ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-04-2024, 11:23
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เมีย 6 คน พูดได้น่ารังเกียจมาก น่าจะรอสักหน่อย... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เมีย 6 คน พูดได้น่ารังเกียจมาก น่าจะรอสักหน่อย...  (อ่าน 3855 ครั้ง)
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« เมื่อ: 31-12-2006, 09:04 »

ให้ประเทศไทยเป็นรัฐอิสลามเสียก่อน

ปรามพิราบขาวคุ้ยเรื่องส่วนตัว มท.1 ระบุมุสลิมมีเมียได้ 4 คน [ไทยรัฐ 30 ธ.ค. 49 - 15:21]
 
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าววันนี้ (30 ธ.ค.) ถึงกรณีนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล
แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นำหลักฐานการจดทะเบียนสมรสซ้อนของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและ
ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
การนำมาขุดคุ้ยกันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ควรจะดูเรื่องการช่วยเหลือประเทศชาติให้มีความสุขและทำให้เกิดความกลมเกลียว
กันดีกว่า

“ผมไม่ทราบเรื่องจดทะเบียนซ้อน ทราบแต่เพียงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวจริง ๆ ถ้าจะพูดกันไป คนที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้อาจ
จะมีมากกว่า พล.อ.สนธิ ด้วยซ้ำ ฉะนั้น หยุดเรื่องนี้ดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่เลย ผมมี 6 คน ก็เป็นเรื่องของผม พูดอย่างนี้มันไม่ถูก
ผมว่าเอางานมาวัดกันดีกว่า มัวแต่พูดกันอย่างนี้ก็เสียหาย ท่านจะมีอะไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่อย่าลืมว่ามุสลิมมีเมียได้
4 คน แล้วท่านมีแค่ 2 คน มันเรื่องเล็ก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #1 เมื่อ: 31-12-2006, 10:20 »

ชอบแถอิจฉาอ่ะดิ  Cool

สวัสดีปีใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #2 เมื่อ: 31-12-2006, 10:26 »


เดี๋ยวนี้อ่านกระทู้พี่ นึกว่าอ่านมายาแชแนล ดาราเดลีย์ ทีวีพูล ซะอีก 

สวัสดีปีใหม่ (ด้วยค่ะ) อิอิ
   
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #3 เมื่อ: 31-12-2006, 10:56 »

ให้ประเทศไทยเป็นรัฐอิสลามเสียก่อน

ปรามพิราบขาวคุ้ยเรื่องส่วนตัว มท.1 ระบุมุสลิมมีเมียได้ 4 คน [ไทยรัฐ 30 ธ.ค. 49 - 15:21]
 
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าววันนี้ (30 ธ.ค.)
ถึงกรณีนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นำหลักฐานการจดทะเบียน
สมรสซ้อนของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธานคณะมนตรี
ความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าไม่ต้องการพูดเรื่องนี้
เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว การนำมาขุดคุ้ยกันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ควรจะดูเรื่องการช่วย
เหลือประเทศชาติให้มีความสุขและทำให้เกิดความกลมเกลียวกันดีกว่า

“...ผมมี 6 คน ก็เป็นเรื่องของผม ... แต่อย่าลืมว่ามุสลิมมีเมียได้
4 คน แล้วท่านมีแค่ 2 คน มันเรื่องเล็ก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว


แล้ว 2 คนที่เกิน 4 ไปนี่ มุสลิมทำได้โดยถูกต้องหรือเปล่าคะ?
เรื่องส่วนตัว แต่ก็พอจะแสดงถึงความ "ไม่พอเพียง" ได้หรือไม่?

ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสซ้อน ถ้าทำที่ 4 จังหวัดภาคใต้เข้าใจว่าทำได้โดย
ไม่ผิดกฏหมาย?
ว่าแต่ท่านจดที่ไหนล่ะคะ?

แต่ถึงจะเป็นที่อื่น ... ก็คงไม่ผิดมากมายอะไร กับการไม่เคารพกฏหมายเล็กๆ น้อยๆ
แค่นี้ กระทั่งรัฐธรรมนูญ กฏหมายสูงสุดของประเทศยังฉีกมาแล้ว

ถ้าผิด ... ก็ออกกฏใหม่ได้ มาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญ 2549 ให้อำนาจไว้เต็มที่
ย้อนหลังได้สบาย และไม่ต้องไปผ่านสภาอะไรให้เสียเวลา

มีอำนาจล้นฟ้ามันดีอย่างนี้นี่เอง

 
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
ทองเปลว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 541



« ตอบ #4 เมื่อ: 31-12-2006, 11:06 »

ประสาท....จะกินไร้สาระขึ้นทุกวัน[/color]

 
บันทึกการเข้า

เพื่อนหมัก หักเหลี่ยมหด
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #5 เมื่อ: 31-12-2006, 11:28 »

บทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ไม่ควรมองข้าม

โดย ณรงค์เดช สรุโฆษิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 นั้น แม้จะถือเป็นรัฐธรรมนูญ
ชั่วคราวที่มาจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข (คปค.) หรือคณะปฏิวัติ คณะรัฐประหาร คณะรักษาความสงบเรียบร้อย ฯลฯ
ที่ดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ซึ่งมี "ที่มา" จากการใช้กำลังเข้ายึด
อำนาจเหมือนๆ กัน

เช่น การรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน
คนไทย บรรดาที่เคยได้รับความคุ้มครองอยู่แล้วตามประเพณีการปกครองประเทศไทย
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่าง
ประเทศ

หากแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มีสิ่งผิดปกติซึ่งบ่อนทำลายหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของ
รัฐธรรมนูญ (Supremacy of a Constituion) อย่างร้ายแรงซุกซ่อนอยู่
นั่นก็คือ
บทบัญญัติมาตรา 36 ที่ว่า

"บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ได้ประกาศ หรือสั่งไว้ ในระหว่าง
วันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าจะเป็น
ในรูปใด และไม่ว่าจะประกาศ หรือสั่ง ให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร
หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไป และให้ถือว่า ประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจน
การปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้น ไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้น จะ
กระทำก่อน หรือหลัง วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นประกาศหรือคำสั่งหรือการปฏิบัติ
ที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ"

มองผิวเผินอาจจะคิดว่าไม่มีอะไร และก็เข้าใจได้ว่า ไม่ว่าใครที่เป็นผู้ยึดอำนาจก็คงจะ
ต้องทำอย่างเดียวกันคือ รับรองความคงอยู่และความชอบด้วยกฎหมายของประกาศ
และคำสั่งที่ออกมาในระหว่างการยึดอำนาจ ซึ่งเมื่อกลับไปพลิกดูบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ฉบับชั่วคราวอื่นๆ อาทิ "ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร" พ.ศ.2534 หรือ ฉบับ
พ.ศ.2520 ก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งซ่อนเร้นหรือที่สังคมมักจะเรียกว่า "หมกเม็ด" อยู่ในบทบัญญัติมาตรา
นี้ก็คือ ความในตอนท้ายที่ว่า "...ให้ถือว่า ประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตาม
ประกาศ หรือคำสั่งนั้น ไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้น จะกระทำก่อน หรือหลัง
วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นประกาศหรือคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและ
ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ"

กล่าวคือ
(1) ประกาศหรือคำสั่งของ คปค. หรือของหัวหน้า คปค. ย่อมถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
     อันเป็นการตัดอำนาจศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม แล้วแต่กรณี ที่จะเข้าไปควบคุม
     ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของประกาศหรือคำสั่งดังกล่าว

(2) ประกาศหรือคำสั่งต่างๆ ของ คปค. ย่อมถือว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันเป็นการ
     จำกัดอำนาจศาล และที่สำคัญเป็นการตัดอำนาจของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่
     รัฐธรรมนูญนี้สร้างขึ้นเองในมาตรา 35 เพื่อให้วินิจฉัยว่า "กฎหมายใดขัดต่อ
     รัฐธรรมนูญหรือไม่" ไม่ให้เข้าไปตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของประกาศ
     หรือคำสั่งดังกล่าว

(3) การปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งต่างๆ ย่อมถือว่าชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วย
     รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้น จะกระทำก่อน หรือหลังวัน
     ประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้

หรืออีกนัยหนึ่ง ผลของบทบัญญัติมาตรา 36 เท่ากับว่า ประกาศและคำสั่งต่างๆ ของ
คปค. มีค่าเสมือนหนึ่งเป็นรัฐธรรมนูญเอง เพราะสามารถขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ โดยที่ไม่มี
ศาลหรือองค์กรใดๆ เข้าไปตรวจสอบได้


อันที่จริง เมื่อสืบสาวถึงที่มาของมาตรานี้ก็พบว่า น่าจะเป็นการเตรียมการปิดช่องป้องกัน
ความผิดพลาดในอดีต ที่เคยเปิดช่องว่างให้ศาลฎีกาในคำพิพากษาฎีกาที่913/2536
และ 1131/2536 วินิจฉัยว่า ประกาศ รสช. เรื่องคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน
ขัดต่อประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2534 มาตรา
222 ก็ได้บัญญัติไว้ชัดๆ ว่า "ให้ประกาศหรือคำสั่งของ รสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ"

แต่บทบัญญัติดังกล่าวกลับถูกศาลฎีกาเพิกเฉย และย้อนศรกลับไปนำเอาประเพณีการ
ปกครองฯ ที่บัญญัติรับรองไว้ในธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ.2534 มาตรา
30 อันเป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการออกประกาศ รสช. ฉบับนั้นมาเป็น
ฐานในการเพิกถอนประกาศ รสช.

มาคราวนี้ก็เลยเขียนปิดทางไว้ก่อนในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และถ้าจะให้มั่นใจยิ่งขึ้น
ก็คงเตรียมการปิดช่องโหว่ไว้อีกชั้นในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่ไม่แค่ "ถาวร" จริงๆ ซัก
ครั้ง ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นต่อไป แต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดการณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
เท่านั้น

และที่สำคัญที่สุด ลองคิดดูซิว่า ขนาดพระราชบัญญัติที่พระมหากษัตริย์ทรงลงพระ
ปรมาภิไธยตามคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภาอันประกอบไปด้วยผู้แทนประชาชน
ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยยังไม่สามารถขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
อันเป็นกฎหมาย
สูงสุดได้ และคณะตุลาการรัฐธรรมนูญก็สามารถเข้าไปตรวจสอบความชอบด้วย
รัฐธรรมนูญของพระราชบัญญัติต่างๆ ได้

แต่ในขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้กลับยอมรับว่า ประกาศหรือคำสั่งของ
คปค. ที่ลงนามโดยหัวหน้า คปค. มีค่าเสมอรัฐธรรมนูญ และไม่สามารถตรวจสอบได้


ไม่ว่าประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวจะมีเนื้อหาสาระเช่นใด จะขัดต่อสิทธิเสรีภาพขั้น
พื้นฐานหรือไม่ หรือขัดต่อ "กฎหมายรัฐธรรมนูญ" ซึ่งกว้างขวางกว่า "บทบัญญัติ
รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร" เพราะยังรวมถึง "ธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญ"
และ "หลักกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วไป" หรือไม่

ลองพิจารณากันเอาเองเถอะว่า เรื่องนี้เหมาะและควรหรือไม่ แค่ไหน เพียงไร

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act02191049&day=2006/10/19
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #6 เมื่อ: 31-12-2006, 11:48 »

ผมว่าเค้าพูดประชดนะ
ไว้มีประกาศ คปค. ให้ชายไทยมีภรรยาได้ 6 คนเมื่อไหร่
ค่อยมาฟังอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน

แต่พูดก็พูดเถอะ

ผมว่าคนที่ใช้อำนาจแบบที่ทำให้เกิดความเสียหาย
พูดจากดขี่ สร้างความแตกแยก
เหยียดหยามความคิดที่แตกต่าง

ไม่มีใครเกินเหลี่ยม..

ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเยียวยากันยังไง
 
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #7 เมื่อ: 31-12-2006, 11:58 »

เหอ เหอ ไอ้พวกบ้านี่ทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยหรือไง ขนาดบอกว่ามีเมีย 6 คน ยังอุตส่าห์มองแง่ดีอีก
ไร้สาระขึ้นทุกวันจริงด้วย แล้วไอ้กฎหมายที่บอกว่าจดซ้อนได้ที่จังหวัดโน้นจังหวัดนี้มันอยู่ไหนกัน หา
ยังไงก็ไม่เจอ กฎหมายประเทศไทยหรือเปล่า แต่อย่างไรก็เหอะ ไอ้พวกยึดอำนาจเนี่ยมันอยู่เหนือกฎหมาย
อื่นใดในประเทศอยู่แล้ว ก็ยังมีพวกหลงคิดว่ามันมาดีนี่แหละยังไปยกย่องมันกันอยู่ได้ ไม่ลองดูความจริงมั่งว่า
มันอยู่เหนือกฎหมายและเหนือกว่าคนอื่นใดในประเทศไทย ไม่อยากจะเปรียบเทียบมากเดี๋ยวจะมาลบกันอีก
เอา การบันทึกฐานะของภริยา ของกรมการปกครองไปอ่าน

การบันทึกฐานะของภริยา

- การบันทึกฐานะของภริยา มุ่งหมายจะให้นายทะเบียนบันทึกว่าเป็นภริยาหลวง หรือภริยาน้อย
และให้รับบันทึกเฉพาะสามี ภริยาที่มาร้องขอให้บันทึก ส่วนภริยาอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาร้องขอด้วย
นายทะเบียนไม่ต้องบันทึก

- ผู้ร้องต้องเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฏหมาย ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478

- ภริยาหลวงหรือเอกภริยาชายมีได้เพียงคนเดียว ส่วนภริยาน้อย อนุภริยา หรือภริยาอื่นๆ นอกจาก
ภริยาหลวงชายอาจมีได้หลายคนในขณะเดียวกัน และมีฐานะเท่ากันทุกคนตามกฏหมาย
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #8 เมื่อ: 31-12-2006, 12:04 »

เหอ เหอ ไอ้พวกบ้านี่ทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยหรือไง ขนาดบอกว่ามีเมีย 6 คน ยังอุตส่าห์มองแง่ดีอีก

ตอนทักษิณตอแหลว่าจะแก้ปัญหาจราจรภายใน 6 เดือน
สุดท้ายก็บ่มิไก๊
ผมยังมองเค้าในแง่ดีอยู่เลย
 
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 31-12-2006, 12:30 »

ให้ประเทศไทยเป็นรัฐอิสลามเสียก่อน

ปรามพิราบขาวคุ้ยเรื่องส่วนตัว มท.1 ระบุมุสลิมมีเมียได้ 4 คน [ไทยรัฐ 30 ธ.ค. 49 - 15:21]
 
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าววันนี้ (30 ธ.ค.) ถึงกรณีนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล
แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นำหลักฐานการจดทะเบียนสมรสซ้อนของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและ
ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
การนำมาขุดคุ้ยกันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ควรจะดูเรื่องการช่วยเหลือประเทศชาติให้มีความสุขและทำให้เกิดความกลมเกลียว
กันดีกว่า

“ผมไม่ทราบเรื่องจดทะเบียนซ้อน ทราบแต่เพียงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวจริง ๆ ถ้าจะพูดกันไป คนที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้อาจ
จะมีมากกว่า พล.อ.สนธิ ด้วยซ้ำ ฉะนั้น หยุดเรื่องนี้ดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่เลย ผมมี 6 คน ก็เป็นเรื่องของผม พูดอย่างนี้มันไม่ถูก

ผมว่าเอางานมาวัดกันดีกว่า มัวแต่พูดกันอย่างนี้ก็เสียหาย ท่านจะมีอะไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่อย่าลืมว่ามุสลิมมีเมียได้
4 คน แล้วท่านมีแค่ 2 คน มันเรื่องเล็ก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว





ถ้าจะพูดกันไป คนที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้อาจ
จะมีมากกว่า พล.อ.สนธิ ด้วยซ้ำ ฉะนั้น หยุดเรื่องนี้ดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่เลย ผมมี 6 คน ก็เป็นเรื่องของผม พูดอย่างนี้มันไม่ถูก




ผมอ่านเนื้อหาของข่าวที่เจ้าของกระทู้คัดมาให้อ่าน แล้ว จับความแตกต่างกับเจ้าของกระทู้และคุณ snowflake   ผู้ใด มีเมีย 6 คน........หรือไม่ Question


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 31-12-2006, 12:57 »

เฮ้อออออออออ

ไม่มีเรื่องอะไรเล่นกันแล้วใช่ป่ะ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-12-2006, 13:21 »

หมดเรื่องเล่นแล้ว

  
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #12 เมื่อ: 31-12-2006, 13:42 »

บรรดาทั่นรอมอตอ สอสอ ของรัฐบาลพะนะทั่นเหลี่ยม มีภรรยาน้อย ภรรยานอกสมรส กี่คน  Yell

กรุณาเอามา "แฉ" ด้วย  Mr. Green หรือจะบอกว่า "ไม่มีหลักฐาน" แต่ชาวบ้านเค้ารู้กันทั่ว 

ต่อไปนอกจากบัญชีทรัพย์สินที่ต้องรายงานแล้ว ควรจะออกกฎหมายบังคับว่าต้องรายงานชื่อบัญชีภรรยาทั้งในและนอกสมรส รวมกิ๊กด้วยยิ่งดี 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2006, 13:44 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
MacBookPro
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 765



« ตอบ #13 เมื่อ: 31-12-2006, 13:56 »

เห็นมั๊ย ผมบอกแล้ว


พี่ชอบแถของผมนี่ แสนรู้ ทุกเรื่อง
บันทึกการเข้า

ไอ้เหลี่ยม - ทักษิณ ชินวัตร ชาตะ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 มรณะ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 31-12-2006, 14:04 »

เห็นมั๊ย ผมบอกแล้ว


พี่ชอบแถของผมนี่ แสนรู้ ทุกเรื่อง

555
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #15 เมื่อ: 31-12-2006, 14:05 »

เห็นมั๊ย ผมบอกแล้ว

พี่ชอบแถของผมนี่ แสนรู้ ทุกเรื่อง


เห็นค่ะ 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #16 เมื่อ: 31-12-2006, 14:29 »

[
แล้ว 2 คนที่เกิน 4 ไปนี่ มุสลิมทำได้โดยถูกต้องหรือเปล่าคะ? ผิดแต่ถ้าไม่ยอมรับเป็นเมียก็อีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องส่วนตัว แต่ก็พอจะแสดงถึงความ "ไม่พอเพียง" ได้หรือไม่? เข้ามัสยิดแล้วไปถามว่าการที่อิสลามมีเมียได้ 4 คนจะแสดงถึงความไม่พอเพียงหรือไม่

ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสซ้อน ถ้าทำที่ 4 จังหวัดภาคใต้เข้าใจว่าทำได้โดย
ไม่ผิดกฏหมาย? เรื่องครอบครัวและมรดกจะใช้กฏหมายอิสลามถ้าหากคู่กรณีนั้นเป็นมุสลิมด้วย
ว่าแต่ท่านจดที่ไหนล่ะคะ? มีหลักฐานชัดเจนรึยัง เห็นมีแต่รูปถ่าย หรือว่ารูปถ่ายนั้นเป็นการจดทะเบียนสมรส


บันทึกการเข้า
(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 31-12-2006, 15:14 »

เข้ามาอ่าน ดาราเดลี่
ว่าแต่ว่า กล้าเอาเรื่องนี้ไปพูดที่สนามหลวงหรือเปล่าครับ 
บันทึกการเข้า

ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #18 เมื่อ: 31-12-2006, 15:25 »

ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสซ้อน ถ้าทำที่ 4 จังหวัดภาคใต้เข้าใจว่าทำได้โดย
ไม่ผิดกฏหมาย? เรื่องครอบครัวและมรดกจะใช้กฏหมายอิสลามถ้าหากคู่กรณีนั้นเป็นมุสลิมด้วย
ว่าแต่ท่านจดที่ไหนล่ะคะ? มีหลักฐานชัดเจนรึยัง เห็นมีแต่รูปถ่าย หรือว่ารูปถ่ายนั้นเป็นการจดทะเบียนสมรส

ไม่เชื่อนะว่าจะจดทะเบียนเกิน 1 คนได้แม้ในศาสนาอิสลามก็เหอะ นอกจากจะเป็นเรื่องของศาสนา
ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย ไม่งั้นการทำนิติกรรมก็คงจะยุ่งไปหมด ต้องเซ็นยินยอมกันอุตลุต ส่วนคำว่า
กฎหมายอิสลามคงไม่ได้มาใช้ในประเทศไทยหรอกแต่ในอนาคตอันใกล้ก็ไม่แน่ เพราะประเทศไทย
ตอนนี้ยังเป็นเมืองพุทธและใช้กฎหมายของตนเองไม่ได้อิงกับหลักศาสนาใดเป็นพิเศษ ถ้าเป็นกฎของ
ผู้นับถือศาสนาอิสลามก็ว่าไปอย่าง แต่ต้องรู้ว่ามันแตกต่างและคนละเรื่องกับกฎหมายนะ อย่ามามั่ว
แถวนี้
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #19 เมื่อ: 31-12-2006, 15:36 »

ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสซ้อน ถ้าทำที่ 4 จังหวัดภาคใต้เข้าใจว่าทำได้โดย
ไม่ผิดกฏหมาย? เรื่องครอบครัวและมรดกจะใช้กฏหมายอิสลามถ้าหากคู่กรณีนั้นเป็นมุสลิมด้วย
ว่าแต่ท่านจดที่ไหนล่ะคะ? มีหลักฐานชัดเจนรึยัง เห็นมีแต่รูปถ่าย หรือว่ารูปถ่ายนั้นเป็นการจดทะเบียนสมรส

ไม่เชื่อนะว่าจะจดทะเบียนเกิน 1 คนได้แม้ในศาสนาอิสลามก็เหอะ นอกจากจะเป็นเรื่องของศาสนา
ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย ไม่งั้นการทำนิติกรรมก็คงจะยุ่งไปหมด ต้องเซ็นยินยอมกันอุตลุต ส่วนคำว่า
กฎหมายอิสลามคงไม่ได้มาใช้ในประเทศไทยหรอกแต่ในอนาคตอันใกล้ก็ไม่แน่ เพราะประเทศไทย
ตอนนี้ยังเป็นเมืองพุทธและใช้กฎหมายของตนเองไม่ได้อิงกับหลักศาสนาใดเป็นพิเศษ ถ้าเป็นกฎของ
ผู้นับถือศาสนาอิสลามก็ว่าไปอย่าง แต่ต้องรู้ว่ามันแตกต่างและคนละเรื่องกับกฎหมายนะ อย่ามามั่ว
แถวนี้
สำหรับแถสรุปว่าปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูลไม่ใช่ประเทศไทย และพระราชบัญญัติไม่ใช่กฏหมายล่ะสิ และที่ต้องจดนะก็เพื่อให้ความเท่าเทียมกัน แถไม่รู้เหรอเนี่ย และรูปถ่ายนั้นเป็นการจดทะเบียนสมรสหรือครับเห็นกลุ่มพิราบน้ำแดงมาอ้างก็เชื่อกันหมด


พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัด ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รังสิต กรมขุนชัยนาทนเรนทร พระยามานวราชเสวี ให้ไว้ ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้ กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องครอบครัวและ มรดกอิสลามศาสนิกของศาลชั้นต้นในจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล ซึ่งอิสลามศาสนิกเป็นทั้งโจทก์จำเลยหรือเป็นผู้เสนอคำขอในคดีที่ไม่มีข้อพิพาท ให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกบังคับแทนบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการนั้น เว้นแต่บทบัญญัติว่าด้วยอายุความมรดก ทั้งนี้ไม่ว่ามูลคดีเกิดขึ้นก่อนหรือหลังวันใช้พระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 การพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นตามความใน มาตรา 3 ให้ดะโต๊ะยุติธรรมหนึ่งนายนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา
ให้ดะโต๊ะยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม และลงลายมือชื่อในคำพิพากษาที่พิพากษาตามคำวินิจฉัยชี้ขาดนั้นด้วย
คำวินิจฉัยของดะโต๊ะยุติธรรมในข้อกฎหมายอิสลามให้เป็นอัน เด็ดขาดในคดีนั้น
มาตรา 5 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการคัดค้านผู้พิพากษามาใช้บังคับแก่การคัดค้านดะโต๊ะยุติธรรมโดย อนุโลม
เมื่อมีเหตุที่ดะโต๊ะยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ให้คู่ความตกลงกันเลือก อิสลามศาสนิกหนึ่งนายปฏิบัติหน้าที่แทนดะโต๊ะยุติธรรมเฉพาะคดี ถ้าตกลงกัน ไม่ได้ให้ต่างเสนอชื่ออิสลามศาสนิกที่สมควรต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฝ่ายละ เท่า ๆ กันแต่ไม่ให้เกินฝ่ายละสามนาย เมื่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเลือกผู้ใด จากรายชื่อที่คู่ความเสนอนั้น ให้ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่แทนดะโต๊ะยุติธรรมเฉพาะ คดีนั้นได้
มาตรา 6 บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ไม่กระทบถึงคดีที่ค้าง พิจารณาอยู่ในศาลในวันที่พระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่คดีนั้นเป็นคดีที่ค้างพิจารณา อยู่ในศาลชั้นต้น และคู่ความหรือผู้เสนอคำขอในคดีที่ไม่มีข้อพิพาทแล้วแต่กรณี ได้ร้องขอต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัตินี้บังคับ ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลสั่งให้มีการเสนอคำฟ้องหรือ คำขอใหม่และให้ดำเนินการพิจารณาต่อไปตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2489/A/077/633.PDF
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2006, 16:14 โดย solidus » บันทึกการเข้า
สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #20 เมื่อ: 31-12-2006, 16:12 »

ลืมไป ไอ้พวกนี้มันชอบ มีเมียเม็ดๆ เมียชาวบ้าน แบบทักกี้มัน หน่ะ

สองคนพวกนี้บอกไม่ดี

ต้องสาม ทั้งอ้อเล็ก ใหญ่ แถม อิหน่อย อีก

ยังไม่รวมบ้านเล็ก อีกเพียบ

555+
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #21 เมื่อ: 31-12-2006, 16:41 »

ไม่เชื่อนะว่าจะจดทะเบียนเกิน 1 คนได้แม้ในศาสนาอิสลามก็เหอะ นอกจากจะเป็นเรื่องของศาสนา
ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย ไม่งั้นการทำนิติกรรมก็คงจะยุ่งไปหมด ต้องเซ็นยินยอมกันอุตลุต ส่วนคำว่า
กฎหมายอิสลามคงไม่ได้มาใช้ในประเทศไทยหรอกแต่ในอนาคตอันใกล้ก็ไม่แน่ เพราะประเทศไทย
ตอนนี้ยังเป็นเมืองพุทธและใช้กฎหมายของตนเองไม่ได้อิงกับหลักศาสนาใดเป็นพิเศษ ถ้าเป็นกฎของ
ผู้นับถือศาสนาอิสลามก็ว่าไปอย่าง แต่ต้องรู้ว่ามันแตกต่างและคนละเรื่องกับกฎหมายนะ อย่ามามั่ว
แถวนี้
สำหรับแถสรุปว่าปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูลไม่ใช่ประเทศไทย และพระราชบัญญัติไม่ใช่กฏหมายล่ะสิ และที่ต้องจดนะก็เพื่อให้ความเท่าเทียมกัน แถไม่รู้เหรอเนี่ย และรูปถ่ายนั้นเป็นการจดทะเบียนสมรสหรือครับเห็นกลุ่มพิราบน้ำแดงมาอ้างก็เชื่อกันหมด

พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัด ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รังสิต กรมขุนชัยนาทนเรนทร พระยามานวราชเสวี ให้ไว้ ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้ กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องครอบครัวและ มรดกอิสลามศาสนิกของศาลชั้นต้นในจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล ซึ่งอิสลามศาสนิกเป็นทั้งโจทก์จำเลยหรือเป็นผู้เสนอคำขอในคดีที่ไม่มีข้อพิพาท ให้ใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกบังคับแทนบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการนั้น เว้นแต่บทบัญญัติว่าด้วยอายุความมรดก ทั้งนี้ไม่ว่ามูลคดีเกิดขึ้นก่อนหรือหลังวันใช้พระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 การพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นตามความใน มาตรา 3 ให้ดะโต๊ะยุติธรรมหนึ่งนายนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา
ให้ดะโต๊ะยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม และลงลายมือชื่อในคำพิพากษาที่พิพากษาตามคำวินิจฉัยชี้ขาดนั้นด้วย
คำวินิจฉัยของดะโต๊ะยุติธรรมในข้อกฎหมายอิสลามให้เป็นอัน เด็ดขาดในคดีนั้น
มาตรา 5 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการคัดค้านผู้พิพากษามาใช้บังคับแก่การคัดค้านดะโต๊ะยุติธรรมโดย อนุโลม
เมื่อมีเหตุที่ดะโต๊ะยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ให้คู่ความตกลงกันเลือก อิสลามศาสนิกหนึ่งนายปฏิบัติหน้าที่แทนดะโต๊ะยุติธรรมเฉพาะคดี ถ้าตกลงกัน ไม่ได้ให้ต่างเสนอชื่ออิสลามศาสนิกที่สมควรต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฝ่ายละ เท่า ๆ กันแต่ไม่ให้เกินฝ่ายละสามนาย เมื่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเลือกผู้ใด จากรายชื่อที่คู่ความเสนอนั้น ให้ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่แทนดะโต๊ะยุติธรรมเฉพาะ คดีนั้นได้
มาตรา 6 บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ไม่กระทบถึงคดีที่ค้าง พิจารณาอยู่ในศาลในวันที่พระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่คดีนั้นเป็นคดีที่ค้างพิจารณา อยู่ในศาลชั้นต้น และคู่ความหรือผู้เสนอคำขอในคดีที่ไม่มีข้อพิพาทแล้วแต่กรณี ได้ร้องขอต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัตินี้บังคับ ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลสั่งให้มีการเสนอคำฟ้องหรือ คำขอใหม่และให้ดำเนินการพิจารณาต่อไปตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2489/A/077/633.PDF

เพิ่งรู้ว่าประเทศไทยก็มีการแบ่งแยกเขตปกครองพิเศษมาแต่อดีต จนถึงอนาคต แต่ก็เป็นเฉพาะท้องที่ซึ่งไอ้บังเป็นแขก
ปทุมหรือสายอยุธยาก็ไม่เกี่ยวกับจังหวัดเหล่านี้ ส่วนกระทู้นี้พูดถึง เมีย 6 คนของนายอารีย์ ถ้าจะเป็นเมียสองคนของ
ไอ้บังก็คงต้องอีกกระทู้นะ
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #22 เมื่อ: 31-12-2006, 16:49 »

แท้จริงแล้ว พรบ นี้เป็นกฎหมายที่สร้างปัญหานั่นเอง เพราะข้อที่ขัดกับกฎหมายแพ่งก็ต้องยึดตามกฎหมายแพ่งซึ่งใหญ่กว่า

ทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าตามกฎหมายอิสลามไม่ได้รับการรับรองจากรัฐ

การสมรส การหย่า การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย การเป็นทายาทอื่นๆ ของมุสลิมจะถือว่าชอบด้วยกฎหมายก็ด้วยการจดทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ฯลฯ ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของการใช้กฎหมายอิสลาม และข้อยุติตามแบบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บางอย่างอาจขัดหรือแย้งกับข้อยุติตามแบบกฎหมายอิสลาม ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อระบบความสัมพันธ์ในครอบครัวที่สมรสภายใต้หลักกฎหมายอิสลามตามธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือกันมาเป็นอย่างมาก แม้จะทำการสมรส หรือหย่าถูกต้องตามกฎหมายอิสลามแล้วก็ตามก็ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ด้วย เช่น กรณีของข้าราชการมุสลิมทำการสมรสและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอิสลามแต่ไม่สามารถนำทะเบียนสมรสดังกล่าวไปขอรับสวัสดิการจากทางราชการได้ ต้องทำการจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถดำเนินการได้ เป็นต้น


http://www.nrc.or.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=72&Itemid=58
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #23 เมื่อ: 31-12-2006, 16:54 »

แท้จริงแล้ว พรบ นี้เป็นกฎหมายที่สร้างปัญหานั่นเอง เพราะข้อที่ขัดกับกฎหมายแพ่งก็ต้องยึดตามกฎหมายแพ่งซึ่งใหญ่กว่า

ทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าตามกฎหมายอิสลามไม่ได้รับการรับรองจากรัฐ

การสมรส การหย่า การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย การเป็นทายาทอื่นๆ ของมุสลิมจะถือว่าชอบด้วยกฎหมายก็ด้วยการจดทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ฯลฯ ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของการใช้กฎหมายอิสลาม และข้อยุติตามแบบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บางอย่างอาจขัดหรือแย้งกับข้อยุติตามแบบกฎหมายอิสลาม ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อระบบความสัมพันธ์ในครอบครัวที่สมรสภายใต้หลักกฎหมายอิสลามตามธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือกันมาเป็นอย่างมาก แม้จะทำการสมรส หรือหย่าถูกต้องตามกฎหมายอิสลามแล้วก็ตามก็ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ด้วย เช่น กรณีของข้าราชการมุสลิมทำการสมรสและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอิสลามแต่ไม่สามารถนำทะเบียนสมรสดังกล่าวไปขอรับสวัสดิการจากทางราชการได้ ต้องทำการจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถดำเนินการได้ เป็นต้น


http://www.nrc.or.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=72&Itemid=58
ข้าราชการมุสลิมทำการสมรสและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอิสลามแต่ไม่สามารถนำทะเบียนสมรสดังกล่าวไปขอรับสวัสดิการจากทางราชการได้ ต้องทำการจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถดำเนินการได้ เหมือนกรณีบังธิเลยวุ้ย
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #24 เมื่อ: 31-12-2006, 16:58 »


เพิ่งรู้ว่าประเทศไทยก็มีการแบ่งแยกเขตปกครองพิเศษมาแต่อดีต จนถึงอนาคต แต่ก็เป็นเฉพาะท้องที่ซึ่งไอ้บังเป็นแขก
ปทุมหรือสายอยุธยาก็ไม่เกี่ยวกับจังหวัดเหล่านี้ ส่วนกระทู้นี้พูดถึง เมีย 6 คนของนายอารีย์ ถ้าจะเป็นเมียสองคนของ
ไอ้บังก็คงต้องอีกกระทู้นะ
ไหนว่าประเทศไทยไม่มีการใช้กฏหมายอิสลามไงครับ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูลไม่ใช่ประเทศไทยหรือครับ แล้วเรื่องเมีย 6 คนของนายอารีย์ นี่แถเห็นแล้วหรือครับว่ามีจริง ไม่ใช่เป็นเพียงนายอารีย์พูดประชด
บันทึกการเข้า
banana_dot
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 187



« ตอบ #25 เมื่อ: 31-12-2006, 17:02 »

ผมเกลียดพวกที่ชอบยุ่งเรื่องครอบครัวเขาที่สุด...
ไม่รู้ในเวปนี้มีพวกแบบนี้ด้วยหรือปล่าว ไม่รู้เก็บกดมาจากเมียบ้าที่บ้านหรือเด็กๆ
ที่ไม้เอก หรือลูกที่ติดยา ถึงต้องไปก้าวก่ายหาเรื่องให้ครอบครัวเขา ถ้าเขาคนนั้น
มายุ่งกับครอบครัวคุณก่อนก็ไม่มีไครว่าหรอก
ปล. คุณจะไปคาดการณ์เรื่องความสุขในชีวิตครอบครัวเขา หรือความพอใจในชิวิต
สมรสแบบนี้มัน ไม่ชั่วไปหน่อยเหรอ
บันทึกการเข้า

-"ภาพแห่งความทรงจำ แม้จะเลือนรางไปตามการเวลา หากแต่เป็นเรื่องที่มีคุณค่าทางจิตใจ ย่อมจะย้อนกลับมาทำให้มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเสมอ "
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #26 เมื่อ: 31-12-2006, 17:09 »


เพิ่งรู้ว่าประเทศไทยก็มีการแบ่งแยกเขตปกครองพิเศษมาแต่อดีต จนถึงอนาคต แต่ก็เป็นเฉพาะท้องที่ซึ่งไอ้บังเป็นแขก
ปทุมหรือสายอยุธยาก็ไม่เกี่ยวกับจังหวัดเหล่านี้ ส่วนกระทู้นี้พูดถึง เมีย 6 คนของนายอารีย์ ถ้าจะเป็นเมียสองคนของ
ไอ้บังก็คงต้องอีกกระทู้นะ
ไหนว่าประเทศไทยไม่มีการใช้กฏหมายอิสลามไงครับ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูลไม่ใช่ประเทศไทยหรือครับ แล้วเรื่องเมีย 6 คนของนายอารีย์ นี่แถเห็นแล้วหรือครับว่ามีจริง ไม่ใช่เป็นเพียงนายอารีย์พูดประชด

เข้าใจผิดในแง่ของคำ ขอบใจที่หา link มาให้ กฎหมายอิสลามในที่นี้เป็นกฎหมายสากล ใช้ในประเทศอิสลามทั้งหลาย
แต่ในประเทศไทยที่มีใช้เพียงเจ็ดมาตราในสี่จังหวัดตั้งแต่ปีมะโว้ แล้วก็กลายเป็นว่ากฎหมายนี้สร้างปัญหามากกว่าเพราะ
ว่าประเทศไทยใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นใหญ่ ถ้าจะใช้กฎหมายอิสลามก็เฉพาะผู้นับถือศาสนาอิสลามและ
เฉพาะสี่จังหวัดนี้ด้วย เช่น เรื่องทะเบียนสมรสนี้ ถ้าใช้ในงานของศาสนาอิสลามก็ได้ (แต่คิดว่าไอ้บังไม่ได้ไปจดที่สี่จังหวัด
นี้แน่นอน) แต่เอามาใช้ข้างนอกไม่ได้ ถึงจะจดสี่คนในศาสนาอิสลาม ก็จดได้แค่คนเดียวในกฎหมายแพ่ง มาตรา 1452
ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ ไม่ได้
บันทึกการเข้า
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 31-12-2006, 17:15 »

เรื่องแบบนี้จะพูดจะทำอะไรก็ควรจะศึกษากันให้ดีว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร  เรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องของ" ความเชื่อ" ซึ่งปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน

รุ่นน้องผมที่ทำงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เล่าให้ฟังว่า ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำงาน จะนั่งจับกลุ่มกันอยู่ในร้านน้ำชา พูดคุยกัน ถึงเวลาก็ไปสวดมนต์   เพราะถือว่าผู้ชายมีหน้าที่ในการสืบทอดศาสนา ส่วนหน้าที่ในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัวจะเป็นหน้าที่ของผู้หญิง เค้าถึงให้มีได้ถึง 4 คน  

ส่วนเรื่องจะมีเมียกี่คนผมว่าก็คงต้องดูว่า เค้ามีแล้วมันเดือดร้อนใครหรือเปล่า ไปแย่งใครมาหรือเปล่า หรือไปหลอกลวงผู้หญิงว่ายังไม่มีเมีย หรือเมียสองคนเกิดการทะเลาะเบาะแว้งแย่งสมบัติกัน  การจะเอาศิลธรรมไปจับว่าใครผิดหรือถูก มันต้องมีเหตุผลประกอบว่าที่ทำไปนั้นมีเหตุผลหรือที่มาที่ไปอย่างไร   ไม่ใช่เอาหลักความเชื่อทางพุทธไปใช้กับหลักความเชื่อทางอิสลาม แล้วบอกว่าผิดหลักศิลธรรม  ซึ่งมันไม่ถูกต้อง  

