ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 06:39
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ประชาธิปไตยอันมีกองทัพอยู่ข้างบน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ประชาธิปไตยอันมีกองทัพอยู่ข้างบน  (อ่าน 2342 ครั้ง)
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« เมื่อ: 11-12-2006, 04:13 »

ประชาธิปไตยอันมีกองทัพอยู่ข้างบน

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

ภายใต้นิติบัญญัติของสภาแต่งตั้งจำเป็นต้องรีบติเรือทั้งโกลน นอกจากนี้ ยังมีเรือสับปะรังเค
ที่กองอยู่กลาดเกลื่อนในสังคมไทยซึ่งต่อมาตั้งแต่สมัยเผด็จการทหาร เป็นบทเรียนว่า
ปราศจากการตรวจสอบของกระบวนการประชาธิปไตย อำนาจจะไม่คิดทำอะไรอื่นมากไปกว่า
รักษาอำนาจของตัว


ประธาน คมช. กล่าวว่ากฎหมายใหม่เพื่อปรับโครงสร้าง กอ.รมน. กำลังจะออกมา ซึ่ง
โดยสรุปก็คือโอนอำนาจทั้งหมดของ กอ.รมน. กลับมาอยู่กับฝ่ายทหาร ผบ.ทบ. จะ
กลับมาเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ กอ.รมน. ใหม่แทนนายกรัฐมนตรี แม้กระนั้นภารกิจ
ของ กอ.รมน. ก็ไม่ใช่เรื่องทหารเพียงอย่างเดียว แต่รวมกิจการอีกหลายอย่างของฝ่าย
พลเรือน รวมแม้กระทั่งสิ่งที่น่าจะจัดว่าเป็น "การเมือง" แท้ๆ

เช่น คอยติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลเก่า แปลว่าเราทุกคน
ต้องเสียภาษีเพื่อให้เขาใช้ในการต่อสู้กับศัตรูทางการเมืองของเขานั่นเอง

ส่วนกิจการซึ่งดูเป็น "พลเรือน" ที่ยกขึ้นมาคือการปราบปรามยาเสพติดและการลักลอบ
เข้าเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ประธาน คมช. ยังกล่าวว่า ภัยคุกคามความมั่นคงในโลกยุคปัจจุบัน
ที่สุดคือภัยการก่อการร้าย ขึ้นชื่อว่า "ก่อการร้าย" แล้ว ไม่อาจแยกได้เลยระหว่าง "พลเรือน"
และ "ทหาร" ซ้ำภารกิจของฝ่าย "ทหาร" ยังเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามการตัดสินใจที่พิจารณา
ปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้านของฝ่าย "พลเรือน" อีกด้วย

และเพราะ กอ.รมน. ใหม่ไม่ได้แยกให้ทหารเป็นฝ่ายปฏิบัติ แต่กลับเป็นผู้กำหนดและ
จัดการเรื่องความมั่นคงทั้งหมดเอง จึงต้องเชื่อมโยง กอ.รมน. ใหม่เข้ากับราชการฝ่าย
พลเรือน โดยอำนาจอยู่ในมือของผู้อำนวยการ กอ.รมน. หรือผู้อำนวยการ กอ.รมน. ภาค
ซึ่งก็คือแม่ทัพภาคนั่นเอง ผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจต้องทำงานร่วมกับ กอ.รมน.
ในสมัยสฤษดิ์-ถนอม-ประภาส ยังมีคำสั่งให้หน่วยราชการทุกแห่งที่อยู่ในส่วนภูมิภาค
อยู่ในการกำกับควบคุมของ กอ.รมน. (หรือ กอ.ปค.) จังหวัดและภาคด้วย (หรือของ
ผบ. กรมหรือกองของหน่วยทหารและแม่ทัพภาคนั่นเอง)

แขนขาของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในภายหน้าจึงไม่ได้เป็นอวัยวะของรัฐบาล
หากเป็นอวัยวะของกองทัพ


หนังสือพิมพ์ฝรั่งบอกว่า โครงสร้างใหม่ของ กอ.รมน. นี้เอารูปแบบมาจากกระทรวงความ
มั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐ อันเป็นมาตรการที่ละเมิดสิทธิประชาธิปไตยของอเมริกันอย่าง
โจ่งแจ้งหลายประการ ผ่านสภามาได้ก็ด้วยความตระหนกของสังคมอเมริกันในช่วงหลัง
เหตุการณ์ 9/11

ในสังคมที่ประเพณีประชาธิปไตยไม่ได้หยั่งรากลึกอย่างไทย ก็ยิ่งชัดว่ากฎหมายใหม่ที่
จะปรับโครงสร้าง กอ.รมน. นี้คงไม่ต่างจากการสถาปนาอำนาจของกองทัพไว้ในการเมือง
ไทยอย่างมั่นคงถาวร ไม่ต่างจากโครงสร้างของรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งคณะทหารพม่ากำลัง
ร่างอยู่ในเวลานี้

การที่มองยาเสพติดและการลักลอบเข้าเมืองว่ากระทบต่อความมั่นคง ก็แสดงอยู่แล้วว่า
ความมั่นคงไม่ได้มีความหมายแคบๆ เพียงอธิปไตยหรือบุรณภาพทางดินแดนของรัฐ
การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ระมัดระวัง จนเป็นผลให้เกิดวิกฤตอย่างรุนแรงขึ้นใน
2540 กระทบต่อความมั่นคงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซ้ำวิถีทางแก้ปัญหาก็ยังอาจยิ่งส่งผล
กระทบต่อความมั่นคงหนักขึ้นไปอีกก็ได้ แล้วแต่จะเลือกวิถีทางไหน

กล่าวโดยสรุป การจรรโลงความมั่นคงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเลือก ไม่ใช่มีหนทางอยู่อย่างเดียว
เพราะแต่ละหนทางล้วนมีคนได้คนเสียในหนทางนั้นๆ ทั้งสิ้น การระงับสิทธิเสรีภาพตาม
รัฐธรรมนูญ อาจช่วยยับยั้งการก่อการร้ายได้ในบางกรณี แต่ในขณะเดียวกันก็เสริมให้การ
ก่อการร้ายมีความชอบธรรมมากขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อตอบโต้ "การก่อการร้าย" ของรัฐเอง
จึงช่วยกระพือให้การก่อการร้ายกระทำได้ง่ายขึ้นไปพร้อมกัน ฉะนั้นจึงต้องเลือกระหว่าง
การยับยั้งกับการกระพือ ได้แค่ไหน เสียแค่ไหน เมื่อเลือกแต่ละหนทาง

แม้ฝ่ายทหารเข้าใจความหมายของความมั่นคงกว้างขึ้น แต่ก็ยังคิดว่าความมั่นคงเป็นเรื่อง
เทคนิคเฉพาะ เหมือนการสร้างสะพานหรือการเย็บปักถักร้อย จึงเป็นภาระของผู้เชี่ยวชาญ
ต้องตัดสินใจเอง แต่ดังที่กล่าวแล้วว่าหนทางที่จะรักษาความมั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องเลือก
และต้องเลือกจากปัจจัยที่หลากหลายกว่ากำลังมากนัก เลือกทั้งวิธีการและเลือกทั้งผลที่
จะเกิดจากวิธีการนั้นๆ

ปัจจัยทางทหารย่อมเป็นส่วนหนึ่งอย่างแน่นอนในการตัดสินใจเลือก แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียว
ซ้ำไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดด้วย

ในสภาพเช่นนี้ ใครจะเป็นคนเลือกที่ดีที่สุด คำตอบคือสังคมทั้งหมดต้องเข้าใจปัญหา
และเข้าใจผลของทางเลือกให้ดี จะทำให้สังคมทั้งหมดเป็นผู้เลือกได้ ขึ้นอยู่กับ
"กระบวนการ" คือต้องมีกระบวนการที่จะทำให้สังคมรับรู้ สังคมมีโอกาสคิด สังคมมี
โอกาสโต้เถียงอภิปราย และสังคมมีอำนาจหรือเครื่องมือทางการเมืองที่จะลงมติเลือก
(นับตั้งแต่สื่อ, สภา, ฯลฯ ขึ้นไปจนถึงประชามติ)

"กระบวนการ" อย่างนี้ เขาเรียกว่าประชาธิปไตย ซึ่งเป็นน้ำเนื้ออยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน
อยู่แล้วแม้แต่ในสังคมไทยโบราณ ไม่เกี่ยวกับการซื้อสิทธิขายเสียง


ถ้าว่าในทางรูปธรรม การเอา กอ.รมน. มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี
จึงถูกต้องแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งควรต้อง "รับผิด"
(accountable) ต่อกระบวนการทางการเมือง การที่นายกรัฐมนตรีเอา กอ.รมน. ไปใช้
ในทางผิดๆ เช่น เอาไปเล่นงานศัตรูทางการเมือง และไม่นำเอาการเลือกหนทางของ
การรักษาความมั่นคงเข้าสู่กระบวนการทางการเมือง เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีก็คิดอย่าง
เดียวกับประธาน คมช. ในปัจจุบัน คือมองไม่เห็นว่าความมั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องเลือก
ไม่ใช่เรื่องของผู้เชี่ยวชาญ มองเห็นแต่มิติของการบริหาร กอ.รมน. แต่มองไม่เห็นหรือ
ไม่ยอมมองมิติทางการเมืองของ กอ.รมน.

จึงเป็นธรรมดาที่นายกรัฐมนตรีย่อมใช้หน่วยงานนี้ไปในการรักษาอำนาจของตนเอง และ
ไม่ประหลาดที่ควรจะระแวงประธาน คมช. ว่าจะลงเอยด้วยการใช้ กอ.รมน. เพื่อประโยชน์
อย่างเดียวกัน ตรรกะของการจัดการย่อมนำไปสู่จุดสรุปเดียวกัน

อนึ่ง การชี้ว่าการก่อการร้ายเป็นภัยต่อความมั่นคงนั้น ควรเข้าใจการก่อการร้ายให้ดีกว่า
รับฟังอเมริกันเพียงฝ่ายเดียว ในความพยายามสถาปนาภาวะการนำอย่างโดดเดี่ยวของ
สหรัฐให้มั่นคงถาวร สหรัฐใช้การก่อการร้ายสากลเป็นเครื่องมือสำหรับกำกับควบคุมรัฐ
อื่นๆ ให้อยู่ภายใต้ภาวะการนำของตัว เจ้าหน้าที่อเมริกัน "เดินตลาด" ขายการก่อการร้าย
สากลไปทั่ว

แต่การก่อการร้ายแบบที่อเมริกันเผชิญกับแบบที่อีกหลายประเทศ เช่น พม่าหรือจีนหรือ
เลบานอนเผชิญนั้นต่างกัน ภาวการณ์นำของสหรัฐกำลังถูกท้าทาย ทั้งในเวทีการเมือง
ระดับโลก ในท้องถนน ในการประชุมขององค์กรระหว่างประเทศ และในเวทีการก่อการ
ร้ายด้วย หากไทยต้องเผชิญกับการก่อการร้าย ก็ไม่เกี่ยวกับภาวการณ์นำของไทยใน
โลกกว้าง ยกเว้นแต่เราไปทำตัวเป็นด่านหน้าให้แก่ภาวการณ์นำของอเมริกัน

