ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-04-2024, 19:25
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "พัลลภ"แฉตำรวจกลุ่ม"ทักษิณ"วางบึ้มกรุงดิสเครดิตรัฐบาล-คมช. 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"พัลลภ"แฉตำรวจกลุ่ม"ทักษิณ"วางบึ้มกรุงดิสเครดิตรัฐบาล-คมช.  (อ่าน 808 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 23-01-2007, 10:14 »

"พัลลภ"แฉตำรวจกลุ่ม"ทักษิณ"วางบึ้มกรุงดิสเครดิตรัฐบาล-คมช.

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ รอง ผอ.กอร.มน.ซึ่งถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมหวังสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุเอฟเอ็ม 98.0 เมื่อเช้าวันนี้ ถึงกรณีที่อดีตนายทหารคนสนิทถูกควบคุมตัว เพราะต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุลบวางระเบิด 9 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และนนทบุรี เมื่อคืนวันส่งท้ายปี49 โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากความต้องการดิสเครดิตรัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.จากฐานอำนาจเก่าที่เป็นตำรวจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ไม่สามารถควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองได้ อีกทั้งที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวออกมาตลอดเวลาว่า คมช.เป็นผู้ลงมือลอบวางระเบิด9จุดในกทม. ซึ่งสอดรับการจับทหารหน่วยรบพิเศษ ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากทั้ง2คนเติบโตมาจากหน่วยงานนี้

"ดิสเครดิตรัฐบาล และคมช.ว่ากุมสภาพของประเทศไม่ได้ และปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา อีกประหนึ่งผมอยากบอกว่า มีข่าวปล่อยออกมาว่า ระเบิด กทม. คมช.เป็นคนลงมือทำเอง เพื่อต้องการยึดถืออำนาจเอาไว้เสียเอง จึงไปจับทหารหน่วยรับพิเศษ เพราะทั้งสองท่านคือ พล.อ.สนธิ และพล.อ.สุรุยทธ์เติบโตมาจากหน่วยงานนี้" พล.อ.พัลลภกล่าว

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=144383

 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23-01-2007, 10:23 »

 ปฏิบัติการสายล่อฟ้า ระเบิดศึกสีกากี VS สีเขียว
 
 ภายหลังเหตุลอบวางระเบิด กลางกรุง และ นนทบุรี รวม 9 จุด เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549
ผ่านมากว่า 20 วัน แต่ความคืบหน้าของคดี ดูเหมือนไม่ค่อยมีความชัดเจน และค่อยๆ เลื่อนหายไปกับกาลเวลา

ทำให้ตำรวจถูกสังคมและผู้ใหญ่ใน คมช.ตั้งข้อสังเกตว่า ใส่เกียร์ว่าง ไม่สนใจในการสืบหาความจริงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

กระทั่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกมากระตุ้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเปิดเผยกับ คอลัมนิสต์ สื่อหลายแขนง เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมาว่า

ผมให้เวลาเขานิดหนึ่ง เหตุการณ์ระเบิดกรุงเทพฯ การสืบสวนไม่ใช่ง่าย ผมก็เร่งรัดเมื่อวันที่ 18 มกราคม เจอกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ (ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ก็บอกเขาไปว่าช่วยรายงานผลความคืบหน้าของคดีนี้ให้ทราบด้วย ส่วนเรื่องเวลานั้นบอกไม่ได้ แต่ขอให้คิดดูว่าการที่ผมเอามือไปจับแขน พล.ต.อ.โกวิท แล้วบอกให้รายงานความคืบหน้าของคดี ลองดูว่าผมให้ความสำคัญขนาดไหน..

ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึง ความในใจ ของผู้นำประเทศที่มีต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผนวกกับข้อมูลของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ระบุว่า ทราบตัวผู้กระทำแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ด้วยปัจจัยทั้งสอง น่าจะเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการ สายฟ้าแลบ นำกำลังตำรวจกองปราบฯ สนธิกำลัง กับทหารกองทัพภาคที่ 1 บุกตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุระเบิด

มีการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งสิ้น 18 จุด สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาได้ถึง 18 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี

หน่วยต้นสังกัดของ พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.สนธิ

ที่น่าสนใจ คือ ทำไม..ปฏิบัติการครั้งนี้ จึงพุ่งเป้าไปที่ กลุ่มนายทหาร ที่เคยมีคดีลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจับเหวี่ยงแห เป็นหนึ่งในกรรมวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาพยานหลักฐานที่ครอบคลุมและชัดเจนมากที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าที่ผ่านมา มีตัวอย่างหลายคดีที่เกิดความผิดพลาด อาทิ คดีเชอร์รี่แอน ดันแคน คดีกำนันโต๊ะเด็ง คดีทนายสมชาย ฯลฯ

ดังนั้น การปฏิบัติแบบ สายฟ้าแลบ ของตำรวจครั้งนี้ โดยเฉพาะเป้าหมายการควบคุมตัวเป็นนายทหาร และเลือกกลุ่มนายทหารที่มีประวัติไม่ค่อยดี โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยมี คดีคาร์บอมบ์ ติดตัว

อาจเป็น สายล่อฟ้า ที่นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างศึก 2 สี คือ สีกากี และสีเขียว

โดยเฉพาะหากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถมีหลักฐานเด็ดมัดตัว ทหาร และ พลเรือน ที่ควบคุมตัวได้

ย่อมส่งผลผลลัพธ์ในทางลบ ตีกลับ มาที่ตำรวจอย่างเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะ คดีคาร์บอมบ์ ซึ่งยังไม่สามารถทำความกระจ่างให้แก่สังคมได้

เมื่อพิจารณาถึง ความสัมพันธ์ ระหว่าง พล.ต.อ.โกวิท กับ บิ๊กทหาร ใน คมช. ต้องยอมรับว่าอยู่ในสภาพ หวานอมขมกลืน โดยเฉพาะความคืบหน้าการเร่งสางคดีต่างๆ ตาม 4 ข้ออ้างปฏิรูป ในส่วนที่ตำรวจรับผิดชอบ ไม่มีความคืบหน้า

เมื่อมีประเด็นระเบิด 9 จุด พ่วงเข้ามาอีก แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า

อาจจะเป็น เงื่อนไข ที่ทำให้ บิ๊ก คมช. ที่คิดว่า ปลดไม่ได้ เปลี่ยนแนวคิดใหม่

เป็นการเปลี่ยนแนวคิดที่ท้าทายเก้าอี้ ผบ.ตร.อย่างมาก..?

หากจับวาทะของ พล.อ.สนธิที่ทิ้งไว้ก่อนเดินทางไปเยือนจีนที่ว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับแพะ ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ

ตรงไปตรงมาว่านี่เป็นการ ดักคอ ผบ.ตร.

หากเป็นการ จับแพะ จริง..หรือไม่มีความชัดเจนในคดี

คมช.คงต้องงัด เงื่อนไขสำคัญ ออกมาใช้..?

นอกจากคำพูดของ พล.อ.สนธิแล้ว การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมควบคู่กับข้อมูลของตำรวจ อีกทั้งยังมอบหมายให้ กอ.รมน.ภาค 1 ซึ่งมี พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 1 เป็นผู้ประสานการทำงานกับตำรวจ เพื่อให้การทำงานมีความสอดคล้องกัน

ย่อมสะท้อนให้เห็นถึง ความไม่มั่นใจ ในการดำเนินงานของตำรวจเด่นชัดขึ้น

จึงเป็นไปได้ว่างานนี้ต่างฝ่ายต่างถือ ไพ่เด็ด ไว้คนละใบ

ปฏิบัติการเปิดเกมรุกของตำรวจ หลังตกอยู่ในสภาพ ตั้งรับ มานาน โดยเฉพาะทิศทางการคลี่คลายคดีมุ่งไปที่ กลุ่มทหาร ที่ถูกระบุว่ามีเอี่ยว คดีคาร์บอมบ์ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณนำเสนอสื่อต่างชาติว่า ...เคยถูกทหารลอบสังหาร..

ขณะที่ฝ่ายทหารก็ตีกันว่า งานนี้ต้องไม่มีการจับแพะ

น่าจับตาว่า ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ ครั้งนี้จะลงเอยเช่นใด

เพราะมีเก้าอี้ของ บิ๊กตำรวจ และ บิ๊ก คมช. เป็นเดิมพัน..!!

มติชน
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
หน้า: [1]
    กระโดดไป: