ไม่ต่างกันคอลัมน์ เดินหน้าชน โดย ภาคภูมิ ป้องภัยมติชน วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10515ผ่านมาแค่ 2 เดือน มีหลายเรื่องที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลัง
พยายามทำตัวเหมือนชุด "ถาวร" เข้าไปเรื่อยๆ
ลืมไปว่า ตัวเองมาเพียง "ชั่วคราว" และหลงไปว่า ต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เคยมี
ในอดีต
แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ตาม
เรื่องแรก ทีมงานโฆษกกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2550 ผู้หนึ่ง แถลงผลการประชุมเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า
จากงบฯ ทั้งสิ้น 1,566,200 ล้านบาท กมธ. ได้ปรับลดลงทั้งสิ้น 5,589.53 ล้านบาท
ในส่วนที่ไม่จำเป็นและมีความซ้ำซ้อน เช่น ค่าจ้างที่ปรึกษา การไปราชการต่างประเทศ
รายการครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้าง จากนั้นจะนำมาเพิ่มในงบกลาง 2,000 ล้านบาท
"สำหรับงบฯ ดูงานต่างประเทศของสมาชิก สนช. และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญนั้น
ได้ปรับลดลง แต่อาจมีสำรองไว้บ้าง"
แต่ก็ออกตัวไว้มิให้น่าเกลียดว่า "ขึ้นอยู่กับกฤษฎีกาว่าจะระบุสิทธิประโยชน์ในการ
ทำหน้าที่ของ สนช. และสภาร่างรัฐธรรมนูญไว้อย่างไร หากกฤษฎีกาไม่กำหนด ก็
ไม่สามารถนำไปใช้ได้"
ผมจำได้ว่า
คนใน สนช. หลายคนเคยพูด เคยเขียน เคยท้วงติงก่อนที่จะมีวาสนามา
เป็นสนช. ถึงความไม่เหมาะสมในการใช้เงินภาษีชาวบ้านไปดูงานต่างประเทศ หรือ
"ทัวร์นอก" ของ ส.ส. ส.ว. หรือองค์กรปกครองท้องถิ่น
ทว่าพอตัวเองได้เป็น สนช. แทนที่จะยกเลิก กลับยังให้มีอยู่ต่อไป แล้วไปหั่นงบฯ
หน่วยอื่นๆ รวม 5,589.53 ล้านบาท โดยอ้างซ้ำซ้อน ฟุ่มเฟือย และไม่จำเป็นถามจริงๆ เถอะ สมาชิก สนช. ส่วนใหญ่ไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศหรือไงครับ
เขาตั้งให้มาทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายเป็นหลัก
มีเวลาทำงานเหลืออีกไม่กี่เดือน
แล้วจะไปดูงานหาตะบักตะบวยอะไรกันส่วนงบฯ ดูงานของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญนั้น ถามว่าจำเป็นอะไรต้องตั้งเอาไว้
ผมมั่นใจว่า กรรมาธิการทั้ง 35 คนซึ่งได้รับเลือก เกือบทุกคนเคยไปศึกษาดูงานต่าง
ประเทศจนเชี่ยวชาญมาหมดแล้ว ทุกอย่างอยู่ในตำราอยู่ในหัวหมดแล้ว ไม่จำเป็น
ต้องบินไปอีกแน่นอน
เชื่อผมเถอะ มีงบฯ ดูงานของ สนช. และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญอยู่เท่าไหร่ ตัดไป
ไว้งบกลางฉุกเฉินเถอะ
ยังมีผู้ประสบภัยพิบัติทั่วประเทศรอคอยความช่วยเหลือจากเงิน
ที่ สนช. คิดจะเอาไปถลุงเรื่องที่สอง บรรดาสมาชิก สนช. กลุ่มต่างๆ เข้าคิวเสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการ
วิสามัญเพิ่มอีก 7 คณะ มาศึกษาและติดตามเรื่องต่างๆ อาทิ ปฏิรูปการเมือง การทุจริต
หวยบนดิน ปัญหาแรงงาน ปัญหาภาคใต้ ฯลฯ
ทั้งๆ ที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. เคยท้วงติงไว้อย่างมีเหตุผลว่า
อยากให้
สมาชิก สนช. เน้นภารกิจที่แท้จริงคือ การพิจารณากฎหมาย ไม่ใช่การตั้งคณะ
กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญจำนวนมาก เพราะจะไม่มีเวลาทำงานหลัก รวมถึงงบฯ
ที่ต้องจ่ายเป็นเบี้ยประชุมจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นภาระของประเทศผมเห็นด้วยกับอาจารย์มีชัยครับ
กมธ. สามัญมีอยู่แล้วประมาณ 21 ชุด ครอบคลุม
ทุกด้าน สามารถศึกษาติดตามงานของรัฐบาลได้ดีอยู่แล้ว
แล้วจะตั้ง กมธ. วิสามัญมาศึกษาหาพระแสงของ้าวอะไรอีก รู้อยู่ว่า มีไฟ อยากทำงาน แต่ควรเอาไปใช้ให้ถูกที่ถูกทางคือ ทำหน้าที่พิจารณาร่าง
กฎหมาย และแสดงผลงานใน กมธ. สามัญไม่ดีกว่าเหรอ
ไม่อยากกล่าวหาว่า หลายคนต้องการเป็น กมธ. วิสามัญเพื่อรับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้น หรือ
อยากมีบทบาทมากขึ้น จะได้เป็นข่าวถี่ๆ เอาไว้ "ต่อ ยอด" สำหรับลงสมัคร ส.ส. และ
ส.ว. ในสมัยหน้า
แต่ผมเห็นหน้าสมาชิก สนช. หลายคนแล้วอดคิดไม่ได้
เชื่อว่า มีคนอีกมากที่ไม่อยากเห็น สนช. ชุดนี้ทำเรื่องสองเรื่องข้างต้นเช่นอดีต ส.ส.
อดีต ส.ว. ที่ผ่านๆ มาเคยทำ เพราะวิธีคิดดังกล่าวมันเป็น "สันดาน" ของนักการเมือง
พันทาง มันไม่ใช่จริตของคนส่วนใหญ่ใน สนช.
ถึงแม้อาจจะมีสมาชิกบางคนติดเชื้อมาบ้าง แต่ก็คงเป็นส่วนน้อย
ดังนั้น สมาชิกส่วนใหญ่ควรจะทักท้วง ห้ามปรามสมาชิกส่วนน้อยมิให้นำพา สนช.
เข้ารกเข้าพง
ระวัง..ชาวบ้านเขาจะด่าลับหลังว่า
"พวกคุณก็ไม่ต่างอะไรกับพวกก่อนๆ แม้แต่น้อย"http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act01241249&day=2006/12/24