ตอนนี้ลิ่วล้อทุยรักทุยดิ้นพล่านนนน ออกอาการตามหัวหน้าฝูง
....วันนี้สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐหันมาเปิดประเด็นความหลอกลวงอีกหนึ่งนโยบายของทุยรักทุย
==============================================================================================
เรียนฟรี..12 ปี มีจริงซะที่ใหน? [18 ม.ค. 50 - 18:30]
เมื่อก่อนไม่มีนโยบายเรียนฟรี ค่าเทอมลูกถูกเก็บครั้งเดียวจบ พอรัฐบาลมีนโยบายเรียนฟรี 12 ปี แต่ฟรีไม่จริง หลอกลวง ไม่รู้ว่าฟรีอะไรเก็บจุกจิก แถมบังคับให้ซื้อทั้งหนังสือ สมุดจากโรงเรียน ค่าเรียนเสริม ครูมัดมือชก ไม่เรียนก็ไม่ได้ เราคนทำนาหาเช้ากินค่ำ ไม่มีความรู้ พอที่จะสอนลูกได้ ต้องกู้เงิน 2 หมื่นบาท เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ
คำบอกเล่าของผู้ปกครองคนหนึ่งจากจังหวัดพะเยา สะท้อนความเจ็บปวดของคนเดินดินกินข้าวแกง มีลูกอยู่ในวัยเรียน ที่รอความหวัง ความจริงใจจากผู้มีอำนาจวาสนาได้เป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมือง หันมาสนใจแก้ปัญหาเสียที
นี่คือปัญหาที่ชาวบ้านทั้งระดับรากหญ้าและรากแก้วมองว่า น่าจะได้รับการขจัดปัดเป่าเร่งด่วน ยิ่งกว่านโยบายอัญเชิญมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ
นี่คืออีกหนึ่งผลงานอมตะที่รัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฝากไว้กับแผ่นดิน
เรียนฟรี 12 ปี ไม่เป็นจริง...แถมยังทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากกว่าไม่ใช่คำกล่าวหาเลื่อนลอยไร้หลักฐาน หากแต่เป็นรายงานข้อเท็จจริงที่ได้จากงานวิจัยเรื่อง ผลกระทบของค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาต่อการศึกษาต่อของเยาวชนไทย โดย ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง และทีมงานจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
โดยการสนับสนุนของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นับตั้งแต่มีการเริ่มใช้นโยบายเรียนฟรี 12 ปี มาตั้งแต่ปี 2546 โดยหลักการแล้วนโยบายนี้ น่าจะมีส่วนช่วยให้คนไทยเสียค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาน้อยลง
แต่ผลลัพธ์...กลับตรงข้าม
คนไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพิ่มมากขึ้น
เห็นได้จากการนำข้อมูลการสำรวจเด็กและเยาวชน ปี 2545 มาเปรียบเทียบกับผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือน ปี 2547 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เพื่อดูว่าก่อนมีนโยบายเรียนฟรี 12 ปี กับหลังมีนโยบายนั้นคนไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาต่อคนต่อปีเท่าไร
ปรากฏว่า ปี 2545 ก่อนมีนโยบายเรียนฟรี ค่าใช้จ่ายด้านค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษและค่าใช้จ่าย ของเด็กระดับ ม.ต้น ของโรงเรียนรัฐบาล จะอยู่ที่ 1,916 บาท ต่อคนต่อปี
ค่าใช้จ่าย ม.ต้นของโรงเรียนเอกชน อยู่ที่ 7,992 บาทต่อคนต่อปี
แต่หลังจากมีนโยบายเรียนฟรี ปี 2547 ค่าใช้จ่ายของเด็ก ม.ต้น โรงเรียนรัฐบาลเพิ่มขึ้นมาเป็น 2,580 บาท...เพิ่มขึ้น 34.7%
ส่วนค่าใช้จ่ายของเด็ก ม.ต้น โรงเรียนเอกชน เพิ่มขึ้นมาเป็น 10,695 บาท...เพิ่มขึ้น 33.8%
และถ้ามองโดยภาพรวม ค่าใช้จ่ายการเรียน 3 ระดับ ม.ต้น, ม.ปลาย และ ปวช. ก็พบว่า หลังมีนโยบายเรียนฟรี ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเอกชนหรือโรงเรียนของรัฐ เด็กต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
และที่ไม่น่าเชื่อนั่นก็คือ นโยบายเรียนฟรี ทำให้ครอบครัวที่มีเด็กเรียนในโรงเรียนของรัฐ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในอัตราที่สูงกว่าโรงเรียนของเอกชนถึงเท่าตัว!ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ม.ต้น, ม.ปลาย และ ปวช. ของโรงเรียนรัฐในปี 45 อยู่ที่ 3,061 บาทต่อคนต่อปี...ปี 2547 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาเป็น 3,569 บาท
เพิ่มขึ้นมา 16.6%
ส่วนโรงเรียนเอกชน ค่าเล่าเรียน ค่าหนังสืออุปกรณ์การเรียนเฉลี่ยทั้ง 3 ระดับ เมื่อปี 45 อยู่ที่ 10,379 บาทต่อคนต่อปี...ปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 11,160 บาท
หรือเพิ่มขึ้นมา 7.5%
เหตุผลที่นโยบายเรียนฟรี ได้ผลลัพธ์แบบกลับตาลปัตรเช่นนี้ ดร.วิโรจน์ ชี้ว่ามาจากปัญหาการจัดสรรงบประมาณลงไปไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของโรงเรียน
จะว่าไปแล้วนโยบายเรียนฟรี 12 ปี มีปัญหาไม่ต่างจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มีปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณลงไปไม่เพียงพอ
แต่ปัญหา 30 บาท จะดีกว่าในแง่ผู้อยู่ในแวดวงการรักษาพยาบาล มีการประชุมหารือเรียกร้อง ให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณให้เพียงพอกับความเป็นจริงมาโดยตลอด
ส่วนนโยบายเรียนฟรี 12 ปี ผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษากลับไม่ได้ มีการเจรจาเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด
สาเหตุที่ผู้อยู่ในแวดวงการศึกษา ไม่ได้สนใจแก้ปัญหาให้นโยบายเรียนฟรี ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับคนไทยจริง คณะผู้วิจัยพบว่า...มีการนำพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตีความแบบศรีธนญชัย
เพื่อให้โรงเรียนสามารถหารายได้อื่นๆ นอกเหนือจากงบประมาณอุดหนุนปกติจากรัฐบาลมาใช้ได้
เนื่องจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในหมวด 8 เรื่อง ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ในมาตรา 58 ได้บัญญัติไว้ว่า...
ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินทั้งจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชนเอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอื่น และต่างประเทศมาใช้จัดการศึกษา ดังนี้
(1) ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา โดยอาจจัดเก็บภาษีเพื่อการศึกษาได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
(2) ให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา โดยเป็นผู้จัดและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา บริจาคทรัพย์สิน และทรัพยากรอื่นให้แก่สถานศึกษา และมีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาตามความเหมาะสมและความจำเป็น
ทั้งนี้ ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมและให้แรงจูงใจในการระดมทรัพยากรดังกล่าว โดยการสนับสนุน การอุดหนุนและใช้มาตรการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีตามความเหมาะสม และความจำเป็น ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ถ้ามองจากเป้าหมายของการให้เด็กได้เรียนฟรี เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับนี้ ความหมายของการให้มีการระดมทรัพยากรจากที่อื่นๆได้ ก็น่าจะระดมมาเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ที่โรงเรียนมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ หรือขอรับบริจาคจากชุมชน องค์กรอื่นๆได้
แต่ปรากฏว่า กระทรวงศึกษาธิการกลับตีความคำว่า ระดมทรัพยากรไปในทำนอง ให้โรงเรียนสามารถออกกฎระเบียบให้เก็บเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าเล่าเรียนได้
ผลจากการตีความแบบศรีธนญชัยของกระทรวงศึกษาธิการ งานวิจัยของ ดร.วิโรจน์ พบว่า เป็นตัวการที่ทำให้นโยบายเรียนฟรี 12 ปี มีการ ระดมทรัพยากร หรือหาเงินรายได้พิเศษ เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจุกจิกจิปาถะจากทางผู้ปกครองมากขึ้น...
มากกว่าก่อนมีนโยบาย...เรียนฟรี
มีการเรียกเก็บเพิ่มกันตั้งแต่ ค่าเครื่องแต่งกาย, ค่าชุดพละ, ค่าหนังสือ, ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าสมุดตราโรงเรียน, กระเป๋าตราโรงเรียน, ค่าบำรุงโรงเรียน, ค่าอาหาร, ค่าห้องคอมพิวเตอร์, ค่าคอมพิวเตอร์, ค่าอินเตอร์เน็ต, ค่าสระว่ายน้ำ
โรงเรียนบางแห่งยังมีการเก็บค่าทำความสะอาดห้องน้ำ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเรียนพิเศษที่จ้างครูพิเศษมาสอนในเวลาปกติ
เลยเป็นคำตอบ...ทำไมนโยบายเรียนฟรี ถึงเป็นเรื่องหลอกลวงกระนั้นก็ตาม ที่ผ่านมา งบประมาณไม่เพียงพอ...แต่ปีนี้ รัฐบาลใหม่สไตล์ ขิงแก่ ได้เพิ่มงบประมาณให้กับกระทรวงศึกษาธิการมากเป็นพิเศษ เพิ่มขึ้นมา 5 หมื่นกว่าล้าน เป็น 2.8 แสนล้านบาท...ได้มากกว่าทุกกระทรวง
หวังว่า งบประมาณที่เพิ่มขึ้น จะได้ถูกจัดสรรให้นโยบายเรียนฟรี 12 ปีได้เป็นจริง...ไม่ใช่ปล่อยให้โรงเรียนหากิน ระดมทรัพยากร แบบศรีธนญชัยเหมือนที่ผ่านมา.
http://thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=33772