ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-04-2024, 19:09
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "ทักษิณ" คัมแบ็ก กู้หรือซ้ำเติมวิกฤตประเทศ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"ทักษิณ" คัมแบ็ก กู้หรือซ้ำเติมวิกฤตประเทศ  (อ่าน 768 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 11-12-2006, 21:54 »

"ทักษิณ" คัมแบ็ก กู้หรือซ้ำเติมวิกฤตประเทศ

 
          โดย — ชลธิชา เหลิมทอง

          การกลับมาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างว่าเพื่อ มากู้วิกฤตของประเทศ อาทิ เรื่องปัญหาราคาน้ำมันแพง ปัญหายาเสพติดที่กำลังกลับคืนมา ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังดิ่งลง ฯลฯ
          ถามว่าทักษิณจะแก้วิกฤตได้จริงหรือ หากมองถึงต้นสายปลายเหตุของวิกฤต
            “ฟันธงได้เลยว่า ทักษิณจะไม่สามารถแก้วิกฤตปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ เพราะเขาคือตัวปัญหา ฉะนั้น ปัญหาจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ” ดร.ไชยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
          หัวหน้าภาควิชาการปกครองผู้นี้ยังมองว่า การที่ทักษิณควบคุมสื่อ ครอบงำข้อมูลข่าวสารแบบเข้มงวดแบบนี้ ก็สามารถทำให้ประชาชนจำนวนมากเชื่อทักษิณว่าเขาสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ เพราะประชาชนในต่างจังหวัดรับ ข้อมูลด้านเดียว
         
 “การแก้ปัญหาของทักษิณก็จะเป็นการแก้แบบวิธีเดิมๆ มุกเก่า เช่น อาจจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการลดแลกแจกแถมนิดๆ หน่อยๆ แบบประชานิยมฉาบฉวย ประชาชนก็จะรู้สึกตื่นเต้น และคิดว่าเขาแก้ปัญหาได้จริงๆ ทั้งที่ความจริงแล้วคนอย่างทักษิณไม่เคยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบลูบหน้าปะจมูก ซึ่งเขามีทักษะการสร้างภาพเก่งกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา และฉลาดที่ใช้ระบบราชการเป็นแขนขาในการขยายนโยบายประชานิยม โดยการให้มาลงทะเบียนรายชื่อ ไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดหลักการประชาธิปไตย เพราะเป็นการสัญญา ‘ว่าจะให้’ เพราะ ฉะนั้นเราต้องช่วยกันสกัดเขาออกไปจาก การเมืองไทย เพราะเป็นเรื่องอันตรายในอนาคตทั้งสิ้น”