การก่อการร้ายที่เราเผชิญอยู่นั้นที่จริงแล้วก็เหมือนกับที่เกิดในประเทศอื่นๆ อีกมาก ส่วน
หนึ่งคือการตอบโต้กับการก่อการร้ายที่รัฐกระทำก่อน (เช่น ในปาเลสไตน์และเลบานอน-
รวมถึงการกระจายทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งก็เป็นการก่อการร้ายอีกชนิดหนึ่ง) อีก
ส่วนหนึ่งก็เพราะเวทีการต่อสู้อื่นไม่เปิดสำหรับผู้ก่อการได้ใช้ หรือใช้อย่างได้ผลในการ
ต่อรองทางการเมือง (ไม่ว่าจะเป็นกรณีสามจังหวัดภาคใต้ หรือกรณีเผาโรงเรียนในภาค
เหนือและอีสาน) ทั้งสมรรถภาพและเป้าหมายของผู้ก่อการในประเทศไทยก็ค่อนข้าง
จำกัด ทำให้แทบไม่กระทบกับคนและพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ

การต่อสู้กับการก่อการร้ายในประเทศไทยจึงไม่อาจจำกัดอยู่กับยุทธวิธีทางการทหาร
แต่อย่างเดียว ตรงกันข้ามยุทธศาสตร์ทางการเมืองกลับมีความสำคัญกว่า และน่าจะเป็น
ตัวกำหนดยุทธวิธีทางการทหารด้วยซ้ำ การระดมกำลังราชการทั้งหมดมาดำเนินการภาย
ใต้ทหาร กลับชี้ให้เห็นทัศนวิสัยที่คับแคบและไร้เดียงสาเกินกว่าจะเผชิญกับการก่อการ
ร้ายในโลกปัจจุบันได้

กฎหมายใหม่ของ กอ.รมน. ที่อาจผ่านฉลุยจากสภาแต่งตั้ง เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะอาจ
มีผลกำหนดอนาคตของการเมืองไทยไปอีกนาน
(ไม่ว่าจะร่างรัฐธรรมนูญกันอย่างไร เพราะ
ในเมืองไทยนั้น เขาฉีกรัฐธรรมนูญได้ง่ายๆ แต่ไม่เคยฉีกกฎหมายสักฉบับ) สังคมควร
เฝ้าระวังและเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในทุกขั้นตอน... ตั้งแต่ขึ้นโกลนเพื่อต่อเรือ
เลยทีเดียว

มติชน วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10502

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act02111249&day=2006/12/11

ติเรื่อทั้งโกลนเลย อย่ารอจนสร้างเสร็จแล้วค่อยเอิ้อนเอ่ยบอกว่าอยากได้รถไฟฟ้า หาใช่เรือ
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #1 เมื่อ: 11-12-2006, 04:22 »

ติเรือทั้งโกลน <-- สำนวนโอลสคูลดีแท้ 
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #2 เมื่อ: 11-12-2006, 05:02 »


ถ้าว่าในทางรูปธรรม การเอา กอ.รมน. มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี
จึงถูกต้องแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งควรต้อง "รับผิด"
(accountable) ต่อกระบวนการทางการเมือง การที่นายกรัฐมนตรีเอา กอ.รมน. ไปใช้
ในทางผิดๆ เช่น เอาไปเล่นงานศัตรูทางการเมือง และไม่นำเอาการเลือกหนทางของ
การรักษาความมั่นคงเข้าสู่กระบวนการทางการเมือง เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีก็คิดอย่าง
เดียวกับประธาน คมช. ในปัจจุบัน

เปรียบเทียบกันแล้วเหลี่ยมน่ากลัวกว่า
เพราะนอกจากมีอำนาจตามกฎหมายแล้ว
ยังมีอำนาจนอกกฎหมาย อำนาจตามช่องของกฎหมายอีกร้อยแปด

ขี้เกียจสาธยาย 


แถมยังมีความหน้าด้านตอแหลเป็นคุณสมบัติพิเศษ

น่ากลัวขนาดฆ่าตัดตอนเป็นพันคน ไม่เห็นมีใครกล้าออกมาถามซักคน(นอกจากในหลวง)

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #3 เมื่อ: 11-12-2006, 07:43 »

คอลัมน์ : แยกรัชวิภา : ทักษิณกลับเมื่อไหร่

ฐานดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณ จะกลับมาแข็งแรง และมีความสมหวังอีกครั้งในปี 2553
วันนั้น หาก พ.ต.ท. ทักษิณ คัมแบ็ก กลับมาใหม่ได้ จะมีอำนาจมาก และน่ากลัวมาก
จะมีรายการตามเช็คบิลเป็นหางว่าว ช่วงนั้นคงต้องตัวใคร-ตัวมัน

คนเห็นกันแล้วว่า ในใจ'flake เธอ ยืนข้างไหน?

อย่ามาป่าวร้องว่า ชั้นเป้นกลาง ไม่อิงทรท. ไม่เอาปฎิวัติอีกล่ะ
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #4 เมื่อ: 11-12-2006, 09:40 »

หลังจากวันที่สิบเก้ากันยาเป็นต้นมา ก็นับว่าเป็นการฉีกหน้ากากของผู้คนที่มีชื่อเสียงในสังคมเป็นจำนวน
มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็ต้องขอขอบคุณท่านนายกทักษิณที่ทำให้คนไทยจำนวนมากตา
สว่างจะเหลือจำนวนน้อยก็คงต้องปล่อยไปตามชะตากรรม ในการแก้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจในประเทศ
ที่กำลังอ่อนแอรัฐบาลจำเป็นต้องมีหน่วยงานเพื่อคอยสนับสนุนการทำงานให้เด็ดขาดและไปสู่จุดมุ่งหมาย
ของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถ้ามัวแต่รอทุกอย่างไปในกระบวนการที่เป็นเส้นทางตรงคงยากที่จะแก้ปัญหา
เร่งด่วนได้ทันเวลา เมื่อกฎหมายได้ให้อำนาจไว้ก็เหมือนกับเป็นทางลัดไปที่ปัญหาโดยตรง เช่น หน่วยงาน
กอ.รมน. ไม่ต้องผ่านขั้นตอนของระบบตำรวจทหารตามปกติ แต่มันก็ย่อมเป็นดาบสองคมอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ ก็แล้วแต่ว่าจะตีความเจตนากันอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าหน่วยงานลักษณะนี้ต้องมีด้วยจุดประสงค์
ดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานนี้ต้องเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลเท่านั้น การย้ายไปขึ้นกับ ผบ.ทบ. เท่ากับว่า
ต้องเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของ กอ.รมน. และไม่เห็นประโยชน์อันใดถ้าต้องไปขึ้นกับทหารนอกจากว่า
ทหารจะนำหน่วยงานนี้มาใช้หาผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องมองกันอย่างซับซ้อน
เลยซักนิด พวกท่านปัญญาชนผู้มีวิจารณญาณสูงส่งทั้งหลายหลังจากเห็นไส้ในของเหล่าทหารหาญที่เหม็น
เน่าแล้วก็ขอจงอย่าได้หน้ามืดตามัวหลงใหลได้ปลื้มมันอีกเลย เพราะเรื่องอย่างนี้ก็จะต้องโผล่ออกมาเรื่อยๆ
ตามเส้นทางการปฏิวัติของคนปัญญานิ่ม อย่าได้คาดหวังว่าจะเห็นงาช้างงอกออกจากปากสุนัขเลยครับ
มาเดินขบวนกันเถอะ
บันทึกการเข้า
555555555555
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 309



« ตอบ #5 เมื่อ: 11-12-2006, 09:53 »

หลังจากวันที่สิบเก้ากันยาเป็นต้นมา ก็นับว่าเป็นการฉีกหน้ากากของผู้คนที่มีชื่อเสียงในสังคมเป็นจำนวน
มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็ต้องขอขอบคุณท่านนายกทักษิณที่ทำให้คนไทยจำนวนมากตา
สว่างจะเหลือจำนวนน้อยก็คงต้องปล่อยไปตามชะตากรรม ในการแก้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจในประเทศ
ที่กำลังอ่อนแอรัฐบาลจำเป็นต้องมีหน่วยงานเพื่อคอยสนับสนุนการทำงานให้เด็ดขาดและไปสู่จุดมุ่งหมาย
ของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถ้ามัวแต่รอทุกอย่างไปในกระบวนการที่เป็นเส้นทางตรงคงยากที่จะแก้ปัญหา
เร่งด่วนได้ทันเวลา เมื่อกฎหมายได้ให้อำนาจไว้ก็เหมือนกับเป็นทางลัดไปที่ปัญหาโดยตรง เช่น หน่วยงาน
กอ.รมน. ไม่ต้องผ่านขั้นตอนของระบบตำรวจทหารตามปกติ แต่มันก็ย่อมเป็นดาบสองคมอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ ก็แล้วแต่ว่าจะตีความเจตนากันอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าหน่วยงานลักษณะนี้ต้องมีด้วยจุดประสงค์
ดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานนี้ต้องเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลเท่านั้น การย้ายไปขึ้นกับ ผบ.ทบ. เท่ากับว่า
ต้องเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของ กอ.รมน. และไม่เห็นประโยชน์อันใดถ้าต้องไปขึ้นกับทหารนอกจากว่า
ทหารจะนำหน่วยงานนี้มาใช้หาผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องมองกันอย่างซับซ้อน
เลยซักนิด พวกท่านปัญญาชนผู้มีวิจารณญาณสูงส่งทั้งหลายหลังจากเห็นไส้ในของเหล่าทหารหาญที่เหม็น
เน่าแล้วก็ขอจงอย่าได้หน้ามืดตามัวหลงใหลได้ปลื้มมันอีกเลย เพราะเรื่องอย่างนี้ก็จะต้องโผล่ออกมาเรื่อยๆ
ตามเส้นทางการปฏิวัติของคนปัญญานิ่ม อย่าได้คาดหวังว่าจะเห็นงาช้างงอกออกจากปากสุนัขเลยครับ
มาเดินขบวนกันเถอะ

ปัญหาภาคใต้มันเริ่มรุนแรงในสมัยทักสิน มันแก้มากี่ปีก็แก้ไม่ได้ ยิ่งแก้ยิ่งมั่ว แล้วยังสะเออะมาขอบคุณทักสินอีกโว้ย
บันทึกการเข้า
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #6 เมื่อ: 11-12-2006, 09:59 »

ใครวะ คนส่วนน้อย ปัญญาชนที่ออกไปเย้วๆเมื่อวาน ตั้ง 500 ก่าคนแน่ะ คนมหาศาล หน้าตาก้มีแต่โง่ๆหลอกง่าย

เทียบกับการกินซฺกแซฏตากกฎหมายของ ไอ้เหลี่ยมพ่อแถน่ะเด็กๆ
บันทึกการเข้า
MacBookPro
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 765



« ตอบ #7 เมื่อ: 11-12-2006, 10:04 »

ใครวะ คนส่วนน้อย ปัญญาชนที่ออกไปเย้วๆเมื่อวาน ตั้ง 500 ก่าคนแน่ะ คนมหาศาล หน้าตาก้มีแต่โง่ๆหลอกง่าย

เทียบกับการกินซฺกแซฏตากกฎหมายของ ไอ้เหลี่ยมพ่อแถน่ะเด็กๆ



No No No ปัญญาชน

Yesterday is ปัญญาอ่อน 
บันทึกการเข้า

ไอ้เหลี่ยม - ทักษิณ ชินวัตร ชาตะ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 มรณะ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #8 เมื่อ: 11-12-2006, 13:17 »

หากพูดตามหลักการ ผมก็เห็นด้วยกับ จารย์นิธิ นะครับ
แต่พอดูความเป็นจริง แล้วมันเศร้า

รัฐบาล พลเรื่อน "แม้ว" มันไม่เคยนึกถึงกความมั่นคง
ของประเทศ ไล่ฆ่าตัดตอนเป็นว่าเล่น สร้างปัญหาภาคใต้
จนใหญ่โตลุกลาม พอมีปัญหากับพม่า ก็สั่งให้กองทัพ
อยู่เฉยๆ เพราะกลัวเรื่องเงินๆ ทองๆ ของตัวเอง

แล้ว ระหว่าง อยู่ในมือ กองทัพ หรือ พลเรือน
อย่างไหน อันตราย กว่ากัน

คิดแล้วกลุ้ม
บันทึกการเข้า
room5
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 573



« ตอบ #9 เมื่อ: 11-12-2006, 16:14 »

เบื่อพวก FAKE ครับ มาแรกๆก็อ้างเป็นกลาง ตอนหลังเผยธาตุแท้
ปากไม่ตรงกับใจ จะทำอะไรก็ให้มันจิงใจหน่อย คนเค้ารู้ไต๋กันหมดแล้ว มาปะล่อมสร้างภาพ
ให้ตัวเองดูดีมีเครดิต ตอนหลังก็ไม่ต่างจากพวกนั้นซะเท่าไร

ขายหน้านะ
]
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #10 เมื่อ: 11-12-2006, 16:54 »

ก็แค่พวกไม่มีราคา แต่พยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนทุกวิถีทางเพื่อยกหางตนเอง น่าสมเพช
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #11 เมื่อ: 11-12-2006, 18:35 »

ผมขอเลือก ความยุติธรรมในสังคมและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง มาก่อนประชาธิปไตยครับ

ถ้าคุณสโนว์เฟคคิดจะไล่รัฐบาลทหาร และ คมช. ในตอนนี้ คุณมีทางออกอะไรให้ประเทศชาติบ้างครับ
บันทึกการเข้า
สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #12 เมื่อ: 11-12-2006, 20:07 »

สงสัย ประชาธิปไตย ในความหมาย จขกท. ก็คืิอการเลือกตั้ง

สงสัยต้องให้ไปอยู่จีน ซักพัก

เพราะที่จีน ก็มีการเลือกตั้งเหมือนกันนะ...จะบอกให้
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #13 เมื่อ: 11-12-2006, 20:48 »

เรื่อง กอ.รมน. ที่โอนกลับมาอยู่ฝ่ายทหาร และเพิ่มกำลังทั้งประเทศ 6 หมื่นคน
(จังหวัดนึงยังไม่ถึง 1 พันคน) สำหรับผมไม่รู้สึกว่ามันมีปัญหาตรงไหนเลยครับ
เพราะก่อนโดนยึดอำนาจที่ทักษิณบอกให้ สส. เขตเตรียมคนเขตละ 3,000 คน
เป่านกหวีดเมื่อไหร่ให้มารวมกันได้ทันที มันมากมายน่าเป็นห่วงกว่าหลายเท่า

รวมทั้งหมด 400 เขตก็ล้านกว่าคน ถ้าจัดการชุมนุมอะไรขึ้นมามีกำลังมากกว่า
ทหารตำรวจทั้งประเทศรวมกันที่มีกำลังพลประจำการรวมไม่เกิน 5 แสนนาย

และถ้าไม่โดนยึดอำนาจเสียก่อน ป่านนี้ทักษิณ Take over กองทัพเรียบร้อย
โรงเรียนแม้วไปแล้ว รวมทั้งตำรวจ สภาผู้แทน วุฒิสภา ผู้ว่า CEO อบจ. อบต.
ไม่ต่างจากเผด็จการสมัยสฤษดิ์ ถนอม ประภาส  ออกจะน่ากลัวกว่าด้วยซ้ำ


---

เรื่องสืบทอดอำนาจ ความจริงตามประวัติการเมืองของไทยเรา ทหารก็นับเป็น
กลุ่มการเมืองรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน
แต่เขาไม่ต้องลงเลือกตั้ง จากเดิมก็ยึดกุม-
อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตรงๆ  ต่อมาลดบทบาททางตรงลง แต่ก็มีการต่อรอง
ผลประโยชน์กับฝ่ายรัฐบาลมาโดยตลอด  คราวนี้รัฐบาลทักษิณผิดเองที่คิดว่า
จะกินรวมสถาบันทหารได้

ในความคิดผมประเทศประกอบไปด้วยกลุ่มผลประโยชน์ ทุกๆ กลุ่มย่อมต้อง
ปกป้องสิทธิ ผลประโยชน์  ศักดิ์ศรีของตัวเองทั้งนั้น  ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มนักการเมือง กลุ่มตำรวจ กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มชาวไร่ชาวนา กลุ่มมนุษย์-
เงินเดือน กลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มมาเฟีย ฯลฯ และแน่นอนรวมทั้งกลุ่มทหารด้วย

การบริหารประเทศต้องให้ทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้ และร่วมมือร่วมใจกัน
พัฒนาประเทศให้เติบโตก้าวหน้า ไม่ใช่ละโมบโลภมากคิดจะกินรวมทั้งประเทศ
เข้าพวกพ้องตัวเอง อย่างระบอบทักษิณ มันน่าเกลียดเกินไปใครจะยอม


ผมว่าตอนนี้ทหารก็ยังไม่ถึงกับโอเว่อร์อะไรมากมาย แต่จะไม่ป้องกันตัวเองเลย
คงเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรทหารก็ยังไม่มีแนวโน้มจะกินรวบทุกอย่างเป็นของ
กลุ่มตัวเอง ซึ่งในอนาคตต่อไปถ้าเป็นแบบนั้นก็คงยอมกันไม่ได้

ดังนั้นในตอนนี้ผมยังไม่รู้สึกมีปัญหาอะไรกับทหาร การวางเครือข่ายเพื่อป้องกัน
ระบอบทักษิณกลับมากินรวบประเทศอีก ผมกลับรู้สึกเห็นด้วยและไม่ได้รู้สึกเลย
ว่าทหารเป็นภัยคุกคามอะไรต่อประชาชน

ระบอบทักษิณถ้ากลับมาได้ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ที่ฝ่ายต่อต้านทักษิณอยู่เฉยๆ
ไม่ใช่เพราะกลัวอำนาจทหาร หรือเพราะเห็นด้วยกับวิธียึดอำนาจด้วยกำลังทหาร

..แต่เพราะกลัวระบอบทักษิณกลับมายึดครองประเทศต่างหากเล่า..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2006, 20:51 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #14 เมื่อ: 11-12-2006, 21:19 »

ผมขอเลือก ความยุติธรรมในสังคมและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง มาก่อนประชาธิปไตยครับ
ชีวิตนึ้คงไม่ได้เ้ห็นหรอกนะไอ้ที่อยากได้หนะ ตราบใดที่ประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ นอกจากจะยอมรับความไม่ยุติธรรมได้และทำตัวให้อยู่ในฝ่ายที่ได้เปรียบ
ชาวบ้านข้างมากโดยมีกำลังทหารคอยอุดปากเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และยินดีปรีดาปราโมทย์
์กับสิ่งนี้ว่าเป็นความยุติธรรมในสังคมแล้ว คงต้องไปนิยามคำว่ายุติธรรมใหม่นะให้แปลว่าตูได้เปรียบถึงจะถูก
บันทึกการเข้า
คนเจียงใหม่
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 297


« ตอบ #15 เมื่อ: 11-12-2006, 21:34 »

 Coolถ้าตั้งสติดีๆ มองด้วยใจที่เป็นธรรม
ตอนนี้ กับ ตอนที่ทักษิณครองเมือง ตอนนี้ดีกว่าแน่นอน
ตอนทักษิณครองเมือง ไม่มีใครทักท้วงทักษิณได้สักคน
คนที่ทักท้วง ท้วงติง โดนเก็บเข้ากรุหมด
โดยเฉพราะ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องหวานอม
ขมกลืน ดูตัวอย่างง่ายๆ ที่กรมสรรพากร
อย่าโง่กันอีกเลย หู ตา สว่างได้แล้ว
ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ นำพาประเทศชาติ
ไปในทางที่ถูกที่ควรเถอะ  สาธุ
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #16 เมื่อ: 11-12-2006, 21:36 »

เรื่องของกรมสรรพากรขอให้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับซี 7 ซึ 8 แล้วคุณอาจเปลี่ยนความคิดได้
บางทีคนที่ตาสว่างอาจเปลี่ยนเป็นคุณก็ได้นะ
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #17 เมื่อ: 11-12-2006, 21:55 »

เรื่องของกรมสรรพากรขอให้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับซี 7 ซึ 8 แล้วคุณอาจเปลี่ยนความคิดได้
บางทีคนที่ตาสว่างอาจเปลี่ยนเป็นคุณก็ได้นะ

ถ้าคุณชอบแถ รู้อะไรดีๆ จาก ซี 7 ซี 8 ที่ว่า
ที่จะเปลี่ยนความคิด ทำให้คนอื่นตาสว่างได้
ก็บอกมาเลยดีกว่าครับ

ไม่งั้นถือว่างานนี้ เกทับ บลั๊ฟแหลก  Mr. Green
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #18 เมื่อ: 11-12-2006, 22:07 »

เรื่องของกรมสรรพากรขอให้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับซี 7 ซึ 8 แล้วคุณอาจเปลี่ยนความคิดได้
บางทีคนที่ตาสว่างอาจเปลี่ยนเป็นคุณก็ได้นะ

ถ้าคุณชอบแถ รู้อะไรดีๆ จาก ซี 7 ซี 8 ที่ว่า
ที่จะเปลี่ยนความคิด ทำให้คนอื่นตาสว่างได้
ก็บอกมาเลยดีกว่าครับ

ไม่งั้นถือว่างานนี้ เกทับ บลั๊ฟแหลก  Mr. Green
ผมไม่สามารถยกขึ้นมาได้เพราะไม่มีข้อมูลให้อ้างอิง เอาเป็นเปรียบเทียบว่าเจ๊มิ่งทำให้ อสมท
ก้าวหน้าพ้นจากแดนสนธยายังไง นายศิโรตน์ก็เป็นที่เคารพของข้าราชการในกรมสรรพากรใน
ลักษณะเดียวกัน ก็คงจะมีส่วนน้อยของข้าราชการระดับสูงในกรมนี้ที่มองไม่เห็นผลงานของนาย
ศิโรตน์เพราะว่าตั้งแต่มีกรมสรรพากรมา การเปลี่ยนแปลงในสมัยอธิบดีนี้เป็นแบบเอ๊าท์สแตนดิ้ง
ที่สุด เปรียบเทียบแล้วก็เหมือน อสมท ไงครับ เลยอยากให้ไปรับรู้กันเองดีกว่าเพราะว่าชัดมาก
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 11-12-2006, 22:09 »

ไม่มานานนึกว่าพวกลิ่วล้อจะอดอยากปากแห้งตายไปหมดแล้วซะอีก

สงสัยทุนสำรองยังมีอีกเยอะ หรือรอความหวังลมๆแล้งๆว่าทักษิณจะกลับมา....

ตื่นซะเถอะ ยืนอยู่บนความจริง ยังไม่ได้กลับมาไม่พอ ต้องถูกพิพากษาจำคุกอีกด้วย ข้อหาที่เจอมันหลายกระทง รอดยาก...
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


MacBookPro
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 765



« ตอบ #20 เมื่อ: 11-12-2006, 22:15 »

เรื่องของกรมสรรพากรขอให้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับซี 7 ซึ 8 แล้วคุณอาจเปลี่ยนความคิดได้
บางทีคนที่ตาสว่างอาจเปลี่ยนเป็นคุณก็ได้นะ

ถ้าคุณชอบแถ รู้อะไรดีๆ จาก ซี 7 ซี 8 ที่ว่า
ที่จะเปลี่ยนความคิด ทำให้คนอื่นตาสว่างได้
ก็บอกมาเลยดีกว่าครับ

ไม่งั้นถือว่างานนี้ เกทับ บลั๊ฟแหลก  Mr. Green
ผมไม่สามารถยกขึ้นมาได้เพราะไม่มีข้อมูลให้อ้างอิง เอาเป็นเปรียบเทียบว่าเจ๊มิ่งทำให้ อสมท
ก้าวหน้าพ้นจากแดนสนธยายังไง นายศิโรตน์ก็เป็นที่เคารพของข้าราชการในกรมสรรพากรใน
ลักษณะเดียวกัน ก็คงจะมีส่วนน้อยของข้าราชการระดับสูงในกรมนี้ที่มองไม่เห็นผลงานของนาย
ศิโรตน์เพราะว่าตั้งแต่มีกรมสรรพากรมา การเปลี่ยนแปลงในสมัยอธิบดีนี้เป็นแบบเอ๊าท์สแตนดิ้ง
ที่สุด เปรียบเทียบแล้วก็เหมือน อสมท ไงครับ เลยอยากให้ไปรับรู้กันเองดีกว่าเพราะว่าชัดมาก

อย่างนายศิโรฒม์ ไอ้แถก็แถไปด้วยมั่วนิ่มตามเคย หุหุ

หลานผมเรียนกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรมาก็มาเล่าให้ฟังว่า

พฤติกรรมของนายศิโรฒม์นั้นเป็นอย่างไร ในการปกป้องไอ้เหลี่ยมและโคตรมัน วะ ฮ่า ฮ่า

ไอ้แถชอบมั่ว ไอ้มั่วชอบแถ 
บันทึกการเข้า

ไอ้เหลี่ยม - ทักษิณ ชินวัตร ชาตะ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 มรณะ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #21 เมื่อ: 11-12-2006, 22:17 »

มั่วไม่มั่วผมก็ไม่อ้างวงในลูกหลานบ้าบอคอแตกหรอก นอกจากคนที่ไม่มีวิธีจะให้คนอื่นเชื่อ
ก็ต้องยกโน่นยกนี่ขึ้นมาเรื่อย ตัวจริงคงไม่มีหรอก เลิำกเหอะมุกนี้ มันโบราณเหลือเกินแล้ว

แน่จริงก็ยกชื่อหลานและเจ้าหน้าที่ขึ้นมาอ้างอิงสิครับ อย่าส่งเดช
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #22 เมื่อ: 11-12-2006, 22:22 »


ถ้าคุณชอบแถ รู้อะไรดีๆ จาก ซี 7 ซี 8 ที่ว่า
ที่จะเปลี่ยนความคิด ทำให้คนอื่นตาสว่างได้
ก็บอกมาเลยดีกว่าครับ

ไม่งั้นถือว่างานนี้ เกทับ บลั๊ฟแหลก  Mr. Green
ผมไม่สามารถยกขึ้นมาได้เพราะไม่มีข้อมูลให้อ้างอิง เอาเป็นเปรียบเทียบว่าเจ๊มิ่งทำให้ อสมท
ก้าวหน้าพ้นจากแดนสนธยายังไง นายศิโรตน์ก็เป็นที่เคารพของข้าราชการในกรมสรรพากรใน
ลักษณะเดียวกัน ก็คงจะมีส่วนน้อยของข้าราชการระดับสูงในกรมนี้ที่มองไม่เห็นผลงานของนาย
ศิโรตน์เพราะว่าตั้งแต่มีกรมสรรพากรมา การเปลี่ยนแปลงในสมัยอธิบดีนี้เป็นแบบเอ๊าท์สแตนดิ้ง
ที่สุด เปรียบเทียบแล้วก็เหมือน อสมท ไงครับ เลยอยากให้ไปรับรู้กันเองดีกว่าเพราะว่าชัดมาก

เรื่องผลงานคุณศิโรตน์ในการพัฒนากรมสรรพากรผม OK
เพราะทำได้ล้ำหน้ากว่าหน่วยงานราชการอื่นจริง ในด้าน
การบริหารจัดการ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีโดดเด่นมาก

แต่เรื่องปกป้องเหลี่ยม ก็เป็นข้อครหาที่รู้เห็นกันทั้งประเทศ
และพาให้ข้าราชการในกรม ต้องจำใจปกป้องเหลี่ยมไปด้วย

ว่าแต่เรื่องที่บอกมานี้ ไม่เห็นทำให้ผมเปลี่ยนความคิด
หรือตาสว่างอะไรเลย ที่รู้มามีแค่นี้เองหรือครับ  Mr. Green
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2006, 22:23 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #23 เมื่อ: 11-12-2006, 22:27 »

มีสิ่งที่นายศิโรตน์ทำได้โดยที่คนอื่นยอมรับอีกพอสมควรไม่ใช่แค่เรื่องบริหารและเทคโนโลยี
ส่วนเรื่องภาษีของท่านทักษิณถ้ามีใจเป็นกลางไม่อิจฉาริษยาเป็นที่ตั้งแล้วการมอบหุ้นให้ลูก
ไม่ว่าจะผ่านทางใดก็ตามโดยไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น มันเข้าข่ายจะเป็นภาษีมรดกนะครับ
ส่วนเรื่องนายบรรณพจน์ก็เป็นเรื่องของอธิบดีคนก่อนสมัยปี 2541 และมันก็เป็นเรื่องการให้
สำหรับพี่น้องไม่ได้เป็นการทุจริตเงินของคนอื่นแต่อย่างใด ถ้าคุณมีของต้องให้พี่หรือน้องแล้ว
จะต้องบอกให้เค้าไปเสียภาษีด้วยหรือไม่
บันทึกการเข้า
type
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


« ตอบ #24 เมื่อ: 11-12-2006, 23:06 »

ว่าไงหล่ะเรื่อง สรรพากรเก็บภาษี ไปถึงไหนแย้ว ....!!  ป้าย่น วนอยุ่ในอ่าง
รึมีพวกคนฉลาดรู้ทัน ปรักปรำรายวันไปงั้นๆๆ  เร็วจ้าเห็นว่าผิดยื่นฟ้องด่วน.....!!

 
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #25 เมื่อ: 11-12-2006, 23:07 »

มีสิ่งที่นายศิโรตน์ทำได้โดยที่คนอื่นยอมรับอีกพอสมควรไม่ใช่แค่เรื่องบริหารและเทคโนโลยี
ส่วนเรื่องภาษีของท่านทักษิณถ้ามีใจเป็นกลางไม่อิจฉาริษยาเป็นที่ตั้งแล้วการมอบหุ้นให้ลูก
ไม่ว่าจะผ่านทางใดก็ตามโดยไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น มันเข้าข่ายจะเป็นภาษีมรดกนะครับ
ส่วนเรื่องนายบรรณพจน์ก็เป็นเรื่องของอธิบดีคนก่อนสมัยปี 2541 และมันก็เป็นเรื่องการให้
สำหรับพี่น้องไม่ได้เป็นการทุจริตเงินของคนอื่นแต่อย่างใด ถ้าคุณมีของต้องให้พี่หรือน้องแล้ว
จะต้องบอกให้เค้าไปเสียภาษีด้วยหรือไม่

เอวัง..
สุดท้ายแผ่นเสียงก็วนอยู่แค่คำพูดเหลี่ยม "อิจฉาอะดิๆๆๆๆๆ"

คู่มือเลี่ยงภาษี​ ​ฉบับ​ ‘​บิ๊ก​’ ​สรรพากร​ ​สำ​หรับครอบครัวชินวัตร​--> http://forum.serithai.net/index.php?topic=7256.0
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #26 เมื่อ: 12-12-2006, 19:30 »

เอ เรื่องแอมเพิลริชมีกี่ตัวละครมาเกี่ยวบ้างหนอ อ้อ มีท่านทักษิณ ลูกชาย และ ลูกสาว ทั้งหมดสามคน
แล้วแอมเพิลริชทำอะไรให้ใครบ้างหนอ บริษัทบนเกาะนั่นคนเดียวก็เป็นเจ้าของได้แล้วก็ไม่ได้ทำนิติกรรม
อะไรกับใครเลย แค่พ่อๆ ลูกๆ นี่เอง คงจะว่างเลยทำอะไรเล่นแก้เซ็งมั้ง แล้วต้นทางปลายทางเป็นยังไง
ล่ะ ก็หุ้นจากพ่อ ไปวนเล่นๆ ในบริษัทฯ พ่อๆ ลูกๆ แล้วก็โอนให้ลูก ไม่เห็นมีตัวละครอื่นใดนี่ แล้วจะไปอยาก
ได้ภาษีเค้าเรื่องอะไรล่ะ เรื่องเล่นสนุกไปกับบริษัทฯ บนเกาะแก้เซ็งเหรอ หรือ ภาษีมรดกหว่า

จริงๆ ไม่ใช่หรอกเพราะเงินมันเยอะ คำตอบก็คือ อิจฉาอะดิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นเอง
บันทึกการเข้า
mini
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407


« ตอบ #27 เมื่อ: 12-12-2006, 22:04 »

"ในสังคมที่ประเพณีประชาธิปไตยไม่ได้หยั่งรากลึกอย่างไทย
ก็ยิ่งชัดว่ากฎหมายใหม่ที่จะปรับโครงสร้าง กอ.รมน. นี้
คงไม่ต่างจากการสถาปนาอำนาจของกองทัพไว้ในการเมืองไทยอย่างมั่นคงถาวร
ไม่ต่างจากโครงสร้างของรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งคณะทหารพม่ากำลังร่างอยู่ในเวลานี้"

"การต่อสู้กับการก่อการร้ายในประเทศไทย
จึงไม่อาจจำกัดอยู่กับยุทธวิธีทางการทหารแต่อย่างเดียว
ตรงกันข้ามยุทธศาสตร์ทางการเมืองกลับมีความสำคัญกว่า
และน่าจะเป็นตัวกำหนดยุทธวิธีทางการทหารด้วยซ้ำ
การระดมกำลังราชการทั้งหมดมาดำเนินการภายใต้ทหาร
กลับชี้ให้เห็นทัศนวิสัยที่คับแคบและไร้เดียงสา
เกินกว่าจะเผชิญกับการก่อการร้ายในโลกปัจจุบันได้"

เห็นด้วยกับ อ นิธิ มากมาย
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #28 เมื่อ: 12-12-2006, 22:51 »


กรรมของการสนับสนุนคนชั่ว ก็คือแบ่งรับผลกรรมนั้นไปตามแรงฉันทาทิฐิ

ระวังไว้บ้างก็ดีนะน้องแถ
วันนี้น้องอาจ "สนุก" และ/หรือ "รักทักษิณจริง ๆ"
แต่วันข้างหน้า "กรรม" ที่น้องจะต้องรับ  มันอาจจะหนักหนาสาหัสกว่าที่น้องคิด หรือ "มากกว่าผลประโยชน์" ที่น้องกำลังรับอยู่

พี่ดูน้องอยู่ เหมือนหลายต่อหลายคนที่เห็นการโพสของน้อง
...พวกพี่จึงอยู่ใน "ฐานะของพยาน"
ที่เมื่อไหร่ "แ่ผ่นดิน"
อันไมว่าจะเป็นผู้พิทักษ์แผ่นดินดังพระสยามเทวาธิราช หรือเหล่าองค์ปฐมบรมกษัตริย์
อันไม่ว่าจะเป็นผู้พิทักษ์ความชอบธรรมอย่างพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล
จะ "เอาคืน" เำืพื่อ "รักษาสมดุลให้โลก"
...พวกพี่ย่อม "ชี้บ่ง" ว่าน้องแถก็คือหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่จะต้องรับผลกรรมนั้น

เอาง่าย ๆ แค่การ "ไม่บอกว่าตัวเองคือนายชอบแถ"
หรือ "ปกปิดตัวเองในโลกแห่งความป็นจริง"
นั่นก็จะส่งผลให้น้องแถต้องรับกรรม "ทำการอันใดก็ไม่มีใครสนใจนำพา" แล้ว

ยิ่งน้อง "สนับสนุน - ส่งเสริม" คนชั่ว และ/หรือการกระทำอันชั่ว
เช่น 
- การฆ่าตัดตอน ( ศาลเตี้ย ) ผู้ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับการค้ายา ฯ
...นี่ก็จะทำให้น้องแถต้องรับกรรม "ถูกกล่าวหาและตามปองร้าย" โดยอำนาจที่ไม่เห็นตัว
- การเบี่ยงประเด็นให้ดีเป็นชั่ว - ชั่วเป็นดี
...นี่ก็จะทำให้น้องแถต้องรับกรรม "ทำความดีแล้วกลับกลายเป็นเหตุวิบัติให้ตัวเอง" ในขณะที่ "คนอื่นทำชั่ว - ทำเลวกับน้องแถ  ใครต่อใครกลับชื่นชมส่งเสริม"
- การที่น้องแถดูหมิ่นเหยียดหยามการกล่าวขอโทษต่อญาติ ๆ เหยื่อความรุนแรงที่ พนง.จนท.ของรัฐ - สมัยนายทักษิณ  ชินวัตร เป็นผู้ลงมือกระทำ" โดย พลเอกสุรยุทธ
...นี่ก็จะทำให้น้องแถไม่ได้รับการให้อภัยจากใครเลย  หากกระทำการผิดพลาดลงประการใดก็จะมีผลแต่การลงโทษอย่างรุนแรง - ปราศจากความเมตตากรุณา
- ฯลฯ

รักจะ "เล่น" ก็อย่าลืม "ไขว้นิ้ว" ทำอิ๊บปุ๊บปั๊บ - นัยนิเสธ ไว้ด้วยก็แล้วกัน
อายุยังน้อยแถมยังไม่มีครอบครัว
หากรีบ "หากรรมใส่ตัว" ไว้แต่เนิ่น ๆ แบบนี้
ชีวิตที่เหลือจะอับเฉา - เอาไม่อยู่ ได้นา

บันทึกการเข้า

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 12-12-2006, 22:58 »

หัวข้อกระทู้มันดูเหมือนจะติด เรท ไงก็ไม่รู้แฮะ 

** เอ.. สงสัยจะโหลด bit มากไปหน่อย
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
A-NOY
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 546


« ตอบ #30 เมื่อ: 12-12-2006, 23:06 »

ผมขอเลือก ความยุติธรรมในสังคมและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง มาก่อนประชาธิปไตยครับ
ชีวิตนึ้คงไม่ได้เ้ห็นหรอกนะไอ้ที่อยากได้หนะ ตราบใดที่ประเทศไทยยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ นอกจากจะยอมรับความไม่ยุติธรรมได้และทำตัวให้อยู่ในฝ่ายที่ได้เปรียบ
ชาวบ้านข้างมากโดยมีกำลังทหารคอยอุดปากเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และยินดีปรีดาปราโมทย์
์กับสิ่งนี้ว่าเป็นความยุติธรรมในสังคมแล้ว คงต้องไปนิยามคำว่ายุติธรรมใหม่นะให้แปลว่าตูได้เปรียบถึงจะถูก
อุดปากห่าเหวอะไรเมื่อวันอาทิตย์เห็นมีหมา100-200ตัวออกไปเห่าหอนที่สนามหลวงโดยไม่มีใครไปเตะปากซักคน
บันทึกการเข้า

A-NOY
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #31 เมื่อ: 13-12-2006, 00:33 »


ยังดีกว่าปชต.แบบมีไอ้เหลี่ยมอยู่ข้างบนครับ คุณหนูเฟ็ค   

บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #32 เมื่อ: 13-12-2006, 00:47 »


กรรมของการสนับสนุนคนชั่ว ก็คือแบ่งรับผลกรรมนั้นไปตามแรงฉันทาทิฐิ

ระวังไว้บ้างก็ดีนะน้องแถ
วันนี้น้องอาจ "สนุก" และ/หรือ "รักทักษิณจริง ๆ"
แต่วันข้างหน้า "กรรม" ที่น้องจะต้องรับ  มันอาจจะหนักหนาสาหัสกว่าที่น้องคิด หรือ "มากกว่าผลประโยชน์" ที่น้องกำลังรับอยู่

เอ ทำไมวันนี้มานิ่มจังครับ กินฮอร์โมนอะไรผิดมาเหรอ ยังกะผู้หญิงหมดลายเฒ่า hardcore เลย
เราเคยคุยกันหลังไมค์นะ ลืมอะไรบ้างหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #33 เมื่อ: 13-12-2006, 01:06 »

...
เอ ทำไมวันนี้มานิ่มจังครับ กินฮอร์โมนอะไรผิดมาเหรอ ยังกะผู้หญิงหมดลายเฒ่า hardcore เลย
เราเคยคุยกันหลังไมค์นะ ลืมอะไรบ้างหรือเปล่า


เพราะผมเห็นคุณเป็น "รุ่นน้อง" น่ะสิ
ไม่ได้ลืมอะไรทั้งนั้นล่ะครับ
เพียงแต่อยากเตือน ๆ กันไว้  อย่างให้สติ

่ถ้าคุณอยากจะเล่นแบบ hardcore กับผมก็ได้นะ
...แต่ไม่มีสิทธิเปลี่ยนใจ
บันทึกการเข้า

buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #34 เมื่อ: 13-12-2006, 10:26 »

ลองเปรียบ เทียบ ตอนที่ทักษิณ อยู่ข้างบน กับ ทหาร อยู่ข้างบน ให้ดูหน่อยได้ไหมครับ จะได้รู้ว่าใคร ชั่วช้ากว่ากัน 


แต่ลิ่วล้อทักษิณ คงไม่กล้าว่านายชั่วช้าหรอกครับ คงจะเถียงว่า นายชั่วเร็ว ต่างหาก 
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #35 เมื่อ: 13-12-2006, 10:46 »

เรื่องตลกร้ายก็คือ บางกลุ่มคนบอกว่าการปกครองที่มีเผด็จการเบ็ดเสร็จในขณะนี้เป็น ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ  กร๊ากกกก....แต่พอคนส่วนมากเลือกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศแบบเบ็ดเสร็จ คนกลุ่มเดียวกันบอกว่าเป็นเผด็จการทางรัฐสภา!?!


ไม่ว่าจะมองมุมไหนในเรื่องดังกล่าว....กลุ่มคนดังกล่าวต่างหากที่น่าจะถูกกำจัดออกไปจากสังคมไทย กลุ่มคนดังกล่าวที่ชื่อ 'ปัญญาชนตีสองหน้า' ไงเล่า!!


ตามนี้เลยว่า.....


พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ : มายาคติของ ‘ปัญญาชนตีสองหน้า’   
 


รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

เราได้เห็นแล้วว่า ปัญญาชนชั้นกลางกลุ่มใหญ่อันประกอบด้วย นักวิชาการ อาจารย์และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้นำสหภาพแรงงาน นักเคลื่อนไหวองค์กรพัฒนาเอกชน ราษฎรอาวุโส ‘ผู้ดี’ รวมถึงอดีตคนเดือนตุลา ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นปกครองจารีตนิยม-ราชการ เป็น ‘ปัญญาชนขุนนางใหม่’ ที่ร่วมมือกันก่อรัฐประหาร 19 กันยายน ปัญญาชนส่วนนี้ไม่ใช่พลังประชาธิปไตย แต่เป็นพลังอำนาจนิยม เราเรียกว่า ปัญญาชนขวาจัด

 

ยังมีปัญญาชนชั้นกลางอีกส่วนหนึ่งซึ่งมีบทบาทร่วมกับปัญญาชนขวาจัดในการขับไล่รัฐบาลไทยรักไทย พวกนี้สารภาพว่า ทันทีที่ได้ยินข่าวรัฐประหาร ก็รู้สึกโล่งอก ดีใจว่า วิกฤตการณ์จบสิ้นลงเสียที ขณะเดียวกันก็แก้ตัวว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ควรหันมาร่วมมือกันปฏิรูปการเมือง ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เกิดประชาธิปไตยและป้องกันการกลับมาของนักการเมืองโกงดีกว่า’ ทั้งที่ข้อแก้ตัวดังกล่าวมีตรรกะเดียวกันกับกรณีเจ้าของบ้านถูกโจรปล้นเผาบ้านไปแล้วก็บอกกับตัวเองว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับการปล้นเผาบ้าน แต่ก็ได้เป็นไปแล้ว จึงควรหันมาร่วมมือกับโจร สร้างบ้านขึ้นมาใหม่ดีกว่า’

 

ปัญญาชนส่วนนี้ทำตัวเป็น ‘คนดีในสองโลก’ คือในโลกของชนชั้นปกครอง พวกเขาต่อต้าน ‘ระบอบทักษิณและนักการเมืองคดโกง’ แต่ในโลกของผู้ถูกปกครอง พวกเขาเรียกร้อง ‘สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย’ คนพวกนี้อยากได้รางวัลการแสดงยอดเยี่ยมจากทั้งสองค่าย เราเรียกว่า ‘พวกปัญญาชนตีสองหน้า’

 

การวิเคราะห์จะแสดงให้เห็นว่า ในกรณี 19 กันยายน คนพวกนี้ถ้าไม่ใช่ไร้เดียงสาทางการเมืองอย่างสุดกู่ ก็เป็นพวกอำนาจนิยมเช่นเดียวกับปัญญาชนขวาจัด จะต่างกันก็เพียงว่า คนพวกนี้เป็นพวกอำนาจนิยมอีแอบเท่านั้น

 

ปัญญาชนตีสองหน้ามีความเชื่อเหมือนปัญญาชนขวาจัดคือ ‘คุณธรรมนำประชาธิปไตย’ นักการเมืองต้องมีจริยธรรมสูงส่ง เสียสละ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ตน ซื่อสัตย์สุจริต รัฐธรรมนูญต้องร่างเพื่อให้ ‘คนที่ขาวสะอาด’ เข้ามาสู่การเมือง คนพวกนี้ไม่เข้าใจว่า นักการเมืองทั่วโลกทุกชาติภาษาก็เหมือนกันหมดคือ ‘เห็นแก่ประโยชน์ตน’ หลักการของประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐจึงไม่ใช่ ‘ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง’ แต่เป็นการใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายมาตีกรอบพฤติกรรมของนักการเมือง วางแรงจูงใจทางกฎหมายและมาตรการสังคมกำกับให้นักการเมืองมีพฤติกรรมและการกระทำที่ทุจริตน้อยที่สุดและประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด

 

พวกปัญญาชนตีสองหน้าเชื่อและหมกมุ่นในวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ไม่แพ้ปัญญาชนขวาจัด เห็นว่า ผู้นำรัฐบาลไทยรักไทยเป็นมหาอสุรกายจากนรก ขึ้นมาครอบงำระบบการเมืองและเศรษฐกิจอย่างเบ็ดเสร็จจนไม่มีทางออก ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญถูกทำลายเหลือแต่สัญลักษณ์ การเลือกตั้งและวิถีทางประชาธิปไตยปกติจึงไม่ใช่ทางเลือก ปัญญาชนกลุ่มนี้จึงเข้าเป็นแนวร่วมกับพวกปัญญาชนขวาจัด ปฏิเสธการเลือกตั้ง เคลื่อนไหวประท้วงขับไล่ผู้นำรัฐบาล คนพวกนี้แสร้งไม่เข้าใจว่า วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ นั้น เนื้อแท้คือมุ่งฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายประชาธิปไตย และสถาปนาระบอบอำนาจนิยม

 

แม้กลุ่มปัญญาชนขวาจัดจะได้แสดงสีสันที่เป็นอำนาจนิยมออกมาอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มการเคลื่อนไหวต้นปี 2549 ด้วยการเรียกร้องมาตรา 7 และให้มีรัฐประหาร แต่พวกปัญญาชนตีสองหน้าก็ยังหลับหูหลับตาเป็นแนวร่วมขับไล่รัฐบาลอย่างเสมอต้นเสมอปลาย โดยแก้ตัวว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 7 และรัฐประหาร แต่ต้องแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างไว้ก่อน’ ซึ่งก็คือ เชื่อว่า ระหว่างภัยรัฐประหารกับ ‘ภัยระบอบทักษิณ’ นั้น อย่างหลังอันตรายกว่า

 

พวกนี้เข้าข่ายไร้เดียงสาทางการเมืองหากเชื่อว่า พวกตนสามารถโค่นล้ม ‘ระบอบทักษิณ’ ลงโดยที่ยังรักษารัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยเอาไว้ได้ ซึ่งก็คือ เชื่อว่า พวกตนมีพลังอันเกรียงไกรที่จะสร้างความปั่นป่วนและวิกฤตจนไล่รัฐบาลออกไปได้สำเร็จโดยที่สามารถยันภัยรัฐประหารเอาไว้ได้ในขณะเดียวกัน ปัญญาชนตีสองหน้าไม่เข้าใจว่า ประชาธิปไตยไม่ได้ลอยอยู่ในสุญญากาศ หากแต่ต้องมีพลังชนชั้นหลักในสังคมสนับสนุน และก่อน 19 กันยายน พลังที่ต้องการรักษารัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยไว้เพื่อผลประโยชน์ตนก็คือ รัฐบาลไทยรักไทยของกลุ่มทุนใหม่และพลังชนชั้นล่างในเมืองและชนบท แต่พวกเขาทำเป็นไม่เห็นและยังเลือกที่จะร่วมมือกับปัญญาชนขวาจัดเพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

 

คนพวกนี้เข้าข่ายเป็นพวกอำนาจนิยมอีแอบหากประเมินว่า ‘ระบอบทักษิณ’ ที่ยังมีรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง หลักนิติรัฐ และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน (ที่แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่ถูกทำลาย) มีอันตรายและเลวร้ายยิ่งกว่ารัฐประหารที่ปกครองด้วยคำสั่ง ประกาศ ธรรมนูญการปกครอง และกฎอัยการศึก

 

ความเป็นอำนาจนิยมอีแอบของคนกลุ่มนี้ยังแสดงออกผ่านคำขวัญ ‘ไม่เอาทักษิณ ไม่เอารัฐประหาญ’ ซึ่งก็คือ ให้มีประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง แต่ถ้าทักษิณชนะเลือกตั้ง พวกตนก็จะออกมาขับไล่ทักษิณ ตรรกะดังกล่าวเป็นผลพวงของวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ที่เชื่อว่า รัฐบาลไทยรักไทยชนะเลือกตั้งด้วยการ ‘ซื้อเสียง’ ผ่านนโยบายประชานิยมที่มอมเมาและกระตุ้นความอยากบริโภคของประชาชนชั้นล่าง จึงเป็นเสียงข้างมากที่ ‘ไม่มีความชอบธรรม’

 

เอาเข้าจริง ปัญญาชนตีสองหน้ากำลังพูดว่า ‘มีประชาธิปไตย มีเลือกตั้งก็ดี แต่ต้องเลือกเฉพาะคนที่พวกฉันเห็นด้วยเท่านั้นนะ ถ้าเลือกคนอื่น ก็คือเอ็งโง่’ นี่คืออัตตาธิปไตยของปัญญาชน ซึ่งไม่ต่างอะไรเลยจากผู้ปกครองจารีตนิยม-ราชการ และปัญญาชนขวาจัด

 

ธาตุแท้ที่เป็นอำนาจนิยมอีแอบของปัญญาชนตีสองหน้ายังแสดงออกผ่านวาทกรรมและภาษาที่ใช้ในบทความและเสวนาน้ำท่วมทุ่งของพวกเขา ซึ่งเต็มไปด้วยการเหยียดหยามและด่าทอนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งอย่างหยาบคาย แต่สุภาพอ่อนโยน อ่อนน้อม อ้อมค้อม ระมัดระวังเมื่อกล่าวถึงผู้ปกครองและพวกจารีตนิยม-ราชการ ซึ่งสะท้อนทัศนะเดียวกันกับปัญญาชนขวาจัดคือ นักการเมืองมีแต่สกปรกคดโกงน่ารังเกียจ ส่วนพวกผู้ดี ราชการ และปัญญาชนนั้นมีคุณธรรมจริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต น่ากราบไหว้

 

ด้วยวาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ของพวกปัญญาชนตีสองหน้าและการเป็นแนวร่วมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลมาแต่ต้น โดยทำเป็นไม่เห็นสีสันอำนาจนิยมของปัญญาชนขวาจัดและภัยรัฐประหาร พวกเขาจึงมีส่วนรับผิดชอบต่อรัฐประหาร 19 กันยายนอย่างเต็มที่ การที่พวกเขาออกมาทำหน้าไร้เดียงสาประกาศว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร’ จึงเป็นการแก้เกี้ยว ไม่ให้ตัวเองแปดเปื้อนมลทินอำนาจนิยมมากเกินไป โดยนึกว่า ใคร ๆ  เขาล้วนมีความจำสั้นกันหมด

 

ภายหลัง 19 กันยายน ปัญญาชนตีสองหน้าก็ยังคงแสดงความเป็นอำนาจนิยมอีแอบอย่างต่อเนื่องผ่านท่าทีที่มีต่ออำนาจรัฐประหารอีกด้วย แม้หน้าฉากจะบอกว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร’ แต่กลับยอมรับหน้าตาเฉยว่า ‘รัฐธรรมนูญ 2540 ถูกฉีกไปแล้ว มาช่วยกันร่างฉบับใหม่ดีกว่า’ ซึ่งก็เป็นสิ่งเดียวกับที่คณะรัฐประหารต้องการนั่นเอง กิจกรรมสุดโปรดที่คนพวกนี้ทำกันอย่างคึกคักในขณะนี้จึงเป็นการตั้งเวทีสัมมนาอภิปราย แสดงความเห็น รวบรวมข้อคิดในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อนำเสนอต่อผู้มีอำนาจ ในข้อนี้ พวกเขาคงต้องไร้เดียงสาอย่างสุดบรรยายด้วยหากเชื่อว่า จะสามารถมีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อทิศทางและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่างขึ้นภายใต้อำนาจรัฐประหาร

 

ข้อนี้ยังพิสูจน์ว่า ปัญญาชนตีสองหน้ามีธาตุแท้เป็นอำนาจนิยมอีแอบที่สนับสนุนรัฐประหารด้วย การที่พวกเขาไม่ปฏิเสธรัฐประหาร แต่สนับสนุนให้ ‘ปฏิรูปการเมืองและร่างรัฐธรรมนูญใหม่’ สะท้อนว่า พวกนี้ยังคงเชื่อว่า ปัญหาหลักไม่ใช่รัฐประหารและระบอบอำนาจนิยม ไม่ใช่การเข้ามารวบและสืบทอดอำนาจโดยกลุ่มจารีตนิยม-ราชการ แต่เป็นนักการเมืองคดโคงที่มาจากการเลือกตั้ง ภารกิจสำคัญจึงเป็น ‘ปฏิรูปการเมืองเพื่อป้องกันนักการเมืองโกงกลับมา’ ไม่ใช่การขจัดอำนาจนิยมของราชการ พวกเขาเห็นพวกจารีตนิยม-ราชการเป็นกัลยาณมิตรมิตรที่อาจเข้าไปพูดคุยและผลักดันให้ร่าง ‘รัฐธรรมนูญที่ดี’ ออกมาได้ แต่เห็นนักการเมืองเลือกตั้งเป็นศัตรูและเห็นประชาชนชั้นล่างส่วนข้างมากของประเทศที่ลงคะแนนสนับสนุนนักการเมืองว่า ‘ถูกมอมเมาด้วยประชานิยม เป็นเครื่องมือนักการเมือง และไม่มีวันเป็นพลังประชาธิปไตย’

 

ปัญญาชนตีสองหน้าไม่เข้าใจว่า ความขัดแย้งหลักในวันนี้ไม่ใช่ระหว่าง ‘ระบอบประชาธิปไตย’ กับ ‘นักการเมืองโกง’ แต่เป็นการต่อสู้ทางชนชั้นและการต่อสู้สองแนวทางอันแหลมคมระหว่างระบอบอำนาจนิยมแฝงเร้นของพันธมิตรจารีตนิยม-ราชการ-ปัญญาชนขวาจัดและกลุ่มทุนเก่าด้านหนึ่ง กับ ‘ระบอบประชาธิปไตยมหาชน’ ของพันธมิตรประชาชนชั้นล่างในเมืองและชนบท-ปัญญาชนประชาธิปไตยและกลุ่มทุนใหม่ในอีกด้านหนึ่ง

 

การที่ปัญญาชนตีสองหน้าในวันนี้ยังเสนอว่า ‘ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่เห็นด้วยให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อลงโทษนักการเมือง’ จึงสะท้อนความเป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอมของพวกเขาได้อย่างหมดเปลือก

 

ความจอมปลอมของคนพวกนี้ยังเห็นได้ชัดจากการที่พวกเขาประณามหยามเหยียดนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งว่า ‘ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนเพราะโกงและซื้อเสียง’ แต่กลับสมอ้าง เรียกตัวเองอย่างสนิทใจว่า เป็น ‘ตัวแทนภาคประชาชน’ และความคิดเห็นของตนเป็น ‘ความเห็นของประชาชน’ ทั้ง ๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้เรื่องและไม่เคยแต่งตั้งคนพวกนี้ให้เป็น ‘ตัวแทน’ แต่อย่างใด ไม่ว่าในทางใด

 

ปัญญาชนตีสองหน้าจึงมีเนื้อแท้ที่เหมือนปัญญาชนขวาจัดมากกว่าที่เห็นจากภายนอก เพราะพวกเขามีลักษณะสำคัญร่วมกันคือ มีสถานะเป็นพวก ‘ขุนนางใหม่’ ในระบบสังคมการเมืองไทยปัจจุบันเช่นเดียวกัน ในทางการเมือง พวกเขาจึงหวาดระแวงการเมืองแบบเลือกตั้งและเกลียดชังนักการเมือง ในทางเศรษฐกิจ พวกเขาปฏิเสธทุนนิยมโลกาภิวัฒน์

 

แต่คนพวกนี้อาจเป็นอันตรายยิ่งกว่าปัญญาชนขวาจัด เพราะเป็นพวกที่คอยปล่อยม่านควัน สร้างความสับสน อ้างตัวเป็นทั้ง ‘ฝ่ายจริยธรรม’ และ ‘ฝ่ายประชาชน’ ยกตนสูงส่งเหนือผู้อื่น โทษทุกคนรอบตัว เริ่มด้วยการโทษทักษิณ โทษประชาชนที่เลือกทักษิณ โทษความขาดแคลนในชนบทที่ทำให้ประชาชนเลือกทักษิณ โทษนักการเมืองโกง โทษรัฐธรรมนูญ หาว่าทั้งหมดนี้ทำให้เกิดรัฐประหาร จากนั้นก็โทษคนที่ต้านรัฐประหารและต้านรัฐธรรมนูญใหม่ว่า ‘ขัดขวางการปฏิรูปการเมือง’ แต่คนพวกนี้ไม่เคยโทษตัวเองเลยว่า เป็นตัวการสำคัญอย่างให้อภัยไม่ได้ที่นำมาซึ่งรัฐประหาร 19 กันยายน

 

 


 

ตีพิมพ์ครั้งแรก เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549

 
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #36 เมื่อ: 13-12-2006, 11:21 »

พวกนักวิชาการบางคนกับคนในขบวนการคนหัวเหลี่ยมที่ร้องแรกแหกกระเฉอว่า ทักษิณก็ไม่เอา รัฐประหารก็ไม่เอานั้น นอกจากจะดีแต่พูด อวดโอ่ว่าเป็นผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยแบบงี่เง่า ได้ทำอะไรมากกว่านี้หรือ ?  คิดได้เพียงแค่ต้องปล่อยให้จอมมารหน้าเหลี่ยมมันปล้นชาติต่อไปหรืออย่างไร จนกว่าไม่มีแผ่นดินจะอยู่ถึงจะรู้สึกกระมัง  Mr. Green หรือเกิดเหตุการณ์นองเลือด หรือถ้าคืนวันที่ 19 ก.ย. จอมมารหน้าเหลี่ยมมันสั่งการสำเร็จล่ะก็ ป่านนี้คงไม่มีหน้ามาอ้าปากเพ้อหาประชาธิปไตยอยู่ตามเว็บบอร์ด เว็บไซต์ หรือตามหน้าหนังสือพิมพ์หรอก

น้ำลดตอผุดให้เห็นขนาดนี้แล้ว ก็ยังเพ้อหาประชาธิปไตยแบบโง่เง่าบ้าคลั่งฟั่นเฟือนไม่เลิกรา  สมกับที่เค้าเรียกว่า พวกหนอนตำราโง่งม หนอนตำราคร่ำครึ 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กาแฟดำ : ธนกิจการเมือง...ที่ปล้นชาติไปเป็นหมื่นแสนล้านยังเป็นแค่'ยอดภูเขาน้ำแข็ง'

8 ธันวาคม 2549 น.

คำว่า 'ธนกิจการเมือง ' มีความหมายชัดเจนในตัวมันเอง นั่นคือคนมาเล่นการเมืองเพื่อหวังจะสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง และคนรอบข้าง

ระบอบทักษิณ เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการสร้าง 'เจ้าสัวธนกิจ ' อันหมายถึงตัวเอง คนรอบข้าง รัฐมนตรีของตน และพ่อค้าวาณิชที่รับใช้นโยบายของตน เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนและตัวพ่อค้าที่เข้าไปเสริมบารมี และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้นำการเมืองที่มาจากความเป็นพ่อค้าสามารถกุมอำนาจทางการเมืองต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

งานวิจัยล่าสุดของ อาจารย์สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ แห่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI (ที่ทักษิณ เคยประกาศเป็นศัตรูทางการเมืองอย่างเปิดเผยมาก่อน เพราะมีจุดยืนเป็นอิสระและไม่กลัวที่จะวิจัยประเด็นการฉ้อฉลของนักการเมืองระดับผู้นำของประเทศ) ยืนยันในสิ่งที่คนไทยจำนวนมากได้ตั้งข้อสงสัยมาช้านานแล้ว

นั่นคือความเสียหายอันเกิดจากนโยบายและมาตรการของรัฐสมัยทักษิณ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดโทรคมนาคมเช่นเอื้อให้ธุรกิจสามารถเอาเปรียบผู้เสียภาษี (อย่างคุณและผมและอีก 60 กว่าล้านคน) ในลักษณะต่างๆ เช่น การได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้หรือการอุดหนุนอื่นๆ ของรัฐ โดยไม่ได้คิดค่าเสียหายต่อเนื่องไปในอนาคตพบว่าน่าจะสูงถึง 71,000 ล้านบาท (เจ็ดหมื่นหนึ่งพันล้านบาท)

เจ็ดหมื่นหนึ่งพันล้านบาทนี่เป็นเพียงความเสียหายโดยประมาณที่เกิดขึ้นจากนโยบายเกี่ยวกับตลาดโทรคมนาคมโดยตรง ไม่นับความเสียหายของคนไทยในเรื่องที่คนในครอบครัวพยายามหลบเลี่ยงภาษีอีกหลายหมื่นล้านบาท

ไม่นับความเสียหายของคนใกล้ชิดและเครือญาติที่เข้ามา 'กินกันอย่างใหญ่โตมโหฬาร ' ในธุรกิจด้านต่างๆ อีกเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท

นี่เป็นเพียง 'ยอดภูเขาน้ำแข็ง ' ของความเสียหายที่แท้จริงของระบอบทักษิณ เพราะความเสียหายจากนโยบาย และมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาลทักษิณ อีกมหาศาลนั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ และรอการสอบสวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อีกมากมายหลายเรื่องเหลือเกิน

แต่เหล่าบรรดา 'เจ้าสัว ' หรือ tycoon ที่ได้ร่วมในการแสวงหาประโยชน์จากระบอบทักษิณนั้นก็น่าสนใจ เพราะจากการวิจัยชิ้นเดียวกันนี้แสดงว่าบรรดาตระกูลนักธุรกิจขนาดใหญ่ที่ว่านี้ที่มีทรัพย์สินรวมมากที่สุด 100 อันดับแรกนั้นมี 13 ตระกูลที่มีสมาชิกลงสมัครในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2543

และจาก 13 ตระกูลนี้ มี 10 ตระกูลที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานจากหน่วยงานรัฐ

อาจารย์สมเกียรติ ยังพบจากการวิจัยเจาะหาข้อมูลว่าตระกูลที่มีสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งมีรายได้จากสัมปทานเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 22.9 ของรายได้ทั้งหมด

ซึ่งมากกว่าตระกูลที่สมาชิกไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่มีรายได้จากสัมปทานเพียงร้อยละ 2.5

เมื่อตระกูลของผู้นำเองก็ยังป้วนเปี้ยนทำธุรกิจที่ส่อไปในทาง 'ทับซ้อนผลประโยชน์ ' และขัดต่อหลักธรรมาภิบาลเสียเองแล้ว ถ้าคุณหวังให้รัฐบาลทักษิณ ปราบปรามการทุจริต และฉ้อราษฎร์บังหลวงก็เท่ากับคุณไร้เดียงสาเหลือเกินแล้ว

'ธนกิจการเมือง ' เป็นความเลวร้ายที่ให้อภัยไม่ได้เลย เพราะนั่นคือการจับมือของนักการเมืองกับนักธุรกิจเพื่อเข้ามาปล้นประเทศชาติ โดยใช้ข้าราชการที่ยอมสวามิภักดิ์และรับสินบนจากนักการเมืองที่อาศัยคราบการเลือกตั้งมาสร้างความชอบธรรมให้กับกิจกรรมฉ้อฉลของตน

บทสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้ชี้ชัดว่าบริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวกับครอบครัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ มีอัตราผลตอบแทนในปี 2546 สูงกว่าบริษัทอื่นมากถึง 141 เปอร์เซ็นต์ (มติชน, ฉบับวันที่ 7 ธันวาคม 2549)

และหุ้นของบริษัทในกลุ่ม 'เจ้าสัวธนกิจการเมือง ' (มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลทักษิณ) มีผลตอบแทนเฉลี่ย 24 เดือน (มกราคม 2544 ถึงธันวาคม 2546 และ 36 เดือน (มกราคม 2544 ถึง ธันวาคม 2547) สูงกว่าบริษัทในกลุ่ม 'เจ้าสัวนอกรัฐบาล ' ถึง 57.3 เปอร์เซ็นต์ และ 208.1 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

เห็นหรือยังว่าคนเหล่านี้เข้ามาปู้ยี้ปู้ยำประเทศชาติของคุณ และของผมไปอย่างหน้าด้านและสมควรจะต้องถูกลงโทษให้สาสมเต็มอัตราที่กฎหมายระบุไว้อย่างไร

ถ้าพวกเขายังมีหน้าต่อรองกับประชาชน และพยายาม 'ป่วน ' บ้านเมือง ก็ไม่ควรที่พวกเขาจะมีแผ่นดินจะอยู่อาศัยอีกต่อไป

ทุกวันที่ คตส. และป.ป.ช. ยังไม่สรุปการสะสางให้ประชาชนเห็นความเสียหายอันใหญ่หลวงของเหล่านักธนกิจการเมืองก็เท่ากับอีกหนึ่งวันที่สังคมไทยถูกข่มขืนและปล้นสะดม

ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความยุติธรรมที่ถูกปฏิเสธ...Justice delayed is justice denied



http://www.bangkokbiznews.com/viewOpinionNews.jsp?newsid=137932

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2006, 11:40 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #37 เมื่อ: 13-12-2006, 11:37 »

จำได้ว่ากลุ่มพันธมารท่องจำซ้ำซากว่า 'ทักษิณโกงชาติๆ' มากว่า 1 ปีแล้วนี่นา...จวบจนถึง ณ วันนี้ หลักฐานสักชิ้นก็ไม่ปรากฎในความเชื่อดังกล่าวสักนิดเดียว กลายเป็นว่าการเชื่อว่าทักษิณโกงชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์ใช่ไหม?

ตรรกะก็คือ ความมีอคติต่อคนอื่นที่ตัวเองเกลียด ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อประเทศชาติสักนิด....มันเสียเวลาและทำให้คนดีเป็นฝ่ายถูกกระทำเปล่าๆ
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #38 เมื่อ: 13-12-2006, 11:42 »

จำได้ว่ากลุ่มพันธมารท่องจำซ้ำซากว่า 'ทักษิณโกงชาติๆ' มากว่า 1 ปีแล้วนี่นา...จวบจนถึง ณ วันนี้ หลักฐานสักชิ้นก็ไม่ปรากฎในความเชื่อดังกล่าวสักนิดเดียว กลายเป็นว่าการเชื่อว่าทักษิณโกงชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์ใช่ไหม?

ตรรกะก็คือ ความมีอคติต่อคนอื่นที่ตัวเองเกลียด ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อประเทศชาติสักนิด....มันเสียเวลาและทำให้คนดีเป็นฝ่ายถูกกระทำเปล่าๆ

ลิ่วล้ออย่างพวกคุณ วัน ๆ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คงต้องรอจอมมารหน้าเหลี่ยมมันติดคุกหัวโต ถึงจะมองเห็นกระมัง  Mr. Green
พวกมีตาแต่ไร้แวว ที่แปลมาจากภาษาจีนว่า "อู่งั่งบ่อจู" 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2006, 11:46 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #39 เมื่อ: 13-12-2006, 11:56 »

จำได้ว่ากลุ่มพันธมารท่องจำซ้ำซากว่า 'ทักษิณโกงชาติๆ' มากว่า 1 ปีแล้วนี่นา...จวบจนถึง ณ วันนี้ หลักฐานสักชิ้นก็ไม่ปรากฎในความเชื่อดังกล่าวสักนิดเดียว กลายเป็นว่าการเชื่อว่าทักษิณโกงชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์ใช่ไหม?

ตรรกะก็คือ ความมีอคติต่อคนอื่นที่ตัวเองเกลียด ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อประเทศชาติสักนิด....มันเสียเวลาและทำให้คนดีเป็นฝ่ายถูกกระทำเปล่าๆ

ลิ่วล้ออย่างพวกคุณ วัน ๆ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คงต้องรอจอมมารหน้าเหลี่ยมมันติดคุกหัวโต ถึงจะมองเห็นกระมัง  Mr. Green
พวกมีตาแต่ไร้แวว ที่แปลมาจากภาษาจีนว่า "อู่งั่งบ่อจู" 



นี่คือตัวอย่างของปัญญาชนตีสองหน้าที่อาจารย์พิชิตพูดถึงครับ
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #40 เมื่อ: 13-12-2006, 13:20 »

จำได้ว่ากลุ่มพันธมารท่องจำซ้ำซากว่า 'ทักษิณโกงชาติๆ' มากว่า 1 ปีแล้วนี่นา...จวบจนถึง ณ วันนี้ หลักฐานสักชิ้นก็ไม่ปรากฎในความเชื่อดังกล่าวสักนิดเดียว กลายเป็นว่าการเชื่อว่าทักษิณโกงชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์ใช่ไหม?

ตรรกะก็คือ ความมีอคติต่อคนอื่นที่ตัวเองเกลียด ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อประเทศชาติสักนิด....มันเสียเวลาและทำให้คนดีเป็นฝ่ายถูกกระทำเปล่าๆ

ลิ่วล้ออย่างพวกคุณ วัน ๆ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คงต้องรอจอมมารหน้าเหลี่ยมมันติดคุกหัวโต ถึงจะมองเห็นกระมัง  Mr. Green
พวกมีตาแต่ไร้แวว ที่แปลมาจากภาษาจีนว่า "อู่งั่งบ่อจู" 



นี่คือตัวอย่างของปัญญาชนตีสองหน้าที่อาจารย์พิชิตพูดถึงครับ


หุหุ พวกหนอนตำราโง่งม คร่ำครึ อวดตัวว่าวิเศษเหนือกว่าผู้อื่น อุตส่าห์ใช้คำ "ปัญญาชนตีสองหน้า" มาอวดภูมิวิจารณ์ในกรณีนี้ สามารถสร้างความแตกต่างจากคนในขบวนการหัวสี่เหลี่ยมได้หรือก็หาไม่   น่ารังเกียจเสียยิ่งกว่า ลิ่วล้อจอมมารหน้าเหลี่ยมอย่างจานจ๊ะที่อาศัยเกาะบทความมาอ้างเสียอีก 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2006, 13:26 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #41 เมื่อ: 13-12-2006, 13:32 »

จำได้ว่ากลุ่มพันธมารท่องจำซ้ำซากว่า 'ทักษิณโกงชาติๆ' มากว่า 1 ปีแล้วนี่นา...จวบจนถึง ณ วันนี้ หลักฐานสักชิ้นก็ไม่ปรากฎในความเชื่อดังกล่าวสักนิดเดียว กลายเป็นว่าการเชื่อว่าทักษิณโกงชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์ใช่ไหม?

ตรรกะก็คือ ความมีอคติต่อคนอื่นที่ตัวเองเกลียด ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อประเทศชาติสักนิด....มันเสียเวลาและทำให้คนดีเป็นฝ่ายถูกกระทำเปล่าๆ

ลิ่วล้ออย่างพวกคุณ วัน ๆ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คงต้องรอจอมมารหน้าเหลี่ยมมันติดคุกหัวโต ถึงจะมองเห็นกระมัง  Mr. Green
พวกมีตาแต่ไร้แวว ที่แปลมาจากภาษาจีนว่า "อู่งั่งบ่อจู" 



นี่คือตัวอย่างของปัญญาชนตีสองหน้าที่อาจารย์พิชิตพูดถึงครับ


หุหุ พวกหนอนตำราโง่งม คร่ำครึ อวดตัวว่าวิเศษเหนือกว่าผู้อื่น อุตส่าห์ใช้คำ "ปัญญาชนตีสองหน้า" มาอวดภูมิวิจารณ์ในกรณีนี้ สามารถสร้างความแตกต่างจากคนในขบวนการหัวสี่เหลี่ยมได้หรือก็หาไม่   น่ารังเกียจเสียยิ่งกว่า ลิ่วล้อจอมมารหน้าเหลี่ยมอย่างจานจ๊ะที่อาศัยเกาะบทความมาอ้างเสียอีก 

ตายจริง...จารย์จ๊ะนี่ช่างสะเพร่าจริงๆที่ไปหลงมองว่าท่านเป็นปัญญาชน ในเมื่อท่านไม่ยอมรับว่าเป็นปัญญาชน จารย์จ๊ะก็คงต้องบอกว่าท่านนี้มีมุมมองไพร่ทางความคิดอย่างสุดขั้ว หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า pessimist นั่นเอง

เพราะหากท่านเป็นปัญญาชนแล้ว...ป่านนี้ท่านย่อมหามุมมองที่แตกต่างมาโต้กับบทความของอาจารย์พิชิตได้ซำบายๆ


โธ่...จารย์จ๊ะมีกำเจงๆที่อุตส่าห์หลงมาสนทนาธรรมกับพวกเบี้ยไพร่ไร้สกุลเถานี้ Rolling Eyes
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #42 เมื่อ: 13-12-2006, 13:54 »

งานวิจัยล่าสุดของ อาจารย์สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ แห่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI (ที่ทักษิณ เคยประกาศเป็นศัตรูทางการเมืองอย่างเปิดเผยมาก่อน เพราะมีจุดยืนเป็นอิสระและไม่กลัวที่จะวิจัยประเด็นการฉ้อฉลของนักการเมืองระดับผู้นำของประเทศ) ยืนยันในสิ่งที่คนไทยจำนวนมากได้ตั้งข้อสงสัยมาช้านานแล้ว
โธ่ หาคนที่มันเข้าท่ากว่าด๊อกสมเกือกไม่มีแล้วเหรอ สมัยตอนเป็นเด็กต่างจังหวัดเค้าคิดว่าเก่งมาก

ไม่ต้องสอบ ม.6 ก็เข้าเรียนมหาลัยได้ ไปพักที่เตรียมปีนึงแล้วลงทุนเอ็นให้มันได้ที่หนึ่งประเทศไทย

จากนั้นก็มั่วนิ่มทำเนียนจะเข้าไปเรียนจุฬาเฉยๆ บอกว่าเก่งพอแล้วมัธยมไม่ต้อง ปรากฏถูกเค้าตะเพิด

ออกมาก็ไม่ยอม ไปโวยวายกับ รมต.ศึกษาเจ้าหลักการแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้รับสภาพ

ต้องเข้าเรียนอีกปี ใครจะไปยอมให้มันโกงคนอื่นได้เอาเปรียบกันนี่หว่า ตอนนี้ไม่รู้จริยธรรม คุณธรรม

อะไรมันงอกขึ้นมาได้เที่ยวไปหาว่าคนอื่นทุจริตกันหมด ตอนตัวเองทำไม่ยอมรับตะแบงว่าถูกอยู่นั่นเอง

ไม่รู้จะเชื่อถือคนประเภทนี้ได้ยังไง แบบนี้เค้าเรียกสองหน้าด้วยมั้งเนี่ย
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #43 เมื่อ: 13-12-2006, 14:20 »

งานวิจัยล่าสุดของ อาจารย์สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ แห่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI (ที่ทักษิณ เคยประกาศเป็นศัตรูทางการเมืองอย่างเปิดเผยมาก่อน เพราะมีจุดยืนเป็นอิสระและไม่กลัวที่จะวิจัยประเด็นการฉ้อฉลของนักการเมืองระดับผู้นำของประเทศ) ยืนยันในสิ่งที่คนไทยจำนวนมากได้ตั้งข้อสงสัยมาช้านานแล้ว
โธ่ หาคนที่มันเข้าท่ากว่าด๊อกสมเกือกไม่มีแล้วเหรอ สมัยตอนเป็นเด็กต่างจังหวัดเค้าคิดว่าเก่งมาก

ไม่ต้องสอบ ม.6 ก็เข้าเรียนมหาลัยได้ ไปพักที่เตรียมปีนึงแล้วลงทุนเอ็นให้มันได้ที่หนึ่งประเทศไทย

จากนั้นก็มั่วนิ่มทำเนียนจะเข้าไปเรียนจุฬาเฉยๆ บอกว่าเก่งพอแล้วมัธยมไม่ต้อง ปรากฏถูกเค้าตะเพิด

ออกมาก็ไม่ยอม ไปโวยวายกับ รมต.ศึกษาเจ้าหลักการแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้รับสภาพ

ต้องเข้าเรียนอีกปี ใครจะไปยอมให้มันโกงคนอื่นได้เอาเปรียบกันนี่หว่า ตอนนี้ไม่รู้จริยธรรม คุณธรรม

อะไรมันงอกขึ้นมาได้เที่ยวไปหาว่าคนอื่นทุจริตกันหมด ตอนตัวเองทำไม่ยอมรับตะแบงว่าถูกอยู่นั่นเอง

ไม่รู้จะเชื่อถือคนประเภทนี้ได้ยังไง แบบนี้เค้าเรียกสองหน้าด้วยมั้งเนี่ย


คุณชอบแถครับ ผมว่าใครจะโม้แหลกราญยังไงว่าทักษิณโกงและทำลายชาติอย่างไรโดยปราศจากหลักฐานพิสูจน์ โดยเฉพาะบทความจากนสพ.ค่านNation และ ผู้จัดการนั้น...ผมมองว่า chill out ด้วยซ้ำเพราะพวกนี้เค้าไม่เคยได้รับการเอื้อเฟื้อใดๆจากรัฐบาลทักษิณทั้งๆที่อุตส่าห์ขอทำทีวีเสรีแต่ก็ไม่ได้เลยเจ็บใจเขียนด่าแหลก

ประเด็นสำคัญกว่าที่ผมมองก็คือ หากเพียงเศษเสี้ยวของข้อกล่าวหาเป็นจริง ป่านนี้ คตส. ปปช. และหน่วยงานอื่นๆภายใต้เงาทมึนของ คมช. เค้าจัดการและรับลูกนำไปเปิดประเด็นและสอบเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดไปแล้ว

และประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำไมบางคนถึงโง่ซ้ำซาก เชื่อแล้วเชื่ออีกกับข้อกล่าวหาลอยๆว่าทักษิณโกงทั้งๆที่ศาลยังไม่วินิจฉัยสักคดีนี่ซิน่าอุจาดและอุบาทว์มากกว่าพวกสื่อเฮงซวยนั่น


จารย์จ๊ะพูดกงๆแบบนี้ผิดมั้ยคุณแถที่รัก!?!
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: