อดีตทูตไทยหนุนห้าม'ทักษิณ'เคลื่อนไหว ชี้เข้าข่ายนักโทษการเมือง
10 มกราคม 2550 19:15 น.
"กษิต ภิรมย์" เสนอรัฐบาลเรียกทูตจีนเข้าพบ ขอให้สอดส่องห้าม"ทักษิณ" เคลื่อนไหวทางการเมืองสร้างความเสียหายแก่ประเทศ ระบุข้อกล่าวหาเข้าข่ายนักโทษการเมือง ขณะที่"ไกรศักดิ์" ข้องใจทูตไทยในจีน อุ้มคนทรท.เคลื่อนไหวได้
นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงต่างประเทศถอนหนังสือทางการทูต(พาสปอร์ตสีแดง) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าต้องขอชมเชยที่กระทรวงต่างประเทศกล้าตัดสินใจเด็ดขาด ถึงแม้ว่าควรจะตัดสิทธิ์นี้ตั้งแต่ยึดอำนาจเสร็จใหม่ๆ แต่ก็เข้าใจว่าข้าราชการในกระทรวงวันนี้ส่วนใหญ่เติบโตขึ้นมาจากการผลักดันของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลอดีตทั้งนั้
"ตั้งแต่ผมอยู่ในวงการทูต ก็เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรกที่อดีตนายกรัฐมนตรีไทยถูกตัดสิทธิ์นี้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตั้งข้อหาฉกรรจ์ถึง 4 เรื่อง เปรียบเทียบได้กับนักโทษการเมือง ซึ่งถูกต้องแล้วที่ถูกจำกัดสิทธิในการเดินทาง แม้เราจะมีผู้นำหลายคนที่ถูกยึดอำนาจมาแล้วหลายคน แต่คนอื่นก็ไม่เคยมีพฤติกรรมเหมือนทักษิณ เช่น เกิดเหตุการณ์ตากใบ ไม่เคยใช้ตำรวจครองเมือง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ร้ายแรงเช่นนี้"
เขากล่าวด้วยว่า รัฐบาลไทยทำถูกต้องแล้ว เรื่องนี้จะไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในต่างประเทศ เพราะเมื่อปฎิวัติยึดอำนาจมาด้วยข้อหาร้ายแรง ก็ต้องจำกัดไม่ให้เขามีความคล่องตัวในการเดินทาง หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะต้องเร่ร่อนอยู่ประเทศละ 6 เดือนเท่านั้น แล้วก็ย้ายไปเรื่อยๆ
อดีตเอกอัครราชทูต ยังกล่าวอีกว่า นอกจากจะถอนพาสปอร์ตแล้ว รัฐบาลควรจะหาทางป้องกันไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศอื่นเป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยต้องเรียกทูตจีนที่ประจำประเทศไทยมาพบ เพื่อกำชับให้สอดส่อง ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จัดกิจกรรมการเมืองในประเทศจีน แล้วสร้างความเสียหายในประเทศไทย
"โดยหลักการระหว่างประเทศห้ามบุคคลใด ไปใช้ฐานประเทศอื่นเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ส่งผลต่อประเทศของตน ซึ่งประเทศไทยก็เคารพหลักการนี้มาตลอด มีหลายคนที่เราไม่ให้เข้ามาจัดกิจกรรมภายในประเทศ แต่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแม่ทัพนายกองของกลุ่มอำนาจเก่าในเมืองไทย แวะเวียนกันเดินทางไปพบคุณทักษิณ รัฐบาลต้องย้ำกับทางจีนให้ป้องกันไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวแล้ว ส่งข่าวกลับมาสร้างความแตกแยกในเมืองไทย" นายกษิต กล่าว
ขณะที่ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่าการยึดพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ และภรรยา เป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องที่ใหญ่กว่าคือท่าทีของสถานทูตไทยในจีน ที่อำนวยความสะดวกให้พรรคไทยรักไทยเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คมช.
"เพราะถ้าเป็นเรื่องจริง ผมจะข้องใจมาก ทำไมกระทรวงต่างประเทศไม่ตรวจสอบ และกำชับให้เข้มงวดปล่อยให้มีการดูแลเป็นอย่างดีที่ปักกิ่ง" นายไกรศักดิ์ ระบุ
ขณะที่นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่า การยึดพาสปอร์ตของพ.ต.ท.ทักษิณและภรรยาเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องที่ใหญ่กว่าคือท่าทีของสถานทูตไทยในจีนที่มีการอำนวยความสะดวกให้พรรคไทยรักไทยเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและคมช. เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงตนจะข้องใจมากว่าทำไมกระทรวงต่างประเทศไม่ตรวจสอบและกำชับให้เข้มงวดปล่อยให้มีการดูแลเป็นอย่างดีที่ปักกิ่ง
http://www.bangkokbiznews.com/viewNews.jsp?newsid=146605