กรณี สุวรรณภูมิ กับ การต่อสู้ 2 แนวทาง ก่อน หลัง 19 ก.ย.คอลัมน์ วิภาคแห่งวิพากษ์48.06% ของกลุ่มตัวอย่าง "สวนดุสิต โพล" หัวข้อ "สนามบินสุวรรณภูมิ ณ วันนี้
ในสายตาประชาชน" ที่ให้ความรู้สึกต่อข่าวการซ่อมแซมว่า
"มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ความไม่โปร่งใสและโกงกินทุกกระบวนการ"
และ 72.78% ของกลุ่มตัวอย่าง ที่เสียความรู้สึกเพราะปัญหามาจากการทุจริตที่
ใหญ่โต เมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกเมื่อครั้งเปิดท่าอากาศยานกับข่าววันนี้
จะถือว่าเป็น "ความสำเร็จ" หรือว่าเป็น "ความล้มเหลว"
แน่นอน หากมองจากความคาดหวังที่เคยมีต่อสนามบินสุวรรณภูมิในฐานะของสนามบิน
แห่งชาติ ความรู้สึกเหล่านี้ต้องถือว่าเป็นความล้มเหลว
ขณะเดียวกัน หากมองจากกระบวนการของการขุดคุ้ย เปิดโปง สภาพความเป็นจริงที่
เกิดขึ้น ดำรงอยู่ ภายในกระสวนการวางแผน การประมูล การก่อสร้าง การควบคุม อัน
เป็นกระบวนการของการตรวจสอบ ก็ต้องถือว่าเป็นความสำเร็จ
เป็นความสำเร็จในระดับที่แน่นอนหนึ่งอันเป็นผลงานของกลุ่มตรวจสอบต่อผลงานรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กระทำอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ก่อนและภายหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ สมควรมีการปรับท่าทีอย่างไรเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิ
ตกมาอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้วอย่างสมบูรณ์
ท่าที "ก่อน" และ "หลัง" รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มีความหมาย และ
มีความสำคัญ
เพราะหากไม่มีการปรับก็เท่ากับไม่เข้าใจต่อกระสวนของการเปลี่ยนแปลง
ก่อนรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ภาระหน้าที่ด้านหลักของกลุ่มต่อต้าน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ จะต้องแสดงให้เห็นภาพที่เลวร้ายทั้งในเชิงจริยธรรมและ
ในเชิงการบริหารเพื่อทำลายความชอบธรรมทางการเมือง
ความหมายก็คือ การสร้างความชอบธรรมให้กับการโค่นล้มและทำลาย
กรณีของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นกรณีหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นเป้าของ
การขุดคุ้ยโจมตี เช่นเดียวกับกรณีการขายหุ้นชินคอร์ป เช่นเดียวกับกรณีการทำสงคราม
ยาเสพติด เช่นเดียวกับกรณีการแทรกแซงองค์กรอิสระ เป็นต้น
แต่เมื่อการก่อกระแสสร้างความชอบธรรมกระทั่ง "ทหาร" ในนาม "คปค." ออกมาทำ
รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ได้สำเร็จ
สภาพทางการเมืองก็เกิดการแปรเปลี่ยน
แปรเปลี่ยนเป็นอำนาจรัฐอยู่ในมือของ "คปค." แปรเปลี่ยนเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ถูกโค่นล้มต้องร่อนเร่พเนจรไม่สามารถกลับประเทศได้ และรัฐบาลที่เข้ามาแทนที่คือ
รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
สภาพทางการเมืองเปลี่ยน สถานะทางการเมืองเปลี่ยน ย่อมส่งผลสะเทือนต่อสภาพและ
สถานะในทางความคิดตามไปด้วย
สถานะของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ย่อมแตกต่างไปจากสถานะของพรรคการเมือง
บางพรรค กลุ่มการเมืองบางกลุ่มอย่างแน่นอน
แม้ว่าบางพรรคการเมือง บางกลุ่มการเมือง จะเคยมีส่วนในการก่อกระแสสร้างความ
ชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจของ "คปค." อย่างขันแข็งก็ตาม
เพราะว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะว่ารากฐานของนายกรัฐมนตรีคือคณะรัฐมนตรี และรากฐานของคณะรัฐมนตรีคือ
กระทรวงทบวงกรมที่มีข้าราชการเป็นกำลังสำคัญ
นั่นคือ กลไกแห่ง "อำนาจรัฐ" อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลและ คมช.
มีความจำเป็นที่รัฐบาลและ คมช. จักต้องร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไป
มีความจำเป็นที่รัฐบาลจักต้องบริหารจัดการและเข้ารับผิดชอบต่อสมบัติของชาติ
เพราะว่าสนามบิน "สุวรรณภูมิ" เป็นสมบัติของชาติ มิใช่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรความคิดในการทำลาย ความคิดในการบ่อนเซาะต่อสถานะและเกียรติภูมิของ พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร อาจยังจำเป็นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งการปรับเปลี่ยนถ่ายโยงอำนาจ
กระนั้น ก็
มิได้หมายความว่าจะต้องเอาสมบัติของชาติของประชาชนไปเป็นเครื่องสังเวย
และต่อรองตรงนี้แหละที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและปรับท่าทีและท่วงทำนองของรัฐบาล ของ
กระทรวงคมนาคมต่อสนามบิน "สุวรรณภูมิ" อย่างมีวุฒิภาวะ
เป็นวุฒิภาวะที่ตระหนักในฐานะของสุวรรณภูมิ เป็นวุฒิภาวะที่ตระหนักในฐานะของรัฐบาล
ก่อนรัฐประหารอาจใช้กลยุทธ์ตีบุกหน้าแบบ "เจ็งกิสข่าน" ได้แต่หลังรัฐประหารยึดอำนาจ
ได้มาแล้วการบริหารและสร้างความไพบูลย์ต่างหากที่สำคัญมากกว่า
และการบริหารสนามบิน "สุวรรณภูมิ" ย่อมมิใช่การทำลายจนยับเยินคามืออย่างแน่นอน ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10552http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01col01300150&day=2007/01/30§ionid=0116