แท็กซี่เวย์ยุบ รันเวย์ร้าว ย้ายกลับไปใช้ที่ดอนเมืองดีกว่า!?
โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 17 มกราคม 2550 17:40 น.
สนามบินสุวรรณภูมิกำลังเกิดปัญหาเป็นที่ไม่พอใจและเสียงตำหนิติเตียนถึงความไม่พร้อมของสนามบินแห่งนี้อย่างมากมาย
ห้องน้ำออกแบบอย่างชุ่ยๆ จำนวนมีไม่เพียงพอ การเดินด้วยเท้าไปประตูเพื่อขึ้นไปหรือลงจากเครื่องบินใช้ระยะทางไกล ไม่มีความปลอดภัย สกปรก ว่ากันว่าสนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่ไม่ต้อนรับ ผู้หญิง, ผู้ชรา และคนพิการ
ระยะทางเดินที่ไกลแสนไกลกลายเป็นแหล่งชอปปิ้งขนาดใหญ่ราวกับเป็นสถานที่ที่เอื้อประโยชน์เพื่อห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
เงินลงทุนนับแสนๆ ล้านบาทที่ลงไปก่อสร้างสนามบินกำลังเป็นปัญหาประจานการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านๆ มาว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขาดความเป็นมืออาชีพ และเอาแต่การเมืองนำโดยไม่ดูประสิทธิภาพของสนามบิน
เป็นที่น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลก!!
นี่คือผลงานของหลายรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลชุดที่แล้วในฐานะเป็นช่วงเวลาที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากที่สุดเพื่อทำให้สนามบินแห่งนี้เสร็จสิ้นแบบชุ่ยๆในสมัยของตัวเอง
การก่อสร้างของรัฐบาลชุดที่แล้วที่เหมือนหลอกสายตาประชาชนไปได้ด้วยการลดค่าก่อสร้างของผู้รับเหมาเพื่อให้ได้คะแนนเสียงทางการเมือง แท้ที่จริงแล้วก็จบลงด้วยการให้โครงการเพิ่มเติมกับผู้รับเหมาก่อสร้างรายเดิมด้วยวิธีพิเศษโดยไม่ต้องมีการประมูล
งบประมาณอาคารผู้โดยสารสำหรับสายการบินในประเทศก็ถูกตัดลงเพื่อสร้างภาพ และนั่นเป็นสาเหตุทำให้การจราจรสายการบินในประเทศและต่างประเทศต้องแออัดในการใช้บริการสนามบินแห่งนี้
ไม่ต้องนับกรณีที่น่าอัปลักษณ์ที่สุด เมื่อความจริงปรากฏว่าการลำเลียงกระเป๋าที่อยู่ใต้ดินและไม่มีใครเห็นนั้น ได้ใช้คนนับร้อยนับพันคนคนช่วยกันยกกระเป๋าในระบบ “อัตโนมือ” ยิ่งทำให้ผู้โดยสารต้องใช้เวลานานมากขึ้นไปกว่าเดิม
กล้องวงจรปิดในสนามบินมองไปทางไหนก็ไม่เจอ ไม่รู้ซ่อนกันอีท่าไหนจึงสามารถหลบสายตาได้อย่างมิดชิด หรือแท้ที่จริงแล้วมันไม่มีเลยกันแน่?
ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นยังคงมีอีกมากมายทั้งรถเข็นที่ดูไม่ค่อยจะแข็งแรง และไฟที่ไม่สว่าง และเหล่ามาเฟียแท็กซี่ รถลีมูซีนและรถตู้ที่มีอยู่เต็มไปหมด
ทั้งหมดนี้ต้องให้กำลังใจกับ ทอท., กรรมาธิการวิสามัญใน สนช., และรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ต้องเข้ามาสะสางขยะที่เกิดขึ้นมาจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่กำลังวิกฤตอยู่ในปัจจุบัน
แม้ผลงานความชุ่ยของรัฐบาลชุดที่แล้วจะสามารถสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้โดยสาร แต่ถ้าถึงขั้นมีความไม่ปลอดภัยและเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารอันเนื่องมาจากความไม่สุจริตแล้ว ก็จะทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้นเป็นหลายเท่าทวีคูณ
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้เข้าไปตรวจสอบความผิดปกติในเรื่องแท็กซี่เวย์ ที่เครื่องบินต่างๆ เข้าจอดนั้นปรากฏว่ามีรอยแตกร้าวและมีรอยยุบเป็นร่องล้อหลายจุด
รอยแตกร้าวและรอยยุบเป็นร่องล้อเครื่องบินที่แท็กซี่เวย์นั้นมีถึงประมาณ 100 จุด และหากปล่อยทิ้งเอาไว้ไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่รู้ว่า แท็กซี่เวย์จะมีรอยยุบเหมือนผิวโลกพระจันทร์หรือไม่?
ผลการสำรวจของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยโดยการขุดเจาะเก็บตัวอย่างก็สรุปให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ว่า ผิวแท็กซี่เวย์ชั้นที่สามนับจากผิวบนสุดของยางมะตอยแตกร่อนไม่เกาะตัวกัน
น้ำชุ่มอยู่ที่ยางมะตอย และซึมขึ้นมาจากชั้นซีเมนต์ และชั้นทรายตามลำดับ!!
น้ำที่เจิ่งนองขึ้นมานั้นเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ชั้นที่สามของผิวยางมะตอยแตกร่อน จนเมื่อล้อเครื่องบินกดทับด้วยน้ำหนักจำนวนมหาศาล จึงถึงขั้นเกิดรอยแตกร้าวและยุบตัวลงนับร้อยจุด
รอยแตกร้าวและรอยยุบนั้นเริ่มพบมาตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2549 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเริ่มเปิดใช้สนามบินเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น!!!
วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ว.ส.ท.) วิเคราะห์ว่าการยุบและแตกร้าวในครั้งนี้มีความเป็นไปได้ 3 สาเหตุ
สาเหตุแรก อาจจะเกิดจากการคำนวณและออกแบบในการก่อสร้างที่ผิดพลาด โดยเฉพาะตั้งข้อสังเกตในเรื่องการใช้วัสดุที่ผิวแท็กซี่เวย์ที่เป็นยางมะตอย
ซึ่งถ้าเป็นสาเหตุการออกแบบที่ผิดพลาดก็จะเป็นเรื่องใหญ่มาก ซ่อมแซมเป็นจุดๆ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้อยู่ดี แก้จุดเดิมเกิดปัญหาจุดใหม่ไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าถ้าจะแก้ไขกันจริงก็อาจจะต้องถึงขั้นรื้อแท็กซี่เวย์และออกแบบปรับโครงสร้างใหม่กันทั้งหมด และอาจจะต้องปิดสนามบินเพื่อรื้อออกแบบใหม่ และซ่อมแซมครั้งใหญ่
สาเหตุที่สอง อาจจะเกิดจากการก่อสร้างที่มีความผิดพลาด
สาเหตุนี้อาจจะเกิดจากการทุจริตคอร์รัปชันและไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขในแบบก่อสร้าง ซึ่งถ้าเป็นสาเหตุนี้ก็อาจจะพอแก้ไขได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาความผิดพลาดของการก่อสร้างอยู่ในระดับใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นปัญหาที่หลายคนสงสัยว่าเกิดจากการถมทรายขี้เป็ดที่มีราคาถูกแทนทรายแม่น้ำ ทำให้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการออกแบบ จนกระทั่งทำให้ฐานรากและพื้นสนามบินไม่สามารถระบายน้ำออกได้แล้ว การรื้อและปรับปรุงฐานรากก็จะกลายเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่อาจจะต้องถึงขั้นปิดสนามบินในท้ายที่สุด
สาเหตุที่สาม อาจจะเกิดจากการที่มีน้ำท่วมในพื้นที่ใกล้เคียงในระดับสูง จนกระทั่งไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้ จนทำให้น้ำซึมเข้าไปในแท็กซี่เวย์ของสนามบิน
ถ้าเป็นสาเหตุที่สามก็ต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในการออกแบบที่ไม่ได้เผื่อสถานการณ์ระดับน้ำในบริเวณดังกล่าว แต่ก็พอจะแก้ไขได้ด้วยการปรับปรุงแก้ไขรองรับระบบการระบายน้ำในสนามบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ถ้าจะสรุปว่าปัญหาเกิดขึ้นจากอะไรในสามสาเหตุนี้ สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือความผิดพลาดในการก่อสร้างโดยเฉพาะในชั้น “ทรายถม”
เพราะล่าสุดนั้นมีการร้องเรียนว่าในสนามบินสุวรรณภูมิมีการขุดซ่อมแซมพื้นบางจุดที่ขุดเจาะไปลึก 1 เมตร พบว่ากลายเป็นโคลนและเลนที่มีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว จึงเป็นเหตุอันน่าเชื่อได้ว่า “ชั้นทรายถม” น่าจะเป็นปัญหาหลักอยู่ระดับฐานรากของสนามบิน
จึงไม่น่าจะแปลกใจต่อไปถ้าสถานการณ์การแตกร้าวของ “แท็กซี่เวย์” นับร้อยจุดอันเนื่องมาจากปัญหาฐานรากนั้นจะลามปามไปยัง “รันเวย์” ที่มีข่าวลือหนาหูแล้วว่าเริ่มมีการแตกร้าวแล้วถึง 2 จุด
อาจจะเป็นเพราะสาเหตุดังกล่าว ทำให้ในช่วงหลังๆ เครื่องบินผู้โดยสารขาเข้าต้องจอดระยะที่ไกลและใช้รถบัสมารับจากสนามบินแทนการเทียบที่งวงช้างในบริเวณแท็กซี่เวย์
ซึ่งถ้าหากเป็นปัญหาใหญ่หลวงขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดที่แล้วจะไปเร่งรัดทำการก่อสร้างต่อไปและเร่งเปิดชุ่ยๆ แบบนี้ไปทำไม?
ในเวลานี้ รัฐบาลและ ทอท.จึงมีสองทางเลือก
ทางเลือกแรก ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
โดยยึดในความเชื่อที่ว่าไม่ต้องการให้องค์กรการบินนานาชาติถอนใบรับรองอนุญาตในการใช้สนามบิน และอาจจะมองว่าเงินลงทุนไปตั้งเยอะแล้วต้องพยายามดันทุรังซ่อมแซมเพื่อเปิดใช้สนามบินต่อไปให้ได้
ทางเลือกที่สอง ยอมรับความจริง และเริ่มต้นจากการย้ายสายการบินในประเทศย้ายไปใช้ที่สนามบินดอนเมือง เพื่อลดน้ำหนักการใช้แท็กซี่เวย์ และปิดซ่อมจนเกิดความปลอดภัย
และไม่ว่าจะเป็นทางเลือกแรก หรือทางเลือกที่สอง ต่างก็เป็นที่แน่ชัดว่า ความจริงจะต้องปรากฏในท้ายที่สุด เพราะแท็กซี่เวย์หรือรันเวย์จะมีพื้นผิวเป็นรอยยุบและแตกร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถซ่อมแซมได้โดยง่าย
แต่ถ้าเลือกที่จะปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับและฝืนใช้พื้นที่บางส่วนต่อไป ถ้าโชคดีก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุต่อเครื่องบินจนถึงขั้นมีผู้โดยสารและประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ผิดพลาดยิ่งกว่ารัฐบาลก่อนๆ และจะกลายเป็นความรับผิดชอบของ ทอท.และรัฐบาลชุดปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องพิจารณาและชั่งน้ำหนักให้ดีๆ!!!
ถ้าความเสียหายของสนามบินสุวรรณภูมิไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยต่อเครื่องบินและผู้โดยสารก็คือการย้ายกลับไปใช้ที่สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง และทำการปิดซ่อมครั้งใหญ่ที่สนามบินสุวรรณภูมิจนกว่าจะมีความพร้อมอย่างแท้จริง
แม้ดอนเมืองจะมีความคับแคบกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ด้วยการขยายต่อเติมและการจราจรที่วางแผนมาเป็นเวลาหลายปี ก็ยังมีความสามารถที่จะรองรับผู้โดยสารในระยะเวลา 1 ปีต่อไปได้
อย่างน้อยระบบการบริหารและการจัดการก็มีความพร้อมและสมบูรณ์มากกว่าสนามบินสุวรรณภูมิหลายเท่า และประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจะได้รู้กันไปเสียทีว่ารัฐบาลชุดที่แล้วๆ มา มันทำงาน “ชุ่ย” และ “ไม่โปร่งใส” กันขนาดไหน?
ยอมรับความจริงวันนี้ และนำกรณีดังกล่าวจะได้ไปจัดการกับคนทุจริตและนักการเมืองขี้ฉ้อให้ถึงที่สุด!!!
---------------------------
ที่มา
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000006278เอามาให้อ่านกันเล่นๆ