วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5906
หวั่นเอฟทีเอ"ไทย-ญี่ปุ่น" เปิดช่องยุ่นทิ้งขยะนิวเคลียร์!
คอลัมน์ สกู๊ปพิเศษ
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสากล "กรีนพีซ" เตือนทั้งไทยและฟิลิปปินส์ให้ระวังญี่ปุ่นใช้ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจบีบบังคับให้บรรจุข้อตกลงการส่งออกกากนิวเคลียร์และกากกัมมันตรังสีไว้ในข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในไทยและฟิลิปปินส์
"
นอกจากจะมีข้อตกลงสนับสนุนการทิ้งขยะพิษแล้ว ในสำเนาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น ยังมีข้อตกลงยกเว้นภาษีกากกัมมันตรังสีและแท่งเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์รวมอยู่ด้วย เราจึงเชื่อมั่นว่าภายใต้หัวข้อดังกล่าวน่าจะรวมถึงของเสียหรือกากจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์" กรีนพีซ ระบุในแถลงการณ์
ด้านกิตติคุณ กิตติอร่าม ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษกลุ่มกรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า
เราเชื่อว่าในเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น และเอฟทีเอฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น มีข้อตกลงที่เหมือนกันในเรื่องกากนิวเคลียร์และกากกัมมันตรังสีนอกเหนือไปจากขยะพิษต่างๆ ที่ญี่ปุ่นต้องการนำมาทิ้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์
ดังนั้น รัฐบาลไทยสมควรต้องตัดข้อตกลงการทิ้งกากนิวเคลียร์และขยะพิษออก ก่อนจะลงนามในเอฟทีเอกับญี่ปุ่นในขณะที่การให้สัตยาบันต่อข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างญี่ปุ่นกับไทยและฟิลิปปินส์ขยับใกล้เข้ามา ท่ามกลางเสียงคัดค้านข้อตกลงยกเว้นภาษีขยะพิษจากประชาชนและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
รายละเอียดเอฟทีเอฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่นได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ลงนามรับรองไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภาฟิลิปปินส์เพื่อให้สัตยาบัน และมีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า ญี่ปุ่นต้องการรวมกากนิวเคลียร์และกากกัมมันตรังสีไว้ในข้อตกลงเอฟทีเอด้วย
"สภานิติบัญญัติของญี่ปุ่นต้องไม่ยอมรับข้อตกลงระหว่างประเทศใดๆ ที่จะสนับสนุนการส่งออกกากนิวเคลียร์ไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเป็นสิ่งไร้จริยธรรม และไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่ประเทศร่ำรวยอย่างญี่ปุ่นจะนำขยะอันตรายมาทิ้งในประเทศที่ไม่มีศักยภาพแม้จะจัดการกับขยะภายในประเทศของตนเองได้ นอกจากนั้น ข้อเท็จจริงก็คือเวลานี้ยังไม่มีวิธีใดเลยที่จะกำจัดกากกัมมันตรังสีได้อย่างปลอดภัย" กิตติคุณกล่าวเสริม
กรีนพีซ แถลงด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรีของไทยมีมติให้ส่งเรื่องความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JPEPA) หรือ เอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาการลงนามและให้สัตยาบัน
อย่างไรก็ตาม จนถึงทุกวันนี้รายละเอียดของ JTEPA ก็ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แม้ว่าจะมีการเรียกร้องจากภาคประชาชนอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยฝ่ายคณะเจรจาฯ ได้อ้างสาเหตุในการบรรจุข้อตกลงยกเว้นภาษีขยะพิษจากญี่ปุ่นใน JTEPA ว่าเป็นหนึ่งใน "กลยุทธ์ในการเจรจา"
ปัจจุบัน ทั้งไทยและญี่ปุ่นต่างก็เป็นภาคีสมาชิกใน "อนุสัญญาบาเซล" ซึ่งบังคับใช้กฎหมายในระดับสากลเพื่อลดการส่งออกขยะพิษจากประเทศอุตสาหกรรมไปยังประเทศกำลังพัฒนา แต่ทั้งไทยและญี่ปุ่นต่างไม่ได้ให้สัตยาบันต่อข้อห้ามบาเซล ซึ่งเป็นการแก้ไขในตัวอนุสัญญาที่ไม่อนุญาตแม้แต่การค้าขยะพิษที่แอบแฝงมาในรูปของการรีไซเคิล
ผลกระทบที่ตามมาจากการเปิดการค้าเสรีกับญี่ปุ่น จะส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งทิ้ง "ขยะพิษ-ขยะกัมมันตรังสี" ที่มีอันตรายร้ายแรงจากญี่ปุ่นหรือไม่ รัฐบาลไทยชุด "ขิงแก่" ที่ประกาศตัวว่ามีธรรมาธิบาลสูงต้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงแก่ประชาชน!
หน้า 7<
ข่าวสดเป็นข้อกังวล ที่รัฐบาลต้องดูแล