ครูสาวใจเด็ดต่อสู้โจรแอบวางเพลิงเผาโรงเรียน มท.ภ.2 รุดให้กำลังใจ ระบุชัดคลื่นใต้น้ำป่วน
แม่ทัพภาค 2 รุดเยี่ยมครูสาวชัยภูมิใจเด็ด สู้โจรลอบเผาโรงเรียนจอมแก้ววิทยา อ.บำเหน็จณรงค์ จนบาดเจ็บ ฟันธงกรณีลอบเผาโรงเรียนที่ชัยภูมิครั้งล่าสุด เกิดจากเครือข่ายคลื่นใต้น้ำหวังป่วน ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ลอบเผาบ้านพักครูที่ จ.สุรินทร์ วอดกลางดึก
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 ม.ค. พล.ท.สุเจตน์ วัฒนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมามอบนโยบายในการรักษาความสงบเรียบร้อยในจ.ชัยภูมิ ต่อผู้บริหารการศึกษา ผู้นำท้องถิ่น จาก 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บำเหน็จณรงค์ ,จัตุรัส , ซับใหญ่ และอ.เทพสถิต กว่า 400 คน พร้อมนำกำลังทหารจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 มอบผ้าห่มอุปกรณ์กีฬา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ร่วมกับนายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ และพล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ณ หอประชุมอำเภอบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ หลังมีข่าวลือขู่เผาโรงเรียนในจ.ชัยภูมิ ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง
ล่าสุดที่โรงเรียนจอมแก้ววิทยา อ.บำเหน็จณรงค์ ถูกลอบวางเพลิงเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันครู เป็นเหตุให้ครูพี่เลี้ยงสาวที่เห็นเหตุการณ์พยายามขัดขวางต่อสู้กับโจรจนได้รับบาดเจ็บ และมีปัญหาทางจิตใจ เนื่องจากมีอาการหวาดผวา
พล.ท.สุเจตน์ เปิดเผยว่า กรณีเกิดเหตุเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาที่ จ.ชัยภูมิ ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากกลุ่มไม่หวังดีที่เกี่ยวข้องกับการวางเพลิงโรงเรียนหลายแห่งในภาคอีสานชัดเจน ทางกองทัพภาคที่ 2 จึงต้องมาติดตามและมอบนโยบายอย่างเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจากที่ผ่านมาสถิติการเกิดเพลิงไหม้ทั้งวัดและโรงเรียน มีแต่บอกว่าไฟฟ้าลัดวงจร
ถึงวันนี้กรณีที่ น.ส.การเกด พริ้งเพชร ครูพี่เลี้ยงเด็กอนุบาล โรงเรียนจอมแก้ววิทยาที่ จ.ชัยภูมิ มีความชัดเจนมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในโรงเรียนหลายแห่งในภาคอีสานที่ผ่านมา มีเจตนาทำให้เหมือนกับการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น
กรณีของ น.ส.การเกด ถือเป็นบุคคลสำคัญที่น่าควรได้รับการยกย่อง ที่ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ก็กล้าที่จะเข้าไปขัดขวางกลุ่มโจรที่พยายามลักลอบเข้ามาวางเพลิง ซึ่งมีการแอบเข้าไปในบ้านพักครูของโรงเรียน แล้วนำไม้กวาดมาวางทับสวิตต์ไฟฟ้า แล้วจุดไฟเผาไม้กวาดเพื่อจะทำให้เกิดเหตุเหมือนเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมาไหม้ไม้กวาด
แต่ด้วยที่ น.ส.การเกด ฮึดสู้ จนถูกโจรชกล้ม อนที่จะหนีไป ด้วยหัวใจที่มีความห่วงใยว่าบ้านพักจะเกิดความเสียหายจึงสามารถเข้าไปดับไฟที่กำลังไหม้ไม้กวาดอยู่ได้ก่อนจนได้รับบาดเจ็บและเกิดสภาพจิตใจที่หวาดผวาต่อเหตุการณ์ ทางกองทัพต้องลงมาให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด พร้อมจัดให้มีแพทย์ได้ดูแลอาการทางจิตและส่งกำลังทหารดูแลความปลอดภัยให้ด้วยตลอด 24 ชั่วโมง
"เราสามารถฟันธงได้ว่าขณะนี้ชัดเจนว่า มีกลุ่มป่วนจากนอกพื้นที่พยายามเดินสายในภาคอีสานแน่นอนแล้ว ซึ่งก่อนที่จะลงมือก่อเหตุเผาโรงเรียนแต่ละครั้งจะมีกลุ่มคนแปลกหน้าใช้รถยนต์ 2-3 คัน เข้ามาในพื้นที่ล่วงหน้าก่อนแต่ละครั้งประมาณ 3-4 วัน เพื่อวางแผน ถือเป็นกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มาตรการลงพื้นที่วันนี้เพื่อต้องการให้ท้องที่ทุกจังหวัดภาคอีสาน รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีแนวทางป้องกันเพราะถือว่ากรณีที่ จ.ชัยภูมิเป็นเรื่องใหญ่มากที่สะท้อนออกมาว่ามีกลุ่มคนภายนอกเข้ามาเพื่อหวังสร้างความแตกแยกเกิดขึ้น และเราต้องช่วยกันต่อสู้ด้วยความสมานฉันท์ ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อพปร. ร่วมกันขึ้นช่วยตั้งด่านตรวจตราดูแลการเข้าออก อย่าไปวิตกกับข่าวลือ ที่จะทำให้สับสนว่าจะเผาโรงเรียนนั้นโรงเรียนนี้ เพราะคนกลุ่มนี้มีไม่มีกี่กลุ่มหากเราช่วยกันตรวจตราและขณะนี้เราก็ใกล้จะถึงตัวคนเหล่านี้แล้ว" พล.ท.สุเจตน์ ระบุ
ร.ต.ต.จิรภัทร เนื่องชมภู พนักงานสอบสวนสภ.อ.บำเหน็จณรงค์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เหตุพยายามลอบวางเพลิงโรงเรียนจอมแก้ววิทยา หมู่ 7 ต.เกาะมะนาว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนร้ายสวมชุดกีฬาใส่เสื้อคุม สวมหมวกสีดำ อายุประมาณ 35 ปี ได้ลักลอบเข้าไปยังบ้านพักครู สร้างด้วยปูนและไม้ 2 ชั้น ซึ่งไม่มีครูอาศัยอยู่แต่ใช้เป็นที่เก็บของ กล่องกระดาษ ไม้กวาดและแผ่นไม้
ต่อมา น.ส.การเกด พริ้งเพชร อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยงช่วยสอนเด็กชั้นอนุบาล กำลังนัดเด็กมาเพื่อซ้อมเต้นไปแข่งทักษะแสดงผลงานวิชาการของ สพท.ชัยภูมิ เขต 3 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23-26 ม.ค.นี้ เห็นชายแปลกหน้าแอบเข้าไปในบ้านพักจึงวิ่งตามเข้าไปดูว่ามาทำอะไร พอคนร้ายเห็นเธอเข้าจึงรีบปิดประตูบ้านพักครูหนีเข้าไปในบ้าน น.ส.การเกด ก็พยายามเรียกให้คนช่วยและดึงเพื่อจะเปิดประตูตามเข้าไป
แต่คนร้ายก็ดันประตูสวนออกมาทำให้เธอล้มลงก่อนพยายามดึงเสื้อคุมมาปิดบังใบหน้าทันที และใช้มือซ้ายกำคอเสื้อเธอและใช้หมัดขวาชกที่หน้าอกซ้ายของเธอล้มลงกับพื้นอีก ก่อนที่จะกล่าวสำเนียงคนภาษากลางว่า คราวนี้มึงรอด แต่คราวหน้ามึงไม่รอดแน่" ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไปทางรั้วทิศตะวันออกของโรงเรียน และหายไปพร้อมกับรถยนต์ปิกอัพสีเขียวตอนเดียวไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน
ส่วน น.ส.การเกด พยายามลุกขึ้นเดินเข้าไปดูในบ้านพักครู เห็นไม้กวาดก้านมะพร้าวถูกตั้งขึ้น 4 ด้ามและมีไฟกำลังลุกอยู่ โดยวางไว้ติดกับสวิตต์ไฟข้างเสาประตูบ้านพัก จึงรีบดับไว้ได้ทัน และตรวจสอบภายในบ้านดังกล่าว พบว่ามีการนำกล่องกระดาษและเศษกระดาษมาวางรวมกันไว้ เพื่อให้เป็นเชื้อเพลิงอีกด้วย แต่โชคดีที่ครูรายนี้ไปเห็นเสียก่อน ความเสียหายจึงมีเพียงไม้กวาดถูกไหม้ไป 4 ด้ามเท่านั้น
จากการตรวจสอบสาเหตุความขัดแย้งในพื้นที่ ถือว่าชาวบ้านทุกคนรักใคร่กันดี ทั้งโรงเรียน ชุมชน ก็พยายามช่วยกันตั้งเวรยามป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีมาเผาโรงเรียนมาตลอด มีเวรยามประจำในหมู่บ้านทุกคืน จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคนในพื้นที่และจากการสอบพยานเห็นเหตุการณ์ทั้ง 15 ปาก และผู้อยู่ในเหตุการณ์ คนร้ายกลุ่มนี้น่าจะมาจากที่อื่น
*ลอบเผาบ้านพักครูที่ จ.สุรินทร์*
เมื่อเวลา 01.05 น. วันที่ 19 ม.ค. พ.ต.ต.ดำรง เจริญศิริ สารวัตรเวร สอบสวน สภ.อ.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุมีไฟไหม้บ้านพัก ครู โรงเรียนบ้านวังปลัด ต.ทับทัน หมู่ 8 อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ขอให้ เดินทางมาสอบสวน และอำนวยความสะดวกการดับเพลิงให้ด้วย จึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนาย รุดมายังจุดเกิดเหตุ ร่วมกับรถดับเพลิงของเทศบาลสังขะ 2 คัน พบว่าเพลิงได้ลุกไหม้อยู่ที่บ้านพัก ครู เป็นบ้านครึ่งตึก ครึ่งไม้ เพลิงลุกไหม้ประมาณ 40 นาที เพลิงได้สงบลง ทำให้ บ้านพักครูวอดไปทั้งหลัง
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบมาว่า บ้านพักครูหลังดังกล่าว เป็นบ้านร้างไม่มีผู้อยู่อาศัย และก่อนที่จะเกิดเหตุ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ให้การไฟฟ้ามาถอดหม้อมิเตอร์ไฟออกไปเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
นายมงคล แก้วอรสาน ผอ.โรงเรียนบ้านวังปลัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและครูเข้า เวรได้เข้าเวรตามปกติ และก่อนที่จะมีเหตุเพลิงไหม้ ได้ยินเสียงสุนัขเห่า จึงมาดูและพบว่า ไฟได้ไหม้ที่บ้านพักครูหลังดังกล่าว พร้อมกับได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้บังคับบัญชาไปแล้ว ซึ่งบ้านพักครูหลังนี้ไปล่อยร้างมานานแล้ว และกำลังจะรื้อ ก็มาเกิดเหตุไฟไหม้เสียก่อน
นายเรืองเดช ศรีบุญเรือง ผอ.สพท.เขต 3 เผยว่า ทาง สพท. เขต 3 ได้รับแจ้งและ ได้เดินทางมาสอบสวนทราบว่า ครูเวร และ ผอ. ได้อยู่เวรตามปกติและบ้านพักครูนี้ กำลังจะรื้อออก เพราะปล่อยให้ร้างมานานแรมปี ไฟฟ้าก็ไม่มี และคิดว่า เป็นการลอบวางเพลิงก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามคงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกอง พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้าน พล.ด.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบก.ภ. จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ทางตำรวจได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุแล้ว ทราบว่า เป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ ใช้สำหรับเก็บของอุปกรณ์เครื่องมือและอยู่ติดกับรั้วของโรงเรียน บ้านพักหลังนี้ทางโรงเรียนปล่อยทิ้งร้างมานานนับปี กำลังจะรื้อ ส่วนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ได้ตั้งประเด็นไว้ 3 ประเด็นด้วยกัน คือ อุบัติเหตุ , ประมาท , และ เจตนาเผา ส่วนอุบัติเหตุนั้นตัดไป เพราะว่าที่ตรงนี้ไม่มีหลักฐานเพราะไฟฟ้าก็ไม่มี ในส่วนประมาทนั้นอาจเป็นไปได้ เพราะหน้าหนาวบางทีเด็กที่ชอบซุกซน เข้าไปใช้เบาะรองรับของนักกีฬามาห่ม และจุดไฟทิ้งไว้เป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้
แต่ในส่วนที่เจตนาเผานั้นก็ไม่ทิ้งประเด็นนี้ เพราะว่าทางโรงเรียนได้เคยไล่เด็กนักเรียนเกเรออกไป 4 คน บางคนก็มีเรื่องกับครู ซึ่งเรื่องนี้จะเชิญนักเรียนที่ถูกให้ออกมาสอบสวนต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในที่เกิดเหตุยังพบไฟแช็คแก๊สตกอยู่หนึ่งอัน ทางตำรวจได้เก็บมาไว้เป็นหลัฐานแล้ว พร้อมกับจะติดตามคนร้ายรายนี้มา ดำเนินคดีต่อไป
http://www.komchadluek.net/2007/01/19/a001_83702.php?news_id=83702--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แถกี่แถในบอร์ดนี้อย่าถามหาหลักฐานอีกหล่ะ