www.bangkokbiznews.comดร.ปณิธาน วัฒนายากร
'กรณีเทมาเส็กซื้อหุ้นชินคอร์ปนั้น เป็นแค่กรณีเดียวที่เสมือนยอดภูเขาน้ำแข็งที่เรามองเห็น แต่ยังมีการลงทุนอันสลับซับซ้อนอีกมากมายที่เราไม่รู้ และอาจทำให้สิงคโปร์ไม่มีทางเลือก จนต้องตัดสินใจกดดันรัฐบาลไทย" ปณิธาน บอกต่อว่า หากพิจารณาเหตุผลแวดล้อมอื่นๆ ก็พอจะอธิบายท่าทีของสิงคโปร์ในประเด็นพิพาทครั้งนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะสถานะ "นายหน้า" เชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างโลกตะวันตกกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน จึงทำให้สิงคโปร์มีความต้องการอย่างออกนอกหน้าที่อยากเห็นสภาวะการเมืองในภูมิภาคนี้สงบราบคาบและมีเสถียรภาพ เพื่อผลประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจของตนเอง
"ฉะนั้นเมื่อเกิดอะไรที่ผิดปกติขึ้น เขาจะกังวลมาก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติรัฐประหาร ความเคลื่อนไหวของขบวนการก่อการร้าย หรือแม้แต่ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เพราะเขาเป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย เขาอยู่ได้จากการค้าขาย และการเมืองที่มีเสถียรภาพเท่านั้น จึงจะเอื้อกับการค้าการลงทุน" ปณิธาน ระบุ พร้อมสรุปว่า นั่นอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์ไม่ใคร่จะยอมรับรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทย ซึ่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
ส่วนมาตรการตอบโต้ทางการทูตที่ไทยดำเนินการกับสิงคโปร์ไปแล้วนั้น แม้ปณิธานจะเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ก็เห็นว่ายังไม่ตรงประเด็นและไม่ชัดเจนเท่าที่ควร กระทั่งสิงคโปร์ยังไม่สามารถรับสัญญาณที่ส่งจากรัฐบาลไทยได้
"ในระยะสั้นต้องเพิ่มมาตรการทางการทูตไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะการหยิบประเด็นด้านการทหารขึ้นมาพิจารณา เพราะสิงคโปร์ต้องพึ่งพาไทยมาก ทั้งเรื่องพื้นที่ฝึก สถานที่เก็บอาวุธ และการใช้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ถ่วงดุลกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับสิงคโปร์ ซึ่งน่าเชื่อว่าหากยกเรื่องนี้ขึ้นมา จะทำให้สิงคโปร์หยุดคิดและปรับท่าทีได้"
ปณิธาน ยังเสนอว่า ในบริบทของรัฐบาลและ คมช.เอง ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน โดยจะต้องเร่งจัดการกับระบอบทักษิณ และเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ โดยเฉพาะในข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน จากนั้นก็ส่งสัญญาณไปทั่วโลก เพื่อให้รับทราบว่าใครก็ตามที่ยังให้การสนับสนุนอดีตรัฐบาลอยู่ ก็เท่ากับสนับสนุนระบอบที่ไม่ถูกต้อง
"คุณทักษิณ มักย้ำอยู่เสมอว่าเขามาจากการเลือกตั้ง และมีนโยบายการค้าแบบเสรี ฉะนั้นรัฐบาลต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคุณทักษิณกระทำผิดจริง โดยใช้กระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส ยุติธรรม และทั่วโลกยอมรับ พร้อมทั้งทำความเข้าใจในนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงว่าคือทุนนิยมแบบผสม ไม่ใช่การปิดประเทศเหมือนเวเนซูเอลา เพื่อแก้ข้อกล่าวหาของคุณทักษิณ"
อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า มาตรการของไทยจะแกว่งไปแกว่งมาไม่ได้ เพราะสิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้านธรรมดา แต่มีฐานะเป็นพันธมิตรที่ดีของไทยมาตลอด จึงไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งแม้จะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องหันมาคืนดีกัน
"ผมจึงอยากให้คิดเรื่องนี้ยาวๆ เพราะอย่างไรเสียทั้งสองประเทศก็ยังต้องอยู่ร่วมกันต่อไป การพยายามปลุกกระแสเรื่องชาตินิยมโดยใช้สิงคโปร์เป็นเหยื่อนั้น ทำได้ง่ายและสบประโยชน์ในระยะสั้นก็จริง แต่มันอันตราย และจะส่งผลเสียหายมากกว่าในระยะยาว" ปณิธาน กล่าวในที่สุดใช่ มันเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง สำหรับ คนไทยปั่นหัวคนไทยกันเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ เราถนัดดีนัก