อนุฯ สอบซีทีเอ็กซ์ ชง คตส.ชุดใหญ่ ชี้มูลผิดกว่า 20 คน งัด ก.ม.4 ฉบับเชือด "ทักษิณ-สุริยะ-บอร์ด บทม.-บอร์ด กทภ.-กรรมการต่อรองราคา" ส่วน "เสี่ยเช" ถูกกันเป็นพยาน ด้าน "อำนวย" เชื่อไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังแน่
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุดใหญ่ มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นประธานการประชุมในวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคมนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร และเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิ หรือโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่มีนายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส. รับผิดชอบจะเสนอผลการตรวจสอบให้ที่ประชุม คตส.ชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้อง
แหล่งข่าวจาก คตส.เปิดเผยว่า การประชุมวันที่ 25 ธันวาคมนี้
ประเด็นที่ต้องจับตามองคือการชี้มูลความผิดกรณีการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 เพราะรายงานการตรวจของอนุกรรมการที่จะเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ คตส.พิจารณากว่า 30 หน้านั้น มีรายชื่อบุคคลที่เสนอให้ที่ประชุมใหญ่ คตส.ชี้มูลความผิดกว่า 20 คน[/u]
ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน, คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ที่มีนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธาน, คณะกรรมการต่อราคางานจ้างออกแบบปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยในการตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระที่มีนายอดิเทพ นาคะวิสุทธิ์ เป็นประธาน นอกจากนี้ยังมีชื่อของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม ในฐานะที่กำกับ บทม.และนายธีระวัฒน์ ศรีฉัตราภิมุข ที่ปรึกษานายสุริยะ ด้วย
"การตรวจสอบเรื่องนี้คณะอนุกรรมการได้สอบปากคำพยานทั้งหมด 22 คน หากพยานคนใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนจะไม่ถูกชี้มูลความผิด แต่จะถูกกันไว้เป็นพยานแทน โดยผู้ที่อนุกรรมการขอกันไว้เป็นพยาน คือ นายวรพจน์ ยศะทัตต์ (เสี่ยเช) กรรมการผู้จัดการบริษัท แพทริออท บิสซิเนส คอนซัลแทนส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ของบริษัทอินวิชั่น เทคโนโลยี" แหล่งข่าว ระบุ
อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 20 คนนั้น ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมใหญ่ว่า มีบุคคลใดบ้างที่จะถูกชี้มูล จากนั้นก็จะตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพื่อเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาแก้ข้อกล่าวหาต่อไป สำหรับกฎหมายที่อนุกรรมการ จะนำมาใช้ชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 20 คน ครั้งนี้ มีจำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การท่าอากาศยาน พ.ร.บ.ความผิดว่าด้วยเจ้าพนักงานของรัฐ ประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
อนุฯซีทีเอ็กซ์ยันประชาชนไม่ผิดหวัง
ด้าน นายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส.ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดการตั้งอนุกรรมการไต่สวน โดยระบุว่า ยังบอกไม่ได้ว่าที่ประชุมใหญ่ คตส.จะเห็นอย่างไร เพราะไม่ต้องการชี้นำ คตส.
เมื่อถามว่าคดีซีทีเอ็กซ์ประชาชนจับตามองมาก ว่าจะสาวถึงนักการเมืองหรือไม่ นายอำนวย กล่าวว่า "ในการสอบสวนพบว่าคนที่มาก็ไม่ได้ซัดทอดอะไร แต่ผมเชื่อว่าประชาชนจะไม่ผิดหวัง"
แหล่งข่าวจากอนุกรรมการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ กล่าวว่า อนุกรรมการได้มีการตรวจสอบในหลายประเด็นเพื่อพยายามให้สำนวนการสอบสวนรัดกุมมากที่สุด ทั้งในเรื่องขั้นตอนการประกวดราคา ขั้นตอนการพิจารณาจัดหาจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ บันทึกรายงานผลการประชุมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งคณะกรรมการบริหารบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ในยุคนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตประธานบอร์ด บทม.คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) คณะกรรมการพิจารณาต่อรองราคา รวมถึงผลการสอบสวนของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การสอบสวนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, คณะกรรมาธิการพิจารณาสอบสวนการทุจริตคอรัปชั่นของวุฒิสภาที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน มาพิจารณาประกอบด้วย
รวมทั้งผลการสอบปากคำ ผู้มาชี้แจงต่ออนุกรรมการ คตส.ทั้งมาชี้แจงด้วยตัวเอง และมาชี้แจงด้วยเอกสาร เช่น นายศรีสุข จันทรางศุ ประธานบอร์ด บทม.และพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อมูลที่แน่นหนาพอสมควรสำหรับการชี้มูลความผิดเพื่อเสนอให้ คตส.ตั้งอนุกรรมการไต่สวน
แหล่งข่าวจาก คตส. เปิดเผยว่า การประชุม คตส.ในวันที่ 25 ธันวาคม คณะอนุกรรมการทั้ง 13 โครงการจะมีการรายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบ แต่จะมีการขอมติจากที่ประชุมเพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนชี้มูล ความคดีจำนวน 2 เรื่อง คือคดีจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และคดีจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ แต่มีหลายเรื่อง ที่ตอนแรกเดิมจะให้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนพร้อมกันไปด้วย แต่ล่าสุดอนุกรรมการบางชุดเห็นว่า พยานหลักฐานที่จะโยงไปถึงผู้เกี่ยวข้องยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับฝ่ายการเมืองได้ เพราะจากการที่เชิญบุคคลมาชี้แจงปรากฏว่าไม่ได้มีการซัดทอดใดๆ เลย ทำให้คดีส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งข้อกล่าวหากับฝ่ายปฏิบัติของทางราชการมากกว่า โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ประชุมด้วยว่าจะให้ตั้งอนุกรรมการสอบสวนหรือไม่
ส่วนความเป็นมาของการสอบสวน 2 คดี ที่จะให้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแจ้งข้อหาความผิดกับผู้เกี่ยวข้องในวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคมนี้ ได้แก่ 1.กรณีการซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มูลค่า 772 ล้านบาท ที่มีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง เป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบ ซึ่งนายอุดมได้สรุปว่า การซื้อที่ดินของคุณหญิงพจมานเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืน มาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 ซึ่งทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะสามีต้องมีความผิดตามมาตรา 122 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"แต่กรณีนี้อาจจะไม่สามารถตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้ทันที เพราะ คตส.ไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหาย และในมาตรา 66 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าวบังคับให้การดำเนินคดีกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระทำความผิดหรือทุจริตต่อหน้าที่ต้องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องมาเท่านั้น คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้กำกับดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และกระทรวงการคลัง ดังนั้น นายอุดมจะเสนอที่ประชุมให้มีมติทำหนังสือ ทำหนังสือชี้แจงเพื่อเสนอให้ทาง ธปท.และกระทรวงการคลัง มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับทาง คตส.เพื่อให้สามารถดำเนินการสอบสวนทางอาญาได้" แหล่งข่าวคตส. กล่าว
2.โครงการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดภายในสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ซีทีเอ็กซ์ 9000 คณะอนุกรรมการตรวจสอบที่มีนายสวิน อักขรายุทธ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นประธานอนุกรรมการ โดยมีนายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส.เป็นอนุกรรมการ ได้สรุปผลการสอบสวนว่ากระบวนการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ตั้งแต่เริ่มต้นการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าประกวดราคา และคุณสมบัติของเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซึ่งพบว่ามีความผิดหลายประการ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 เพิ่มเป็นจำนวน 26 เครื่อง รวมทั้งระบบสายพานลำเลียงมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท ทำให้เกิดส่วนต่างของราคาจำนวน 600 ล้านบาท และในธุรกรรมทางการเงินของนายวรพจน์ ยศะทัตต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แพทริออท บิสซิเนส คอนซัลแทนส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องซีทีเอ็กซ์นั้น พบว่ามีเงินเข้าบัญชีนายวรพจน์ก่อนที่เครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 ถูกส่งเข้ามาประมาณ 900 ล้านบาท แต่กลับมีเงินเข้าบัญชีจนเต็มอีก จึงมีความเห็นว่าเป็นความผิดตาม ระเบียบว่าด้วยการพัสดุสำนักนายกรัฐมนตรี, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542
อีก 3 โครงการนั้น พบว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างมากแต่ยังรอการสรุปผลในชั้นสุดท้ายอยู่ คาดว่าจะสามารถรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.ให้รับทราบได้เพื่อขอให้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไปโดยอย่างช้าไม่เกินต้นเดือนมกราคม 2550 อันได้แก่ โครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากสถานีมักกะสันไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ที่มีนายแก้วสรร อติโพธิ เป็นประธานอนุกรรมการ โครงการท่อร้อยสายไฟฟ้าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท ที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นประธานอนุกรรมการ และโครงการปลูกต้นยาง 90 ล้านต้น เพื่อยกระดับรายได้และความมั่นคงให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกยางใหม่ มูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านบาท ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ซึ่งมีนายบรรเจิด สิงคะเนติ เป็นประธานอนุกรรมการ
อนุฯสอบกล้ายางขอขยายเวลาสอบเพิ่ม
แหล่งข่าวระดับสูงจาก คตส.เปิดเผยด้วยว่า ในการประชุมวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ประธานอนุกรรมการสอบสวนบางคดีจะมีการขอต่ออายุการสอบสวนออกไปอีก เพราะตามคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการสอบสวนที่ลงนามโดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ได้ให้เวลาในการสอบสวนกับอนุกรรมการแต่ละชุดไว้ 60 วัน ซึ่งขณะนี้ครบกำหนดแล้วหลายชุดแต่การสอบสวนยังไม่สามารถสรุปผลได้จึงจะขอให้มีการขยายเวลาออกไปอีก
สำหรับอนุกรรมการสอบสวนที่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าจะขอขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก เช่น อนุกรรมการสอบสวนคดีทุจริตการกล้ายางของนายบรรเจิด สิงคะเนติ โดยแหล่งเปิดเผยว่า อนุกรรมการสอบสวนได้ประชุมกันครั้งสุดท้าย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า สำนวนการสอบสวนยังโยงไม่ถึงอดีตรัฐมนตรีบางคนในกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นคนริเริ่มและกำหนดนโยบายต้นกล้างยางได้ ดังนั้นเพื่อให้การสอบสวนสามารถเอาผิดอดีตรัฐมนตรีที่ออกนโยบายดังกล่าวได้ ทำให้อนุกรรมการสอบสวนต้องการให้ได้พยานหลักฐานชัดเจนมากกว่านี้
"อลงกรณ์"ยื่นป.ป.ช.สอบ"ทักษิณ"
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ได้รับการร้องเรียนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการเพื่อตัวเองและครอบครัว โดยเจรจาธุรกิจโทรคมนาคมให้ธุรกิจในครอบครัว กับประธานาธิบดีของเม็กซิโก ระหว่างเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2545 ที่ประเทศเม็กซิโก จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีหลักฐานอันควรเชื่อว่า ส่อกระทำการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ดังนั้น ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ เวลา 11.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป
http://news.sanook.com/politic/politic_71127.php----------------------------------------------------------------------------------
บางคนได้อ่านข่าวนี้แล้วหนาวๆ ร้อนๆ
บางคนไ้ด้อ่านข่าวนี้รู้สึกอบอุ่นใจ แม้ในหน้าหนาว