          อาจารย์ไชยันต์ กล่าวต่อไปว่า การที่ทักษิณต้องลงไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยด้วย ตัวเองนั้น อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า นอกจากทักษิณจะเน้นการสร้างภาพแล้ว ครม.ชุดนี้ยังไม่เป็นตัวของตัวเองและแก้ปัญหาไม่เป็น โดยส่วนตัวเข้าใจว่า เป็นถึงซีอีโอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะมันสะท้อนถึงการบริหารงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรืออาจจะเป็นการสร้างภาพไปพร้อมๆ กัน ซึ่งน่าจะทำให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น ถ้าไม่เรียกว่าสร้างภาพก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ทำให้อยากรู้ว่าตอนที่ทักษิณบริหารเอไอเอสถ้ากิจการขายไม่ดี เขาต้องลงมาขายด้วยตัวเองเลยหรือไม่
          เขายังระบุอีกว่า สิ่งที่รู้สึกเป็นห่วงจากนี้ไปคือ เรื่องปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่หลายคนเข้าใจกันว่าเกิดจากราคาน้ำมันโลก แต่แท้ที่จริงแล้วเกิดจากผลประโยชน์ทับซ้อนในบริษัท ปตท. ซึ่งทักษิณก็รู้แต่ไม่ทำอะไร
          อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุดในขณะนี้หลังจากที่ทักษิณกลับมาอีกครั้ง คือ ปัญหาความแตกแยกในสังคมที่จะรุนแรงอีกครั้งเกินว่าที่จะหากาวใจใดๆ มาเยียวยาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณชอบ อีกทั้งกาวใจบางคน ยังถูกทักษิณทำร้ายไปแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงกระบวนการทางศาลเท่านั้น
          “จากนี้ไป 5 เดือนจนถึงช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความอ่อนไหวต่อสังคมไทยมาก อาจจะนำมาซึ่งการเผชิญหน้าแบบล้มกระดานกันไปข้างหนึ่ง โดยเฉพาะพรรคไทยรักไทย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด การเช็กบิลแทนนายก็จะเกิดขึ้น ณ วันนั้นทุกอย่างคงยุ่งเหยิงไปหมด จนอาจนำมาสู่เหตุการณ์ รุนแรง และทักษิณก็จะไปจากสังคมไทย เหลือแต่ความเสียหายของสังคมไทยเท่านั้น” ดร.ไชยันต์ กล่าว
          ดร.ไชยันต์ กล่าวถึงทางออกในการแก้วิกฤตในขณะนี้ว่า สังคมต้องช่วยกันกดดันให้ทักษิณออกไปจากสังคมไทยให้ได้ ซึ่งเหลือเพียงกระบวนการศาลเท่านั้นที่ยังมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น ทักษิณควรต้องเข้ากระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้าบริสุทธิ์ก็ไม่มีปัญหา ถ้าทำผิดก็ต้องลงโทษ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่บิดเบือนรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย
          “สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ควรออกมาแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เขาเป็นผู้บิดเบือนรัฐธรรมนูญจนแทบไม่เหลือ เจตจำนงเดิม ทักษิณต้องถูกตรวจสอบจากศาลเหมือนกับที่ กกต.โดนอยู่บ้าง เพราะเขาทำผิดด้วยกันมาตั้งแต่ต้น จึงไม่อยากให้สังคมลืมเรื่องความบกพร่องทางจริยธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่าถ้า ส.ส.ร.ออกมาในช่วงนี้ อาจจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้มีการปฏิรูป การเมืองโดยเร็วได้ หรือไม่เช่นนั้นพรรค ไทยรักไทยต้องถูกยุบพรรค เชื่อว่าจะสามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ทั้งหมดได้ในระยะเวลา อันสั้น” อาจารย์ไชยันต์ กล่าวทิ้งท้าย
           ขณะที่ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) มองว่า การที่ทักษิณกลับมาในช่วงเวลานี้ น่าจะเป็นตัวสะท้อนที่ชัดเจนว่า พรรคไทยรักไทย (ทรท.) ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองตามที่ได้ประกาศเอาไว้ เพราะดูเหมือนว่า สุดท้าย ทรท.ต้องพึ่งบุคคลคนเดียวคือ นายกฯ ทักษิณ คนเดียวเท่านั้น
          อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าแปลกใจว่า ปัญหา ที่นายกฯ อ้างว่าต้องกลับมาแก้ไขนั้น เป็นปัญหาเดิมๆ ที่นายกฯ เคยแก้ไว้ทั้งสิ้น แสดงให้เป็นว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแก้ปัญหาได้ เพราะถ้าแก้ได้ไปตั้งแต่ต้นคงไม่ต้องกลับมาแก้อีก เช่น ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหายาเสพติดที่เคยโฆษณาว่าประสบความสำเร็จ ทำไมต้องกลับมาแก้อีก
          "การกลับมาครั้งนี้จึงเป็นการฟ้องตัวเองว่า ที่ผ่านมาไม่เคยแก้ปัญหาพื้นฐานสังคมเหล่านี้ได้เลย โดยเฉพาะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่รัฐบาลทักษิณเข้ามา และไม่เคยแก้ไขได้ฉะนั้น การที่บอกว่าปัญหารุนแรงขึ้นเพราะขาดนายกฯจึงเป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น ข้อสงสัยว่า นายกฯ จะกลับมาแก้ไขอะไร ในเมื่อปัญหามาพร้อมกับตัวนายกฯ" ดร.สมเกียรติ พูดชัดๆ
          เขาบอกว่าไม่รู้สึกแปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศนโยบายประชานิยมอย่างเร่งรีบ เพราะประชานิยมเป็นเครื่องมือที่ดีในการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น ในขณะที่ ทรท.มีปัญหาเรื่องคะแนนเสียงใน กทม.และเขตหัวเมืองฐานเสียงที่ยังเหลืออยู่คือกลุ่มลูกค้าที่อยู่ห่างไกลแถบชนบท ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใช้นโยบายแบบนี้ทุกครั้ง รวมถึงการแสดงออกซึ่งท่าทีที่กระฉับกระเฉง สัญญาว่าจะให้อย่างโน้นอย่างนี้ แต่การติดตามความคีบหน้าการทำนโยบายให้สำเร็จตรงกันข้าม ดังนั้นที่ผ่านมามักเป็นปัญหาว่า ภาพที่ออกมากับการกระทำที่เกิดขึ้นจริงมันขัดแย้งกัน ฉะนั้น นายกฯ ควรโฟกัสเอตัวเนื้องานมากกว่าการสร้างภาพ
          ถามว่าสังคมไทยจะไม่สามารถรอดพ้นนโยบายประชานิยมจากทักษิณใช่หรือไม่ ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า ต้องดูว่าในอนาคตจะมีการแก้กติการในการปฏิรูปการเมืองอย่างไร ถ้ากติกาเปลี่ยนไป แนวทางการหาเสียงของพรรคการเมืองก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะต้องไม่ลีมว่านโยบายประชานิยมถือกำเนิดจากรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มีพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง แน่นอนว่าสูตรหาเสียงทางนโยบายของพรรคการเมืองใหญ่เป็นเรื่องที่ดี ถือว่าเป็นความสำเร็จของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามถ้าพรรคการเมืองเหล่านี้เข้มแข็ง บางครั้งนโยบายที่ดีอาจจะถูกบิดเบือนไปได้ กลายเป็นแต่นโยบายการตลาดเท่านั้น
          นักวิชาการที่ดีอาร์ไปผู้นี้ กล่าวถึงข้อดีข้อด้อยของนโยบายประชานิยมของรัฐบาลทักษิณที่ผ่านมาว่า บางนโยบายก็เป็นนโยบายที่ดี เช่นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แม้ว่าในทางปฏิบัติจะมีปัญหามาก แต่ ก็มีนโยบายอีกหลายนโยบายที่ไม่แน่ใจว่ามีทำไม หรือรัฐบาลต้องการหาเสียงเพียงอย่างเดียว เช่น นโยบายโคล้านต้ว เพราะประเทศไทยไม่ได้มีความสามารถในการเลี้ยงโค อีกทั้งเรายังเปิดการค้าเสรีกับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่มีความสามารถในการเลี้ยงโคมากกว่าไทย ในอนาคต โคล้านตัวจะเป็นอย่างไร ดังนั้น บางนโยบายก็ต้องปรับปรุง ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียในอนาคต
          "บอกไม่ได้ว่าเรามีทางเลือกอื่นนอกจากนโยบายประชานิยมหรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับกติการใหม่ และขึ้นอยู่กับทางเลือกนโยบายของพรรคคู่แข่งขันว่าจะแตกต่างจากพรรคไทยรักไทย ถูกใจตลาด และมีความรับผิดชอบได้หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็สามารถมีทางเลือกอื่นได้ เช่น การที่ประชาธิปัตย์ประกาศว่าเป็นนโยบายสวัสดิการสังคม ถ้าฉีกออกมาได้จริง ถ้าทำได้จริง ก็ถือว่าเรามีทางเลือก แต่ต้องดูว่าพรรคนี้จะมีน้ำยาทำได้จริงหรือไม่เท่านั้น" ดร.สมเกียรติ กล่าว
          ดร.สมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกนโยบายต้องทำบนพื้นฐานกระบวนนโยบายที่ถูกต้อง คือ ประชาชนต้องมีส่วนร่วม ตรวจสอบโดยคนที่เป็นกลางได้ ถ้าทำแบบนี้ได้ก็สามารถลดข้อเสียของนโยบายประชานิยมในอนาคตได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่าประชาชนอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ เช่น การมีที่หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่สามารถประเมินภาพรวมได้ว่าสังคมอยู่ในสภาพแบบใด ถ้าประชาชนที่ยังชอบที่รอให้รัฐบาลนำสิ่งต่างๆ มาให้ ก็ถือว่าสังคมอ่อนแอ แต่ในขณะนี้ประชาชนเริ่มรู้หรือไม่ว่า รัฐบาลไม่ได้มีเงินจริง เชื่อว่าในระยะยาวประชาชนจะได้เรียนรู้มากขึ้น
 


..... โพสต์ทูเดย์




เผอิญไปพบบทความนี้จาก"ข่าวสารบ้านเมือง"ของรัฐสภาไทย....

อ่านบทความนี้ แล้วคิดย้อนหลังไปก่อนจะมีการเลือกตั้งอัปยศ 2 กุมภาพันธ์ 2549 การวิเคราะห์ของสองนักวิชาการ ดร.ไชยยันต์และดร.สมเกียรติ "แม่นยำ"เพียงใด........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2006, 21:57 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 11-12-2006, 22:21 »

กลับมาติดคุกเหรอครับ   
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


หน้า: [1]
    กระโดดไป: