งเจ้าของบทความ "จงใจ" ไม่กล่าวถึงในข้อ 2)



Today's Logic 101 : Disproof By Fallacy
นาย A: การหาร 64/16 ทำได้ง่ายๆ โดยการตัด 6 ออกจากทั้งตัวตั้งและตัวหาร ดังนั้น 64/16 = 4/1 = 4
นาย B: แต่เราไม่สามารถตัด 6 ออกเฉยๆ อย่างนั้นได้นี่
นาย A: คุณกำลังจะบอกว่า 64/16 ไม่เท่ากับ 4 ยังงั้นใช่ไม๊
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 01-02-2007, 21:23 »

นักวิชาการจริงหรือครับ เหมือนกับเขียนมาจากพันทิปห้องราชดำเนินเลย
คิดจะอ้างอะไรก็อ้างไปเรื่อย
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 01-02-2007, 21:34 »

 

...ไม่ต้องอ้างนักวิชาการไหนๆๆล่ะ...
บทความนี้เห็นที่ประชาไท...
จนเลี่ยนแล้ว ...

..**ก็เห็นชัดๆอยู่ว่า โกงไม่รู้กี่คดี
แตะตรงไหน  เจอตรงนั้น ...ตอนนี้
เค้าแค่ใช้ความรอบคอบ  รัดกุม
ให้คดีมันโปร่งใสที่สุด ....


ใครจะช่วยแก้ต่างยังไง  ก็คงรอดยากหน่ะ ....
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #16 เมื่อ: 02-02-2007, 09:01 »

1) เจ้าของบทความจงใจใช้ตรรกะแบบยกเมฆโดยการอ้าง (ยกเมฆ) ว่า:
  Toxin = ประชาธิปไตย
   ดังนั้น การขับไล่ Toxin = การล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
เด็กอนุบาลจะคิดว่า Clause แรก เป็น True ดังนั้นจึงสรุปอย่างง่ายๆ ว่า Clause ที่สองเป็น True ด้วย
ส่วนเด็กที่โตพอจะใช้ forum นี้ได้ น่าจะคิดเองได้ว่า Clause ที่สองจะเป็นอะไร

ทักษิณได้รับการเลือกตั้งจากคนส่วนใหญ่ภายใต้รัฐธรรมนูญปี2540 นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ปชต.ตรงไหนเอ่ย? หรือจะสอนให้เด็กอนุบาลว่า ระบบการขับไล่ผู้นำเป็นสิ่งที่พึงกระทำโดยไม่ต้องสนใจเสียงส่วนใหญ่ เพียงแค่คนที่ขับไล่กล่าวอ้างว่าผู้นำขาดคุณธรรม!?!  มีประเทศไหนในโลกที่เป็นแบบนี้บ้างเอ่ย?



2) เจ้าของบทความใช้ Argument By Half Truth (Suppressed Evidence)
  เจ้าของบทความ "จงใจ" ไม่กล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ฝ่ายก่อการใช้ในการล้มล้างระบบ Toxin
  และใช้ตรรกะแบบ "ยกเมฆ" ในข้อ 1) ในการหลอกล่อเด็กอนุบาล

ต้องเข้าใจก่อนว่าการเขียนบทความเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว....ไม่ใช่การเสนอข่าวที่ต้องนำข้อเท็จจริงมาเสนอ อาจารย์พิชิตนำเสนอความคิดเห็นในมุมที่ท่านเชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องและรับได้ในแง่การวิจารณ์ ส่วนมุมมองอื่นๆที่เห็นต่างจากของอาจารย์พิชิตย่อมต้องเป็นหน้าที่ของบุคคลอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์พิชิตเป็นฝ่ายนำเสนอ การนำเสนอความคิดเห็นที่ตัวเองเชื่อ...ไม่ใช่เป็นการนำเสนอความจริงครึ่งเดียว หากแต่เป็นการท้าทายให้อีกฝ่ายนำความคิดเหนที่ต่างมาถกเถียงกันด้วยเหตุและผล!!


3) เจ้าของบทความยังพยายามสนับสนุนตรรกะแบบยกเมฆในข้อ 1) โดยจงใจจำกัดคนออกเป็นสองประเภทคือ 1.กลุ่มจารีตนิยม-ราชการ ปัญญาชนขวาจัด และ 2.กลุ่มก้าวหน้า-ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ และเหมารวมผู้ขับไล่ Toxin ว่าเป็นพวกหัวเก่า-จารีตนิยม ทั้งๆ ที่ประเทศไทยไม่ได้มีกลุ่มคนเพียงสองประเภทดังที่เจ้าของบทความจงใจจำกัดให้เหลือเพียง ซ้ายกับขวาเท่านั้น และสรุปเอาเองว่า ผู้ที่ไม่เอาขวา คือพวกซ้าย พวกที่ไม่เอาสีดำ คือพวกสีขาว ทั้งๆ ที่ยังมีสีแดง สีเหลือง และสีอื่นๆ อีกมากมายซึ่งได้รับรู้ความจริงซึ่งเจ้าของบทความ "จงใจ" ไม่กล่าวถึงในข้อ 2)

แน่นอนว่าประเทศไทยเราประกอบไปด้วยกลุ่มคนหลายความเชื่อ แต่กลุ่มที่มีบทบาทในการโค่นล้มทักษิณก็คือกลุ่มจารีตนิยม-ปัญญาชนขวาตกขอบและทหาร เช่น กลุ่มป้าโอลด์เล้ง เจิมสาก 2สนธิ ขันที ฯลฯ  ในขณะที่กลุ่มก้าวหน้าประกอบไปด้วยชนชั้นรากหญ้า ข้าราชการส่วนใหญ่ ตลอดจนบุคคลต่างๆที่เห็นด้วยกับการใช้ผลการเลือกตั้งตัดสินปัญหาทางการเมือง เป็นต้น....กลุ่มคน 2 กลุ่มเป็นพลังสำคัญที่มีบทบาทต่อสังคมและการเมืองของประเทศในยุคทักษิณ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเอ่ยถึงและให้ความสำคัญในบทความดังกล่าว



Today's Logic 101 : Disproof By Fallacy
นาย A: การหาร 64/16 ทำได้ง่ายๆ โดยการตัด 6 ออกจากทั้งตัวตั้งและตัวหาร ดังนั้น 64/16 = 4/1 = 4
นาย B: แต่เราไม่สามารถตัด 6 ออกเฉยๆ อย่างนั้นได้นี่
นาย A: คุณกำลังจะบอกว่า 64/16 ไม่เท่ากับ 4 ยังงั้นใช่ไม๊

เอาง่ายๆก่อนดีมั้ยครับ....เสียงส่วนใหญ่ของประเทศไทยเราควรอยู่ตรงไหนในระบอบการปกครองหากมีคนบอกว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ปชต.!?!
บันทึกการเข้า
A-NOY
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 546


« ตอบ #17 เมื่อ: 02-02-2007, 12:06 »

ไปดูข้อมูลเด็ดๆดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมของจิ๊กซอร์ทั้งหมด http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=9001
ข้อมูลจากเว็ปรวมฝูงกระบือนี่เอง
บันทึกการเข้า

A-NOY
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #18 เมื่อ: 02-02-2007, 13:22 »

ไปดูข้อมูลเด็ดๆดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมของจิ๊กซอร์ทั้งหมด http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=9001
ข้อมูลจากเว็ปรวมฝูงกระบือนี่เอง


ขอโทดดด!! ก่อนจะจีบปากจีบคอว่าใครกรุณาหัดใช้ขมองรีดความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์โต้เถียงกับบทความดังกล่าวให้ได้ซะก่อนเถอะ ขอร้องงงงงงง
บันทึกการเข้า
A-NOY
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 546


« ตอบ #19 เมื่อ: 02-02-2007, 13:55 »

ไปดูข้อมูลเด็ดๆดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมของจิ๊กซอร์ทั้งหมด http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=9001
ข้อมูลจากเว็ปรวมฝูงกระบือนี่เอง


ขอโทดดด!! ก่อนจะจีบปากจีบคอว่าใครกรุณาหัดใช้ขมองรีดความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์โต้เถียงกับบทความดังกล่าวให้ได้ซะก่อนเถอะ ขอร้องงงงงงง
ผมคุยกับควายไม่รู้เรื่องจ้ะ จาญไรจ๊ะ
บันทึกการเข้า

A-NOY
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #20 เมื่อ: 02-02-2007, 14:01 »

ไปดูข้อมูลเด็ดๆดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมของจิ๊กซอร์ทั้งหมด http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=9001
ข้อมูลจากเว็ปรวมฝูงกระบือนี่เอง


ขอโทดดด!! ก่อนจะจีบปากจีบคอว่าใครกรุณาหัดใช้ขมองรีดความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์โต้เถียงกับบทความดังกล่าวให้ได้ซะก่อนเถอะ ขอร้องงงงงงง
ผมคุยกับควายไม่รู้เรื่องจ้ะ จาญไรจ๊ะ


ว่าแล้ว...เห่าเป็นหมาแบบนั้นจะไปคุยรู้เรื่องราย 'จารย์จ๊ะ' เข้าใจและสมเพชอ่ะน๊ะ
บันทึกการเข้า
A-NOY
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 546


« ตอบ #21 เมื่อ: 02-02-2007, 14:42 »

ไปดูข้อมูลเด็ดๆดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมของจิ๊กซอร์ทั้งหมด http://www.prachatai.com/webboard/topic.php?id=9001
ข้อมูลจากเว็ปรวมฝูงกระบือนี่เอง


ขอโทดดด!! ก่อนจะจีบปากจีบคอว่าใครกรุณาหัดใช้ขมองรีดความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์โต้เถียงกับบทความดังกล่าวให้ได้ซะก่อนเถอะ ขอร้องงงงงงง
ผมคุยกับควายไม่รู้เรื่องจ้ะ จาญไรจ๊ะ


ว่าแล้ว...เห่าเป็นหมาแบบนั้นจะไปคุยรู้เรื่องราย 'จารย์จ๊ะ' เข้าใจและสมเพชอ่ะน๊ะ
อ้าว "จาญไรจ๊ะ" เป็นควายหรือจ๊ะถึงร้อนตัว ฮ่า ฮ่าฮ่า เอิ๊ก
บันทึกการเข้า

A-NOY
มด 5.11
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 277



« ตอบ #22 เมื่อ: 02-02-2007, 14:57 »

ชัดเจนดีครับ
ผมเชื่อมาตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าระบอบทักษิณ ไม่มีจริง
เป็นแค่คำประดิษฐ์ ของพวกชั่วชาติ เท่านั้น


มีแต่พวกที่ไม่รักชาติ ที่เชื่อ เวลาที่พวกชั่วชาติเหล่านั้นบอกว่า กำลังทำลายระบอบทักษิณ คนรักชาติ  ย่อมดูออกว่าพวกมันกำลังทำลายชาติต่างหาก
บันทึกการเข้า

อ้างจาก: คนไม่รักชาติ โกหกได้ กับคนไม่รักชาติด้วยกัน
คนไม่รักชาติ มันทำลายชาติ แต่มันแถ ว่ามันทำลายระบอบทักษิณ
คนไม่รักชาติ ทักษิณประจานพวกมัน มันแถ ว่าทักษิณประจานชาติ
คนไม่รักชาติ โกหกได้ เฉพาะกับคนไม่รักชาติด้วยกันเท่านั้น

The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #23 เมื่อ: 02-02-2007, 15:18 »

ชัดเจนดีครับ
ผมเชื่อมาตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าระบอบทักษิณ ไม่มีจริง
เป็นแค่คำประดิษฐ์ ของพวกชั่วชาติ เท่านั้น


มีแต่พวกที่ไม่รักชาติ ที่เชื่อ เวลาที่พวกชั่วชาติเหล่านั้นบอกว่า กำลังทำลายระบอบทักษิณ คนรักชาติ  ย่อมดูออกว่าพวกมันกำลังทำลายชาติต่างหาก


ครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นจวบจนถึงทุกวันนี้มาจาก 2 สาเหตุ คือ หนึ่ง พวกที่แพ้ไม่เป็น ซึ่งปรกติพวกนี้ลงคะแนนให้พรรคอื่นที่ไม่ใช่ทรท.  สอง พวกที่อารมณ์พริ้วหัวอ่อนแบบใครลากไปทางไหนด้วยลีลาการพูดหน่อยเดียวก็เคลิ้มเชื่อทุกเรื่อง


แต่ทั้ง 2 กลุ่มมีอุปนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างคือ ไม่เชื่อในหลักวิทยาศาสตร์!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2007, 15:42 โดย A-Rai-Ja » บันทึกการเข้า
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 02-02-2007, 15:21 »

ชัดเจนดีครับ
ผมเชื่อมาตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าระบอบทักษิณ ไม่มีจริง
เป็นแค่คำประดิษฐ์ ของพวกชั่วชาติ เท่านั้น


มีแต่พวกที่ไม่รักชาติ ที่เชื่อ เวลาที่พวกชั่วชาติเหล่านั้นบอกว่า กำลังทำลายระบอบทักษิณ คนรักชาติ  ย่อมดูออกว่าพวกมันกำลังทำลายชาติต่างหาก


ครับ ปัญญาที่เกิดขึ้นจวบจนถึงทุกวันนี้มาจาก 2 สาเหตุ คือ หนึ่ง พวกที่แพ้ไม่เป็น ซึ่งปรกติพวกนี้ลงคะแนนให้พรรคอื่นที่ไม่ใช่ทรท.  สอง พวกที่อารมณ์พริ้วหัวอ่อนแบบใครลากไปทางไหนด้วยลีลาการพูดหน่อยเดียวก็เคลิ้มเชื่อทุกเรื่อง


แต่ทั้ง 2 กลุ่มมีอุปนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างคือ ไม่เชื่อในหลักวิทยาศาสตร์!!



 


---น่าสงสารสองคนตายาย  มานั่งจับเข่า  ปรับทุกข์
ปรับสุขกัน----
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
AThai
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 132



« ตอบ #25 เมื่อ: 03-02-2007, 17:42 »

บ่อยครั้งที่ผมเห็นนอ้างว่าทักษิณเป็นประชาธิปไตย เนื่องด้วยมาจากเลือกตั้งถึง 16 ล้านเสียง(งดออกเสียงอีก 10 ล้านเสียง + บัตรเสีย 2 ล้านบัตร)
เสียงเยอะไม่ใช้จะเป็นประชาธิปไตยเสมอไปบางครั้งมันเป็นเพียง Tyranny of Majority

"The one pervading evil of democracy is the tyranny of the majority" โดย Lord Acton (1834 - 1902) British historian

"The phrase tyranny of the majority, used in discussing systems of democracy and majority rule, describes a scenario in which decisions made by a majority under that system would place that majority's interests so far above a minority's interest as to be comparable in cruelty to "tyrannical" despots." จาก Wikipedia


มันก็เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์ครับที่เสียงข้างมากกลบเสียงข้างน้อย เช่น ฮิตเลอร์ก็ได้รับสนันสนุนอย่างท่วมท้นแต่ก็ไม่ใช้ประชาธิปไตย

แค่นี้คงเพียงพอในการอธิบายว่าเสียงมากไม่ใช่จะถูกต้องเสมอไป และ ทักษิณเลิกอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยซะที

 


* Time.jpg (68.97 KB, 642x138 - ดู 172 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2007, 22:17 โดย AThai » บันทึกการเข้า

เหลี่ยมจนมุม => เรื่องปกติ-ไม่แปลก => บกพร่องโดยสุจริต => ป้ายสีความผิด
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #26 เมื่อ: 04-02-2007, 11:27 »

บ่อยครั้งที่ผมเห็นนอ้างว่าทักษิณเป็นประชาธิปไตย เนื่องด้วยมาจากเลือกตั้งถึง 16 ล้านเสียง(งดออกเสียงอีก 10 ล้านเสียง + บัตรเสีย 2 ล้านบัตร)
เสียงเยอะไม่ใช้จะเป็นประชาธิปไตยเสมอไปบางครั้งมันเป็นเพียง Tyranny of Majority

"The one pervading evil of democracy is the tyranny of the majority" โดย Lord Acton (1834 - 1902) British historian

"The phrase tyranny of the majority, used in discussing systems of democracy and majority rule, describes a scenario in which decisions made by a majority under that system would place that majority's interests so far above a minority's interest as to be comparable in cruelty to "tyrannical" despots." จาก Wikipedia


มันก็เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์ครับที่เสียงข้างมากกลบเสียงข้างน้อย เช่น ฮิตเลอร์ก็ได้รับสนันสนุนอย่างท่วมท้นแต่ก็ไม่ใช้ประชาธิปไตย

แค่นี้คงเพียงพอในการอธิบายว่าเสียงมากไม่ใช่จะถูกต้องเสมอไป และ ทักษิณเลิกอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยซะที

 

จริงครับคุณ AThai รัฐบาลจีนตอนนี้ก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนจีนอย่างท่วมท้นเหมือนกัน
แต่ไม่เห็นมีใครบอกว่าเป็นประชาธิปไตยเลย

การจะเป็นประชาธิปไตยหรือเปล่าจึงต้องพิจารณาที่ประชาชนเป็นอิสระทางการเมืองหรือเปล่า
ก่อนจะไปดูที่ผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (ไม่นับข้อกล่าวหาโกงเลือกตั้งอีกนะครับ)

ประเทศไทยเราประชาชนยังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวคะแนน ยังต้องพึ่งพิงอิงแอบอิทธิพลของ
นักการเมืองในการดำเนินชีวิต ทำให้การลงคะแนนถูกสั่งได้ตามใจของนักการเมือง ซึ่งไปสวามิภักดิ์
กับพรรคการเมืองของนายทุนอีกทีหนึ่ง

โครงสร้างมันเป็นอย่างนี้ไม่ว่าพรรคไหนก็เหมือนกัน แต่ระบอบทักษิณมันชั่วร้ายกว่าการเมืองที่ผ่านมา
เพราะแสดงเจตนาชัดเจนที่จะผูกขาดกินรวบและจะกินรวบไม่เลิก โดยฉวยโอกาสอาศัยจุดอ่อนของ
โครงสร้างการเมืองไทยให้เป็นประโยชน์


งานของ ดร.พิชิต ที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรใหม่ จากการสังเกตส่วนตัวอาจกล่าวได้ว่าเป็นการรวบรวม
ข้อมูลจากกลุ่มเชียร์ทักษิณ มาเขียนลงชื่อเป็นงานเขียนของตัวเอง แต่เนื้อหาไม่ได้เสนออะไรเพิ่มเติม
จากที่เคยรู้เคยเห็น บางเรื่องมั่วมากๆ เช่นตอนที่เชียร์แปรรูป กฟผ. ถ้าใครยังจำได้

และสังเกตว่าในแวดวงวิชาการไม่เคยมีใครหยิบงานเขียนแกมาวิเคราะห์ต่อเลย
อาจเพราะงานของแกไม่แตกต่างอะไรกับรายการเล่าข่าวตอนเช้าน่ะครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2007, 11:33 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 04-02-2007, 11:49 »

อย่าคิดมากครับ เขาสะกดจิตตัวเองผ่านบทความ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
หน้า: [1]
    กระโดดไป: