ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 06:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  ปิศาจแห่งโอเปรา 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ปิศาจแห่งโอเปรา  (อ่าน 1622 ครั้ง)
อสูร
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


Beauty is found within


« เมื่อ: 18-01-2007, 22:12 »





http://www.esnips.com/doc/b70115dc-0bb0-421d-8239-d72fc885489f/06_The-Phantom-of-the-Opera...Phantom-and-Christine

PHANTOM OF THE OPERA

CHRISTINE
In sleep he sang to me,
in dreams he came ...
that voice which calls to me
and speaks my name ...
And do I dream again?
For now I find the Phantom of the Opera is there
inside my mind ...

ในนิทราเขาร้องเพลงให้ฉันฟัง
ในความฝันเขามาหาฉัน ...
เสียงที่เพรียกหา
และเรียกชื่อของฉัน ...
และฉันฝันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?
ฉันค้นพบว่าปิศาจแห่งโอเปราอยู่ในใจของฉันเอง ...


PHANTOM
Sing once again with me
our strange duet ...
My power over you
grows stronger yet ...
And though you turn from me,
to glance behind,
the Phantom of the Opera is there
inside your mind ...

ร้องอีกสักครั้งกับฉัน
ประสานเสียงที่น่าอัศจรรย์ของเรา ...
อำนาจของฉันอยู่เหนือเธอ
เพิ่มพูนและแข็งแกร่ง ...
และถึงแม้ว่าเธอจะไปจากฉัน,
ไม่ว่าเธอจะซ่อนอยู่ที่ใหน,
ปิศาจแห่งโอเปราจะอยู่ในใจเธอ ....


CHRISTINE
Those who have seen your face draw back in fear ...
I am the mask you wear ...

คนที่เคยเห็นโฉมหน้าของเธอต่างผงะด้วยความหวาดกลัว
ฉันคือหน้ากากที่ปกปิดตัวเธอ ...


PHANTOM
It's me they hear ...

ที่พวกเขาได้ยินคือฉัน ...

BOTH
Your/my spirit and your/my voice, in one combined:
the Phantom of the Opera is there inside your/my mind ...

วิญญาณของ ฉัน/เธอ และ เสียงของ ฉัน/เธอ, หลอมรวมเป็นหนึ่ง
ปิศาจแห่งโอเปราอยู่ในใจของ เธอ/ฉัน


OFFSTAGE VOICES
He's there,
the Phantom of the Opera ...
Beware
the Phantom of the Opera ...

เขาอยู่ที่นั่น
ปิศาจแห่งโอเปรา
ระวัง
ปิศาจแห่งโอเปรา


PHANTOM
In all your fantasies, you always knew
that man and mystery ...

ในความฝันอันน่าอัศจรรย์ทั้งหมดของเธอ, เธอรู้จักตลอดมา
ผู้ชายคนนั้น และความลึกลับของเขา


CHRISTINE
 ...were both in you ...

... อยู่ในตัวเธอทั้งหมด ...

BOTH
And in this labyrinth, where night is blind,
the Phantom of the Opera is there/here
inside your/my mind ...
Sing, my Angel of Music!

และในเขาวงกตแห่งนี้, ณ.ราตรีที่มืดมน.
ปิศาจแห่งโอเปราอยู่ที่นี่
ในใจของ เธอ/ฉัน
ร้องสิ, เทพธิดาแห่งคีตการของฉัน!


CHRISTINE
He's there, the Phantom of the Opera ...

เขาอยู่ที่นั่น, ปิศาจแห่งโอเปรา ...


บันทึกการเข้า

Ashamed of his monstrous form, the beast concealed himself inside his castle, with a magic mirror as his only window to the outside world. The rose she had offered was truly an enchanted rose, which would bloom until his twenty-first year. If he could learn to love another, and earn her love in return by the time the last petal fell, then the spell would be broken. If not, he would be doomed to remain a beast for all time.  As the years passed, he fell into despair, and lost all hope, for who could ever learn to love a beast?
อสูร
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


Beauty is found within


« ตอบ #1 เมื่อ: 20-01-2007, 09:26 »

น้อยใจยา

ฟังออนไลน์ได้ที่นี่ครับ
http://www.cm77.com/song_online/listen.php?idd=55

เนื้อเพลง พร้อมคำแปล

ชาย

ปวง ดอกไม้ เบ่งบานสลอน
ฝูงภมร ภู่ผึ้งสอดไซร้
ดอกพิกุลของเปิ้นต้นใต้
ลมปัดไม้มาสู่บ้านตู๋
ฮู้แน่ซัดเข้าสอดสองหู
ว่าสีจมปู ถูกป้อมเก๊าเนิ้ง
เก๊ามันต๋าย ป๋ายมันเซิ่ง
ลำกิ่งเนิ้ง ต๋ายโก่นตวยแนว
ดอกพิกุล ก่คือดอกแก้ว
ไปเป๋นหองเปิ้น แล้ว เนอ

หมู่ดอกไม้บานไปทั่ว
ผีเสื้อ ผึ้ง และแมลงภู่ บินดอมดมดอกไม้
ดอกพิกุลของบ้านคนอื่น ต้นที่อยู่ทางใต้
ลมพัดใบไม้ มาที่บ้านพี่
รู้แน่ชัดเข้าสองรูหู
ว่าสีชมพู ถูกตัดยอดยาง
ยอดมันตาย ปลายมันแห้ง
ลำกิ่งต้นยาง ตายหักโค่นตลอดแนว
ดอกพิกุล ก็คือดอกแก้ว
ไปเป็นของคนอื่นเสียแล้ว


หญิง
เต็ม  เก๊าเนิ้ง กิ่งมันบ่ถอน
บ่ไหวคลอนเฟือนเตี่ยงมันแต้เล่า
ต๋ามกำลม เปิ้นปัดออกเข้า
มีแต่เก๊า ไหวหวั่นคลอนเฟือน
กิ่งมันแต้ บ่แซสะเหลือน
บ่เหมือนลมเจยลำเพย ก่จะนั้น
ใจ๋คำญิง นี้หนิมเตี่ยงมั่น
บ่เป๋นหองเปิ้นคนใด
ยังเป๋นกระจก แว่นแก้วเงาใส
บ่ไหวคลอนเงี่ยง จาย เนอ

เต็มยอดยางกิ่งไม่ได้หัก
ไม่ได้ไหวลู่สั่นคลอน ยังคงมั่นคง
ตามคำพูด ที่คนอื่นพูดจากันไปต่าง ๆ นา ๆ
มีแต่ยอดเท่านั้นที่โยกไหว
แต่ตัวกิ่งของมันไม่เคยไหวเอนเหมือนกับยอด
ไม่เหมือนลมที่พัดเล่าลือมาแบบนั้น
หัวใจของน้อง ยังคงนิ่งและมั่นคง
ไม่เป็นของใครคนใด
ยังเป็นกระจก แว่นแก้วที่ใสสะอาด
ใจไม่สั่นคลอนง่อนแง่น


ชาย
ตั๋ว ปี้น้อยจักขอถาม
ต๋าม กำลมเปิ้นมาเล่าอู้
ว่านายมีจู้ อยู่บ้านวังสิงห์คำ
ฝ่ายตางปู้นเปิ้นมาใส่ผะจ๋ำ
บ้านวังสิงห์คำ เปิ้นมาหมั้นก่ไว้แล้ว
ตางฝ่ายปั๋นตั๋ว น้องนางแว่นแก้ว
ก่ตกลงแล้ว บ่ไจ่กาหา
เปิ้นจะกินแขก แต่งก๋านก่วิวาห์
เมื่อใดจา ปี้น้อยไคร่ฮู้เก้า
ส่วนไจยาบ่สมเปิงเจ้า
เพราะเขียมเข้าของเงินทอง
ฝ่ายตางนาย บ่หมายเกี่ยวข้อง
มาละหมองต่ำ ก้อย เนอ

ตัวพี่น้อย อยากขอถาม
ตาม คำพูดที่เขาเล่ากันมา
ว่าน้องมีคนรัก อยู่บ้านวังสิงห์คำ
ฝ่ายทางนู้นเค้ามาเล่าประจำ
บ้านวังสิงห์คำ เค้ามาหมั้นน้องเอาไว้แล้ว
และฝ่ายบ้านของน้อง น้องแว่นแก้ว
ก็ตกลงแล้ว ไม่ใช่เหรอ
เขาจะจัดงานเลี้ยงงานแต่งงาน
เมื่อไหร่เหรอ พี่น้อยอยากรู้
ส่วนไชยาไม่เหมาะสมกับน้อง
เพราะยากจนขัดสนเงินทอง
ฝ่ายทางบ้านน้อง ไม่อยากจะเกี่ยวข้อง
ให้ต้องมาตกต่ำไปด้วย


หญิง
ตั๋ว น้องนี้บ่ลาไหลหลง
ก๋านตกลงก่ยังบ่แล้ว
จึงเจิญตั๋วปี้มาห้วยแก้ว
เพราะใคร่ฮู้กำฟู่กำจ๋า
จึงเจิญน้อย ปี้มาเปิกษา
จะว่าใดจา ตั๋วน้องก่ไคร่ฮู้
ก๋านตี้มาฟู่อู้
จะเอาเป็นจู้กาว่าเอาเป๋นเมีย
หรือจักลบล้างลืมลายหน่ายเสีย
บ่เอาเป๋นเมียหรือจักทิ้ง เสียแล้ว
หรือเอาเป๋น เมียนางจ้างแก้ว
อยู่เป๋นกู้ ข้างเตียมคิง
ขอบอกนายหื้อแน่ใจ๋จริง
บ่อำพรางนาถ น้อง เนอ

ตัวน้องนี้ไม่ได้ชอบกับเขา
การตกลงยังไม่สำเร็จ
จึงเชิญตัวพี่มาห้วยแก้ว
เพราะอยากรู้คำพูดคำจา
จึงเชิญพี่น้อย มาปรึกษา
จะว่าอย่างไร ตัวน้องก็อยากรู้
การที่มาพูดนี่
จะเอาเป็นคนรัก หรือเอาเป็นเมีย
หรือจะเลิกร้างลืมกันไป
ไม่เอาเป็นเมีย หรือจะทิ้งกันไปเสียแล้ว
หรือจะเอาเป็นเมียเป็นช้างแก้วคู่บุญ
อยู่เป็นคู่ เคียงข้างกัน
ขอให้บอกน้องให้แน่ใจ
อย่าได้ปกปิดน้องนะ


ชาย
บ่จุ๊หรอกน้อง หื้อหม่นหมองหมาง
บ่ล่อลวงพรางแม่นางฮ้างแค้ว
ปี้หมายเอาเป๋นเมียนางจ้างแก้ว
บ่หื้อคลาดแคล้วเรื่องกำสีเนห์
หลอนแก้วน้องใจยังบ่เหว
เตี่ยงสมคะเน เหมือนปี้กึ๊ดเล่า
หลอนปี้จุ๊ก็ยังล่ายเจ้า
ขอหื้อฟ้าผ่าหัวแม่เมียตาย
ลูกแม่ญิง อู้เล่นก่บ่ดาย
ลูกป้อจาย อู้แต้ก่บ่ปัง
หลอนนายต๋ายไปเป๋นไก่ตั้ง
ปี้น้อยจักต๋ายเป็นคืน
ฟู่บ่ถูก วันฟูกก่บ่ขืน
ฟู่ม่าคืนตึงบ่ขืนเมื่อจ้าว
ก๋านฮักกั๋นหองข้าตึงเจ้า
เผียบเหมือนเหล้ากับปาง
ปากกำไดปี้ก็ตึงอ้าง
บ่ไจ่จางจาก น้อง เนอ

ไม่โกหกให้น้องต้องหม่นหมอง
ไม่หลอกลวงน้องเอวบางหรอก
พี่หมายเอาเป็นเมียเป็นช้างแก้วคู่บุญ
ไม่ให้ต้องถูกดูหมิ่นนินทา
หากน้องแก้วใจยังไม่หวั่นไหว
ยังมั่นคงเหมือนกับที่พี่คิดไว้
หากพี่โกหกหรือหลอกลวงน้อง
ขอให้ฟ้าฝ่าหัวแม่ หัวเมีย ตาย
ลูกผู้หญิง พูดล้อเล่นก็ไม่ได้
ลูกผู้ชาย พูดจริงก็ไม่ฟัง
หากน้องตายไปเกิดเป็นไก่
พี่น้อยจะตายไปเกิดเป็นกลางคืน
พูดไม่ถูก วันรุ่งขึ้นก็ไม่เปลี่ยน
พูดเมื่อคืน ก็จะไม่เปลี่ยนเมื่อเช้า
การรักกันของพี่กับน้อง
เปรียบเหมือนเหล้ากับไห
พูดคำใหนพี่ก็ขอยืนยันอย่างนั้น
ไม่เคยจืดจางไปจากน้อง


หญิง
หลอน ว่าแต้เหมือนดั่งกำจา
น้องขอสัญญากับตั๋วปี้น้อย
บ่ขอฮักไผ ซักเต้ากึ่งก้อย
ขอฮักปี้น้อย ไจยานี้ก่คนเดียว
คนอื่นนับร้อยตึงบ่แลบ่เหลียว
จะขอฮักเดียวจายเดียวก่เต้านี้
หลอนว่าน้องจุ๊หรือสัปปะรี้
ขอหื้อฟ้าผ่าหัวพ่อผัวต๋าย
ลูกแม่ญิงบ่ไจ่ว่าบ่ดาย
ลูกป้อจายขี้จุ๊ก่แต้ๆ
กิ๋นก่ยังตึงแก้ สะเรียมยำใส่แย้
บะเขือแจ้ยำใส่เตา
หลอนปี้น้อยไจยาฮักแต้ข้าเจ้าก็ยินดีจิ่ม แต้ เนอ...

หากว่าจริงเหมือนดั่งคำพูด
น้องขอสัญญากับตัวพี่น้อย
ไม่ขอรักใคร แม้เท่าปลายนิ้วก้อย
ขอรักพี่น้อย ไชยา คนนี้คนเดียว
คนอื่นนับร้อย จะไม่เหลือบแล
จะขอรักเดียว ใจเดียว เพียงเท่านี้
หากน้องโกหกหรือตลบแตลง
ขอให้ฟ้าผ่าหัวพ่อ หัวผัว ตาย
ลูกผู้หญิงไม่ได้ดีแต่พูด
ลูกผู้ชายชอบโกหกจริง ๆ
กินก็ยังมีของแก้กัน สะเดายำใส่แย้
มะเขือเปาะยำใส่สาหร่าย
ถ้าพี่น้อยไชยารักจริงน้องก็ดีใจจริง ๆ



อภิธานศัพท์

น้อย = คนเคยบวชเรียนเป็นเณรมาก่อน
น้อยใจยา = คนเคยบวชเรียนชื่อไชยา
ใจ๋คำญิง = ใจทองคำของผู้หญิง
หนิม = นิ่ง
กำสีเนห์ = คำนินทาว่าร้าย
สัปปะรี้ = ตลบแตลง
สะเรียม = สะเดา
เตา = สาหร่ายน้ำจืด

ประวัติ

ประวัติเพลงน้อยใจยา ก็อบมาจากความคิดเห็นของคุณ สลุงเงิน (ขันเงิน) จากบอร์ด
http://board.dserver.org/s/saree1/

คนที่แต่งบทซอนี้ก็คือ “ท้าวสุนทรพจนกิจ (ใหม่ บุญมา)” โดยได้รับคำสั่งและการผูกเรื่องโดยพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ซึ่งแต่งเป็นบทละครซอ โดยแสดงครั้งแรกที่วัดสวนดอก ในงานคล้ายวันประสูตรของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี

ตัวละครในเรื่อง จะมีเด่น ๆ อยู่ 3 กลุ่ม ดังนี้

1. “น้อยไชยา”… น้อยไชยา เป็นลูกของ “พญาสามล้านเชียงใหม่” เป็นหนุ่รูปงาม และมีพี่เลี้ยงคือ “ส่างตุ้ย”
2. “แว่นแก้ว” เป็นลูกของ “ท้าวไชลังกา” (อ่านว่า ต๊าวไจลังก๋า) กับ “นางอุสาห์” มีพี่เลี้ยงชื่อ “บัวเกี๋ยง” อยู่ที่บ้านเงิน ถนนวัวลายด้านตะวันออก ทำเครื่องเงินจำหน่าย
3. “ส่างนันตา” เป็นลูกของ “ตังแกส่างมุ้ย” เป็นพ่อค้าไม้ชาวไทยใหญ่ อยู่บ้านวังสิงห์คำ ถนนป่าตัน เหนือเทศบาลเชียงใหม่ มีพี่เลี้ยงชื่อ “ปู่ทวาก”

บทละครซอที่ท้าวสุนทรพจกิจ แต่งนี้ ใช้ทำนอง “ล่องน่าน” และทำนอง “เงี้ยวลา” โดยแบ่งฉากออกเป็น 3 ฉาก อันได้แก่ ฉากห้วยแก้ว ฉากบ้านท้าวไชลังกา และ ฉากในศาล
เนื้อเรื่องย่อ มีอยู่ว่า

“แว่นแก้ว” ลูกท้าวไชลังกา ถูกพ่อแม่หมั้นหมายจะใหั้แต่งงานกับ “ส่างนันตา” ซึ่งเป็นเงี้ยวที่ร่ำรวย แว่นแก้ว ไม่ได้มีใจผูกสมัครรักไคร่กับส่างนันตา เพราะนางเองได้มอบหัวใจรักให้แก่ “น้อยไชยา”
น้อยไชยารู้ข่าวการหมั้นหมาย จึงร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงนัดหมายแว่นแก้วให้ไปพบตนที่น้ำตกห้วยแก้ว เพื่อปรึกษาหารือกัน … เมื่อวันนัดมาถึง ทั้งสองต่างมากับพี่เลี้ยง เมื่อถึงน้ำตกห้วยแก้ว ต่างก็พูดคุยกัน น้อยไชยาก็ตัดพ้อต่อแว่นแก้ว ว่าดอกแก้วดอกนี้จะไปเป็นของคนอื่นเสียแล้ว…แว่นแก้วก็บอกว่า นั้นเป็นตามลมที่พัดต้นมันให้ไหวต่างหาก กิ่งใบ หาได้ไหวตามไม่ ก็ยังเป็นแว่นแก้วเงาใสอยู่เช่นเดิม
แล้วแว่นแก้วก็ถามว่า รักตนจริงหรือว่าแค่หยอกเล่นกันแน่ น้อยไชยาก็บอกว่า รักจริงแท้แน่นอน หมายจะเอามาเป็นเมียแพงแนบข้าง
แว่นแก้วก็บอกว่าหากพ่อแม่ไม่เห็นแก่ความรักครั้งนี้ ก็จะหนีตามน้อยไชยาไป ขณะที่นัดหมายกันอยู่นั้น “ส่างนันตา” ก็มาพบเห็นใส่พอดี (ไม่รู้ว่าสองพี่เลี้ยงที่เป็นต้นทาง หายไปไหน …อิอิ จึงปล่อยให้ส่างนันตาเข้ามาพบเห็นได้) แล้วบอกว่า แว่นแก้วนี้ ตนเองได้หมั้นหมายไว้แล้ว ทำอย่างนี้จักได้อย่างไร ก็จะขอนำเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อท้าวไชลังกา และอาจถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล
เมื่อกลับบ้าน ส่างนันตา ก็นำความไปฟ้องแก่ ท้าวไชลังกา จากแค่หมูบอกเป็นช้าง จากแค่แมวบอกเป็นเสือ ท้าวไชยลังกาจึงตามแว่นแก้วมาซักถาม แว่นแก้วก็ปฏิเสธและบอกว่าตนเองไปขายตลับเงินที่ที่ตลาดหัวสะพานใกล้กับคุ้มหลวง(คุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ) ริมน้ำปิง ไม่ได้ไปพบใคร
ส่างนันตาเห็นดังนั้นจึงนำความขึ้นศาล เมื่อศาลสอบความ สอบพยานต่าง ๆ แล้ว จึงตัดสินให้ แว่นแก้วมีสิทธิ์ในการเลือกคู่ครองเอง และแล้วแว่นแก้วกับน้อยไชยา จึงได้แต่งงานกันในที่สุด…
ในบทละครซอ จะจบเพียงเท่านี้ …
และจะมีเรื่องราวที่ต่อจากนี้อีกว่า
หลังจากที่แว่นแก้วแต่งงานกับน้อยไชยาแล้ว ทั้งสองนึกถึงความหลังครั้นไปพบกันที่ห้วยแก้ว จังพากันไปยังที่ห้วยแก้วอีกครั้ง ขณะที่ทั้งสองชื่นชมกับธรรมชาติอันงดงามอยู่นั้น หาได้รู้ไม่ว่าอันตรายได้รออยู่ข้างหน้า
ส่างนันตาที่ผูกพยาบาทได้ลอบติดตามมา เพื่อรอโอกาส…
พอได้โอกาส ส่างนันตาก็ยกปืนชึ้นเล็ง ไกปืนที่เหนี่ยวพร้อมกับเสียงปืนที่กึกก้องสะท้อนไปตามหน้าผา ร่างของน้อยไชยาก็ทรุดลง สิ้นใจลงตรงนั้นเอง

ส่วนบทละคร ซอ ไปอ่านอ่านได้ ในหนังสือ “วรรณกรรมล้านนา” ของอาจารย์อุดม รุ่งเรืองศรี
หรือในหนังสือ “วรรณกรรมจากพับสาและใบลาน” ของ สุพิน ฤทธิ์เพ็ญ

เรื่องนี้เคยนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ เมื่อประมาณ 2509


เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบมาก เป็นเพลงที่มีเนื้อเพลงหวานมากครับ

 
บันทึกการเข้า

Ashamed of his monstrous form, the beast concealed himself inside his castle, with a magic mirror as his only window to the outside world. The rose she had offered was truly an enchanted rose, which would bloom until his twenty-first year. If he could learn to love another, and earn her love in return by the time the last petal fell, then the spell would be broken. If not, he would be doomed to remain a beast for all time.  As the years passed, he fell into despair, and lost all hope, for who could ever learn to love a beast?
หน้า: [1]
    กระโดดไป: