ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 15:33
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  โถ คตส แปลภาษาอังกฤษไม่ออกก็โวย จะปลดเขา 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
โถ คตส แปลภาษาอังกฤษไม่ออกก็โวย จะปลดเขา  (อ่าน 938 ครั้ง)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« เมื่อ: 30-01-2007, 09:04 »

นัดถก 3 ฝ่ายเดินหน้าปราบทุจริต
 ด้านการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. กล่าวถึงการประชุมร่วม 3 ฝ่ายระหว่าง พล.อ.สนธิ บุญย รัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ คตส.ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ว่า จะมีการประชุมในเวลา 08.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก แต่ยังไม่ทราบว่า นายกฯจะมาร่วมได้หรือไม่
 
นายสัก กล่าวต่อว่า การหารือครั้งนี้ คตส.  จะชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคการทำงานที่ล่าช้ากว่า กำหนด เพราะหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องไม่จริงใจที่ จะให้ความร่วมมือ แม้ว่าโดยอำนาจตามคำสั่งของ คปค.ฉบับที่ 30 จะให้อำนาจ คตส.ในการทำหนังสือถึงหน่วยงานรัฐเพื่อมาชี้แจงหรือ ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้หลายเรื่อง คตส.กังกลว่าจะเสร็จไม่ทันภายใน 1 ปี ตามวาระ คตส.และรัฐบาล จึงต้องมีการกำหนดมาตรการให้หน่วยรัฐให้ความร่วมมือกับ คตส. ด้วยความจริงใจ

จี้เอาคนไม่ร่วมมือพ้นเก้าอี้
 "ผมเชื่อว่านายกฯคงมีการสั่งการไปแล้ว แต่คงผ่านรองนายกฯที่รับผิดชอบ และที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าในระหว่างนี้กลุ่มอำนาจเก่ายังมีอิทธิพล และมีหลายคนยังไม่ถูกปรับเปลี่ยน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง ทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จึงมีการเตะถ่วง กล้า ๆ กลัว ๆ เพราะเกรงว่าตัวเองจะได้รับความผิดด้วย จึงทำให้ทุกอย่างต้องล่าช้าไปหมด หลังจากนี้หากหน่วยงานรัฐไม่ให้ความร่วมมือกับ คตส.อย่างเต็มที่ คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพิจารณาถึงความจำเป็น ต้องเปลี่ยนแปลงบุคคลออกจากตำแหน่งหรือไม่ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น" นายสัก กล่าว

หวั่นคดีพลิก-ต้องป้องกัน
 โฆษกคตส. กล่าวว่า จะเร่งแก้ปัญหาเพื่อให้เข้ากรอบของกฎหมาย ป.ป.ช. ตามมาตรา 66 และ 67 ที่ต้องมีผู้เสียหาย ต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่เป็นต้นเหตุหรือผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากเมื่อคดีไปสู่ชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว หาก คตส.ดำเนินการไม่ครบตามองค์ประกอบเหล่านี้ ศาลอาจจะยกคำร้องได้ ดังนั้นคตส.ต้องทำงานตามกรอบกฎหมายกำหนดไว้ทุกประการ เราเน้นย้ำจุดนี้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นการทำงานของคตส. จะเสียเปล่า นอกจากนี้จะสอบถามความคืบหน้าเรื่องการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะหากปล่อยให้มีการทุจริตอีกงานของ ป.ป.ช. และ คตส. ก็จะเพิ่มขึ้นอีก อยากให้รัฐบาลกำกับหน่วยงานของรัฐให้มีการกำหนดมาตรการและนโยบายอย่างชัดเจนในการปราบปรามทุจริต

จ้องเด้งพวกขั้วอำนาจเก่า
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือดังกล่าวจะมีการนำเรื่องการตรวจสอบโครงการทุจริตต่าง ๆมาพูดคุยด้วย อาทิ เรื่องซีทีเอ็กซ์ ที่เกี่ยวกับการแปลเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศตอบรับจะแปลให้แล้ว เรื่องการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ที่ คตส. แจ้งให้กองทุนฟื้นฟูฯ เข้าร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหาย แต่ในช่วงแรกกองทุนฟื้นฟูฯ จะไม่มีการร้องทุกข์ แต่เมื่อมีการอธิบายถึงความผิดก็ยินยอมจะเข้ามาร้องทุกข์แล้ว ซึ่งประเด็นดังกล่าว คตส. มีความกังวลมากเพราะหากคดีต่าง ๆ ยื้อไปถึงหลังการเลือกตั้ง เมื่อคดีถึงศาล การเมืองเปลี่ยวขั้วอำนาจ กลุ่มอำนาจเก่าเข้ามาใหม่คดีอาจจะพลิก พยานอาจจะถูกข่มขู่ คตส. จึงมีแนวคิดให้เปลี่ยนตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีอื่นด้วยเพื่อแก้ปัญหาการชี้มูลความผิดในอนาคต
 
สำหรับการหารือครั้งนี้จะมีการพูดถึงรูปแบบการสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนในการตรวจสอบของ คตส. ซึ่งอาจจะมีการนำเสนอผ่านรายการโทรทัศน์ ให้ระดับรากหญ้าได้ รับทราบ โดยอาจจะเป็นในรูปรายการหรือการแถลงข่าวร่วมระหว่าง คมช. รัฐบาล และ คตส.
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=115656&NewsType=1&Template=2


กะอีเรื่องแค่กระทรวงต่างประเทศคนไม่พอจะแปลเอกสารให้ก็ต้องโวยวายว่าใส่เกียร์ว่าง แถมขู่จะปลดอีก แปลเองไม่เป็นหรือไง
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #1 เมื่อ: 30-01-2007, 12:33 »

ในการตรวจสอบทุจริตที่ผ่านมาของ คตส. เจออุปสรรคปัญหาใหญ่ 3 ประเด็นหลัก คือ
1) ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือด้านข้อมูลในระหว่างการสอบสวน และยึกยักไม่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ เมื่อ คตส. สรุปสำนวนการสอบสวนแล้วเสร็จ โดยอ้างว่าหน่วยงานไม่ได้รับความเสียหาย คตส. จึงขอให้รัฐบาลออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานราชการให้ความร่วมมือในด้านข้อมูล และเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ

2) เอกสารหลักฐานสำคัญ เช่น สัญญาโครงการ ที่เป็นภาษาต่างประเทศ ไม่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศในการแปลเอกสาร ซึ่ง คตส. ขอให้การทำสัญญากับรัฐต้องสองภาษา คือ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และให้ยึดฉบับภาษาไทยเป็นหลัก เพราะเมื่อเกิดข้อพิพาทจะไม่ได้มีปัญหาด้านการตีความ

และ 3) คตส.ขอให้รัฐบาลแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ในมาตรา 66-68 โดยแก้ไขให้ไม่ต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีที่มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรกระทำความผิด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเสนอการแก้กฎหมายผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื่องจากเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนมาก

ซึ่งผลการหารือร่วม 3 ฝ่าย มีเพียงเรื่องการแปลเอกสารภาษาต่างประเทศเท่านั้นที่กระทรวงการต่างประเทศ รับปากจะจัดการให้ แต่ก็ยังไม่แน่ว่า คตส. จะสามารถวางบรรทัดฐานให้การทำสัญญากับรัฐต่อไปจะต้องทำสัญญาเป็น 2 ภาษา และให้ยึดฉบับภาษาไทยเป็นหลักได้หรือไม่ เพราะความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาในการเข้าถึงข้อมูลมาโดยตลอด และเมื่อเกิดข้อพิพาทยิ่งมีปัญหามากขึ้นโดยเฉพาะการตีความเนื้อหาสัญญา


ถ้าผลออกมาว่าเอาผิดไม่ได้เพราะไม่มีคนแปลเอกสารคงเป็นเรื่อง ฮา ระดับโลก 
บันทึกการเข้า
O_envi
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 495



« ตอบ #2 เมื่อ: 31-01-2007, 12:52 »

ผมว่าเขาอ่านออกนะแต่ขนาดมันเขียนภาษาไทยมันยังตะแบงได้
แล้วภาษาอังกฤษล่ะครับ ก็แค่ให้ช่วยรับรองเท่านั้นเองว่าแปลถูกต้อง

เพราะผมว่าถ้าคนมันจะถ่วงเวลาแปลสัญญาเสร็จแล้วอ้างว่าแปลไม่ถูกต้องอีก
ถ้ามีหนังสือรับรองจากกระทรวงจะได้ไม่ต้องแถอีกไงครับ
บันทึกการเข้า

The change musts come one by one.It has to start with you
หน้า: [1]
    กระโดดไป: