บอร์ดกองทุนฟื้นฟูฯมีมติกล่าวโทษ“ทักษิณ-พจมาน”แล้วบอร์ด กองทุนฟื้นฟูฯ มีมติร้องทุกข์กล่าวโทษ “ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน” กรณีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกจากกองทุนฟื้นฟูฯ จะทำหนังสือถึง คตส.ทันที
(15ม.ค.) นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติให้กองทุนฟื้นฟูฯ ร่วมมือกับ คตส. ยื่นคำร้องเป็นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตามที่ คตส. มีความเห็นว่า การที่คุณหญิงพจมาน ซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
ดังนั้น คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ จึงยื่นให้ดำเนินคดีตามมาตรา 66 และ 67 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เพื่อสนับสนุนให้เกิดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ คตส. สามารถดำเนินการไต่สวนคดีนี้ต่อไปได้ โดยจะส่งหนังสือให้ คตส.โดยเร็วที่สุด หลังจากนั้น ตามกระบวนการ คตส. จะพิจารณาส่งให้อัยการ และส่งต่อให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยกองทุนฟื้นฟูฯ เห็นว่า ทั้ง 2 บุคคล มีความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และมีหน้าที่ในการกำกับดูแลโดยตรง แต่ยังเข้ามาทำสัญญากับภาครัฐอีก
“เมื่อ คตส. ชี้มูลมา โดยเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเป็นผู้มายื่นคำร้อง คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ก็ได้พิจารณาและมีมติที่จะให้ความร่วมมือกับ คตส. เพื่อให้เกิดการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งกองทุนก็เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้เกิดความโปร่งใสชัดเจนต่อสาธารณชน” นายไพโรจน์ กล่าวและว่า
การดำเนินการประกวดราคาขายที่ดิน เคยมีการนำคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา มาเทียบเคียงกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานของภาครัฐ และเห็นว่า รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้กำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ โดยตรง แต่เมื่อ คตส. ชี้มูลแล้วว่ามีความผิด และ ธปท. ก็ไม่มีการโต้แย้ง ดังนั้น ธปท. ก็จะดำเนินการตามมติของ คตส. ต่อไป
ส่วนเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กองทุนฟื้นฟูฯ เสียหายจากกรณีดังกล่าวหรือไม่ นายไพโรจน์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ ส่วนเงินประมาณ 700 ล้านบาท จากการขายที่ดินดังกล่าว จะมีการยึดที่ดิน หรือดำเนินการกับเงินจำนวนดังกล่าวอย่างไร นายไพโรจน์ กล่าวว่า ต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน
http://www.komchadluek.net/2007/01/15/a001_82568.php?news_id=82568