ส่วนทางด้านกฏหมาย  ก็ยังไม่เห็นหลักฐานอะไรที่แสดงว่า พล.อ.สนธิ จดทะเบียนซ้อน  

 นี่ดีนะยังเป็นแค่เรื่องสมัย ร.ท.-ร.อ.  ถ้ามันเกิดเล่นเอารูปสมัยเด็กมา ตอนเค้าเดินเหยียบมดตาย นี่ สงสัยโดนข้อหาฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอีกข้อแน่เลย  เฮ้อปวดหัว    
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #28 เมื่อ: 31-12-2006, 17:19 »


เพิ่งรู้ว่าประเทศไทยก็มีการแบ่งแยกเขตปกครองพิเศษมาแต่อดีต จนถึงอนาคต แต่ก็เป็นเฉพาะท้องที่ซึ่งไอ้บังเป็นแขก
ปทุมหรือสายอยุธยาก็ไม่เกี่ยวกับจังหวัดเหล่านี้ ส่วนกระทู้นี้พูดถึง เมีย 6 คนของนายอารีย์ ถ้าจะเป็นเมียสองคนของ
ไอ้บังก็คงต้องอีกกระทู้นะ
ไหนว่าประเทศไทยไม่มีการใช้กฏหมายอิสลามไงครับ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูลไม่ใช่ประเทศไทยหรือครับ แล้วเรื่องเมีย 6 คนของนายอารีย์ นี่แถเห็นแล้วหรือครับว่ามีจริง ไม่ใช่เป็นเพียงนายอารีย์พูดประชด

เข้าใจผิดในแง่ของคำ ขอบใจที่หา link มาให้ กฎหมายอิสลามในที่นี้เป็นกฎหมายสากล ใช้ในประเทศอิสลามทั้งหลาย
แต่ในประเทศไทยที่มีใช้เพียงเจ็ดมาตราในสี่จังหวัดตั้งแต่ปีมะโว้ แล้วก็กลายเป็นว่ากฎหมายนี้สร้างปัญหามากกว่าเพราะ
ว่าประเทศไทยใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นใหญ่ ถ้าจะใช้กฎหมายอิสลามก็เฉพาะผู้นับถือศาสนาอิสลามและ
เฉพาะสี่จังหวัดนี้ด้วย เช่น เรื่องทะเบียนสมรสนี้ ถ้าใช้ในงานของศาสนาอิสลามก็ได้ (แต่คิดว่าไอ้บังไม่ได้ไปจดที่สี่จังหวัด
นี้แน่นอน) แต่เอามาใช้ข้างนอกไม่ได้ ถึงจะจดสี่คนในศาสนาอิสลาม ก็จดได้แค่คนเดียวในกฎหมายแพ่ง มาตรา 1452
ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ ไม่ได้

แล้วมันจะไม่ขัดกับเสรีภาพในการนับถือศาสนา กับความเสมอภาคที่อยู่ในรัฐธรรมนูญรึ แล้วทะเบียนสมรสที่จดซ้อนนั้นมีชัดเจนรึยังเห็นมีแต่ภาพถ่าย หรือว่าภาพถ่ายนั้นใช้เป็นทะเบียนสมรสได้ ว่าแต่ไมยอมรับว่าเป็นสากลแล้วล่ะ 
ตามหลักมาตรฐานสากลเค้าให้จดแค่คนเดียวนะ ไม่ว่าศาสนาไหนก็เหอะ

ไปหลอกสาวด้วยทะเบียนสมรสนี่ความสามารถต่ำจริง เข้าข่ายหลอกลวง

เลยนะนั่น ไม่ต้องกระแดะมาอ้างจริยธรรมเลยแบบนี้
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #29 เมื่อ: 31-12-2006, 18:09 »

ไม่ได้ถ่ายและไม่ได้เห็นภาพถ่ายนั้น ไม่ต้องยกมาอ้าง ส่วนเรื่องความเป็นสากลของระบบเมียเดียวผัวเดียว
35% จากประชากรโลกที่สำรวจได้ก็น่าจะพอแล้วนะ

Social monogamy is the only legal form of marriage in several of the world’s most populous nations including China, members of the European Union, United States, Russia, and Japan. Based on population estimates from the CIA World Factbook 2006 [8], a little over one-third of the world's population lives in these nations.

Selected Populations from CIA World Factbook 2006 [8]

Nation Population
China 1,313,973,713
European Union members 456,953,258
United States 298,444,215
Russia 142,893,540
Japan 127,463,611
Sum 2,339,728,337
World Total 6,525,170,264
Percent 35.8%
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #30 เมื่อ: 31-12-2006, 22:26 »

ไม่ได้ถ่ายและไม่ได้เห็นภาพถ่ายนั้น ไม่ต้องยกมาอ้าง ส่วนเรื่องความเป็นสากลของระบบเมียเดียวผัวเดียว
35% จากประชากรโลกที่สำรวจได้ก็น่าจะพอแล้วนะ

Social monogamy is the only legal form of marriage in several of the world’s most populous nations including China, members of the European Union, United States, Russia, and Japan. Based on population estimates from the CIA World Factbook 2006 [8], a little over one-third of the world's population lives in these nations.

Selected Populations from CIA World Factbook 2006 [8]

Nation Population
China 1,313,973,713
European Union members 456,953,258
United States 298,444,215
Russia 142,893,540
Japan 127,463,611
Sum 2,339,728,337
World Total 6,525,170,264
Percent 35.8%

แล้วรู้ได้ไงว่าบังธิจดทะเบียนซ้อนจริง ว่าแต่แล้วอีก 65% ล่ะไม่เอามาบ้างรึ
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #31 เมื่อ: 17-03-2007, 20:13 »

ให้ประเทศไทยเป็นรัฐอิสลามเสียก่อน

ปรามพิราบขาวคุ้ยเรื่องส่วนตัว มท.1 ระบุมุสลิมมีเมียได้ 4 คน [ไทยรัฐ 30 ธ.ค. 49 - 15:21]
 
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าววันนี้ (30 ธ.ค.) ถึงกรณีนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล
แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นำหลักฐานการจดทะเบียนสมรสซ้อนของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและ
ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
การนำมาขุดคุ้ยกันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ควรจะดูเรื่องการช่วยเหลือประเทศชาติให้มีความสุขและทำให้เกิดความกลมเกลียว
กันดีกว่า

“ผมไม่ทราบเรื่องจดทะเบียนซ้อน ทราบแต่เพียงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวจริง ๆ ถ้าจะพูดกันไป คนที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้อาจ
จะมีมากกว่า พล.อ.สนธิ ด้วยซ้ำ ฉะนั้น หยุดเรื่องนี้ดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่เลย ผมมี 6 คน ก็เป็นเรื่องของผม พูดอย่างนี้มันไม่ถูก
ผมว่าเอางานมาวัดกันดีกว่า มัวแต่พูดกันอย่างนี้ก็เสียหาย ท่านจะมีอะไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่อย่าลืมว่ามุสลิมมีเมียได้
4 คน แล้วท่านมีแค่ 2 คน มันเรื่องเล็ก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว


Who is he ?

http://www.khonthai.com/inqcpd/khonthai.html


http://party.ect.go.th/member/index.asp

???

ตกลงไอ้เบื๊อกตัวนี้ ตัวเดียวก่ะ ที่แบกโลงประท้วงเหลี่ยม หน้าทำเนียบป่าว เหอ ๆ ทำไปด้าย แต่หลอกควายได้แน่นอน 555++
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #32 เมื่อ: 18-03-2007, 08:38 »

^
^
ตรรกะของคนที่ยึดตัวบุคคลมากกว่าการใช้เหตุผลพิจารณา
แทนที่จะดูความเป็นไปได้ของข้อเท็จจริง ตามที่ปรากฏ
กลับดูว่า ใครเป็นคนพูด
ข้อเท็จจริง มิใช่ ความคิดเห็น แยกเป็นหรือเปล่า?


อ่านคำสัมภาษณ์ ก็พอจะพบบางอย่างแล้ว หากลองคิดพิจารณา

1) นายอารีย์ มิได้ปฏิเสธว่า “ข้อกล่าวหา” ไม่จริง
พิจารณา หากไม่จริง น่าจะปฏิเสธเสียงแข็งไปแล้ว จะว่าผู้กล่าวหา ดูหมิ่น หรือ
ใส่ร้ายป้ายสี อะไรก็ยังได้

2) ตรงกันข้าม เขากลับบอกว่า “ท่านจะมีอะไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน” “ผมมี 6 คน
ก็เป็นเรื่องของผม”
พิจารณา พฤติกรรมการไม่เคารพกฏหมายของบุคคลสาธารณะ (จดทะเบียนสมรสซ้อน)
เป็น “เรื่องส่วนตัว” หรือเปล่า? หรือดูเฉพาะที่เราเดือดร้อน? เช่น ถ้าเลี่ยงภาษีไม่กี่บาท
อย่างชาวบ้าน ทำๆ กัน ไม่เป็นไร จิ๊บจ็อย เล็กน้อย แต่ถ้าเลี่ยงหลายพันล้าน ไม่ได้หรอก
ต้องจ่ายมาซะดีๆ ไม่งั้นประเทศชาติไม่มีเงินใช้

3) และเบี่ยงประเด็นไปว่า “มุสลิมมีเมียได้ 4 คน แล้วท่านมีแค่ 2 คน มันเรื่องเล็ก”
พิจารณา ข้อกล่าวหาอยู่ที่ จดทะเบียนสมรสซ้อน มิใช่ มีภรรยามากกว่า 1 คน ไม่เกี่ยว
อะไรกับศาสนา ยกขึ้นมาพูดด้วยเหตุใด? หากอยากจะเกี่ยว ก็คงต้องถามว่า มุสลิมมี
ภรรยา2 คน ไม่ผิด แล้วถ้ามี 6 คนผิดหรือไม่? หรือว่า “เป็นเรื่องของผม” ดังพูด?
ประเด็นนี้คงต้องเรียนเชิญท่านที่เป็นมุสลิมหรือผู้รอบรู้ศาสนาอิสลามช่วยตอบ

4) “คนที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้อาจจะมีมากกว่า พล.อ.สนธิ ด้วยซ้ำ”
พิจารณา โจมตีผู้ที่มากล่าวหากลับ เพื่อเบี่ยงประเด็นใช่หรือไม่? คนที่มากล่าวหาจะมี
ภรรยากี่คน ก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงที่เขากล่าวหาแปรเปลี่ยน นอกจากนี้ข้อกล่าวหาอยู่ที่
“การจดทะเบียนสมรสซ้อน” หาใช่จำนวนภรรยา

สรุป
เบี่ยงประเด็นหลายๆ ครั้ง กระทั่งอ้างศาสนา อ้างพฤติกรรมของตนเองมารับรอง แต่
มิได้ปฏิเสธตรงๆ ชวนให้มองได้ว่า ข้อกล่าวหาน่าจะมีมูล ซึ่งจริงหรือเท็จ สามารถพิสูจน์
ได้ไม่อยาก หลักฐานย่อมมีอยู่ แต่จะแสดงหรือยอมให้พิสูจน์หรือไม่ ก็แล้วแต่เขา สงสัย
หรือไม่ เชื่ออย่างไร ก็เรื่องของเรา

ส่วน “ผมไม่ทราบเรื่องจดทะเบียนซ้อน” ที่พูดต่อสาธารณะ จริงหรือเท็จ คนพูดเท่านั้น
ที่รู้อยู่แก่ใจ
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
СεгЪεгυŞ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70



« ตอบ #33 เมื่อ: 18-03-2007, 09:00 »

น่าแปลกใจที่คนวิจารณ์เรื่องอำนาจเสรีแห่งประชาชนกำลังสนใจเรื่องใครมีเมียสองคนเป็นพิเศษ


หรือมองได้ว่านี่เป็นสงครามความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล มากกว่าเรื่องหลักการการเมือง ดังที่ชอบใช้อ้างเสมอๆ
บันทึกการเข้า

ม้าหนุ่มแห่งชินจูกุ
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #34 เมื่อ: 18-03-2007, 09:57 »

ไม่ได้สนใจเรื่องใครมีภรรยากี่คน ดังที่บอกข้างบนแล้วว่าสาระของการกล่าวหานี้
อยู่ที่ “การเคารพกฏหมาย” ไม่ใช่ประเด็นว่าเป็นกฏหมายเรื่องใด
หากจะมีที่สนใจเกี่ยวกับจำนวนภรรยา ก็คงใน คคห. บนๆ ที่สงสัยว่ามี 6 คนนั้น
แสดงว่า ไม่ "พอเพียง"ได้หรือไม่?

ที่มาตอบเวลานี้ แค่มาแสดงการใช้เหตุผล กับ อคติที่ตัวบุคคล และไม่ได้ตั้งใจมา
ขุดกระทู้แต่อย่างใด เพียงมองไปเห็นในหน้าสารบัญของ สภากาแฟ ที่มีคนขุดขึ้นมา
ได้อ่านแล้วอยากตอบ เท่านั้น

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
หน้า: [1]
    กระโดดไป: