การประกาศยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีไทยรักไทยเกี่ยวกับภาษีวรรพสามิตโทรคมนาคม และประกาศให้ภาษีโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์พื้นฐานเป็นศูนย์เปอร์เซนต์นั้น ได้รับเสียงกระดี้กระด้าจากพลพรรคไทยรักไทย ซึ่งก็ไม่รู้จะกระดี้กระด้าไปหาอะไร แถมบางกระทู้ยังล็อกซะแล้ว เลยไปตอกหน้าได้ไม่ถนัด จึงขอมาตั้งกระทู้เฮฮาให้พลพรรครักเหลี่ยม ได้กระอักเลือดกันใหม่อีกซักกระทู้นึง
อันว่าในยุคเหลี่ยมครองเมืองนั้น มีการเล่นกลกับภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมไว้แบบคอรัปชั่นเชิงนโยบายอย่างแท้จริง นั่นคือได้มีการเล่นกล อนุญาติให้บริษัทคู่สัญญาโทรคมนาคมกับรัฐ ไปยื่นขอเงินภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมคืนได้จากต้นสังกัดที่ขอสัมปทานไว้ โดยให้หักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องจ่าย ฟังดูแล้วก็ยอกย้อนซ่อนเงื่อน เพราะหากต้องจ่ายค่าสัมปทาน 5 บาท ภาษีสรรพสามิต 5 บาท หักกลบลบหนี้แล้ว เหลือจ่ายสัมปทาน 0 บาท เพราะอีก 5 บาทจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิตไปแล้ว ส่งผลให้การจ่ายเงินของบริษัทโทรศัพท์มือถือ ลดลงไป 5 บาท (จำนวนเงินนั้นเป็นตัวอย่างที่นำมาอธิบาย อย่าแถ)
เป็นอันว่าเดิมจ่าย 10 บาท เมื่อมติอัปยศนั้นออกมาก็จ่ายเหลือ 5 บาท เงินเข้าหลวงก็ลดลง บริษัทก็กำไรมากขึ้น แต่ทำไมมันถึงสลับซับซ้อนแบบนั้น ทำไมไม่ยกเลิกภาษีสรรพสามิตไปซะเลยล่ะ ไม่ต้องหักกันไปหักกันมา
เรื่องก็มีอยู่ว่า หากมีบริษัทโทรศํพท์เจ้าใหม่เข้ามาในตลาด เจ้าใหม่ที่ว่านั้น ก็จะยังคงเสียภาษีสรรพสามิตเท่าเจ้าอื่นๆ แต่เอาไปหักในสัมปทานอะไรไม่ได้ เป็นการเตะตัดขาคู่แข่งไว้ชั่นหนึงก่อน เพราะหากไปยกเลิกภาษีสรรพสามิตเป็น 0 คู่แข่งก็สบายแฮไป ชักมองเห็นกลโกงแล้วล่ะสิ
ทีนี้ มันจะได้เปรียบคู่แข้งอย่างไรล่ะ สรุปรวมแล้วยังไงๆก็ต้องจ่าย 5 บาทเหมือนกันนั่นแหละ เป็นค่าภาษีสรรพสามิต แต่ต้องอย่าลืมมองไปว่า คู่สัญญาของรัฐ เมื่อจ่ายสัมปทานแล้ว ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเชื่อมต่อสัญญาน อันเป็นปัญหาของดีแทคและ TOT อยู่ในตอนนี้ไงล่ะ บริษัทของทักษฺณนั้น เป็นคู่สัญญาของ TOT เมื่อออกมติ ครม.แบบนั้น ค่าสัมปทานก็ไม่ต้องจ่ายหรือลดลง ค่าเชื่อมต่อสัญญานก็ไม่มี ส่งนคู่แข่งต่างๆนั้น ต้องจ่ายค่าเชื่อมต่อสัญญานให้ TOT ขนาด DTAC ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ CAT (กสท.) ยังจะโดนตัดสัญญานหากไม่จ่ายค่าเชื่อมต่อ แต่เหลี่ยม นอนตีพุง คว้ากำไรสบายใจเฉิบ
การยกเลิกมติ ครม. ที่ให้หักภาษีโทรคมนาคมออกจากค่าสัมปทานได้นั้น ส่งผลให้กำไรที่ว่าหายวับไปกับตา อีกทั้งยังอาจจะถูกเรียกเงินย้อนหลังที่เคยหักกันไปมาแล้ว อีกทั้งคู่แข่งหรือตนเองก็มีต้นทุนในการดำเนินกิจการเท่าๆกัน แถมด้วยความยุติธรรมอีกเล็กน้อยที่กำลังจะตามมานั่นคือ เปลี่ยนค่ายไม่ต้องเปลี่ยนเบอร์โทร เอาเบอร์ที่เราเป็นเจ้าของจดทะเบียนไว้แล้ว ไปใช้ในค่ายใดก็ได้
คราวนี้ โดมิโนตัวที่สองก็ง่อนแง่น รอวันตัวแรกคือ ITV ล้มครืน ตัวที่สองก็จะค่อยๆพับเพียบตามไปอย่างสุภาพ ด้วยคนที่รังเกียจสิงคโปร์จะแห่กันไปย้ายค่าย เมื่อสงครามราคาของโทรศัพท์มือถือระเบิดขึ้นในเวลาอีกไม่นานนี้ เนื่องจากต้นทุนเท่ากันแล้ว ไอ้แม้วสู่ไม่เป็น