ตกลงอาเซียนหรือ สิงค์โปร์ กันแน่ครับ ที่ไม่เอารัฐประหาร...เกมต่อรองกับสิงคโปร์
โดย หมายเหตุผู้จัดการ 16 มกราคม 2550 15:57 น.
สะท้านฟ้าสะเทือนดินอีกครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้าไปเหยียบแผ่นดินสิงคโปร์ โดยมีปรากฏการณ์ทางการเมืองที่น่าจับตาหลายประการ
ที่สำคัญคือการปล่อยข่าวว่ามีการจับจองเครื่องบินที่พร้อมจะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเข้ามาทางภาคใต้บ้าง หรือไปเชียงใหม่บ้าง หรือไปทางกัมพูชาบ้าง
เล่นเอาหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศไทยหัวหมุนงุ่นง่าน และต้องเช็คข่าวกันตลอดวันที่ 15 มกราคม 2550
เรายังคงเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะยังไม่เข้ามาประเทศไทย ด้วยเหตุผลสำคัญประการเดียวคือตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองที่เกรงกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
แต่วิสัยคนเชิงสูง ทั้ง ๆ ที่รักตัวกลัวตายไม่กล้าเข้าประเทศไทย แต่ปั่นไปปั่นมาจนกลายเป็นว่าถูกคนอื่นกีดกันไม่ให้เดินทางเข้าประเทศไทยไปเสียฉิบ
การเดินทางเข้ามาประเทศไทยหรือไม่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญขณะนี้อยู่ตรงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสิงคโปร์กำลังคบคิดกันเดินเกมกลทางการเมืองอย่างไรต่อประเทศไทย
เพราะสถานการณ์ไม่ใช่กรณีไปสิงคโปร์เพื่อการออกกำลังกายเหมือนที่ทนายหน้าหอบางคนได้บอกกล่าวไว้กับสาธารณะ แต่เป็นการไปเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยตรง
เราประกาศกล่าวหารัฐบาลสิงคโปร์ว่าได้ใช้เล่ห์กลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ดินแดนประเทศสิงคโปร์เคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะที่เป็นปรปักษ์กับประเทศไทยและรัฐบาลไทย อันเป็นการผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และพันธะกรณีทางไมตรีที่มีต่อกัน
รัฐบาลไทยและคนไทยจำเป็นที่จะต้องประณามและสั่งสอนสิงคโปร์สักครั้งหนึ่ง มิฉะนั้นสิงคโปร์ก็จะได้ใจ และประพฤติตัวเป็นปรปักษ์กับประเทศไทยและรัฐบาลไทยต่อไป
เรามาดูกันว่าสิงคโปร์ได้ทำอะไรและเดินเกมกลอย่างไรในจังหวะก้าวสำคัญทางการเมืองครั้งนี้
ประการแรก ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนี้ได้เสนอญัตติต่ออาเชียนให้คัดค้านและไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยการรัฐประหาร
ญัตตินี้คือญัตติที่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยโดยตรง เพราะสิงคโปร์ย่อมรู้เป็นอย่างดีว่ายามนี้มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีการยึดอำนาจจากระบอบเผด็จการทรราช
การที่สิงคโปร์เสนอญัตตินี้ต่ออาเชียนจึงเป็นการตบหน้ารัฐบาลไทยในเวทีอาเชียนอย่างหยาบคายที่สุด เพราะหวังให้อาเชียนไม่รับรองรัฐบาลไทย จึงเป็นการตบหน้าชนิดที่ไม่เหลือเยื่อใยใด ๆ ต่อรัฐบาลไทยอีกแล้ว
สิงคโปร์คงคิดเหมือนกับพวกลิ่วล้อทรราชบางคนคิดว่าอีกไม่ช้าไม่นานระบอบทักษิณก็จะฟื้นคืนสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่ง จึงบังอาจกระทำการเก็บผลเลิศล่วงหน้าถึงเพียงนี้ ประการที่สอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในประเทศจีนร่วมเดือนมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดการแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ต่อสื่อสาธารณะใด ๆ ได้ เพราะรัฐบาลจีนไม่ยินยอมให้มีการใช้ดินแดนของประเทศจีนเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลไทย
แต่ทันทีที่มาถึงสิงคโปร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้เปิดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศอย่างครึกโครม ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นการเอื้ออาทรจากรัฐบาลสิงคโปร์โดยตรง
นี่คือการอนุญาตให้ใช้ดินแดนของสิงคโปร์ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นปรปักษ์กับประเทศไทยและรัฐบาลไทย
ประการที่สาม มีการประสานงานให้นักการเมืองพรรคไทยรักไทยไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สิงคโปร์ โดยการอำนวยความสะดวกของกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตสิงคโปร์ เป็นเหตุให้มีการต่อท่อน้ำเลี้ยงให้นักการเมืองหลายคนนำไปเคลื่อนไหวทางการเมือง
ประการที่สี่ รัฐบาลสิงคโปร์โดยรองนายกรัฐมนตรีถึงสองคนให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญ แม้จะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงว่าไม่เป็นทางการก็ตาม
เป็นการแสดงท่าทีเป็นนัย ๆ ว่ายังคงให้การรับรอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ ในขณะเดียวกันกับที่ได้เสนอญัตติให้ต่อต้านรัฐบาลไทย โดยหาว่ามาจากการรัฐประหาร
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มักใหญ่ใฝ่สูง คิดยึดครองประเทศไทยมาช้านานแล้ว และได้ดำเนินการต่าง ๆ ในการทำลายประเทศไทยให้อ่อนแอลงมาช้านานแล้ว
ในการยึดครองประเทศไทยนั้น สิงคโปร์ได้ดำเนินการเช่าดินแดนไทยทำเป็นฐานทัพถึง 3 แห่ง คือที่จังหวัดกาญจนบุรี ขอนแก่น และอุดรธานี
ได้สัมปทานดาวเทียมไทยคม มือถือเอไอเอส สายการบินแอร์เอเซีย และโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งเป็นกิจการเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เฉพาะดาวเทียมไทยคมนั้นเกี่ยวพันกับอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของชาติอย่างกว้างขวาง
ในทางเศรษฐกิจ ได้เข้าซื้อกิจการธนาคารและสถาบันการเงิน ยึดเอาเส้นเลือดใหญ่ของประเทศไปจนหมดสิ้น และได้ซื้อกิจการที่เป็นกำลังหลักทางเศรษฐกิจของชาติไปเกือบหมดสิ้น
ในด้านการท่องเที่ยว สิงคโปร์ก็ผนวกเอาประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในแผนการท่องเที่ยวสิงคโปร์ไปแล้ว
เรียกว่าสิงคโปร์ทำทุกทางเพื่อยึดครองประเทศไทย ซึ่งคนไทยทั้งประเทศจะต้องตื่นตัวขึ้นรับรู้สถานการณ์นี้ และปกป้องเอกราชอธิปไตยของชาติอย่างเด็ดเดี่ยวและอย่างรู้เท่าทัน
การยึดอำนาจการปกครองครั้งนี้กระทบต่อแผนการยึดประเทศไทยอย่างรุนแรง สิงคโปร์จึงไม่ชอบใจ และพยายามที่จะอุดหนุนค้ำจุนให้อำนาจเก่าฟื้นกลับมามีอำนาจใหม่อีกครั้งหนึ่ง จะได้ยึดครองประเทศไทยได้สะดวกดายยิ่งขึ้น
ต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้ และต่อหน้าการจ้วงจาบหยาบช้าเช่นนี้ เราขอเสนอต่อรัฐบาลและ คมช. ดังนี้
หนึ่ง ยกเลิกการให้เช่าดินแดนไทยที่ให้สิงคโปร์เช่าทำเป็นฐานทัพทุกพื้นที่ และให้สิงคโปร์เคลื่อนย้ายกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไปจากดินแดนของประเทศไทย ทวงเอาอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของชาติกลับคืนมา
สอง ยกเลิกการให้สัมปทานหรือการอนุญาตในการประกอบธุรกิจดาวเทียมไทยคม มือถือเอไอเอส สายการบินแอร์เอเซีย และโทรทัศน์ไอทีวีทันที เพราะเมื่อกลุ่มชินเป็นของสิงคโปร์ มีฐานะเป็นต่างด้าว ย่อมผิดเงื่อนไขในการให้สัมปทานหรือการให้อนุญาตดำเนินกิจการด้านความมั่นคงของรัฐ รัฐบาลสามารถยกเลิกสัมปทานและการอนุญาตได้ทันที
สาม ให้กระทรวงการต่างประเทศประท้วงรัฐบาลสิงคโปร์ที่ให้มีการใช้ดินแดนทำร้ายประเทศไทย
ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะต้องร่วมกันเรียกร้องให้มีการลงโทษสิงคโปร์และให้บทเรียนที่สาสมแก่สิงคโปร์โดยด่วนที่สุด
เราเสนอให้รัฐบาลและ คมช. นำความจริงเรื่องนี้ออกเปิดเผยให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบโดยทั่วกันทั่วทั้งประเทศ เพราะนี่คือส่วนได้ส่วนเสีย นี่คืออันตรายหรือความปลอดภัยของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา
ประชาชนไทยทั้งประเทศมีสิทธิ์ที่จะรับรู้และมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการทั้งสามประการดังกล่าวโดยเร็วที่สุด.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000005649โธ่... ไอ้ลูกน้องสิงค์โปร์โตก